Amaratto sour ถั่วที่ดื่มได้
สวัสดีกันอีกแล้วนะครับสำหรับวันศุกร์ที่ดื่มอย่างรับผิดชอบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็ได้นั่งติดตามข่าวสังคมข่าวหนึ่งซึ่งคุณๆอาจจะไม่ได้สนใจเท่าไร แต่สำหรับผมแล้วมันแปลกๆครับ คือมีข่าวว่าหญิงไทยแต่งงานกับชาวต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งอันนี้ถ้าเป็นสมัยก่อนผมว่าคุณๆและผมจะได้ยินเรื่องนี้เกิดในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศมากกว่าที่จะเกิดในตัวเมืองกรุงเทพฯครับ จากที่ผมได้ติดตามเรื่องมานานพอสมควรมันเกิดมาประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เองครับ แต่ช่วงนี้จะเห็นมากขึ้นและก็มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แถวบ้านผมเองเมื่อ 2-3 ปีก่อนไม่มีชาวต่างประเทศมาอยู่เลย แต่เดี๋ยวนี้เขาช่างกล้าที่มาอยู่ตามคอนโดโดยไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย แต่ก็ยังดีที่มีสาวๆไทยเราเป็นคนนำทางและเป็นล่ามให้ด้วย (ก็แน่ล่ะซิตา veerar แกเล่นไปอยู่ชานเมือง ใครๆก็ว่าแกเป็นบ้านนอกน่ะซิ) ที่ผมพูดถึงและติดตามข่าวนี่ไม่ได้หมายความว่า ผมอิจฉาหรือสอดรู้สอดเห็นหรอกครับ เนื่องจากผมขายอาหารและเครื่องดื่ม cocktail ผมเลยจำเป็นต้องติดตามพวกเขาไว้ และผมกำลังคิดว่าเดี๋ยวนี้ชายไทยอย่างผมขายไม่ออกแล้วหรือ??? หรือพวกเขามาเพราะบ้านเขาก็โดนพิษเศรษฐกิจเช่นกัน??? หรือเรากำลังจะโดนยึดประเทศโดยวิธีนี้??? หรือ????????????? แต่ช่างเถอะครับ เพราะพวกเขาก็มาแล้วและก็เป็นผลดีมากๆสำหรับผมด้วย
เอาล่ะครับผ่านไปสำหรับเรื่องรักๆใคร่ๆอะไรทำนองนั้นนะครับ เรามาลุยกันเรื่องเครื่องดื่มกันดีกว่า วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่อง liqueur กันก่อนเลย เพราะวันนี้เราจะเมาด้วยฤทธิ์ของ liqueur กัน คริ คริ คริ คริ ยังจำได้ไหมครับที่ผมได้พูดถึง liqueur ว่ามีอะไรบ้าง (ลองดูบทความเก่าๆของผมดูนะครับ) วันนี้ผมจะพูดถึง liqueur กลิ่นถั่วกันนะครับ
Amaratto เป็น liqueur ประเภทหนึ่งที่ให้กลิ่นของถั่วครับ ชื่อมันผมว่าน่าจะมาจาก อิตาลี เป็นการนำสารสกัดจากเมล็ดถั่วมาประสมกับ alcohol ส่วนเรื่องนี้เขานำบรั่นดีมาประสมนะครับ กลิ่นของเจ้าตัวนี้จะเป็นกลิ่นถั่ว almond บ้าง วอลนัท บ้าง (แต่ไม่มีกลิ่นถั่วลิสงนะครับ) อันนี้ก็แล้วแต่บุคคลที่ได้กลิ่นนะครับ ปริมาณ alcohol จะอยู่ที่ 28% ต่อขวดโดยประมาณครับ สีจะเป็นสีแดง รสชาติหวาน เขาจะดื่มเจ้านี่กันกับน้ำแข็งบดครับหรือจะเป็นน้ำแข็งก้อนก็ไม่ผิดกติกา และก็ใช้ในการประสม cocktail ด้วยนะครับ
ต่อไปเรามาเตรียมทำเครื่องดื่มกันครับ วันนี้เรามี
1.Amaratto 1 Oz
2.lime หรือน้ำมะนาว 1 Oz
3.syrup หรือน้ำตาละลายน้ำ ½ Oz
4.มะนาวฝานสัก 1 แว่น
อ้าว...เริ่มเขย่ากันเลยครับ
1.นำน้ำแข็งสักหนึ่งแก้วใส่ลงไปใน shaker
2.เติม Amaratto ที่เตรียมไว้ลง
3.เติมมะนาวที่เตรียมไว้ลงไปอีก
4.สุดท้ายก็น้ำตาลละลายน้ำ
5.เขย่าเด้อครับ
6.เทใส่แก้ว martini
7.ดื่มด่ำและกำซาบครับ(อ้อ...ลืมไปเสียบมะนาวฝานที่ปากแก้วด้วยครับ)
ผมมีวิธีประดับแก้วให้ชม 2 แบบแต่จะอธิบายให้ 3 แบบครับ อย่างแรกเสียบมะนาวที่ปากแก้ว (เหมือนที่เห็นไปแล้วครับ) อย่างที่สองตอนที่บีบมะนาวลงไปอย่าเพิ่งทิ้งซากมะนาวที่บีบนะครับเอามันใส่ลงในแก้วก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ประดับแก้ว (มีรูปให้ดูนะครับ) สุดท้ายให้เอาเชอร์รี่ดอง(คริ คริ เชอร์รี่ในน้ำเชื่อม)ใส่ลงไปในแก้วนี่ก็ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้สวยได้เหมือนกันครับ
ครับเครื่องดื่มแก้วนี้รสชาติเป็นอย่างไรบ้างครับ ผมหวังว่าน่าจะเปรี้ยวและหวานผสมกลิ่นของถั่วไปด้วยนะครับ (จริงๆแล้วรสชาติเหมือนดื่มน้ำจิ้มเต้าหู้ทอดใส่มะนาวนะครับ คริ คริ)อันนี้แล้วแต่คุณๆที่ได้ลิ้มลอง ถ้าไม่เคยก็แวะเข้ามาที่ร้านให้ผมประสมให้ดื่มก็ได้ครับ ไหนๆก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วผมขอโปรโมตเลยแล้วกัน สัปดาห์หน้าเราน่าจะได้พบกันแล้วครับร้านจะเปิดแล้วครับ ที่ร้านจะมี บาบีคิวสเต็ก แบบที่คุณๆต้องย่างเองและบาบีคิว(ผมเตรียมที่ให้ย่างครับ ไม่ใช่แบบหมูเกาหลีนะครับ)และเครื่องดื่ม cocktail ให้คุณๆได้ลิ้มลองขอเน้นครับ อาหารที่ร้านจะเป็นแบบปิคนิกกินกันไปแบบย่างเองและดื่มกันไป เหมือนอยู่บ้านคุณเองเลยครับ ย้ำอีกทีว่าเครื่องดื่มที่คุณๆเห็นใน blog จะอยู่ในแก้วให้คุณๆได้ดื่มกันจริงๆด้วย เดี๋ยวร้านเรียบร้อยผมจะนำภาพมาลงใน blog ร้านนะครับโปรดกรุณาติดตามชม
หลังจากที่ชมๆดูๆกันแล้ววรรคนี้ผมจะขอแนะนำการดื่มอย่างไรไม่ให้เมาครับ เมื่อไรที่คุณๆดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประสมของ alcohol หลายอย่าง ถ้าเป็นการดื่มที่บ้านก็ให้สังเกตที่ฉลากทางขวาหรือซ้ายของปลายฉลากด้านล่างครับว่าในขวดนั้นๆมี alcohol กี่%ต่อหนึ่งขวด เช่น Amaratto ที่ผมแนะนำในการทำเครื่องดื่มแก้วนี้ มี alcohol อยู่ที่ 28%ต่อหนึ่งขวด เป็นต้น แล้วถ้าดื่มที่ร้านล่ะก็ให้ bartender นำมาให้ชมครับ (ต้องเป็นร้าน cocktail เท่านั้นนะครับที่ทำได้) แต่ส่วนใหญ่แล้ว bartender ที่ประสมเครื่องดื่มให้คุณๆได้ดื่มจะนำขวดมาตั้งให้คุณได้ชมครับว่าเขาใส่ตัวนี้นะให้ดื่ม แล้วเราก็เอาไปเฉลี่ยปริมาณเอาเองนะครับว่าเขาประสมให้คุณๆดื่มต่อหนึ่งแก้วถ้าดื่มแล้วจะเมาไหม
ส่วนเรื่องดีกรี alcohol ลองเทียบดูครับเช่น เบียร์หนึ่งขวดหรือหนึ่งกระป๋อง มีปริมาณ alcohol อยู่ที่ 5%ต่อขวดหรือกระป๋อง (อันนี้เขาเขียนไว้แต่ผมว่ามันมากกว่านั้นนะครับถ้าเป็นของไทย) ถ้าเป็นเหล้าสีก็จะอยู่ที่ 35-40% ต่อขวดครับ ส่วนเหล้าสีใสหรือเหล้าขาวจะมีตั้งแต่ 28-40% ต่อขวดครับ liqueur จะมีตั้งแต่ 10-40% ต่อขวดโดยประมาณ โดยปรกติแล้วมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตในโลกจะเริ่มเมาเมื่อดื่ม alcohol เข้าไปได้สัก 20-40% (ก็สัก 2 แก้วขึ้นไป) และจะเริ่มรับ alcohol ไม่ไหวแล้วอยู่ที่ 60-100% (ก็สัก 6 ขวดขึ้นไปแล้ว นั้นถึงชีวิตครับ ไม่ได้ขู่แต่เป็นเรื่องจริง) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดื่มกันครั้งเดียวติดกันนะครับ ไม่ใช่ดื่มแล้วพักแล้วดื่มแล้วไปไหนต่อแล้วกลับมาดื่ม อันนั้นไม่นับนะครับ การสลายตัวของ alcohol จะต้องใช้เวลานานครับถึงจะหมดไปจากร่างกาย จะอยู่ที่ 15 วันครับ(นานดีไหมล่ะ อันนี้คือหมดเกลี้ยงจากร่างกายจริงๆเลยนะครับ) เออ...ผมมีข้อแก้ตัวสำหรับนักดื่มนะครับ(กลัวว่าอาจจะมีใครเข้ามาบอกว่าดื่มมากแต่ไม่เมา)อันนี้เป็นเพราะคุณดื่มเข้าไปนานหลายปีและอันก้านสมองมันเริ่มเสื่อมน่ะครับเลยทำให้คุณเมาช้า (แต่บอกไว้แล้วครับว่าพอคุณอายุมากขึ้นคุณจะสูญเสียระบบประสาทส่วนนั้นไป ปลายมือและเท้าจะชา เกิดอาการกล้ามเนื้อสั่นไม่หยุด เกิดอาการหลงๆลืมๆ ตามด้วยโรคความดันโลหิตสูง และหัวใจตบท้าย) เอาเป็นว่าดื่มแต่พองามครับ ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันด้านนี้หรอกจะดีกว่าไหมครับ สุดท้ายนี้ผมหวังว่าคุณๆที่แวะเข้ามาคงจะได้ความรู้ไปไม่มากก็น้อยนะครับ ไหนก็ว่ากันถึงภาษา ลาติน แล้วผมขอเชิญฟังเพลงจากนักร้องที่เซ็กซี่ที่สุดครับ(อ่ะๆๆๆ รอบนี้คุณผู้หญิงคงชอบใจนะครับ)และผมขอลาไปเลยนะครับ สวัสดี
//
| Create Date : 14 มีนาคม 2551 |
| Last Update : 14 มีนาคม 2551 21:47:02 น. |
|
32 comments
|
| Counter : 1569 Pageviews. |
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
ขอบคุณมากนะค๊า ที่แวะมาอวยพรวันเกิด
ขอให้สิ่งดีดี กลับไปที่ k.veerar ด้วยนะ
ว้าแต่ว่า เสียดายค็อกเทลจริงๆ นะเนี่ย มาไม่ทัน..