Life in Thailand
สวัสดีค่ะ หลังจากฉันฟังการเซ้าซี้ของบลูอยู่นาน ให้ลองหัดเขียนบันทึกเป็นภาษาไทยดูบ้าง หลังจากได้ลองเขียนแบบยาวๆ แบบนี้อยู่ถึงหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ หนึ่งสัปดาห์ของการเขียนลงบนกระดาษแล้วต้องคอยฟังเสียงหัวเราะของบลู พร้อมทั้งหมึกแดงแก้คำผิด (น้อยใจไปนานมาก) และอีก 3 วัน กับการเฝ้ามองหาตัวหนังสือบนแป้นคีย์บอร์ด เพื่อที่จะส่งบันทึกนี้เข้าโฮมเพจ
เพื่อนของฉันหลายคนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเมืองไทยมากมาย เสียจนฉันเองก็ยากที่จะตอบได้หมด แต่คำถามที่ถามมามากที่สุดคือคนไทยเป็นอย่างไร ฉันคงตัดสินคนไทยหมดทั้งประเทศไม่ได้ เพราะฉันรู้จักคนไทยรวมแล้วไม่ถึง 20 คน แต่คนที่ฉันสนิทมีเพียง 3-4 คนเท่านั้นเอง แต่ฉันบอกเพื่อนไปว่า คนไทยที่ฉันเจอ ใจดี ยิ้มง่าย และมองโลกในแง่ดีเสมอ
เพื่อนฉันทำท่าไม่เชื่อ แต่ฉันยืนยันได้ ฉันบอกไปว่า เธอลองไปเกินในสวนสาธารณะในโตเกียวดูซิ แล้วเกิดเธอเจอเด็กน่ารักกำลังเล่นกันอยู่ แล้วเธอลองไปพูดคุยกับเด็กคนนั้นดู แน่นอน ถ้ามีพ่อแม่ของเด็กอยู่แถวนั้น เขาจะรีบมาที่ตัวเด็ก แล้วอุ้มออกไปให้ห่างเธอ แล้วมองเธออย่างระแวง ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆเลยก็ได้
แต่ที่เมืองไทย ฉันเห็นใครอุ้มเด็กหน้าตาน่ารัก ไม่ว่าจะบนรถไฟ รถเมล์ หรือแม้แต่ในร้านอาหาร ฉันยิ้มให้เด็กคนนั้นได้ เอื้อมมือไปหยิกแก้มเด็กเพราะอดใจความน่ารักของเค้าไม่ได้ ได้อย่างสบาย ฉันไม่ต้องเจอกับสายตาระแวดระวังของพ่อแม่เขา และฉันยังได้รับรอยยิ้มจากพ่อแม่เขากลับมาอีกด้วย บางครั้งฉันยังได้อุ้มด้วยนะ แล้วแบบนี้จะไม่บอกว่าคนไทยมองโลกในแง่ดีได้ยังไง
เืพื่อนฉันถามว่า อาหารไทยเป็นยังไงบ้าง แพงมากมั้ย ฉันบอกพวกเขาว่า กินแทบจะทุกวัน และถูกมากๆ แต่ที่น่าอิจฉาที่สุดคือ ผลไม้เมืองไทย มีมากมาย จนเลือกกินไม่ถูก ถ้าเืพื่อนๆฉันมาเยี่ยมเมื่อไหร่่ฉันจะให้เขาลองกินทุเรียนให้ได้เลย
หลายคนบอกว่าอิจฉาฉันจังเป็นคนญี่ปุ่น คงกินอาหารญี่ปุ่นทุกวันแน่เลย ฉันเลยถามว่า อาหารญี่ปุ่นที่เค้าพูดถึงคืออะไร เขาบอกว่า ซูชิ ปลาดิบ ฉันอยากจะบอกเขาว่า ฉันเองยังกินแทบจะนับครั้งได้ เพราะมันแพงจริงๆ
พูดถึงเรื่องเมืองไทย ก็อดนึกถึงภาษาำไทยไม่ได้ ฉันว่าเป็นภาษาที่ยากจังเลย แถมยังออกเสียงยากอีก บลูเคยหัวเราะใส่ฉันหลายครั้งเวลาไปกินข้าวนอกบ้านแล้วฉันสั่งต้มยำคุณ แทนที่จะเป็นต้มยำกุ้ง
หรือแม้แต่เวลาเพื่อนฉันเองที่เป้นคนไทย บอกว่าแล้วเจอกันวันหลังนะ แรกๆฉันสงสัยจนต้องไปถามบลูว่า เจอกันวันหลัง แล้วเราจะได้เจอกันหรอ? คำตอบที่ฉันได้คือ เสียงหัวเราะของบลู (และฉันก็แอบไปงอนอยู่รอให้ง้อ) แต่ถึงอย่างไร ฉันก็อยากที่จะพูดและเขียนภาษาไทยได้ เพราะหลังจากนี้ไปที่นี่ คือที่อยู่สุดท้ายของฉัน ที่ที่ฉันจะหลับไปพร้อมกับคนรักของฉัน และจะตื่นขึ้นมาในทุกเช้า ให้ฉันได้บอกกับเธอว่า ฉันรักเธอทุกๆวัน ฉันชอบเวลาที่ฉันบอกรักเธอแล้วเธออายหน้าแดง ว้าว จะมีใครรู้มั้ยนะว่าแฟนฉันจริงๆแล้วขี้อายแค่ไหน
็Hashimoto Rin
Create Date : 20 พฤษภาคม 2551 |
|
14 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2551 20:29:22 น. |
Counter : 878 Pageviews. |
|
|
|
อ่านจบแล้วได้แต่ยิ้ม และยิ้มค่ะ
ขอให้ความรักจงเจริญ
สาว ๆ รักกันนี่ น่ารักมากที่สุดเลยนะคะ