เส้นทางชีวิต... กว่าจะถึงพันตำรวจเอก ตอนที่ ๙๓
ก่อนอื่นท่านจะต้องรู้เสียก่อนว่า บ้านช่องในเมืองชลฯ ตอนนั้น ไม่ได้ปลูกกันอยู่อย่างเมืองอื่น เมืองชลฯมีสะพานยาวทอดลงสู่ทะเล นอกจากถนนสายกลางที่มีร้านรวงเรียงรายแล้ว ก็ยังมีร้านอยู่ตามความยาวของถนนสายกลางนั้น และยังมีบ้านส่วนตัวปลูกอยู่ต่างหาก ตามแนวสะพานยาวที่ทอดออกสู่ทะเลนั้น แต่ละสะพานมีชื่อเรียกร้องกลอนสัมผัสกันไพเราะ ตั้งขึ้นโดยนายกเทศมนตรีเมืองชลฯ ผมจำชื่อนั้นไม่ได้ทั้งหมดเพราะมันนานมาแล้ว ที่ปลายสะพานยาวนั้นมักจะเป็นท่าเรือไปในตัว ชาวทะเลจะผูกเรือของเขาไว้ที่ปลายสะพานเพื่อความสะดวกในการออกทะเล เรือใครเรือมัน ไม่มีใครกลั่นแกล้งหรือลักขโมยกัน สะพานยาวนั้นเป็นสะพานค่อนข้างจะแคบ ขนาดสองคนเดินหลีกกันเครือๆ ต่างคนต่างต้องเอียงตัวตอนที่จะเดินสวนกันไป คืนวันหนึ่งนักเลงชาวเรือคนหนึ่งจะลงเรือออกทะเล เพราะเดือนหงายสว่างฟ้า นักเลงคนที่ว่านี้ เดินไปแต่ผู้เดียวผ้าคะม้าคาดพุ่ง แต่ที่ผ้าคะม้านั้นมีปืนสั้นเหน็บไปด้วย ตามวิสัยของนักเลงเมืองชลฯ เดินมาถึงกลางสะพานก็พอดีนักเลงอีกคนหนึ่งขึ้นมาจากเรือ เดินสวนมาจะขึ้นบก ทั้งคู่มาเจอกันที่กลางสะพาน ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงจะเอียงตัวหลบให้กันเดินสวนไป แต่ทั้งคู่ไม่ยอมเอียงตัวหลบให้กันต่างคนต่างยืนจ้องกันนิ่งอยู่ตรงจุดที่เดินมาพบกันนั้น เฮ้ย.. เอ็งถอยลงเรือไปก่อนซิวะ คนที่เดินจากฝั่งจะลงทะเล พูด เรือเอ็งอยู่ตรงนี้เอง มึงน่ะแหละ ถอยกลับไป นักเลงที่เพิ่งขึ้นมาจากเรือ ยืนหยัดไม่ยอมถอยลงเรือ เขาเอียงตัวหลบให้กันไม่ได้ เพราะตอนที่เอียงตัวหลบให้กันนั้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะทำอะไรก็ต้องจ้องดูเชิงกันอยู่อย่างนั้น ชาวบ้านที่ปลูกบ้านเรียงรายอยู่ข้างสะพานก็คงจะต้องแอบดูนักเลงสองคนนี้อยู่ ถ้าไม่ยังงั้น ถ้อยคำที่พูดกันก็คงจะไม่มีปรากฎในสำนวนได้ มึงไม่ถอยแน่นะ นักเลงจากฝั่งถาม นักเลงที่ขึ้นจากเรือยืนนิ่ง ไม่ถอย เป็นการยืนยันในคำพูดเดิม เออ... เอ็งเก่ง คนที่มาจากฝั่งว่าแล้วก็ล้วงปืนออกมาจากผ้าคะม้า ลั่นไกโป้งๆ ไปที่นักเลงจากเรือ นักเลงจากเรือก็ทรุดล้มลงไปกองนิ่ง แล้วนักเลงจากฝั่งก็ก้าวข้ามศพนั้นไป ไปลงเรือ แล้วจากนั้นก็ไม่ได้มาปรากฎตัวให้ใครเห็นอีกเลย นี่คือเมืองชลฯ คุณหลวงนรินทร์ฯเป็นผู้กำกับการฯ อยู่ตอนนั้น สำนวนการสอบสวนก็ต้องดำเนินไป บทสรุป คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาไม่มีทางดิ้นแล้วสำนวนนั้นก็มาสงบนิ่งอยู่ในลิ้นชักของคุณหลวงนรินทร์ฯ ไม่มีใครถามถึง แล้วมันก็มาตกอยู่ที่ผม เมื่อท่านย้ายไป ผมต้องรักษาสำนวนอันนั้นไว้ตามคำสั่ง เมื่อผู้บังคับบัญชาท่านไว้ใจถึงแม้มันจะผิดกฎหมาย ผมก็ต้องทำและผมรักคุณหวงนรินทร์ฯ เสียแล้วตอนนั้น อาจเป็นด้วยเหตุนี้ก็ได้ ที่ท่านตั้งผมรักษาการณ์แทนท่าน แทนที่จะตั้งคนอื่น ผมเผาสำนวนนั้นก่อนที่ผู้กำกับฯ คนใหม่จะมารับหน้าที่ ไม่อยากเก็นเอาไว้ ให้มันร้อนมือ ไม่ต้องยุ่งยากใจอีกต่อไป แล้วพูดกันจริงๆ นักเลงเมืองชลฯ เขาไม่แก้แค้นทางศาล เขาจะล้างกันเองโดยไม่ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ใดๆ จนบัดนี้ผมก็ไม่ทราบว่า เขาแก้แค้นกันเรียบร้อยไปแล้วหรือยัง ?
Create Date : 14 เมษายน 2560 |
Last Update : 17 เมษายน 2560 4:38:22 น. |
|
1 comments
|
Counter : 537 Pageviews. |
|
|