ผมได้โอกาสตอนที่งานมันชักเงียบๆ ผมก็ลาลงมาตัดต่อมทอนซิลเจ็ดวัน พอได้รับอนุญาต ผมก็เข้ากรุงเทพฯ เข้าโรงพยาบาลศิริราช ให้คุณหมอแดงกับคุณหมอพร จัดการเฉือนเอาต่อมทอนซิลออกทั้งสองข้าง
เรียกว่าเฉือนจริงๆ ครับ เพราะมันเจ็บปวดอย่าบอกใคร
ที่ตรงคอนั้นมันฉีดยาชาก็ไม่ได้ คุณหมอใช้ยาอะไรก็ไม่รู้ทารอบๆ ต่อมทอนซิล แล้วเอากรรไกรค่อยๆจี้ แล้วถามผมว่า ยังเจ็บอยู่ไหม มันก็เจ็บทุกทีที่จี้ลงไป
หมอจะทายามากนักก็ไม่ได้ เอากันแค่เจ็บน้อยๆ คุณหมอก็ลงมือเฉือน พอมีดเริ่มเฉือนเนื้อตรงนั้น ผมก็สะดุ้งสุดตัว มันเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก แต่คุณหมอก็ไม่ยั้งมือเสียแล้ว ท่านบอกผมว่า
เป็นตำรวจต้องทนเอาหน่อย อย่าร้อง เดี๋ยวอายพยาบาลเขานะ
ตอนนั้นก็มีพยาบาลสาวๆ มายืนอยู่ข้างๆ เก้าอี้ผ่าตัด เพื่อช่วยส่งเครื่องมือให้หมอ ผมไม่ได้นอนเตียง หมอให้นั่งบนเก้าอี้ผ่าตัด เพราะต้องอ้าปากแหงนคออยู่
ผมก็ต้องนั่งกอดอก บีบแขนทั้งสองช้างแน่น เพื่อบรรเทาความเจ็บ จะร้องก็ร้องไม่ออก เพราะปากมันอ้าอยู่ ได้แต่ส่งเสียงอืออาไปตามเรื่อง ปล่อยให้หมอเฉือนเล่นตามสบายและไอ้ต่อมทอนซิลนี่ เวลาจะเอามันออก ไม่ไช่ว่าจะตัดออกไปเฉยๆ มันต้องเลาะออกทีละชั้นละชั้น เป็นวงเวียน
คุณคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่า มันจะเจ็บแค่ไหน
เลือดที่ทะลักออกมาจากริมปากนั้นไหลเปรอะผ้ากันเปื้อนแดงฉาน พอข้างขวาหลุดออกไปได้ คุณหมอก็บอกให้พักสักครู่ แล้วซับเลือดให้ จะใช้ยาห้ามเลือดด้วยหรือเปล่าตอนนั้นผมไม่ได้คำนึงแล้ว
ผมบอกคุณหมอว่า
เอาต่อไปเถอะครับ อย่าพักเลย ตอนนี้ผมเจ็บเสียจนไม่รู้จะเจ็บยังไงอีกแล้ว คงจะไม่รู้สึกเจ็บมากกว่านี้ได้แล้วเอาเถอะครับ จะได้หมดเรื่องไป
หมอก็ลงมือต่อกับต่อมด้านซ้าย
ด้านซ้ายนี่กินเวลาไม่นาน ผมไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว ทนเอา พอเรียบร้อยทั้งสองข้าง หมอก็เอาผ้าซับเลือดก้อนเบ้อเร่อยัดเข้าไปในลำคอ ผ้านั้นมวนเป็นวงกลมแน่นหนามันจุกคอหอยจนแน่น ไม่มีทางกลืนอะไรลงไปได้
ก็ไม่รู้ว่าเขาจุกเอาไว้นานเท่าใด แล้วเขาก็เข็นผมไปเข้าห้องที่พัก