ผมมาถึงเมืองชลฯพบผู้กำกับฯ ยืนยิ้มเผล่ อยู่ที่ถนนหน้ากองกำกับฯ กลับมาทำไม คุณพุฒ ผู้กำกับฯ ร้องทัก
ญี่ปุ่นบุกแล้วครับ ผมตอบ กำลังยกพลขึ้นบกที่บางปู และตามชายทะเลอีกหลายแห่ง
ผู้กำกับฯ หัวเราะชอบใจเสียอีก
ที่นี่ ไม่เห็นมีอะไร กลับไปเที่ยวให้สบายเหอะ
เที่ยวอะไรอีกเล่าครับ ผทชักฉุน เราไม่ทำอะไรหรือครับ ถ้ามันบุกมาทางนี้
มันไม่มาหรอก ผู้กำกับฯ ของผมยังหัวเราะสบายใจ
ผมหิ้วกระเป๋าขึ้นบ้านไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย
ไม่เห็นมีใครตกอกตกใจกันสักคน
ทางศาลกลางและอำเภอก็ทำงานกันเป็นปกติ ไม่มีใครตื่นเต้น หรือเขายังไม่รู้ข่าวนี้กัน
เขาไม่ตื่นเต้นกัน ผมก็ไม่ตื่นเต้น ขึ้นบ้านพักผ่อน เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เข้าตลาดหาอะไรกิน
เมืองชลฯสงบเงียบ ไม่มีความผิดปกติอย่างใดเกิดขึ้น ไอ้ยุ่นไม่ยักสนใจที่จะขึ้นบกที่เมืองชลฯ
ใจผมน่ะคิดว่า กลับมาถึง คงได้ฟาดกับญี่ปุ่นแน่ กลับไม่มีอะไร พิลึกดี
แล้ววิทยุที่ออกอากาศให้รวมกำลังกันต่อสู้ ก็กลับประกาศยอมแพ้ญี่ปุ่น ยอมร่วมมือเป็นพันธมิตร ร่วมรบกับญี่ปุ่นไป
ในใจผมขณะนั้นเจ็บแค้นรัฐบาลมาก ที่ยอมก้มหัวให้ศัตรูง่ายๆ อย่างนั้น และผมก็คิดว่าหัวใจของคนไทยทุกผู้ คงจะรู้สึกอย่างผม การยอมแพ้ง่ายๆอย่างนั้น ไม่ใช่วิสัยคนไทย
แต่เมื่อได้คิดตริตรองดูภายหลัง จึงได้รู้ถึงความจำเป็นในการที่ต้องยอมแพ้ เพราะถ้าเราสู้ก็ต้องแหลกทั้งเมือง ไม่มีอะไรเหลือ