เยือนจีนครั้งที่ 4....>>> ฉงชิ่ง-ง้อไบ๊-เฉินตู-จิ่วไจโกว-หวงหลง <<< ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 :: เที่ยวเก็บตก...โชว์เปลี่ยนหน้ากาก...ศาลเจ้าสามก๊ก...หมีแพนด้า...ชอปปิ้ง... ::เดินทางกลับเข้าเมืองเฉินตู ...นั่งรถไกล...เมื่อยมากอีกแล้ว เข้ามาในเมือง มองวิวข้างทาง เจอสาวหมวยแต่งตัวสวยๆวันนี้ ไกด์บอกว่าจะพาไปเยี่ยม หมา แพน ดี้...หมีแพนด้า ที่ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า ที่นี่มีหมีแพนด้ามากกว่า 20 ตัว หมีแพนด้าเป็นสัตว์สงวนหายากมีกำเนิดในมณฑลเสฉวน มีลูกยากเพราะอุณหภูมิในร่างกายที่พร้อมจะตั้งท้องมีเพียง 3 วันใน 1 ปี และจะตกลูกครั้งละประมาณ 2 ตัว ตัวที่แข็งแรงเพียงตัวเดียวเท่านั้นจะอยู่รอด อาหารโปรดของหมีแพนด้าคือไผ่ลูกศร รัฐบาลจีนได้ใช้หมีแพนด้าเป็นสื่อการผูกมิตรไมตรีกับ ประเทศต่างๆเดืนเข้าไปในศูนย์ ฯ ... เจอหมีแพนด้า 2-3 ตัว ตื่นเต้นกันใหญ่นักท่องเที่ยวต่างกดชัตเตอร์น้องหมีกันทุกอิริยาบท ส่วนน้องหมีก็นั่งกินใบไผ่ แสนสุโขสโมสร ไม่สนใจสิ่งใดๆบ้างก็หลับแบบเปิดเผย มีความสุขจังบ้างก็หยอกเย้าเล่นกันสนุกสนาน.....หมีแพนด้านี่ เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มองไม่ค่อยออกว่าลืมตา หรือ หลับตา...มีแพนด้าแดงอยู่ในศูนย์อนุรักษ์ด้วย แต่ ไม่น่ารักเท่าแพนด้าขาวดำ...รูปร่าง เหมือนแมวตัวใหญ่ๆ ที่ทุกคนคุ้นเคย วาสนาจึงไม่ดี.... ไม่ได้เป็นทูตสันถวไมตรีระหว่างประเทศ...ตอนกลางคืน ไปดูโชว์เปลี่ยนหน้ากาก (Top Show of Sichuan Paradise Ethos) ซึ่งเป็นโชว์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในมณฑลเสฉวน ... เมื่อได้ชมแล้ว ทั้ง โชว์ธิเบต และ โชว์เปลี่ยนหน้ากาก สวยงามน่าชม ต่างล้วนมีศิลปะการแสดงที่น่าชมมาก ไม่ควรพลาดชมทั้งสองโชว์โชว์เปลี่ยนหน้ากาก มีศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันลึกลับดุจมายากล แต่ก่อนเคยได้รับการปกปิดเป็นความลับภายในตระกูลมาหลายชั่วอายุคน ก่อนที่จะถูกลอกเลียนแบบและแพร่หลายไปทั่วประเทศจีน ... แอบใช้กล้องจับภาพที่โชว์มาแสดงให้ดูใกล้ๆว่าเพียงเขาสะบัดหน้า หันกลับมา หน้ากาก(งิ้ว)ก็เปลี่ยนรูปไปแล้ว รวดเร็วมากจริงๆ....อู่โหวฉือ หรือ ศาลเจ้าสามก๊ก สร้างขึ้นโดยพระบัญชาของกษัตริย์แห่งอาณาจักรเฉิง ปลายราชวงศ์จิ๋น ประมาณ 1,800 กว่าปีมาแล้ว ภายใน ศาลเจ้ามีรูปปั้นเล่าปี่ ขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย พร้อมทั้ง 14 ทหารเอก และ 14 เสนาบดีเอก มีสุสานเล่าปี่และมเหสี 2 องค์ เดินเข้าไปชมด้านใน มีหลุมฝังศพของเล่าปี่ และสวนท้อจำลองที่สามพี่น้องร่วมสาบานกัน ไหว้พระที่วัด เหวินซู ซึ่งเป็นวัดพุทธ เก่าแก่ที่คงความดั้งเดิมที่สุดในนครเฉินตู และเป็นศูนย์กลางของสมาคมชาวพุทธของมณฑลเสฉวน สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง เดิมเรียกว่า วัดซินเซียง ช่วงรัชสมัยจักรพรรดิคังซี แห่งราชวงศ์ชิง (1644-1911) พระอรหันต์ซีตู้ได้เดินทางมาที่อารามแห่งนี้ และได้สร้างกระท่อมเพื่อบำเพ็ญเพียรจนสิ้นชีวิต ตำนานเล่าว่า ได้ปรากฏรูปของพระโพธิสัตว์มัญชูศรีในเปลวเพลิง ขณะที่ศพท่านถูกเผาเป็นเวลานาน ดังนั้นผู้คนจึงกล่าวขานกันว่า พระอรหันต์ชีตู้ คือ พระโพธิสัตว์มัญชูศรีกลับชาติมาเกิด วันซินเซียง ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นอารามเหวินซู นับแต่นั้นมานอกจากนี้ ที่วัดยังมีศิลปะอันล้ำค่าสมัยราชวงศ์ถังและซ้อง รวมถึงภาพเขียนกว่า 500 ชิ้น และ งานเขียนลายมือในงานสำคัญๆ ที่เก็บรักษาไว้ที่นี่เดินทางกลับสู่มหานคร ฉงชิ่ง เพื่อเตรียมเดินทางกลับกทม. ในเช้าวันรุ่งขึ้น ... ตอนกลางคืนจึงไปเดินชอปปิ้งที่ ถนนคนเดินเจี่ยฟั่งเปย ซึ่งเป็นลานอนุสาวรีย์ใจกลางเมือง แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่ยิ่งใหญ่ แหล่งชอปปิ้งร้านแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย... วันรุ่งขึ้นจึงได้เดินทางกลับด้วยสายการบินเดิม แอร์เอเซีย ... :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::: ทริปนี้เป็นทริปที่เหนื่อยที่สุด ร่างกายไม่พร้อม เดินมาก เดินขึ้นเขาสูง ภูมิประเทศที่เที่ยว ค่อนข้างโหด เป็นภูเขาสูงที่อากาศเบาบาง นั่งรถนานมากๆๆๆๆ พักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศหนาวเย็นจัด ... ทำให้ป่วยไข้ระหว่างทริป.... เมื่อกลับมาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ จึงแฮปปี้เป็นอย่างยิ่ง....:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เยือนจีนครั้งที่ 4....>>> ฉงชิ่ง-ง้อไบ๊-เฉินตู-จิ่วไจโกว-หวงหลง <<< ตอนที่ 4
ตอนที่ 4 :: จานระบายสีน้ำแสนสวย...หวงหลง...อุทยานมังกรเหลือง ::
เดินทางไปอุทยานแห่งชาติหวงหลง ต้องขึ้นเขาสูงเทียมเมฆ เลี้ยวลด คดเคี้ยวสูงชัน สวยงาม ประเทศจีนเก่งมาก ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยทำถนนอย่างดีขึ้นสู่ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี โชเฟอร์ที่ขับรถก็แน่มาก ขับดี ไม่หวาดเสียว...แต่เราคนนั่งมึนเส้นทางคดเคี้ยวไต่ระดับขึ้นที่สูง...ป่วยไปเสียแล้ว...ยิ่งสูง ยิ่งหนาว...ไม่เป็นไร เพราะเตรียมเสื้อผ้ามาพร้อมแต่ ยิ่งสูง ... ยิ่งมีออกซิเจนเบาบาง... หายใจไม่ออก...ขนาด เตรียมซื้อออกซิเจนกระป๋องจากข้างล่างมาแล้วรถจอดให้ถ่ายภาพระหว่างทาง ที่จุดชมวิว...สภาพร่างกายเริ่มไม่ไหว เดินแล้วเหนื่อยมาก ขนาดเดินแบบช้าๆๆ....ไม่เดินดีกว่า ถ่ายภาพจากในรถเอา...อุทยานแห่งชาติหวงหลง ได้เป็นดินแดนมรดกโลกทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่ง ที่มีความสวยงาม ธรรมชาติรังสรรสร้างภูมิประเทศให้เป็นแอ่งน้ำลดหลั่นกันไปลาดเขา แลดูเหมือนจานระบายสี ที่แต้มแต่งผืนป่าเขาให้งามวิจิตรพิสดารเหลือเชื่อจริงๆความงามของธรรมชาติในช่วงฤดูใบไม้ร่วง....ต้นไม้เปลี่ยนสี สีของใบไม้มีหลากหลายสีสันผสมผสานกับหิมะที่ปกคลุมอยู่บนยอดเขาที่สูงชันซึ่งเราจะสัมผัสจากที่ไหนไม่ได้ ได้แต่บรรยายความงามตามภาพเท่านั้น...เพราะ สภาพร่างกายไม่ไหว เดินแล้วเหนื่อยมาก หายใจไม่ออก จึงตัดสินใจไม่เดินขึ้นหวงหลง...รออยู่ที่รถคนเดียว 7 ชั่วโมง อยู่กับคนขับรถคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ !!!!!!!ฝากเพื่อนให้ถ่ายภาพและคลิปมาให้ดูด้วย.....หวงหลง มีความสวยงามเช่นนี้ น่าเสียดายที่ไม่ได้เดินขึ้นไปดูด้วยตาของตนเองสวยงามมากจริงๆจานระบายสีธรรมชาติที่แสนสวย.....อุทยานแห่งชาติหวงหลง หรือ อุทยานมังกรเหลือง จากลักษณะทางกายภาพของอุทยานแห่งชาติหวงหลงที่ประกอบด้วยแนวหินสีเหลืองที่เกิดจาก การจับตัวของแคลเซียมแผ่คลุมอยู่ โดยทั่วไปบริเวณสันเขา บ้างแปลงกายเป็นสระน้ำหลากสีสันที่ลดหลั่นเรียงตัวกัน ลงมาเป็นชั้นๆ เมื่อมองจากที่ห่างไกล จึงเห็นราวกับเป็นมังกรทองเหลื่อมสลับลายที่ลดเลี้ยวอยู่ท่ามกลางแมกไม้สีเขียว และเหินหาวสู่ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดปี ลำธารน้ำที่ไหลมาจากยอดเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นสายน้ำที่มีส่วนผสมของหินปูน เมื่อไหลลงสู่ที่ราบก่อเกิดเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่น้อย ทำให้หินปูนตกตะกอนเกาะตัวกันเป็นแอ่งเล็กใหญ่มากมาย เมื่อมีน้ำขัง น้ำจึงใสเรียบเหมือนกระจกที่สะท้อนภาพท้องฟ้า ภูเขาและต้นไม้ ...... ::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::กลับจากหวงหลง เดินทางสู่เมืองเม่าเสี้ยน เที่ยวเก็บตกชมโชว์เปลี่ยนหน้ากากลือชื่อ ... เที่ยววัดวาอารามโบราณ เยี่ยมชมหมีแพนด้า และชอปปิ้งนิดหน่อย...ตอนต่อไปค่ะ...:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เยือนจีนครั้งที่ 4....>>> ฉงชิ่ง-ง้อไบ๊-เฉินตู-จิ่วไจโกว-หวงหลง <<< ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 :: ใบไม้เปลี่ยนสี...จิ่วไจโกว สีสันอิริยาบทแห่งสายน้ำ...::
ตื่นแต่เช้า เดินทางไปเข้าคิว ซื้อบัตร เพื่อเข้าชมอุทยานจิ่วไจโกว ดินแดนมรดกโลก หรือที่ชาวตะวันตกเรียกขานกันในนาม ดินแดนแห่งเทพนิยาย ตั้งอยู่ใน อำเภอหนันผิง เขตปกครองตนเองของเผ่าเชียง ชนชาติธิเบตทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ภาคตะวันตกของจีน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 720 ตารางกิโลเมตร ท่ามกลางหุบเขาที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปมา โตรกธารลดเลี้ยวผ่านผาสูงและน้ำตกขนาดใหญ่ ก่อเกิดเป็นทิวทัศน์อันตระการตาโดดเด่นด้วยสีสันของภาพภูมิทัศน์โดยรอบ นักท่องเที่ยวมากมายมหาศาลล้านแปด ยืนรอกันแน่นขนัดเมื่อซื้อตั๋วได้แล้ว ต้องไปต่อคิวเพื่อขึ้นรถของอุทยานคณะเราเป็นกรุ๊ปทัวร์ นั่งเป็นรถเหมาเพื่อเข้าชมอุทยานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ได้ไปเยือน มีความงามสีสันของต้นไม้เปลี่ยนสี สีของใบไม้มีหลากหลายสีสันผสมผสานกับ ละอองหิมะที่โปรยปรายลงมาเพิ่มความงามและเสน่ห์ให้กับจิ่วไจโกวมากขึ้น ภายในอาณาบริเวณจิ่วไจโกว ประกอบด้วยภูเขาและหุบเขาอันสลับซับซ้อน เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่มีระดับพื้นดินที่ลดหลั่นจึงทำให้เกิดแอ่งน้ำน้อยใหญ่มากมายถึง 114 แอ่ง และกลุ่มน้ำตกใหญ่น้อยรวมถึง 17 กลุ่ม และแม่น้ำซึ่งไหลมาจากหุบเขารวม 5 สาย ตำนานของจิ่วไจโกว มีว่า ต้าเกอผู้อมตะและนางฟ้าอู่นัวเซอโหม่ ได้ตกหลุมรักกัน ต้าเกอ จึงได้ขัดกระจกบานหนึ่งจนวาววับด้วยกระแสลมและหมู่เมฆ ให้กับอู่นัวเซอโหม่เป็นของกำนัล แต่โชคร้ายที่อู่นัวเซอโหม่ทำหล่นและแตกเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อยถึง 108 ชิ้น ซึ่งภายหลังจึงกลายเป็นทะเลสาบทั้ง 108 แห่ง ในหุบเขาเก้าหมู่บ้านแห่งนี้ ภายในอุทยานจิ่วไจโกว จะได้เห็นน้ำในทะเลสาบที่มีสีสันพิสดารหลากหลาย ตามฤดูกาลที่แปรเปลี่ยน จนทำให้เกิดสีสันมหัศจรรย์จนได้ฉายาว่า 7 แดนเทพนิยาย การเที่ยวชม รถของอุทยานจะพาไปส่งเป็นจุดๆ แล้วให้นักท่องเที่ยวลงเดิน เลาะเลียบไปตามทะเลสาบสีแปลกตาแต่ละจุดท่องเที่ยว จะทำทางขึ้น ลง และทางเดินให้ชมทะเลสาบแห่งต่างๆได้สะดวกสบาย และรถจะไปรับที่จุดต่อไปทะเลสาบที่สวยงาม ใส ราวแผ่นกระจก มีหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบต้นอ้อ ทะเลสาบมังกรหลับทะเลสาบยาว หรือ ฉางไห่ เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ด้านบนสุดที่ระดับ 3,100 เมตร ตัวทะเลสาบมีความกว้างราว 4 กิโลเมตร ยาว 8 กิโลเมตร ทะเลสาบห้าสี ซึ่งน้ำในทะเลสาบนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล โดยมีทั้งสีฟ้า เขียว เหลือง ขาวและม่วงแดง ทะเลสาบด้านในอุทยาน จะมีความสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ จุดเที่ยวต่อไปเป็นทะเลสาบซู่เจิ้ง ทะเลสาบเสือ ทะเลสาบแรด ชมทะเลสาบหลากหลายที่มากจนจำไม่ได้ว่าที่ไหน ชื่ออะไรบ้าง... ไปชมน้ำตกนู่รื่อหลาง....น้ำตกนู่รื่อหลาง เป็นภาษาธิเบต หมายถึงเทพบุรุษหรืออาจหาญ ยิ่งใหญ่ ในที่นี้หมายถึงน้ำตกที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นน้ำตกที่มีความกว้างสุดในอุทยาน ซึ่งก็ยิ่งใหญ่ สวยงามตระการตาจริงๆ ภายในอุทยาน มีศูนย์อาหาร ภัตตาคารและร้านค้าขนาดใหญ่ไว้บริการนักท่องเที่ยว....หลังรับประทานอาหารแล้ว ก็เที่ยวต่อ คราวนี้รถวนขวา...ด้านนี้มีใบเมเปิ้นกำลังเปลี่ยนสี สวยงามใบไม้สีส้ม ตัดกับผืนน้ำสีฟ้า....ฤดูกาลที่มาเยือน เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี และร่วงหล่น ทำให้ธรรมชาติมีสีสันแต้มแต่งงดงามตระการตาหลากสีความงามของใบไม้สีเหลืองเหนือทะเลสาบมีทะเลสาบสวยงามมากมาย แต่จำไม่ได้ว่าทะเลสาบไหนชื่ออะไร ได้แก่ ทะเลสาบหงส์ ทะเลสาบไผ่ลูกศร ที่เป็นป่าไผ่ที่หมีแพนด้าชอบกิน ทะเลสาบหมีแพนด้า ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี ทะเลสาบซู่เจิ้ง ทะเลสาบเสือ ทะเลสาบแรดขากลับแวะหมู่บ้านธิเบต มีร้านค้าศิลป หัตถกรรม พื้นเมือง ที่สวยงามของชาวธิเบตขายนักท่องเที่ยว... เป็นการจบทริปเข้าชมจิ่วไจโกวในวันนี้หลังจากรับประทานอาหารค่ำแล้ว ได้เดินทางไปชมโชว์ธิเบต ที่ โรงละครจิ่วไจโกวพาราไดส์ ก่อนเข้าชม มีแจกผ้าพันคอผ้าไหมสีขาว ......โชว์นี้สวยงาม อลังการ์ ตระการตาดี ในตอนท้ายหนุ่มหล่อสาวสวยที่สุดในเขตจังหวัด อาปา จะมายืนส่งแขก พร้อมทั้งร้องรำเต้นร่วมกับแขกอย่างใกล้ชิด ชื่นชอบคนไหนก็คล้องผ้าไหมให้ รวมทั้งถ่ายรูปกับดาราที่ขึ้นชื่อของธิเบตด้วยค่ะ...ก็สนุกสนานประทับใจไปอีกแบบหนึ่ง... ... แต่ไม่รู้วิธีการ คิดว่าผ้าพันคอ เขาแจก จึงเอากลับบ้านเสียนี่....ผ้าไหมนี่สวยดีนะ....:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::ต่อไป ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติหวงหลง ต่อ...
เยือนจีนครั้งที่ 4....>>> ฉงชิ่ง-ง้อไบ๊-เฉินตู-จิ่วไจโกว-หวงหลง <<< ตอนที่ 2
ตอนที่ 2 :: เฉินตู...ความงดงามและสูญเสีย...::
...ทะเลสาบเตี่ยซี ความงามเกิดจาก ความวิปโยค...
... เมืองโบราณซงพาน อดีตถึงปัจจุบัน ที่งดงาม...เดินทางกลับเข้าเมืองเฉินตู วิวสองข้างทาง สวยงามตระการตา ภูเขา ท้องฟ้า ทะเลสาบ....เมืองเฉินตูผ่านความวิปโยค สูญเสียอย่างใหญ่หลวงจากแผ่นดินไหว เมื่อปี 2551 ปัจจุบันทางการจีนได้เร่งรัดการก่อสร้างเมืองใหม่ขึ้นทดแทนปัจจุบันทางการจีนได้เร่งรัดการก่อสร้างเมืองใหม่ขึ้นทดแทน รวมถึงเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยงทุกภูมิภาค และในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเปิดการเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปจิ่วไจโกวด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมณฑลเสฉวนของจีน เมื่อปี 2551 เกิดขึ้นเมื่อ เวลา 14.28 น.ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2551 มีศูนย์กลางอยู่ที่เขตเหวินฉวน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครเฉิงตู 90 กิโลเมตร ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน วัดความรุนแรงเบื้องต้นได้ 7.9 ริกเตอร์ และมีความลึก 19 กิโลเมตร ตัวเลขอย่างเป็นทางการ ได้ประกาศว่า มีผู้เสียชีวิต 68,516 คน บาดเจ็บ 365,399 คน และสูญหาย 19,350 คน สภาพความเสียหายที่ยังคงทิ้งร่องรอยเหลืออยู่ ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ทำลายสะพานขาดหักกลาง ปัจจุบันทางการจีนได้ตัดเส้นทางสัญจรใหม่แนวสายน้ำและกรวดหินระหว่างหุบเขาที่แผ่นดินไหวแล้วมีความรุนแรงทำลายล้างเมืองอาคารบ้านเรือนใหม่ที่สร้างขึ้นใหม่แบบทันสมัยแม่บ้านชาวจีนนั่งเล่นตากแดดท่ามกลางอากาศหนาว โดยทำงานเย็บปักถักร้อยไปด้วย ด้านหลังเป็นแปลงผักเขียวชะอุ่มไม่มีที่ตรงไหนปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า .... ชาวเมืองจะปลูกผักไว้กินกัน...เดินทางออกจากเมืองเฉินตู...เพื่อไปเยือนจิ่วไจโกว ตามโปรแกรมค่ะ....รถวิ่งไปตามแนวเทือกเขาสูงชัน , หน้าผา , หุบเขา เส้นทางคดเคี้ยว ผ่านป่าสนเลาะเลียบผ่านหมู่บ้านชาวธิเบต มีฝูงจามรีอยู่ตามสองข้างทาง ด้วยความสูงประมาณ 5,000 เมตรแวะถ่ายรูปที่ทะเลสาบเตี๋ยซี...ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีน้ำสีเขียวดั่งเทอควอยซ์บนที่ราบสูง สลับด้วยแนวทิวเขา ในความเงียบสงบ ณ ที่แห่งนั้น....เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและได้กลืนเมืองทั้งเมืองอยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้ทะเลสาบเตี๋ยซี อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2500 เมตร เกิดจากแผ่นดินไหวเมื่อ พ.ศ. 2478 ภูเขาได้ถล่มหมู่บ้าน และก้อนหินก็ได้ขวางแม่น้ำหมินเจียงคล้ายกับการสร้างเขื่อนโดยธรรมชาติ กลืนหมู่บ้านหายไป แล้วกลายเป็นทะเลสาบจนถึงปัจจุบันนี้ ชาวบ้านจูงจามรี สีขาว ขนฟูยาว สวย มารับจ้างให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพคู่ และมีเครื่องแต่งกายแบบธิเบตให้เช่าแต่งถ่ายภาพด้วย...เดินทางต่อ เพื่อไปชมเมืองโบราณซงพาน...โชเฟอร์ขับเก่งมาก ทางคดเคี้ยว ขับคนเดียวตลอดทั้งวัน ระยะทางไกลมากๆ มาเที่ยวจีนครั้งนี้ เที่ยวแต่ละที่ นั่งรถไกลมาก รวมแล้วใช้เวลานั่งรถเกือบครึ่ง เที่ยวครึ่งเมืองโบราณซงพาน เคยเป็นตลาดชายแดนและป้อมปราการทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่มีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปีถือว่าเป็นเขตแดนและตลาดชายแดนระหว่างชาวฮั่นและชาวธิเบตซึ่งชาวฮั่นจะนำใบชา ข้าวและผ้า ไปแลกม้า วัว หนังและขนสัตว์ เมืองนี้ยังรักษาสภาพเดิมอยู่ซุ้มประตูและแนวกำแพงเมืองที่สร้างตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์หมิง ซึ่งมีอายุกว่า 500 ปีอนุสาวรีย์กษัตริย์ซงจ้านกานปู้แห่งธิเบต และมเหสี (องค์หญิงเหวินเฉิน)แห่งราชวงศ์ถัง มีอายุกว่า 500 ปี เมืองโบราณซงพาน เดิมชื่อเมืองซงโจว เป็นเมืองหน้าด่านของจีนกับธิเบต ในสมัยราชวงศ์ถังและฮั่นเป็นจุดศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์และการค้า ชาวจีนจะนำใบชา ผ้าไหม ข้าว มาขายแลกกับม้า วัว และขนสัตว์ของชาวธิเบต ...กษัตริย์ซงจ้านกานปู้ ได้ส่งราชสานส์มาสู่ขอองค์หญิงกับถังไถ้จงฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ถังหลายครั้ง ฮ่องเต้ไม่อยากให้เกิดสงครามจึงส่งองค์หญิงเหวินเฉิง ผู้งดงามและฉลาดไปให้ องค์หญิงได้นำเอาความรู้ ศิลปะต่างๆ รวมถึงพุทธศาสนาไปยังธิเบต ทำให้ชาวธิเบตก็เคารพ รัก ศรัทธาในองค์หญิงเหวินเฉิงมาก แม้ภายหลัง เกิดสงครามระหว่างจีนกับธิเบต และธิเบตเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่องค์หญิงเหวินเฉิงก็ยังอยู่ในธิเบต และยังคงเป็นที่รักของชาวธิเบตสืบมา...ร้านค้าภายในเขตเมืองโบราณ ยังคงเป็นตลาดเสื้อผ้า หนัง และ ขนสัตว์ แบบดั้งเดิม...ท่าทางน่าจะอุ่น บุด้านในด้วยขนสัตว์แบบนี้หนูน้อยน่ารัก แก้มแดง จ้ำม่ำ:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::....ออกเดินทางต่อ จะได้ไปเที่ยวจิ่วไจโกวเสียที...
เยือนจีนครั้งที่ 4....>>> ฉงชิ่ง-ง้อไบ๊-เฉินตู-จิ่วไจโกว-หวงหลง <<< ตอนที่ 1
ตอนที่ 1 ::เหิรฟ้า จาก ดอนเมือง สู่ มหานคร ฉงชิ่ง...::
นัด ตี 4...เป็นทริปที่โหดมากตั้งแต่เริ่มเดินทางเลยทีเดียว.... เพราะเวลาออกของเครื่อง ไม่สวยเอามากๆ... คืนนั้น นอนแต่หัวค่ำก็ไม่หลับ ต้องตื่นมาเตรียมตัว ตี 2 ... ออกจากบ้าน ตี 3 เพื่อให้ถึงดอนเมือง ตี 4....ทั้งๆที่บ้านอยู่ห่างจากสุวรรณภูมิ เดินทาง 15 นาทีเอง....ไหน ไหน ก็ ไหน...ก็มีโอกาสได้ใช้บริการสำรวจห้องน้ำหรู...จากนั้นก็เหิรฟ้าสู่ มหานครฉงชิ่ง ตามโปรแกรมทัวร์แจ้งว่ามีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง....โดยทัวร์จัดเงินให้ซื้ออาหารบนเครื่อง สำหรับ เที่ยวไป และ เที่ยวกลับ... คนละ 300 บาท ก็เลือกเมนู แซนวิช และ น้ำโค๊ก ได้ในราคา 150 บาท พอดี เป๊ะๆๆๆ....ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง...ถึง สนามบินฉงชิ่ง ฉงชิ่ง เดิมเป็นเมืองเอกที่ขึ้นกับมณฑลเสฉวน แต่ด้วยชัยภูมิที่ตั้งที่เหมาะสม และเป็นเมืองที่มีประชากรอยู่เป็นจำนวนมาก (ปัจจุบันมีกว่า 30 ล้านคน) ในปี ค.ศ.1997 รัฐบาลจีนได้ประกาศยกฐานะฉงชิ่งเป็น 1 ใน 4 มหานครของเมืองจีนนอกจากฉงชิ่งแล้ว ก็มี เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และ เทียนสิน ขึ้นต่อรัฐบาลกลางจีนโดยตรง นั่นจึงทำให้ฉงชิ่งมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นมหานครใหญ่อันดับต้นๆ ที่มีฐานะและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดีเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นฮับสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และเมืองใหญ่ๆ ของจีนตอนล่าง จะว่าไป...ก็นับเป็นโอกาสดีเหมือนกัน ที่ได้มาเยือนฉงชิ่ง....มหานครที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียง ความเจริญรุดหน้า ตึกระฟ้ามากมาย การคมนาคมรถไฟฟ้า ใต้ดิน บนดิน ผู้คน ขวักไขว่....แออัด....กรุงเทพมหานครของเราเป็นน้องๆไปเลย...เมื่อเทียบกับมหานครฉงชิ่งย่านธุรกิจของฉงชิ่ง...เดินไม่หวัดไม่ไหว ทั้งเมื่อย และ หนาวมาก (ต้นเดือนพฤศจิกายน)เช้าวันแรก...เดินทางสู่ เมืองเอ๋อเหมยซาน(ง้อไบ๊) เพื่อสักการะ พระโพธิสัตว์ผู่เสียน(สมันตภัทร) ณ วัดเป้ากว๋อ ซึ่ง เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานาน ตั้งอยู่ที่เขาง้อไบ๊ .... เมืองเอ๋อเหมยซาน ( ง้อไบ๊ ) เปรียบเสมือนกับประตูสวรรค์ก่อนที่จะขึ้นไปสู่ยอดเขาเอ๋อเหมยซาน เอ๋อเหมยตามตำนานแปลว่า คิ้วโก่ง เพราะทิวเขามีลักษณะเหมือนคิ้ว นักพรตในลัทธิเต๋าเริ่มเข้ามาสร้างศาลเจ้าในเทือกเขาแห่งนี้ ดูจากแผนภูมิเส้นทางขึ้นเขาง๊อไบ...ได้แต่เข่าอ่อน...เมื่อเห็นรูป ไกด์บอกมีรถขึ้น และ มีกระเช้าไฟฟ้าถึง..... การเดินทางขึ้นไปมนัสการพระโพธิสัตว์ที่นี่นั้น จะต้องไปขึ้นรถท้องถิ่นที่ทางวัดจัดไว้เท่านั้น เพราะเทือกเขาสูงชัน ต้องคนขับชำนาญเส้นทาง และทางการจีนส่งเสริมการท่องเที่ยว และจัดระบบดีมาก....(ทุกอย่างดี ยกเว้นห้องน้ำ สุดยอด...ได้เข้าห้องน้ำถึงเมืองจีนจริงๆก็ทริปนี้)สภาพรถดี เป็นรถโค้ชปรับอากาศขนาดเล็ก... นักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่ เยอะมาก รอคิวนานเป็นชั่วโมงเหมือนกันสภาพเส้นทางคดเคี้ยว วก วน ไต่ขึ้นยอดเขาจินติ่ง.... ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,077 เมตร ท่ามกลางทิวทัศน์อันสลับซับซ้อนไปด้วยขุนเขาเหนือชั้นเมฆที่สวยงามดุจดั่งสวรรค์ เมื่อวาน ซึ่งเป็นวันเดินทางมา แล้วอดนอน... วันนี้ นั่งรถไกลจากฉงชิ่ง ทาง วก วนมาก แต่... เพิ่งเป็นทัวร์วันแรก ยังไม่อ้วก ยังไม่เมารถ... รถมาจอดส่งที่นี่ ลานจอดรถกว้างใหญ่.....แต่...รถมาส่งแค่เชิงเขาจินติ่งเท่านั้น!!!!!!ต้องเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขา.......สูงแค่ไหนไม่รู้ จะไหวไหมนี่......ไม่ได้เตรียมตัวมาไต่เขาแบบนี้เลย...ขาไม่ดี...สภาพร่างกายไม่พร้อม... พักผ่อนไม่พอเพียง ซื้อไม้ไผ่มาช่วยพยุง ยัน ยามก้าวเดิน... มีบริการแบกเสลี่ยงขึ้น และ ลง ... ราคาเที่ยวละประมาณ 800 บาทถามไกด์บอกเดินขึ้นไม่ไกล....เลยตัดสินใจเดินขึ้นเอง....นับเป็นการตัดสินใจที่ผิดมากกกกๆๆๆๆๆๆ สองข้างทางชุ่มชื้น เต็มไปด้วยไม้สนและเฟิร์นมีใบชาสมุนไพรชนิดต่างๆขาย...ใบชาหงจิ่งเทียน เพิ่มออกซิเจนในกระแสเลือด...ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ จึงไม่ได้สนใจถามรายละเอียด พลาดไปอีกแล้ว.....เจ้าถิ่นตัวโต... มานั่งกินอาหาร ผลไม้ที่นักท่องเที่ยวโยนให้...เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ดูวิว ธรรมชาติ สองข้างทางที่สวยงาม นักท่องเที่ยวทั่วไปใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 45 นาที ในที่สุด....ถึงที่นี่!!!!!......แต่ไม่ใช่ที่สุด................แค่เป็นสถานีไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปที่ยอดเขาสูงเทียมเมฆอีกทอด....จากที่นี่ ไม่สามารถมองเห็นยอดเขาได้เลย......!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ต่อคิวไปขึ้นกระเช้าไฟฟ้านานมากเหมือนกัน ระหว่างขึ้นกระเช้าไฟฟ้า มองไม่เห็นอะไรเลย เต็มไปด้วยละอองหมอกขาวโพลน....และมาออกที่นี่...เป็นจุดที่จะมารับประทานอาหารกลางวันกัน...มีภัตตาคารบริการนักท่องเที่ยว....ถึงที่นี่ ...ก้าวขาไม่ออกแล้ว.....มองจากหน้าภัตตาคาร เห็นองค์พระโพธิสัตว์ไกลๆ...ต้องเดินไต่เขาขึ้นไปอีกช่วง.....ก้าวขาไม่ออก...ไม่สามารถเดินขึ้นไปมนัสการพระโพธิสัตว์ได้ใกล้ชิด จึง ขอกราบมนัสการ โปรดประทานพรเพื่อความศิริมงคลแก่ลูก ณ ที่ตรงนี้...เอ๋อเหมยซานเป็น 1 ใน 4 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา (เอ๋อเหมยซาน, อู่ไถซาน, จิ่วหัวซาน, ผู่ถัวซาน) มีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับพุทธศาสนามากว่า 2,000 ปี อีกทั้งยังเป็นสถานที่ประดิษฐาน พระโพธิสัตว์ผู่เสียน หรือ สมันตภัทร ที่เชื่อกันว่าเป็นเลิศทางจริยาและ มหาปณิธาน พระใหญ่เล่อซานและเขาง้อไบ๊ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยองค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ.1966 พระโพธิสัตว์ทองคำ องค์ใหม่สูง 48 เมตร สร้างด้วยสัมฤทธิ์ทั้งองค์ พระโพธิสัตว์องค์ใหม่นี้มี 10 หน้าหมายถึงการบำเพ็ญบารมีตามเสด็จพระพุทธองค์โดยการตั้งปณิธานและการปฏิบัติ 10 ประการ ประดิษฐานอยู่บนหลังคชสาร 6 งา 4 เศียร( คัมภีร์มหายานเรียกว่าช้างฉัททันต์) เพราะถือว่าช้างเป็นสัตว์ที่ทรหดอดทน เป็นการอุปมาอุปไมยถึงการโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้ทั้งหมดว่าเป็นงานที่ยากแสนเข็ญต้องใช้ความอดทนอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเอาชนะกิเลส และตัณหาของสัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวง ขากลับลง...ยังไงก็ต้องกลับ นิ!!! ...ค่อยๆเดิน เดินลงสบายกว่าขึ้น...ลงมาถึงรถ เป็นคนสุดท้ายในกรุ๊ป...จากนั้นก็เริ่มเดินทางอันทรหดสู่ เฉินตู ต่อไป .....:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::