Welcome to Ricola ร่าเริง Bloggang
:: มิงกาลาบา พาเที่ยวพม่า <ตอนที่ 1> :: บินบูติคแอร์ไลน์ พักวังกันดอจี

มิงกาลาบา...แปลว่าสวัสดีค่ะ...

ได้มีโอกาสไปเที่ยวพม่าเมื่อคืนเดือนเพ็ญ วันลอยกระทงที่ผ่านมา (20 พ.ย.2553)

ซึ่งได้ติดตามสถานการณ์การเมืองต่างๆของพม่า พร้อมกับคิดว่าจะได้ไปเที่ยวไหมนี่...แม้วีซ่าจะผ่านแล้ว...

เป็นทริปมิตติ้งรุ่นค่ะ 20 คน สนุกมากมาย มีเพื่อนในรุ่นเป็นเจ้าภาพต้อนรับ...

ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างทุกคนในระหว่างที่อยู่ในพม่า ทั้งค่าโรงแรมที่พัก ค่าอาหารทุกมื้อ ค่ารถนำเที่ยว ค่ามัคคุเทศก์ ค่าทิป ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ฯลฯ แม้กระทั่งการทำบุญ เพื่อนยังเอาเงินจ๊าดใหม่เอี่ยมมาแจกไว้ให้ทำบุญ พร้อมยังเช่าพระแจก ให้อุ้มขึ้นเครื่องกลับบ้านอีกด้วย...




บินกับบางกอกแอร์เวย์ค่ะ นัดพบกันที่ เคาน์เตอร์ F แล้วเช็คอินเข้าไปรอที่เลาจน์ค่ะ



เลาจน์ของบางกอกแอร์เวย์ อยู่ที่ชั้น 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ ...

ผู้โดยสารทุกคนที่ถือบัตรโดยสารของบางกอกแอร์เวย์สามารถไปใช้บริการที่เลาจน์ได้หมดทุกคนค่ะ



ห้องรับรองค่ะ ยังไม่ค่อยมีผู้โดยสารมาใช้บริการ



กว้างขวาง นั่งสบายมากมีเนตบริการฟรีด้วย



ของว่าง และ กาแฟ เครื่องดื่ม เลือกบริการตนเองตามใจชอบ...อย่าลืมเลือก ข้าวต้มมัด และ พาย แสนอร่อยนะคะ



ได้เวลาขึ้นเครื่อง ต้องนั่ง Shuttle บัสไปค่ะ



ขึ้นบันไดแบบนี้ ชักอยากเดินขึ้นไปที่หน้าประตูเครื่อง แล้ว หันหลังกลับมาโบกมือยิ้มแบบนางงามจัง ฮิ ฮิ...

แต่เจ้าหน้าที่โบกมือห้ามไม่ให้ถ่ายภาพเสียนี่...ฮึ...



จุดหมายเราจะบินไปย่างกุ้งกันค่ะ คอนเฟิร์มจากจอภาพในเครื่อง อิ อิ



เนื่องจากใกล้นิดเดียว ใช้เวลาบินแค่ชั่วโมงนิดหน่อย ก็ถึงแล้ว ลูกเรือเริ่มเสิร์ฟอาหารทันที หน้าตาแบบนี้ค่ะ เป็นไก่ เที่ยวบินขากลับได้เป็นปลา อร่อยกว่าไก่ค่ะ



หม่ำเสร็จก็ถึงพอดี ... สนามบินย่างกุ้งมีชื่อเป็นทางการว่า สนามบินนานาชาติ เม็งกะลาดง ภายนอกอาคารจะเห็นงานตกแต่งเป็นรูปแบบศิลปของพม่าค่ะ



พอลงจากเครื่องก็ไปต่อแถวที่ ตม. สนามบินพม่าทันสมัยค่ะ สะอาดเอี่ยม ภายในก็คล้ายสุวรรณภูมิ เพียงแต่มีขนาดเล็ก...ห้องน้ำก็สะอาด แถมใช้ตาอิเล็คโทรนิคในการชักโครกเสียด้วย...ยอดไปเลย

อากาศ ย่างกุ้ง วันที่ไป 30-31 องศา...ฟ้าโปร่ง แดดแรงจ้าสุดๆ... และ เวลา พม่า ช้ากว่าไทย ครึ่งชั่วโมงค่ะ



ผ่าน ตม.พม่า ซึ่งค่อนข้างจะเคร่งครัดมากๆเลย ใช้เวลานานพอสมควร ใช้เจ้าหน้าที่ตรวจจุดละ 2 คน มองหน้าแล้ว มองหน้าอีก เลยยิ้มให้เสียเลย เค๊าก็ยิ้มตอบ พร้อมคืนพาสปอร์ตให้เลย...

ออกมาข้างนอก ก็มีรถโค้ชปรับอากาศมารับค่ะ



รถป้ายแดงด้วยน๊า...อิ อิ...

รถโดยสารสาธารณะของพม่าทุกคัน ทั้งรถประจำทางและแท็กซี่ ใช้ป้ายแดงหมดค่ะ แม้จะเป็นรถรุ่นที่หายสาบสูญไปจากเมืองไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว...แต่มาโผล่ที่พม่า ก็ป้ายแดงทั้งนั้น



หน้าสนามบิน มีป้ายโฆษณาของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ป้ายใหญ่เหมือนกัน...



การท่องเที่ยวประเทศพม่าส่วนใหญ่จะเป็นการไปมนัสการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นมงคล จึงควร แต่งกายสุภาพ...

และจะต้องถอดรองเท้า เดินแบฟุต เข้าไป ถุงเท้า ถุงน่อง ต้องถอดหมดค่ะ

เพราะคนพม่าถือว่าเป็นการเคารพสถานที่เพราะใต้ฐานเจดีย์แต่ละแห่งนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย บางแห่งก็ห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าด้วย...

ดังนั้นควรสวมรองเท้าที่ใส่สบายถอดง่ายค่ะ

มีผู้แนะนำให้เอาถุงพลาสติกเล็กๆพกติดตัวไปด้วยสำหรับใส่รองเท้าหิ้วไปด้วยเวลาถอด

สำหรับกลุ่มพวกเรานั้น ไกด์ให้ถอดรองเท้าไว้ในรถเลยค่ะ แล้วให้รถไปจอดส่งที่หน้าวัดหรือเจดีย์เลย ดีจังนิ...



สถานที่แห่งแรกที่ไปคือไปไหว้พระหินอ่อน ต้องซื้อดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้พระ...ยังไม่ได้แลกตังค์จ๊าดเลย...



ไกด์บอกว่าไม่เป็นไร ติดไว้ก่อน เดี๋ยวเขาจะรวบรวมเงินมาให้เอง รู้จักกันทั้งนั้น...

เลยรับดอกไม้ไปคนละกำขึ้นบันไดไปไหว้พระค่ะ



พระหินอ่อน (เจ๊าดอจี) เป็นพระพุทธรูปที่ แกะสลักจากหินอ่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า



หินอ่อนก้อนใหญ่ที่สุด และเนื้อดีที่สุด นำมาแกะสลักเป็นองค์พระ



มีน้ำหนักถึง 60 ตัน สูง 37 ฟุต แกะสลักโดยช่างชาวเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งถือว่าเป็นช่างที่ฝีมือดีที่สุดของพม่า



สาวๆพม่ามาไหว้พระกันค่ะ...น่ารักนะคะ

ชาวพม่ามักจะพาครอบครัวมาไหว้พระ ถือศีล บำเพ็ญภาวนา ทำสมาธิกันตลอด ไม่ว่าหญิงชาย คนหนุ่มคนสาว คนเฒ่า คนแก่ ลูกเล็กเด็กแดง ต่างเข้าวัดกันทั้งนั้น



จากนั้นไกด์ก็พานั่งรถชมเมืองและออกไปทางนอกเมือง...



มาจอดที่นี่...ไม่ใช่วัด แต่มีนักท่องเที่ยวมาค่ะ...



ป้ายบอกเวลา ปิด – เปิด มั๊ง...



เดินๆตามเข้าไปแล้วกัน ใส่รองเท้านะคะ อิ อิ...ไม่ได้เข้าวัดนี่นา...แดดเปรี้ยงเชียว...



โรงอะไรเอ่ย....



ชาวพม่าก็มาดูเหมือนกัน



ช้างเผือกค่ะ พม่ามีช้างเผือกหลายเชือกมาก เลี้ยงไว้ที่หลายเมือง ที่นี่ มี 3 เชือก



ช้างเผือกพม่า เผือก เป็น เผือก จริงๆ เหมือยเจ้าทุยเผือกบ้านเราเลย ตัวขาวเชียว



ตา นัยน์ตา ขนตาขาว



เชือกนี้แม้ไม่ขาวทั้งหมด แต่ถูกต้องตามลักษณะของช้างเผือก



ตู้บริจาคเงินให้ช้างเผือก แหมแบ้งค์ร้อยแดงของไทยเด่นเป็นสง่าเชี๊ยะ

สถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ในพม่ารับเงินไทยค่ะ มีทอนตังค์เป็นเงินไทยด้วยละ



ทำบุญซื้ออ้อยให้ช้างค่ะ...อิ อิ...ติดเอาไว้อีกแล้ว ไว้รวบรวมตังค์ให้ไกด์เอามาให้ทีหลัง

ซื้ออ้อยให้ช้างนี่ ประมาณว่าจะทำอะไรจะได้ง่ายๆเหมือนอ้อยเข้าปากช้าง



อันนี้ เครื่องรางของขลัง ทำจากขนหางช้างเผือก จำไม่ได้แล้วขายยังไง เพราะไม่ได้สนใจค่ะ



ใกล้ๆกันก็มีตั้งขายหมากพลูเป็นคำๆ คนพม่าชอบกินหมากกัน เวลากินหมากก็ต้องบ้วนน้ำหมากลงบนถนน เวลาเดินแบฟุตเข้าวัดต้องระวังเลี่ยงน้ำหมากด้วยค่ะ

ข้อแนะนำเวลาไปเที่ยวพม่า ควรพกทิสชูเปียกไปด้วย เพราะอากาศร้อนจัง กลับมาขึ้นรถก็ใช้ทิสชูเปียกเช็ดหน้าตาค่อยยังชั่ว...

อ๊ะ ...ยังไม่ทิ้งค่ะ เอาไปเช็ดบาทาต่อ ได้ประโยชน์สุดๆ กระดาษเช็ดดำปิ๊ดทีเดียว อิ อิ...



ไกด์พาเข้าเช็คอินที่โรงแรมกันดอจี พาเลซ กันก่อนค่ะ

เพื่อล้างหน้าล้างตาพักผ่อนนิดหน่อย แล้วรับประทานข้าวเที่ยงที่ห้องอาหารของโรงแรม



...โรงแรมสร้างด้วยไม้สัก หรู สวยงามมาก

เลยโมเมว่าได้ พักกันที่วังกันดอจี (กันดอจี พาเลซ)ค่ะ...




ฟร้อนท์ ต้อนรับ น่ารักทั้งคู่เลยค่ะ



ลอบบี้กว้างขวางสวยงาม



ตกแต่งด้วยศิลปะทั้งไทยและพม่า เพราะเป็นโรงแรมที่คนไทยได้มาลงทุนเปิดดำเนินการ

แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว แต่พนักงานบริหารก็ยังมีคนไทยอยู่ค่ะ



นักท่องเที่ยวมาพักกันแน่นทีเดียวค่ะ ที่ล้อบบี้นี้ มีเนตฟรีไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ



ทางเดินไปห้องพัก ห้องพักใช้ระบบคีร์การ์ด



เปิดประตูเข้าห้องพัก...โอ้โห...หรูซ๊ะ....



มาเที่ยวพม่า ได้นอนมุ้งค่ะ



น่านอนไหมคะ...

คืนนี้คงหลับสบายแน่ๆเลย เพราะวันนี้ตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อไปให้ทันเที่ยวบินที่ต้องเช็คอินพร้อมกันเวลา 7 โมง... เหนื่อยและง่วงเหมือนกันนะ



โต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมทีวีช่องยูบีซีไทย



ปิดม่าน เปิดไฟถ่ายภาพค่ะ

ไฟฟ้าพม่า.....แบบเดียวกับไทยค่ะ ใช้อุปกรณ์จากไทยได้ปกติค่ะ

แต่ไฟดับบ่อย จนมีคำแนะนำเขียนวางบนโต๊ะหนังสือว่า เมื่อไฟดับ สักครู่ไฟของโรงแรมจะติดค่ะ แต่เวลาเปิดแอร์ใช้เวลาสตาร์ทนานมาก 5 นาทีเชียว...



ถ่ายภาพห้องน้ำเสียหน่อย มีอุปกรณ์ครบถ้วนค่ะ

และมีน้ำดื่มให้ไว้ถึง วันละ 6 ขวดเป็นพิเศษเลย ทุกวันเวลาออกทัวร์ก็หยิบน้ำดื่มขวดนี่แหล่ะติดตัวไปดื่ม ไม่ต้องไปซื้อเลยค่ะ



อ่างอาบน้ำ แต่ไม่มีราวจับ ต้องระวังกลัวลื่นเหมือนกัน



ถ่ายภาพโรงแรมไปเรื่อยเปื่อย...



หลังคาโรงแรมก็เป็นไม้สัก



เสาไม้สักต้นใหญ่ๆ...กับสวนป่าดงดิบ



ร่มครึ้ม จนมีคุณทวดก็อดซิลล่า เดินเตาะแตะมาอาศัยอยู่ด้วยแน่ะค่ะ



ด้านหนึ่งของโรงแรมอยู่ติดกับทะเลสาบกันดอจี อันเป็นที่มาของชื่อโรงแรมค่ะ

ทะเลสาบกว้างใหญ่สวยงาม มีสะพานไม้เชื่อมระหว่างฝั่ง ที่ประชาชนชาวพม่าใช้สัญจร และตอนเช้าก็ใช้เป็นที่วิ่งออกกำลังกายกัน



อีกด้านหนึงก็เขียวชะอุ่ม



ด้านหลังโรงแรมเป็นสระน้ำธรรมชาติ... ส่องภาพถ่ายไปเรื่อยเปื่อย...เห็นอะไรไหมคะ



ซูมภาพเข้ามา...อะจ๊ากซซ์...เจอ...?!?....

ได้เวลานัดไปกินข้าวกลางวันแล้วค่ะ...อิ อิ...

ติดตามตอนต่อไปนะคะ... มาย่างกุ้ง ก็ต้องกินกุ้งย่าง ค่ะ...





-----------------------------------------------------------------------------




Create Date : 05 มกราคม 2554
Last Update : 8 มกราคม 2554 12:45:04 น. 2 comments
Counter : 5326 Pageviews.

 
ตามมาเก็บข้อมูลค่ะ

อยากไปพม่าอ้ะ แต่หาคนไปด้วยไม่ได้ ไปเที่ยวคนเดียวดีมั้ยเนี่ย ชิส์

ที่พักสวยจริงๆ ค่ะ

โห..น่าอิจฉา เพื่อนดูแลให้ตลอดการเดินทางเลย อยากมีเพื่อนอย่างนี้บ้างนิ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:11:27:00 น.  

 
สวัสดีค่ะ สาวไกด์ใจซื่อ ...ไปเที่ยวคนเดียวคงไม่ค่อยสนุกสักเท่าไร แต่สาวห้องบลูก็นิยมไปเดี่ยวเหมือนกัน ตามอ่านรีวิวแล้วพลอยตื่นไปด้วย...

สำหรับทริปพม่านี้ สนุกมากค่ะ นอกจากมีเจ้ามือจัดต้อนรับแล้ว ยังไปกับเพื่อนที่รู้ใจกันถึง 20 คนนี่...แฮปปี้มากๆ


โดย: Ricola ร่าเริง วันที่: 20 มกราคม 2554 เวลา:21:01:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ricola ร่าเริง
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





























/* This script has been disabled for Netscape 6 due to ugly scrollbar activety. Could probably be fixed with a clipped container div but can't be bothered. */ if (!isNetscape6){ num=5; //Smoothness depends on image file size, the smaller the size the more you can use! stopafter=240; //seconds!
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Ricola ร่าเริง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.