BODY ศพ # 19 : 19 เกมสยอง / 3 ดาว
ดารานำ : อารักษ์ อมรศุภศิริ และ ภัทรวรินทร์ ทิมกุล
กำกับฯ : ปวีณ ภูริจิตปัญญา
ความยาว: 115 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
หน้าหนัง ตอนแรกชวนเข้าใจว่า จะมาในทางแบบหนัง บ้านผีสิง ของ อาร์เอส. คือ เล่นเรื่องราวของหมอใหญ่ที่ฆ่าผู้หญิงคนรักของตนโดยการเฉือนหั่นศพออกเป็นชิ้น ๆ เป็นการทำลายหลักฐาน แล้วศพก็อาจจะเกิดเฮี้ยนขึ้นมาที่จะเปิดโปงคนกระทำความผิดให้ได้รบการลงโทษให้สาสม แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าจะสรุปเอาว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังผีก็อาจจะถูกแค่เพียงส่วนหนึ่ง
นี่เป็นหนังที่คงไม่ต้องเล่าเรื่องย่อ เพราะเรื่องย่อที่ฝ่าย โปรโมต แจกจ่ายออกมานั้นจริง ๆ แล้วก็ดูจะไม่ใช่เรื่องราวแท้จริงของหนัง เนื่องจากหนังเรื่องนี้มีลักษณะของการ เล่นกับคนดูและเมื่อถึงในจุดหนึ่งเรื่องก็จะพลิกผันไปจากที่เล่ามาเหล่านั้น คนที่ทำหนังแบบนี้อาจมีพื้นฐานความเชื่อว่า คนดูที่ดูหนังแบบนี้ดูแล้วอาจจะต้องมานั่งถกเถียงกับเพื่อนฝูงถึงฉากต่าง ๆ และอาจกลับมาดูหนังซ้ำใหม่อีกรอบ แต่ว่าไปแล้วนั่นอาจถูกสำหรับคนที่เป็นคอหนังพันธุ์แท้บางคนเท่านั้น แต่อุปนิสัยจริง ๆ ของคนดูหนังไทย (ที่ต้องเน้นว่า) ส่วนใหญ่ ยังชอบดูหนังอะไรที่ง่าย ๆ ไม่ต้องคิดมาก ไม่สลับซับซ้อน ซึ่งว่าไปแล้วนี่คงเป็นส่วนประกอบอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังไทยไม่ค่อยกล้าออก นอกกรอบ กันนัก
เครดิตสำคัญที่น่าเป็นส่วนชี้ให้เห็นภาพรวมของหนังได้มากกว่า นอกจากผู้กำกับฯที่สร้างชื่อมาจากคนทำมิวสิควิดีโอ (ที่มีอะไรมากกว่ามิวสิควิดีโอดาษ ๆ ทั่วไป) แล้ว น่าจะเป็นคนที่มีส่วนในการเขียนบทอย่าง ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ แห่ง 13 เกมสยอง จนบางทีก็เหมือนกับคนดูถูกจับมาเล่นเกม 19 เกมสยอง (ให้ต้องคอยตามปะติดปะต่อเรื่อง) เอาเหมือนกัน
โดยภาพรวมหนังไม่ถึงกับเดินเรื่องเร็วชนิดคนดูจะกระพริบตาขณะดูไม่ได้ ไม่งั้นจะขาดการติดตามเรื่องได้แบบที่โฆษณาเอาไว้ แล้วก็ไม่ถึงกับตรึงคนดูเสียขนาดนั้นเหมือนกัน เพราะรายละเอียดที่ไม่สมเหตุสมผลที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ฉากในช่วงแรก ๆ อย่างบทบาทการแสดงของนักแสดงสมทบที่คนดูอาจรู้สึกว่า ทำไมเหมือนแสดงออกมาไม่เป็นธรรมชาติ แสดงแข็ง ๆ หรือผู้กำกับฯจะกำกับฯไม่เก่ง อย่าง หมอจิ๊บ ที่มาทำแผลให้ ชลสิทธิ์ (อารักษ์ อมรศุภศิริ) หรือ ชลสิทธิ์ ที่ได้กระเป๋าสตางค์คนอื่นมา อย่างแรกที่น่าจะทำเมื่อกลับมาถึงบ้านก็คือ การรื้อในกระเป๋าดูทุกซอกทุกมุมว่า มีอะไรบ้าง รวมไปถึง ทำไมคนไข้มาหาจิตแพทย์หมอยังต้องลงทุนรินน้ำใส่แก้วมาให้ดื่มแทนที่จะใช้พนักงานในคลีนิคนำมาให้แบบทั่วไป และ ชลสิทธิ์ ที่นอนไม่หลับมาหลายคืน และสติสตัง ออกจะหลอน ๆ แต่ เอ๋ (อรจิรา แหลมวิไล) พี่สาวก็ยังให้เป็นคนขับรถให้นั่ง แต่เอาเข้าจริง ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และอีกหลายตอนคือ รายละเอียดที่ได้รับการ ดีไซน์ ไว้แล้ว ซึ่งหนังจะไปไขปริศนาเอาในตอนท้าย
ตัวละครส่วนใหญ่ของหนังอยู่ในระดับที่ต้องเรียกว่า ปัญญาชน คือเป็นคนในวงการแพทย์ หรือไม่ก็จะเป็นจิตแพทย์ เป็นนักจิตวิทยา เป็นอาจารย์ที่สอนนักศึกษาทางการแพทย์ แต่ในความที่ตัวละครส่วนใหญ่อยู่กับแวดวงของวิทยาศาสตร์ หนังกลับมีแรงบันดาลใจจากความเชื่อในเรื่องของพลังในการสะกดจิตที่สามารถกำหนดความเป็นไปต่าง ๆ ผูกมัดกับบางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้น และเป็นอยู่ได้ แม้ผู้สะกดจิตนั้นจะตายไปแล้วก็ตาม
หนังเด่นในแง่ของมุมกล้องที่สอดรับกับงานด้าน ซีจี. อีกต่อหนึ่ง ซึ่งทำให้หลายฉากดูหลอนตามที่หนังต้องการ และหลายตอนของหนังก็บ่งบอกว่า นี่เป็นหนังที่ลงทุนในการสร้างเรื่องหนึ่ง แต่บางฉากก็ชวนให้นึกถึงหนังฝรั่งบางเรื่อง เช่น ไนท์ แอ็ท เดอะ มิวเซียม หรือ "เดอะ ซิกซ์ เซนส์" เป็นต้น
อารักษ์ อมรศุภศิริ แห่งวง เสลอ กับหนังเรื่องแรกการแสดงที่ออกมาบวกกับ คาแรคเตอร์ เฉพาะตัวที่สะท้อนความเป็นคนรุ่นใหม่ทำให้ดูมีความสดใหม่น่าติดตาม อีกคนที่เด่นคู่กันคือ นักแสดงที่รับบทเป็น หมอสุธี หมอใหญ่ตัวละครสำคัญอีกตัว ซึ่งจะคุ้นหน้าจากบทพ่อในหนังโฆษณาบริษัทประกันชีวิตมาก่อน
บอดี้...ศพ # 19 คือ ความพยายามที่จะทำหนังผีในแบบที่มีแนวทางแปลก และแตกต่างจากหนังไทยแนวนี้ที่เคยทำมาแล้ว.