All Blog
THE EDGE OF HEAVEN ณ ชายขอบสวรรค์... ความตายนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม
THE EDGE OF HEAVEN : ความตายนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม / 4 ดาว

ดารานำ : บากี้ ดา-วราค และ เนอร์เซล โคซี่
กำกับฯ : ฟาติห์ อาร์กิ้น
ความยาว: 122 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ

โดยส่วนตัวนี่คือ หนังที่ชอบที่สุดในบรรดาหนังทั้งหมดที่ได้ดูใน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล” ครั้งที่ 5 แม้หนังอาจจะไม่ได้รางวัลอะไรจากงานครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นหนังในสายประกวดเช่นกัน ก็ไม่ว่ากัน เพราะเป็นเรื่องต่างจิตต่างใจของกรรมการ “ดิ เอดจ์ ออฟ เฮฟเว่น” เป็นงานของ ฟาติห์ อาร์กิ้น ผู้กำกับฯหนุ่มเยอรมันเชื้อสายเติร์ก ซึ่งอาจถือว่า เป็น “คลื่นลูกใหม่” ที่เป็นความหวังของวงการหนังเยอรมนีก็น่าจะได้ เขามีความเก่งกาจรอบด้าน เพราะนอกจากการเป็นผู้กำกับฯแล้ว ก็ยังเป็นนักแสดง และคนเขียนบทเองด้วย โดยเขาก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในสายของหนังประกวดในเทศกาลต่าง ๆ ของโลก (งานที่โด่งดังก่อนหน้านี้ของเขาคือ “เฮด-ออน” ที่คว้ารางวัล “หมีทองคำ” ในเทศกาลหนังเบอร์ลินปี 2004) แต่งานชิ้นนี้ก็ทำให้เขาพิชิตรางวัลบทหนังยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปีล่าสุด และนี่เหตุผลที่เลือกดูหนังเรื่องนี้แทนที่จะเป็นเรื่องอื่นที่มีโปรแกรมในช่วงเวลาเดียวกัน
“ดิ เอดจ์ ออฟ เฮฟเว่น” เหมือนมีความเป็นส่วนตัวของ อาร์กิ้น เข้าไว้ เพราะหนังพูดถึงสังคมชาวเยอรมันเชื้อสาย เติร์กหรือตุรกีแท้ ๆ โดยจะพบว่า เรื่องได้เดินอยู่ระหว่าง 2 ประเทศแบบต่างเข้า-ออกกันเป็นว่าเล่น ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วประเทศเยอรมนีก็ไม่ได้มีพรมแดนติดต่อกับประเทศตุรกีซะที่ไหน
โครงสร้างของตัวหนังเหมือนจะถูกแบ่งเป็น 2 เรื่องกับอีกครึ่งหนึ่ง 2 เรื่องที่พูดถึงเรื่องราวอันเกิดกับ 2 ครอบครัว ซึ่งมีทั้งที่ได้มาปฏิสัมพันธ์กัน และไม่ได้มารู้จักเกี่ยวข้องกัน แต่ด้วยความสามารถด้านบทของ อาร์กิ้น กลับหาจุดร่วมของเรื่องราวเหล่านี้เข้าด้วยกัน พร้อมเนื้อที่ส่วนสรุปที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งแถมท้ายเข้ามา
หนังเปิดเรื่องในครอบครัวของ เนจาต อัคสุ (บากี้ ดา-วราค) ชาวเยอรมัน-เติร์ก ซึ่งเป็นอาจารย์พิเศษสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย แต่ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อก็เหมือนความสัมพันธ์พ่อกับลูกชายทั่ว ๆ ไปคือ แม้ในใจจะมีความห่วงใยกันอยู่ แต่ก็เหมือนมีอะไรบาง ๆ มาขวางไว้ไม่ได้แสดงออกเต็มที่ พ่อของเขาเป็นชายวัยเกษียณใช้ชีวิตในโลกของเขากับเงินบำนาญสวัสดิการต่าง ๆ ที่ได้รับแต่ละเดือน จู่ ๆ วันหนึ่ง เนจาต ก็พบว่า พ่อเขาไปคว้าเอาหญิงโสเภณีสาวใหญ่ (ชาวตุรกี) รายหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านแลกกับการมีเงินเดือนให้เธอ แต่หลังการพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้ เนจาต กับเข้ากับเธอโดยไม่รู้สึกรังเกียจ แถมยังเห็นใจชีวิตเธอด้วย เมื่อพูดถึงว่าเธอมีลูกสาวคนหนึ่งที่ส่งเงินไปให้ร่ำเรียน แต่ไม่ได้เจอกัน และไม่กล้าบอกด้วยว่า เธอมีอาชีพอะไร แต่ไม่ทันที่ผู้หญิงคนนี้จะได้อยู่ที่บ้านนานสักเท่าไร เธอก็มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อของ เนจาต จนถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน และจบลงด้วยเธอกลายเป็นศพส่งกลับไปหาญาติ ๆ ที่ตุรกี และพ่อของ เนจาต ติดคุกในข้อหาฆ่าคนตาย เนจาต เดินทางไปตุรกีเพื่อร่วมงานศพ และได้รู้จักญาติ ๆ ของเธอที่นั่น และความตั้งใจของเขาก็คือ การจะค้นหาลูกสาวของสาวใหญ่รายนั้นให้เจอเพื่อส่งเสียต่อไป จน เนจาต จับพลัดจับผลูกลายเป็นเจ้าร้านหนังสือเยอรมันใช้ชีวิตอยู่ในตุรกีไป
ในทางสวนทางกับศพของแม่ เยเตอร์ ลูกสาวคนนั้นซึ่งเข้าร่วมกับขบวนการตุรกีหัวรุนแรงต่อต้านรัฐบาลในระดับแกนนำต้องหลบหนีการตามจับกุมตัวมาลี้ภัยอยู่ในเยอรมนี และจนได้รู้จัก ล็อตเต้ นักศึกษาสาวชาวเยอรมันจนขั้นกลายเป็นความรักระหว่างทั้งคู่ และพาไปอยู่ที่บ้าน แม้แม่ของ ล็อตเต้ จะแสดงออกว่า ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกสาวทำ แต่แล้ว เยเตอร์ ก็ถูกส่งตัวกลับมาเข้าคุกตุรกี ด้วยความรัก ล็อตเต้ เลือกที่เดินทางมาหา เยเตอร์ ถึงคุกตุรกีทั้ง ๆ ที่เธอไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้งในชีวิต เยเตอร์ บอกความลับเรื่องปืนพกที่เธอแอบซุกซ่อนไว้ก่อนติดคุกให้ ล็อตเต้ ช่วยไปนำมาเก็บรักษาไว้ ล็อตเต้ ตามแกะรอยจนพบปืรกระบอกนั้นจริง ๆ แต่ขณะที่เธอใส่กระเป๋าสะพายเดินออกมากลับถูกพวกเด็กตุรกีวิ่งราวชิงกระเป๋าใบนั้นไปได้ เธอไล่ตามจนเจอเด็กกลุ่มนั้น แต่เรื่องน่าเศร้าก็คือ ล็อตเต้ ถูกเด็กกลุ่มนั้นใช้ปืนกระบอกนั้นเล็งมาที่ตัวเธอจนเสียชีวิต
อาร์กิ้น ปิดองก์ที่เกี่ยวกับ ล็อตเต้ ด้วยภาพศพของเธอถูกเลื่อนขึ้นสายพานลำเลียง “โหลด” ขึ้นเครื่องบินในมุมกล้องเดียวกับศพแม่ของเยเตอร์ แต่การเคลื่อนไหวของสายพานเป็นทิศทางตรงกันข้าง แต่หลังจากนั้นหนังก็มีบทสรุปในแง่ของเป็นพ่อแม่เมื่อแม่ของเยเตอร์หลังจัดงานศพลูกสาวแล้วได้เดินทางมาตุรกี และได้พบ เนจาต ในการแลกเปลี่ยนทัศนคติมุมมองต่อกัน ซึ่งไม่เพียงแต่ เนจาต จะเป็นกำลังใจให้เธอ แต่เธอก็ทำให้ เนจาต รู้ถึงความรู้สึกแท้จริงกับพ่อของเขาด้วย
ต้องบอกว่า หนังลงตัวมาก โดยเฉพาะการแสดงของ บากี้ ดา-วราค ที่เป็นการแสดงแบบเหมnอนละลายตัวเองกับบท และช่วงที่ดีที่สุดก็คือเมื่อเขาพบกับแม่ของ ล็อตเต้ ที่แสดงโดย ฮันน่า ชายกัลล่า ดาราเจ้าบทบาทของเยอรมนี
อาร์กิ้น พยายามแสดงให้ได้ตระหนักว่า “ชายขอบแห่งสวรรค์” นั้นหรือความตายนั้นไม่ได้อยู่ห่างไกลจากชีวิตคนเราที่เกิดมาสักเท่าไร ก็เหมือนความเห็นในทางพุทธศาสนาที่บอกว่า คนเราพอเกิดจากท้องแม่ ร้องอุแว้ สูดลมหายใจเข้า มีชีวิตขึ้นมา ก็เรื่องนาฬิกาความตายติดตัวอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นพึงใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีค่าสมกับที่ยังมีลมหายใจอยู่.



Create Date : 03 สิงหาคม 2550
Last Update : 4 สิงหาคม 2550 0:33:38 น.
Counter : 1414 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

alexkh
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]