A MOMENT IN JUNE (ณ ขณะรัก) : รักเอยไม่เคยเลยลับ / 3 ดาว
ดารานำ : ชาคริต แย้มนาม และ กฤษดา สุโกศล
กำกับฯ : นัฐพล วงศ์ตรีเนตรกุล
ความยาว: 106 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
ขอยืมชื่อไทยของหนังฝรั่ง ซัมแวร์ อิน ไทม์ ที่ ดร.เสรี วงศ์มณฑา ตั้งไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนมาเป็นคำโปรยในการเขียนถึงหนังเรื่องนี้สักหน่อย นี่เป็นหนังไทยที่ได้รับเกียรติเป็นหนังฉายเปิดเทศกาลภาพยนตร์โลกกรุงเทพฯ 2008 ที่รูดม่านปิดฉากไปแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงเทศกาลหนังปูซาน เกาหลีใต้ และกำลังจะโรงฉายในวงกว้าง (คิดว่าอย่างนั้น) ในวาเลนไทน์ปีนี้ ก็เพราะ อะ โมเมนท์ อิน จูน แม้เรื่องราวของหนังส่วนหนึ่งในตอนเปิดเรื่องเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม และปิดฉากลงในวันสุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ก่อนเดือนมิถุนายนจะมาถึง ก็กลายเป็นการพูดถึงเรื่องราวความรักของคน 2 รุ่น ใน 2 ห้วงเวลา แต่ดูเหมือนว่า โมเมนท์ ของความรักไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดก็ไม่มีเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ มีด้านที่สมหวังเป็นสุข และด้านที่ผิดหวังเป็นทุกข์ แต่ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน หากความรักได้เกิดแล้ว มันก็ดูจะไม่เคยสูญลับหายไปไหน ตราบที่คนเหล่านั้นยังมีลมหายใจอยู่ ถึงจะนานแค่ไหน มันก็อาจจะตกตะกอนอยู่ ณ ที่มุมหนึ่งของห้องหัวใจผู้คนเหล่านั้น
โอ-นัฐพล วงศ์ตรีเนตรกุล ผู้กำกับฯ (ไฮโซ) เรื่องนี้ไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 14 ปี สำเร็จการศึกษาทางด้านละครเวทีจากลอนดอน อังกฤษ และทางด้านศิลปะจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ผ่านการทำหนังสั้นมาก่อนที่จะลงมือทำหนังเรื่องยาวเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกด้วยเงินทุนของตนเอง และอาจจะแตกต่างจากหนังของคนทำหนังอิสระรายอื่น ๆ ตรงที่ โอ-ณัฐพล เลือกที่จะใช้ดารานักแสดงที่มีชื่อในวงการมาแสดงหนังเรื่องนี้ ตั้งแต่ ชาคริต แย้มนาม,กฤษดา สุโกศล,สินิทธา บุญศักดิ์,นภัสกร มิตรเอม,มยุริญ ผ่องผุดพันธ์,สุเชาว์ พงษ์วิไล และ เดือนเต็ม สาลิตุล โดยที่ตอนแรก ๆ ยังไม่ได้คิดว่า หนังจะฉายโรงในระบบหนังปกติด้วยซ้ำ ในส่วนของทีมงานบางส่วนก็เป็นชาวต่างชาติ (ตากล้องเป็นอเมริกัน อาร์ตไดเรคเตอร์เป็นญี่ปุ่น) ทำให้บรรยากาศของหนังออกมาแตกต่างไปจากหนังไทยในกระแสโดยทั่วไป ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ของเรื่องนั้นเป็น พีเรียด ที่ไท๊ย์ไทยเอามาก ๆ เพราะเหตุการณ์หลักซึ่งเป็นช่วงเวลาปัจจุบันของหนังจะเกิดในช่วงปี 2542 แต่หนังถูกเล่าย้อนหลังไปร่วม 30 ปีที่แล้วโดยการซ้อนทับด้วย 2 สถานการณ์ สถานการณ์แรกคือ การนำเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาทำเป็นละครเวทีย้อนยุค กับอีกสถานการณ์หนึ่งคือ การ แฟลชแบ็ค ไปสู่เหตุการณ์จริง ๆ
หนังจงใจพิถีพิถันในส่วนของ คอสทูม ย้อนยุค และองค์ประกอบที่มีความเป็น อาร์ต สูง แต่การเดินเรื่องไม่ช้า และไม่เร็วจนเกินไป แล้วก็ไม่ถึงกับเล่าเรื่องแบบต้อง ปีนกระไดดู แต่ ไดอะล็อก หลาย ๆ ตอนก็ดูจะไม่เป็นธรรมชาตินัก เข้าใจว่า ตัวผู้กำกับฯน่าจะมีความหลังอะไรกับบรรยากาศในช่วงเวลานี้ เพราะหนังดึงเอาองค์ประกอบย้อนยุคหลาย ๆ อย่างมาใช้ รวมทั้งบทเพลง ท่าฉลอม ที่ขับร้องโดย ชรินทร์ นันทนาคร ก็ถูกนำมาใช้ และเอ่ยถึงในหลายตอน
หนังมีตัวละคร 8 คน โดย 4 คนเป็นตัวละครซึ่งเป็นนักแสดงละคร (กฤษดา-สินิทธา-มยุริญ-ฮิโตะ ซาโน่) ส่วนอีก 2 คู่เป็นตัวละครที่มีความสัมพันธ์ในชีวิตจริง คู่แรกเป็นคู่เกย์ระหว่างผู้กำกับฯละคร (ชาคริต) กับช่างภาพ (นภัสกร) ที่ชีวิตรักกระท่อนกระแท่น จนฝ่ายช่างภาพคิดจะอยู่ห่างกันสักพัก โดยนั่งรถไฟขึ้นไปที่ลำปาง และคิดจะกลับมาอีกทีก็เมื่อละครเปิดการแสดง อีกคู่เป็นฝ่ายพ่อของผู้กำกับฯละคร (สุเชาว์) อยู่ที่ลำปาง และเคยมีคู่รักเก่า (เดือนเต็ม) ที่พยายามจะกลับมาฟื้นความรักในช่วงที่เกือบจะเป็นบั้นปลายของชีวิตอีกครั้ง
โอ-นัฐพล ให้สัมภาษณ์ว่า ประเด็นของหนังที่ต้องการสะท้อนอยู่ที่เรื่อง โอกาสที่ 2 หรือ Second Change อยากจะนำเสนอให้คนดูหนังของเขาได้ขบคิดว่า มันมีจริง และเป็นไปได้แค่ไหน? (และทำไมจะต้องรอ Second Change?) สำหรับความรักของทั้ง 2 คู่ในหนัง หรือแม้แต่ตัวคุณเองกับคนพิเศษที่อยู่ใกล้ ๆ
ตัวหนังต้องยอมรับว่า มีงานโปรดักชั่นพิถีพิถันอยู่หรอก เพียงแต่สไตล์ของหนังอาจไม่ใช่หนัง ตลาดจ๋า เท่านั้น.
แต่ผมว่าชื่อไทย ณ ขณะรัก จำและพูดออกเสียงตอนจองตั๋วยากไปหน่อย ^^"