LOVE AND HONOR (เกียรติยศรัก คมดาบซามูไร) : สู้เพื่อศักดิ์ศรี / 3 ดาวครึ่ง
ดารานำ : ทาคูยะ คิมูระ และ เรอิ ดาน
กำกับฯ : โยจิ ยามาดะ
ความยาว: 121 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
โยจิ ยามาดะ ถือเป็นผู้กำกับฯรุ่น เก๋า คนหนึ่งของวงการหนังญี่ปุ่น แม้เขาจะมีอายุครบ 76 ปีเต็มในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ แต่หนังของ ยามาดะ ก็ยังทรงพลังอยู่อย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เหมือนที่เขาเคยกำกับฯหนังในชุด โทร่า-ซัง มาแล้วอย่างยาวนาน รวมไปถึงหนังเรื่องอื่น ๆ
เลิฟ แอนด์ ออนเนอร์ ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นชื่อ เดอะ ไบลด์ ซอร์ด:เอคโค่ ออฟ เวนเจียนซ์ ของ ชูเฮ ฟูจิซาว่า (ผู้เขียนเรื่องซามูไรที่ ยามาดะ นำมาทำเป็นหนัง เดอะ ทไวไลท์ ซามูไร (งานปี 2002) และ เดอะ ฮิดเด้น เบลด (งานปี 2004) ไปก่อนหน้าแล้ว) นำคนดูไปสู่โลกอีกแง่มุมหนึ่งของซามูไรอย่าง ซามูไรหนุ่มชินโนโจ (ทาคูยะ คิมูระ ดารานักร้องที่หันมาเอาดีทางการแสดงด้วยจากหนัง 2046 ) ซึ่งสืบทอดตระกูลซามูไรจากพ่อที่ล่วงลับไปแล้ว ชินโนโจ มี คาโยะ (เรอิ ดาน) ภรรยาสาวสวยซึ่งเป็นที่หมายปองของหนุ่มในละแวกนั้นทั้งวัยเดียวกัน และที่มีอายุมากกว่าด้วยซ้ำ มีครอบครัวเล็ก ๆ มีความสุขตามอัตภาพ และฐานะทางสังคม โดยมีคนรับใช้แก่ ๆ อีกคนที่เคยรับใช้เลี้ยงดู ชินโนโจ มาตั้งแต่เด็ก ๆ ชินโนโจ นั้นมีหน้าที่รับใช้ขุนนางโดยมีหน้าที่เป็น 1 ในทีมซามูไรที่มาหน้าที่ในการชิมอาหารที่จะนำส่งขึ้นให้ขุนนางรับประทานอันเป็นมาตรการป้องกันการลอบวางยาพิษต่อขุนนางผู้นั้น ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นปกติด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่ง ชินโนโจ เกิดล้มฟุบอาหารหนักหลังชิมอาหาร แม้สืบไปมาจะพบว่า เป็นเพราะพิษจากหอยที่นำมาใช้ทำอาหารที่คนทำอาหารทำไม่เป็นด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทำให้เกิดเป็นพิษขึ้น ไม่ได้เจตนาวางยาท่านขุนนางแต่อย่างใด แต่พิษร้ายครั้งนั้นก็ทำให้ ชินโนโจ ถึงกับตาบอด ไม่สามารถเข้ารับใช้สนองงานต่อขุนนางได้ดังเคย ทำให้สถานะของครอบครัวเขาเริ่มสั่นสะเทือน คาโยะ ยังคงทำหน้าที่ภรรยาที่ดีพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือสามี และครอบครัวเอาไว้ จนกระทั่งถูกข้าราชการผู้ใหญ่ที่เคยลุ่มหลง คาโยะ มาก่อนใช้มาเป็นหตุหลอกล่อ คาโยะ ให้ตกเป็นของเขาโดยรับปากว่า จะจัดการช่วยเหลือ ชินโนโจ เป็นการาตอบแทน แต่ภายหลังเมื่อ ชินโนโจ รู้ความจริงเขาจึงท้าข้าราชการผู้นั้นมาดวลดาบตามวิถีซามูไรเพื่อปกป้องเกียรติยศ ศักด์ศรีของเขาเอง และ คาโยะ
หนังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 13 สาขารางวัลของ เจแปนนีช อะคาเดมี่ ปี 2006 และคว้ามาครอง 3 รางวัลคือ ถ่ายภาพยอดเยี่ยม,ดาราประกอบชายยอดเยี่ยม และจัดแสงยอดเยี่ยม รวมถึงได้รับเกียรติฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน ครั้งที่ 57 ปีล่าสุดมาแล้ว ยามาดะ แสดงให้เห็นวิธีการดำเนินเรื่องของเขาไปเรื่อย ๆที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีเน้นหรือบีบคั้น รวมไปถึงการเดินเรื่องที่หวือหวาสลับซับซ้อน แต่ก็สามารถสร้างความกดดันต่อคนดูให้เกิดขึ้นได้ตามเหตุการณ์ที่เป็นไปในเรื่อง รวมถึงการดูแลทุกองค์ประกอบของหนังทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ดูแล้วอยากให้วงการหนังบ้านเรามีผู้กำกับฯแบบ ยามาดะ บ้างจัง.