TRANSFORMERS อีก 1 ในหนังใหญ่ตัวจริงของ ซัมเมอร์ นี้.
TRANFORMERS (มหาวิบัติจักรกลสังหารถล่มจักรวาล) : เมื่อ ไมเคิล เบย์ เจอ สปีลเบิร์ก / 3 ดาวครึ่ง
ดารานำ : ไฮยา ลาบัฟ และ มีแกน ฟ๊อกซ์
กำกับฯ : ไมเคิล เบย์
ความยาว: 144 นาที
ประเภท : ไม่เหมาะสำหรับผู้เยาว์ดูโดยลำพัง
ทรานส์ฟอร์เมอร์ส เคยเป็นเรื่องราวในหนังสือการ์ตูน เป็นของเล่น และเคยทำเป็นหนังการ์ตูนทั้งที่ฉายโรง และเป็นซีรี่ส์ทางทีวี มาก่อน แต่นั่นก็เป็นเวลาที่มีมาร่วม 2 ทศวรรษมาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับการนำมาทำเป็นหนังใหญ่ที่ใช้ดารานักแสดงเป็นคนจริง ๆ ผสมด้วยการทุ่มเท สเปเชียลเอฟเฟ็คท์ เทคนิคด้านภาพที่มหึมามโหฬารที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฮอลลีวู้ด โดย ดรีมเวิร์คส์ ผู้สร้างเคลมตัวเลขทุนสร้างงานชิ้นนี้ไว้ที่ 150 ล้านดอลลาร์ จุดแข็งของงานสร้างหนังเรื่องนี้อยู่ที่การมี ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับฯ หนังทำรายได้ระดับ บล็อกบัสเตอร์ ของฮอลลีวู้ดมาแล้วในช่วงปี 1995-2003 อย่าง แบด บอยส์ 1-2,เดอะ ร็อค,อาร์มาเกดดอน และ เพิร์ล ฮาร์เบอร์ มาเป็นผู้กำกับฯ และเอ็กเซ็กคูทีฟ โปรดิวเซอร์ บวกกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับฯคนดังที่เป็น1 ในหุ้นส่วน ดรีมเวิร์คส์ มาร่วมเป็น เอ็กเซ็กคูทีฟ โปรดิวเซอร์ ด้วยอีกแรง เพราะฉะนั้นนอกจากความยิ่งใหญ่จากงบการสร้างที่ทุ่มเทลงไปในงานแล้ว หนังจึงออกมาแบบอ่านใจคนดูหนังได้อย่างทะลุ (โดยเฉพาะเด็กผู้ชายรุ่นใหม่) และเชื่อขนมกินว่า หนังจะประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างมโหฬาร ชนิดที่พูดได้ว่า ซัมเมอร์ ปีนี้ในอเมริกาไม่ใช่แต่จะมีความสำเร็จเฉพาะหนัง ภาคต่อ แต่ยังมีจุดแจ้งเกิดของปฐมบทหนัง ภาคต่อ กับงานชิ้นนี้ที่จะต้องมีการสร้างภาค 2 ภาค 3 ตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน
หนังมีแกนเรื่องว่าด้วยสงครามระหว่าง 2 สายพันธุ์มนุษย์ต่างดาวที่สามารถแปลงร่างจากเครื่องจักรกล (ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามตั้งแต่รถยนต์-โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่เครื่องเล่นซีดี) ได้คือ พวก ดีคอนเซ็ปติคอนส์ ที่ชั่วร้าย และพวก ออโต้บ็อทส์ ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามที่พยายามจะต่อสู้เพื่อยับยั้งการก่อความพินาศเสียหายที่พวก ดีคอนเซ็ปติคอนส์ ก่อขึ้น การต่อสู้นี้ดำเนินไปในจักรวาลมาเนิ่นนานแล้ว แต่ครั้งนี้แน่นอนว่า ต้องจับความในการบุกมายังโลกของพวก ดีคอนเซ็ปติคอนส์ จึงทำให้พวก ออโต้บ็อทส์ ต้องติดตามไล่ล่าเพื่อต่อต้าน และปกป้องโลกไว้
แต่ถ้าหนังเดินเรื่องทื่อ ๆ แค่สงครามสู้รบแบบนี้ดูไปสักพักก็คงกร่อย ก็เลยมีการสร้าง ซับพล๊อต เรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวละคร แซม วิทวิคกี้ (ไฮยา ลาบัฟ) นักเรียน ไฮสกูล ลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ที่มองเผินอาจเหมือนเด็กวัยรุ่นธรรมดา และออกจะถูกเพื่อนฝูงมองดูแบบเป็นคนเปิ่น ๆ เชย ๆ ไม่มีอะไรหรูเริ่ดอะไรด้วยซ้ำ แต่ แซม ก็เข้ามากลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในสงครามนี้ที่โยงใยไปถึงการเป็นนักสำรวจขั้วโลกใต้ (ที่ได้กลิ่นไอเหมือนอิง ๆ ฉากต้น ๆ หนัง เอเลียน เวอร์ซัส. พรีเดเตอร์ อยู่กรุ่น ๆ) และ แซม เป็นผู้เก็บของสำคัญบางส่วนไว้ ซึ่งพวก ดีคอนเซ็ปติคอนส์ ก็มาตามล่าสิ่งนี้เช่นกัน ดังนั้นพวก ออโต้บ็อทส์ จึงต้องตามหาตัว แซม ให้ได้ก่อน แถมในเรื่องราวของ แซม นั้นระหว่างการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น ยังมีเพื่อนนักเรียนสาวสวยอย่าง มิเกเอลล่า (มีแกน ฟ็อกซ์) มาร่วมเป็น พาร์ทเนอร์ ผจญภัยอีกคน เท่านั้นยังไม่พอหนังก็ยังมีด้านของฝ่ายทหารทั้งจากทีมเคยเผชิญหน้าการทำลายล้างของพวก ดีคอนเซ็ปติคอนส์ มาตั้งแต่ในตะวันออกกลางแล้วรอดมาให้ข้อมูลกับทางรัฐบาลกลางอเมริกาเป็นกำลังสำคัญในหน่วยต่อสู้ประจัญหน้ากับพวก ดีคอนเซ็ปติคอนส์ อีกแรงหนึ่ง ก็เลยทำให้หนังลื่นไหลดูกันเพลินชนิดเวลา 2 ชั่วโมงเกือบ 20 นาที ดูผ่านไปอย่างรวดเร็วทีเดียว ไม่เพียงแต่เท่านั้นหนังยังมี ลูกเล่น ในประเด็นตีขลุมกับเรื่องที่มาของเขื่อนฮูเวอร์ที่ผูกเป็นเรื่องเป็นราวเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์ต่างดาวหน้าตาเฉยเลย
หนังโชว์ฉากเทคนิคที่ประเคนใส่มาในหนังแบบไม่มียั้งตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วก็ทำได้เนียนจนแทบจับผิดไม่เจอเลย (หรือความสนุกของเรื่องที่เดินไม่หยุดไปตลอดก็ทำให้คนดูไม่ใส่ใจที่จะจับผิดเหมือนกัน) หนังมีฉากแอ็คชั่นทำลายล้าง ฉากสงครามที่มีสไตล์ และมุมกล้องที่เป็นลายเซ็นของ ไมเคิล เบย์ ให้เห็นหลายตอน ขณะเดียวกันถึงแม้ สปีลเบิร์ก จะให้สัมภาษณ์ว่า เขาให้อิสระ เบย์ ในการทำงานหนังเรื่องนี้ แต่หลายตอนหนังก็ยังมีกลิ่นไอของ สปีลเบิร์ก อยู่เยอะเช่นกัน โดยเฉพาะในความเป็นหนังครอบครัว หรือแทรกรายอะเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้หนังมีส่วนของอารมณ์ขันความน่ารัก ๆ เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นท่าทางของหุ่นยนต์กลายร่างต่าง ๆ (ที่ฮาสุดก็คือ ตอนที่พวก ออโต้บ็อทส์ ช่วยกันพยายามหลบพ่อแม่ของ แซม ในสวนหลังบ้าน) หรือเจ้า บัมเบิ้ลบี ที่ชวนให้นึกถึง อี.ที. อีกเช่นกัน หรือหุ่นบางตัวก็เลียนท่าแบบคาวบอย บางตอนก็มีอารมณ์ความผูกพันของคนกับ คิงคอง ฯลฯ แต่จุดพลิกผันที่สำคัญที่สุดนั้นอยู่ที่ การทำให้เรื่องหุ่นยนต์ที่แปลงร่างเป็นโน่นเป็นได้ที่ฟังดูงี่เง่าไร้สาระกลายเป็นความน่าเชื่อถือ และตื่นตาตื่นใจขึ้นมา แต่กระนั้นตอนท้ายของมีนัยการตบหน้ารัฐบาลของตนเองด้วย ซึ่งน่าจะเป็นการยิงเป้าตรงถึง บุช กรณีสงครามอิรัคด้วย ดังที่รู้ว่า สปีลเบิร์ก ได้ประกาศตัวแล้วว่า จะสนับสนุน ฮิลารี คลินตัน เป็นประธานาธิบดีอเมริกาคนใหม่
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า นี่คือ 1 ในหนังใหญ่ตัวจริงของ ซัมเมอร์ นี้.