LUST,CAUTION (เล่ห์ราคะ) : อีโรติคเพื่อชาติ / 3 ดาวครึ่ง
ดารานำ : เหลียงเฉาเหว่ย และ ตังเหว่ย
กำกับฯ : อังลี
ความยาว: 157 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
โดยโครงเรื่องหลักแล้วนี่เป็นเรื่องของนักศึกษาผู้รักชาติชาวจีนกลุ่มเล็ก ๆ ที่ได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อปฏิบัติการต่อต้านพวกญี่ปุ่น และก้าวไกลไปจนถึงการวางแผนเพื่อสังหารคนจีนที่ไปเป็นสมุนรับใช้ เป็นกำลังสำคัญให้กับพวกญี่ปุ่นบุกยึดครองประเทศจีน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เพียงแต่วิธีที่พวกเขาเลือกใช้ที่ส่งเพื่อนนักศึกษาสาวคนหนึ่งเขาไปเกาะติดกับครอบครัวของบุคคลสำคัญที่ไปเป็นหัวหน้าหน่วยรับใช้พวกญี่ปุ่น และก้าวจากความสนิทสนมกับภรรยาของเขา ไปจนถึงตัวเขาในที่สุดนั้นกลับเลือกใช้วิธีการที่เจาะจุดอ่อนของหัวหน้าหน่วยคนนั้นคือ การหลอกให้เขารู้สึกรักรู้สึกหลงใหล และมีสัมพันธ์สวาทกับตัวเธอ ด้วยหวังว่าเมื่อเขาตายใจก็จะล่อออกมาในจุดที่วางแผนจะลอบสังหารเขาไม่ให้อยู่เป็นเสี้ยนหนามของแผ่นดินอีก ได้เปิดช่องให้เนื้อที่ของส่วนหนึ่งกลายเป็นเรื่องราวความรัก และอีโรติค ระหว่างสาวน้อยที่มาทำงานเป็นสายลับเพื่อชาติกับหัวหน้าคนจีนหนุ่มใหญ่ที่รับใช้ญี่ปุ่น ซึ่งกลายเป็นบททดสอบในจุดอ่อน และเปราะบางที่สุดของมนุษย์เรา
หลังจาก โกอินเตอร์ จนประสบความสำเร็จกับหนังคาวบอยเกย์ โบร้คแบ็ค เมาน์เท่น ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ออสการ์ หนังยอดเยี่ยมประจำปี 2006 และตัว อังลี ยังพิชิต ออสการ์ ผู้กำกับฯยอดเยี่ยมมาครอง อังลี ก็กลับมาสู่บ้านเกิด และหยิบเอานวนิยายของ ไอลีน ชาง นักเขียนหญิงชาวเซี่ยงไฮ้โดยกำเนิด ที่เขียนไว้เป็นโครงร่างตั้งแต่ช่วงปี 1950 แต่เพิ่งมีการปรับปรุงแก้ไข และพิมพ์เผยแพร่ในปี 1979 (ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตที่แอลเอ. ในปี 1995) มาสร้างเป็นงานชิ้นล่าสุด โดยนอกจากจะเป็นการดึงเอาทีมงานจากตะวันตกที่รู้จักมักคุ้นกันมาครั้งเขาทำงานในอังกฤษในอเมริกาที่ผ่านมาแล้ว งานชิ้นนี้ยังเป็นร่วมงานกันระหว่างชาวจีนทั้ง 3 ชาติคือ ไต้หวัน-ฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย ซึ่งนี่เองที่กลายเป็นปัญหาให้หนังเรื่องนี้ถูกปฏิเสธจากคณะกรรมการคัดเลือกหนังเข้าชิง ออสการ์ ปีล่าสุด ที่จะถูกส่งเข้าไปชิงรางวัลในฐานะตัวแทนหนังของประเทศไต้หวัน ซึ่งมองในด้าน อังลี ก็อาจจะรู้สึกว่า ออสการ์ ยังมีปัญหากับเขาไม่จบสิ้นหลังจากที่เคยเป็นที่ร่ำลือว่า ไม่ยอมให้ โบร้คแบ็ค เมาน์เท่น ได้รางวัลหนังยอดเยี่ยมมาแล้ว แต่มองอีกด้านหนึ่งนี่ก็ถือว่า เป็นเรื่องที่ แฟร์ สำหรับคนทำหนังชาติอื่น ๆ เพราะหนังก็เรียกว่ารวมทีมงานระดับ อินเตอร์ จริง ๆ ดังว่า เพราะนอกจากตัวดาราผู้แสดงแล้ว อังลี ก็ยังใช้มือเขียนบทอเมริกัน (เคยร่วมงานเขียนบทใน ครอชชิ่ง ไทเกอร์,ฮิดเด้น ดรากอน และ ฮัลค์/เป็นโปรดิวเตอร์ โบร้คแบ็ค เมาน์เท่น มาแล้ว) และตากล้องชาวเม็กซิกัน (จาก อเล็กซานเดอร์ และ 8 ไมล์) รวมทั้งคนตัดต่อก็เป็นอเมริกัน
ลัสท์,คอชั่น ที่ไปพิชิตรางวัลสิงโตทองคำ รางวัลใหญ่สุดของเทศกาลหนังเวนิซ ปีล่าสุด เรื่องนี้เป็นงานอีกชิ้นที่อวดความเป็นคนทำงานที่เก็บรายละเอียด และสามารถควบคุมอารมณ์ของหนังไว้ได้โดยตลอดของ อังลี หนังไม่เพียงแต่ได้นำภาพของเซี่ยงไฮ้ และฮ่องกงเมื่อ 60-70 ปีก่อนคืนสู่จอเท่านั้น แต่ยังพาคนดูหวนคืนสู่บรรยากาศหนังยุคเก่า ๆ กับรายละเอียดบางอย่างที่วิพากษ์วัฒนธรรมจีนอีกด้วย อังลี ดึง 4 ดาราจีนคนสำคัญ มาร่วมงาน ตั้งแต่ เหลียงเฉาเหว่ย (ที่มาตรฐานของฝีมือการแสดงนั้นการันตีอยู่แล้ว) ในบท มิสเตอร์ยี่ คนของทางการจีนที่แปรพักตร์ไปร่วมมือกับญี่ปุ่น,โจน เช็น (ที่เริ่มรู้จักในวงกว้างมาจาก เดอะ ลาสท์ เอ็มเพอเรอร์ ของ แบร์โตลุชชี่) ในบท คุณนายยี่ ที่ชีวิตวัน ๆ ถ้าไม่ออกไปช็อปปิ้งก็นั่งเล่นไพ่นกกระจอกสุมหัวคุยกับแม่บ้านด้วยกัน,หวังลี่ฮอม นักร้องขวัญใจวัยรุ่นอีกคน (แต่ที่จริงก็แสดงหนังมาหลายเรื่องแล้ว) ในบท กวงหยู่มิน นักศึกษาหนุ่มหัวหน้าในกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่น และ ตังเหว่ย ดาราหญิงวัย 28 ปี จากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เพิ่งแสดงหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก รับบท หวังเจียจื่อ นักศึกษาหญิงตัวละครสำคัญของเรื่อง และมีบทเดินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ที่สำคัญคือ ต้องแสดงประกบกับดาราเจ้าบทบาทอย่าง เหลียงเฉาเหว่ย และ โจน เช็น ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า กินเธอไม่ลงเหมือนกัน ที่ฮือฮาเป็นพิเศษก็คือ เลิฟซีน 2-3 ฉากคู่กับ เหลียงเฉาเหว่ย นั้นแสดงถึงสปิริตนักแสดง และความใจถึงของเธอที่กล้าแสดงแบบไม่เกี่ยงมุมกล้องด้วย จนทำให้ฉากเหล่านี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า เกิดขึ้นจริง ๆ หรือแค่การแสดงกันแน่ และด้วยบทในเรื่องนี้ทำให้หลายคนเชื่อว่า รางวัลสำหรับแวดวงหนังเอเซียอย่าง ม้าทองคำ หรืออื่น ๆ ดูจะน้อยไปสำหรับการทุ่มเทของเธอ หากแต่เธอน่าจะได้เข้าไปเป็น 1 ใน 5 ของผู้เข้าชิง ออสการ์ ดารานำหญิงยอดเยี่ยมปีนี้ด้วยซ้ำ.
ในหนังดูไม่หวืดหวาเลย ไม่รู้โดนหั่นรึเปล่า