All Blog
CHILDREN OF GLORY สู้เพื่อชาติ
CHILDREN OF GLORY : สู้เพื่อชาติ / 3 ดาวครึ่ง

ดารานำ : อีวาน เฟนโย และ คัทต้า โดโบ้
กำกับฯ : คริสซ์ทีน่า โกด้า
ความยาว: 123 นาที
ประเภท : ไม่เหมาะสำหรับผู้เยาว์ดูโดยลำพัง

นี่อาจจะไม่ใช่เป็นหนังที่เกรียวกราวหรือได้รับการกล่าวขวัญในเทศกาลหนังต่าง ๆ มากนัก หรือแม้แต่เทียบกับหนังจากประเทศฮังการีเหมือนกันอย่าง “ไวท์ ปาล์มส์” ซึ่งได้รับเลือกเป็นตัวแทนหนังฮังการีเข้าชิงชัย “ออสการ์” สาขาหนังภาษาต่างประเทศปีล่าสุดที่ผ่านไป แต่เมื่อได้รับเลือกเป็นหนังเปิดเทศกาลหนังนานาชาติกรุงเทพฯ ครั้งที่ 5 ล่าสุด ซึ่งเพิ่งรูดม่านปิดไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ทำให้หนังฮังการีได้รับการ “โฟกัส” จับตามอง และฉายผ่านสายตานักดูหนังในวงกว้างเพิ่มมากขึ้น
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งสำหรับการดูหนังจากเทศกาลหนังนานาชาติ นอกเหนือจากการได้เห็นมุมมอง และภาษาหนังจากคนทำหนังในหลาย ๆ ประเทศแล้ว ก็ยังได้เป็นการเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ชีวิตผู้คน และเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของประเทศนั้น ๆ ด้วย
ฮังการี เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และย้อนหลังไปได้เป็นพันกว่าปี ฮังการี เคยอยู่ใต้อำนาจการปกครองทั้งของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ จนมาถึงประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ฮังการี ก็เคยอยู่ใต้อำนาจของนาซีเยอรมัน คอมมิวนิสต์รัสเซีย ก่อนจะได้มาเป็นประเทศเอกราช และเป็นประชาธิปไตยอย่างทุกวันนี้
ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแบบนี้จึงมีเรื่องเล่าที่หลากหลาย และเข้มข้นมากมายที่นักทำหนังในประเทศจะเลือกหยิบนำมาบอกเล่าสู่คนดูหนังของเขา
“ชิลเดร้น ออฟ กลอรี่” แม้จะดูผิวเผินเหมือนเป็นหนังแค่การเล่าเรื่องราวของเหล่าทีมนักโปโลน้ำฮังการี ซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นทีมโปโลน้ำที่แข็งแกร่งที่สุดทีมหนึ่งของโลกที่ได้ไปแข่งขันโอลิมปิค ปี 1956 ที่เมลเบิร์นออสเตรเลีย และคว้ารางวัลเหรียญทองมาครอง แต่หนังมีฉากหลังของเรื่องที่แสดงให้เห็นเหตุการณ์สำคัญช่วงหนึ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ยุคใหม่ฮังการี ซึ่งมีผลต่อการกรุยทางไปสู่ความเป็นเอกราช และประชาธิปไตยของประเทศในทุกวันนี้ เพราะในปี 1956 เป็นปีที่เหล่ากองทัพรถถังของรัสเซียได้ถูกส่งเข้ามาปราบปรามขบวนการประชาชนฮังการีที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองของคอมมิวนิสต์รัสเซียถึงกลางกรุง บูดาเปสท์เมืองหลวงที่ยังคงมีร่องรอยของความเสียหายฝากไว้ให้เห็น และเป็นจดจำของคนฮังการีอยู่กระทั่งทุกวันนี้
หนังเริ่มต้นด้วยการแข่งขันโปโลน้ำระหว่างทีมฮังการีกับรัสเซีย ซึ่งปรากฎว่า ครั้งนั้นรัสเซียได้แสดงอำนาจบาตรใหญ่ให้เห็น เพราะกรรมการตัดสินได้ช่วยโกงจนกระทั่งผลการแข่งขันออกมาว่า ทีมโปโลน้ำรัสเซียได้รับชัยชนะเหนือทีมของฮังการี จนทำให้นักกีฬา 2 ทีมมามีปากเสียงถึงขั้นใช้กำลังชกต่อยกันในห้องพักนักกีฬาหลังการแข่งขัน และแถมควันหลงติดตามมาเมื่อ การ์ชี่ (อีวาน เฟนโย) นักกีฬาโปโลน้ำมือหนึ่งของทีมชาติฮังการี ซึ่งมีส่วนในการชกต่อยครั้งนั้นกลับมาถึงฮังการี เขาก็ถูกหน่วยงานตำรวจลับในประเทศที่ทำงานรับใช้รัสเซียเรียกไปขู่แกมตักเตือนให้เขาทำตัวอยู่กรอบที่กำหนดให้ โดยใช้สวัสดิภาพของครอบครัวเขา โดยเฉพาะน้องชายวัย 10 ขวบ คนเดียวของเขาเป็นตัวต่อรอง
แต่ “ชิลเดร้น ออฟ กลอรี่” ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของการแข่งโปโลน้ำ แบบหนังที่มีแกนเรื่องเป็นสูตรสำเร็จแบบหนังแข่งขันกีฬาทั่ว ๆ ไป ที่ “โฟกัส” เรื่องราวทีมนั้นจาก “ศูนย์” จนไปถึงความสำเร็จที่พวกเขาใฝ่ฝันในท้ายที่สุดของเรื่อง แต่หนังยังมีส่วนของเรื่องราวการเคลื่อนไหวต่อสู้ของขบวนประชาชนที่มีเหล่าคนหนุ่มคนสาวที่เป็นปัญญาชนนักศึกษาเข้าร่วมการเคลื่อนไหว และแทรกเรื่องราวความเป็น “โรแมนซ์” ในส่วนที่ การ์ชี่ ซึ่งแต่เดิมโลกทัศน์ของเขามีแต่ความคิดที่ได้รับการปลูกฝังจากในทีมว่า ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น นอกจากเล่นโปโลน้ำเอาชัยชนะมาให้ได้เพียงเท่านั้นเป็นพอ จนเมื่อ การ์ชี่ ที่เริ่มไม่พอใจกับท่าทีคำขู่ของตำรวจลับ และได้พบกับ วิกี้ (คัทต้า โดโบ้) นักศึกษาหญิงที่มีส่วนในการต่อสู้เคลื่อนไหวปลุกเร้าใจประชาชนฮังการีให้ลุกขึ้นมาต่อต้าน และขับไล่รัสเซียที่เข้ามายึดครองฮังการีให้ออกไปจากบ้านเกิด ก็ทำให้โลกทัศน์ของเขาเปลี่ยนแปลงไป จนพร้อมที่เอาโอกาสการเป็นนักกีฬาทีมชาติของเขาเข้าแลกเพื่อร่วมต่อสู้กับ วิกี้ และเพื่อนร่วมอุดมการของเธอ รวมทั้งเหล่าประชาชนผู้รักชาติ
แม้หนังยังมีโครงสร้างที่เป็นกลิ่นไอ “รักระหว่างรบ” อยู่ แต่ความสมจริงสมจังของฉากการต่อสู้กับการปราบปรามประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกดดันขับไล่รัสเซียออกไปจากตำรวจลับ ฝ่ายที่สนับสนุนรัสเซียด้วยอาวุธสงคราม และสงคราม จนฝ่ายเคลื่อนไหวต้องหันมาจับปืน และทำระเบิดขวดออกมาต่อสู้ตอบโต้แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ด้วย ที่ทำให้ได้ยิ่งใหญ่มากก็ทำให้หนังเพิ่มความเข้มข้น และน่าติดตามอย่างมาก
แม้ท้ายที่สุดแม้หนังจะจบแบบ “เอาใจคนดู” ในระดับหนึ่งจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ แต่อีกด้านหนึ่งของหนังก็ยังจบลงแบบ “เรียลลิสติค” ที่ไม่ทำให้คนดู “เลี่ยน” ด้วย
“ชิลเดร้น ออฟ กลอรี่” เป็นงานที่มี แอนดรูว์ จี. วัจน่า นักสร้างหนังชาวฮังการี ผู้เป็นหุ้นส่วนสำคัญในการก่อตั้งบริษัทสร้างหนัง คารอลโค ที่เคยมีบทบาทโด่งดังในการสร้างหนังฟอร์มยักษ์ในอดีต อย่าง “แรมโบ้” ทั้ง 3 ภาค ,“โทเทิล รีคอลล์”,“เทอร์มิเนเตอร์”,“ดาย ฮาร์ด 3”,“แอร์ อเมริกา” และ “เบสิค อินสติงค์” มาแล้ว โดยที่ยังมี โจ แอสซ์แทร์ฮาส นักเขียนบทชาวฮังการีอีกคนที่ช่วยกันดันจนโด่งดังระดับโลกจาก “เบสิค อินสติงค์”,“สลีฟเวอร์” และ “โชว์ เกิร์ล มาร่วมในทีมเขียนบท ขณะที่ คริสซ์ทีน่า โกด้า ผู้กำกับฯเรื่องนี้ ซึ่งเป็นผู้หญิงก็ร่ำเรียนมาทางการสร้างหนังโดยตรง และเคยไป “เทค คอร์ส” เขียนบทที่ ยูซีแอลเอ. ของอเมริกามาแล้ว
ถึงหนังจะเป็นเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ของชาวฮังการี แต่สิ่งที่หนังสะท้อนออกมาก็น่าจะบอกไปถึงผู้คนในแต่ละประเทศได้ตระหนักร่วมกันว่า คนเราเกิดมาถ้าไม่รัก ไม่ต่อสู้เพื่อชาติตนเอง แล้วจะรอให้ใครมารักมาลงมือทำเช่นนั้น...จริงไหม?.



Create Date : 27 กรกฎาคม 2550
Last Update : 27 กรกฎาคม 2550 2:28:41 น.
Counter : 1303 Pageviews.

1 comments
  
มีแต่ข้อดี ทำไมได้ 3 ดากครึ่งค่ะ ยังไม่เคยดูค่ะ ทำไมไม่บอกข้อบกพร่องเลย
โดย: picnic244 วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:08:11 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

alexkh
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]