INVISIBLE TARGET (อึด ฟัด อัด ถล่มเมืองตำรวจ) : ถึงพล๊อตไม่ใหม่ แต่ก็(ยัง) สะใจ / 3 ดาว
ดารานำ : นิโคลัส เซียะ (เซียะถิงฟง) และ เจย์ซี ชาน
กำกับฯ : เบนนี่ ชาน
ความยาว: 128 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
เบนนี่ ชาน เป็นผู้กำกับฯหนังฮ่องกงอีกคนที่นักดูหนังบ้านเรารู้จักดี จากงาน อะ โมเมนท์ ทู รีเมมเบอร์ หรือ ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ทั้ง 2 ภาคมาจนถึง เจน-เอ๊กซ์-ค๊อปส์ 2,นิว โปลิศ สตอรี่ หรือ วิ่งสู้ฟัด และ ร็อบ-บี-ฮู้ด หรือ วิ่งกระเตงฟัด กับงานชิ้นนี้ว่าไปแล้วก็ไม่ใช่การมาจับงานหนังแนวใหม่อะไร และดารานำหลายคน อย่าง นิโคลัส เซียะ หรือ เซียะถิงฟง ก็เคยทำงานด้วยกันมาก่อนแล้ว แม้แต่ เจย์ซี ชาน ลูกชายของ แจ็คกี้ ชาน หรือ เฉินหลง ก็ต้องบอกว่า เบนนี่ ชาน คุ้นเคยมาตั้งแต่การทำงานกับพ่อแล้ว
หนังได้รับการ เคลม ว่า ใช้ทุนสร้าง 8 ล้านยูเอส.ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยก็เกือบ 300 ล้านบาท ถึงตัวเลขทุนสร้างนี้จะดู เวอร์ อยู่บ้าง แต่งานชิ้นนี้ก็บ่งบอกว่า เป็นงานที่ลงทุน และใช้คิวในการทำงานมากกว่าหนังปกติหลาย ๆ เรื่อง เพราะคิวบู๊หลายต่อหลายฉากของหนังซึ่ง เบนนี่ ชาน ตั้งเงื่อนไขบอกนักแสดงทุกคนว่า เขาต้องการให้งานชิ้นนี้ไม่มีการใช้ สตั้นท์ หรือ นักแสดงแทน แต่ให้ดาราตัวจริงมาเล่นคิวบู๊ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้นแต่ละฉากจึงต้องมีการซักซ้อมคิวที่แม่นยำ ซึ่งว่าไปแล้วก็ฌป็นการทำงานที่ตรงข้ามกับหนังไทยเรายุคนี้ที่แต่เดิมคิวถ่ายทำหนังมาตรฐานจะอยู่ที่ราว 35-40 คิวต่อเรื่อง ทำไปทำมาตอนนี้หนังไทยเราหลายเรื่องมีคิวถ่ายทำที่ลดลงอย่างน่าตกใจมาอยู่ที่ 20-25 คิว ด้วยซ้ำ คุณภาพในความพิถีพิถันของงานจึงย่อมจะลดลงไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
อินวิซิเบิ้ล ทาร์เก็ท อาจจะไม่ใหม่ในแง่ของพล๊อตที่พูดถึงโลกแห่งอาชญากรรมในฮ่องกง กลุ่มคนร้ายที่ก่อการอุกอาจปล้นเงินก้อนโต เย้ยฝีมือ และอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่ก็ยังมีตำรวจหนุ่มรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการ พร้อมที่จะทุ่มเทชีวิตเลือดเนื้อจิตใจในการทำให้กฎหมายยังคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่เมื่อพวกเขาลงมือสืบลึกไปถึงขบวนการเหล่าร้ายนั้นก็พบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับบิ๊ก ๆ เองกลับให้ความร่วมมืออยู่กับแก๊งค์เหล่าร้ายเสียเอง
เบนนี่ ชาน โชว์ฝีมือในงานชิ้นนี้เต็มรูป ในความเป็นหนังแอ็คชั่นฮ่องกงสไตล์ที่โชว์คิวบู๊อย่างไม่ยั้ง เพราะครั้งนี้ไม่ได้ทำงานกับ เฉินหลง ที่อายุมากขึ้น คิวบู๊จึงต้องมีการ ดีไซน์ ที่ประนีประนอมต่อนักแสดงบ้าง แต่เป็นการได้ดารานักแสดงนำที่ยังหนุ่มแน่นฟิตเต็มที่มาแสดงนำ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตำรวจเลือดดีไฟแรงที่ได้ 3 ดาราหนุ่มแถวหน้าของวงการหนังฮ่องกง นิโคลัส เซียะ (เซียะถิงฟง),ชอว์น หยู (หยูเหวินเล่อ) และ เจย์ซี ชาน มารับบท ส่วนฝ่ายผู้ร้ายก็นำทีมโดย แจ็คกี้ หวู หรือ อู๋จิง (ที่เพิ่งรับบทเป็นพระเอกในหนัง ทวินส์ มิชชั่น ที่เข้ามาฉายในบ้านเราไปไม่นาน) แม้คิวบู๊บางตอนจะดู เวอร์ แต่ส่วนที่ได้ในงานชิ้นนี้คือ ทั้งฝ่ายดี และฝ่ายร้าย ล้วนแต่ดูเท่มีฟอร์มดีทั้งนั้น ไม่ใช่แบบหนังบู๊เก่า ๆ ที่ผู้ร้ายเดินมาปุ๊บก็รู้ว่า นี่ต้องเป็นผู้ร้ายแน่ ๆ อยู่แล้ว นอกจากนั้นเนื้อหาของหนังยังพูดถึงการยักย้ายถ่ายเทของผู้ร้ายข้ามชาติ โดยทีมของ แจ็คกี้ หวู นั้นจะเป็นนักฆ่ารับจ้างมืออาชีพที่สามารถเดินทางไปปฏิบัติการที่โน่นที่นี่ได้ตามภารกิจที่มอบหมาย พอเสร็จภารกิจก็อาจจะเดินทางไปกบดานอยู่ที่เมืองนอก ซึ่งชื่อของกรุงเทพฯของเราก็ได้รับการเอ่ยถึงหรือพาดพิงถึงของหนังหลายตอนอยู่เหมือนกัน
อินวิซิเบิ้ล ทาร์เก็ท เป็นหนังแอ็คชั่นที่ เบนนี่ ชาน ใช้เวลาเล่าเรื่องถึง 2 ชั่วโมง 8 นาที เพื่อพยายามจะทำให้ตัวงานออกมาแตกต่างจากการเล่าเรื่องหนังแนวนี้เรื่องอื่น ๆ ดังนั้นหนังจึงใช้เวลาบางส่วนในการเล่าเรื่องราวความคิดที่เป็น แบ็คกราวนด์ ของตำรวจหนุ่มทั้ง 3 เพิ่มเข้ามาด้วย
ถ้าไม่ติดที่ว่า เนื้อหาของหนังอาจจะซ้ำ ๆ กับหนังฮ่องกงที่เข้ามาฉายในบ้านเรา (ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วปีหนึ่ง ๆ คนทำหนังฮ่องกงเองก็ทำหนังหลายแนวแต่พ่อค้าหนังบ้านเราดูจะคัดเลือกหนังฮ่องกงที่จะลงโรงฉายในวงกว้างบ้านเราก็มีแต่หนังในแวดวงตำรวจจับผู้ร้ายมากกว่า) อินวิซิเบิ้ล ทาร์เก็ท ก็ยังคงความเข้มข้นด้วยความทุ่มเทในการทำงานชิ้นนี้ของเรานักแสดง แม้บ้านเราดูจะพยายามขาย เจย์ซี ชาน นำหน้า แต่เนื้อที่ของหนังจริง ๆ แล้วของ นิโคลัส เซียะ กับ ชอว์น หยู ดูจะมีมากกว่า และการเล่นคิวบู๊ของดาราคู่นี้ก็ดูให้ความรู้สึกสมจริงสมจังแบบที่คนทำหนังบู๊ของเราก็ยังต้องศึกษาไว้เป็นแบบอย่าง ว่าไปแล้วในช่วงราว 1 ทศวรรษที่ผ่านมาดาราคู่นี้ก็มีบทบาทสำคัญที่ช่วยผลักดันให้วงการหนังฮ่องกงได้ก้าวผ่านช่วงเวลาวิกฤติระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อเปลี่ยนถ่ายฮ่องกงจากมืออังกฤษมาสู่จีนให้ยังคงมีลมหายใจโลดแล่นต่อไปจนถึงทุกวันนี้
สำหรับ อินวิซิเบิ้ล ทาร์เก็ท ก็กลายเป็นหนังเอเซียอีกเรื่องที่ค่ายหนัง เดอะ ไวน์สไตน์ คอมปานี่ย์ ซื้อสิทธิไปฉายในอเมริกาเหนือ,ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย-อย่าดูถูกไป!.