FANTASTIC FOUR : THE RISE OF SILVER SURFER (สี่พลังคนกายสิทธิ์ กำเนิดซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์) หักอกแฟน
FANTASTIC FOUR : THE RISE OF SILVER SURFER (สี่พลังคนกายสิทธิ์ กำเนิดซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์) : ไม่พีค / 2 ดาวครึ่ง
ดารานำ : โยน กรัฟฟัดด์ และ เจสสิก้า อัลบา
กำกับฯ : ทิม สตอรี่
ความยาว: 92 นาที
ประเภท : ดูได้ทั่วไป
ดูเหมือนสูตรสำเร็จของหนังใหญ่หนังดังของฮอลลีวู้ดประจำ ซัมเมอร์ นั้นแค่ความเป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ดูจะยังไม่เพียงพอ แต่จะต้องเป็น ซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งมีค่ายมีสังกัด มีคาแรคเตอร์จากหนังสือการ์ตูนค่ายดัง ๆ ด้วย นี่เป็นหนังที่สร้างการ์ตูนดังค่าย มาร์เวล คอมิกส์ เรื่องที่ 2 ของ ซัมเมอร์ นี้ (แต่ถ้านับจากต้นปีก็ต้องถือเป็นเรื่องที่ 3 คือมี โกสต์ ไรเดอร์ และ สไปเดอร์-แมน 4 มาก่อนแล้ว) ข้อที่น่าแปลกใจก็คือ หนังเรื่องนี้ซึ่งถือเป็นภาค 2 ต่อจากความสำเร็จหนังภาคแรก เมื่อ 2 ปีก่อน และโดยตัวเรื่องก็มีตัวละคร ซูเปอร์ฮีโร่ ตั้ง 4 คนแล้ว แต่กลับมาทำ ภาคต่อ ที่เป็นตอนกำเนิดตัวละครตัวใหม่ที่ชื่อ ซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์ เข้ามาอีก ดังนั้นแทนที่เรื่องน่าจะเดินเรื่องไปมากกว่านั้น หนังก็ต้องมาสะดุดให้เนื้อที่กับ ซูเปอร์ฮีโร่ ตัวที่ 5 อีก
หนังเปิดเรื่องเหมือนจะเป็นเรื่องราวต่อจากภาคแรก ศาสตราจารย์นักฟิสิคส์ที่มีตัวเหมือนยางยืดคือยืดได้หดได้อย่าง รี๊ด (โยน กรัฟฟัดด์) กับเตรียมการแต่งงานกับ ซู (เจสสิก้า อัลบา) สาวน้อยที่ล่องหนหายตัวได้ โดยมี จอห์นนี่ (คริส อีแวนส์) น้องชายของ ซู ที่เป็นมนุษย์ไฟ กับ เบน (ไมเคิล ชิกลิส) มนุษย์จอมพลังตัวเป็นหิน คอยเป็นกำลังอย่างใกล้ชิด ด้วยความรู้สึกว่า ทั้ง 4 คือ ครอบครัวเดียวกัน ในขณะที่เนื้อที่ส่วนหนึ่งของหนังถูกแบ่งไปพูดถึงประเด็นนี้ หนังก็ต้องแบ่งเนื้อที่อีกส่วนมาว่าถึง การปรากฎตัวของ ซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์ จากนอกโลก จนกระทั่ง เซิร์ฟ บอร์ดผ่านเมืองต่าง ๆ อย่างทะเลญี่ปุ่นก็เล่นเอาปลี่ยนอุณภูมิกลายเป็นน้ำแข็งในฉับพลัน ผ่านทะเลทรายอียิปต์ร้อน ๆ ก็เล่นเอาหิมะตก (แต่พอผ่าน แอลเอ. กลับแค่ไฟดับซะงั้น?) แล้วหนังก็ยังวกไปหาตัวละครจากภาคแรกคือ วิคเตอร์ ดูม (จูเลียน แม็คมาฮอน) ที่หายกลับมามีอิทธิพลอีก ก่อนจะมาพูดถึงว่า โลกกำลังเผชิญกับภัยอันตรายจากนอกโลกที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา และเตรียมผนึกกำลังกู้โลกไว้ แต่ศัตรูจากนอกโลกนั้นก็ดูจะเป็นคล้าย ๆ สนามแม่เหล็กมากกว่าจะเป็นตัวตนแบบสัตว์ประหลาดพิสดารเห็น ๆ กันเลยเรื่องราวการต่อสู้ในหนังภาคนี้ก็เลยค่อนข้างหา จุดพีค ไม่ใคร่จะเจอสักเท่าไร ไม่ทันไรหนังก็จบซะแล้ว โดยภาพรวมก็เลยกลายเป็นการเล่าเรื่องแบบเลี้ยวไปโน่นนิดนี่หน่อย และทางเรื่องในส่วนของภัยจากนอกโลกในตอนนี้ก็ดูจะเป็นกลิ่นไอเหมือนกับ วอร์ ออฟ เดอะ เวิร์ลด์ ที่ สปีลเบิร์ก ทำไปเมื่อ ซัมเมอร์ 2 ปีก่อน และมุขสับเปลี่ยนพลังกันนี่ ก็เพิ่งถูก เชร็ค 3 ฉวยโอกาสใช้ไปก่อนหน้า (ออกฉายในอเมริกาไปแล้ว 4 สัปดาห์) ที่ให้ ด็องกี้ กับ พุสส์ อิน บูทส์ เกิดสลับร่างกันให้ลาเป็นแมว แล้วแมวเป็นลา นั่นไง อะไร ๆ ในหนังเรื่องนี้ก็เลยพาลจืดไปหมด จะหวังพึ่งความเป็น สเปเชียลเอฟเฟ็ค มาช่วย เรื่องแบบนี้ก็ดูจะเป็นของธรรมดาสำหรับฮอลลีวู้ดซะแล้ว หนังภาคนี้ก็เลยเหมือนการกลับมา ค้าของเก่า แบบค่อนข้างกร่อย ๆ ชืด ๆ แถมร่ำ ๆ เกือบจะออกเป็นหนังเกรด บี. หรือตอนหนึ่งในซีรี่ส์ ทีวี ด้วยซ้ำ.