THE OTHER BOLEYN GIRL(บัลลังก์รัก ฉาวโลก) : เรียนรู้จากหน้าประวัติศาสตร์ / 3 ดาว
ดารานำ : นาตาลี พอร์ตแมน และ สการ์เล็ตต์ โจฮานส์สัน
กำกับฯ : จัสติน แชดวิค
ความยาว: 115 นาที
ประเภท : ไม่เหมาะสำหรับผู้เยาว์ดูโดยลำพัง
เรื่องราวของอังกฤษ ในยุคสมัยราชวงศ์ทิวดอร์ (ค.ศ.1485-1603) ดูจะเป็นยุคสมัยหนึ่งที่ ยอดฮิต สำหรับการนำมาสร้างทั้งเป็นหนังใหญ่ และซีรี่ส์ สำหรับฉายทางทีวี ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้หนังใหญ่ที่โด่งดังก็คือ เอลิซาเบ็ธ (ออกฉายในปี 1998) และ เอลิซาเบ็ธ:ดิ โกลเด้น เอจ (ออกฉายในปี 2007) กับบทบาท ควีนเอลิซาเบ็ธ ที่ 1 ซึ่งสวมบทโดย เคท บลันเช็ทท์ นักแสดงหญิงเจ้าบทบาทจากออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ออสการ์ สาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยมทั้ง 2 ครั้งจากหนัง 2 ภาคนี้ กับซีรี่ส์ เดอะ ทิวดอร์ส ที่เริ่ม ออน แอร์ ซีซั่น 1 ในอเมริกาไปตั้งแต่ปี 2007 และขณะนี้กำลัง ออน แอร์ ซีซั่น 2 อยู่ สำหรับ ดิ อาเธอร์ โบลีน เกิร์ล เรื่องนี้น่าจะถือว่า มีเนื้อหาที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับซีรี่ส์ เดอะ ทิวดอร์ส หรือจะเรียกว่าเป็น เดอะ ทิวดอร์ส ฉบับย่อหรือฉบับ เดอะ บีกินนิ่งส์ ก็ได้ เพราะหนังจับความในยุคสมัยของกษัตริย์เฮ็นรี่ที่ 8 (แสดงโดยดารา ออสซี่ อีริค บานา อีกเช่นกัน) ซึ่งประสบปัญหาในเรื่องการมีพระราชโอรสไว้สืบราชสมบัติเมื่อ ควีนแค็ทเธอรีน พระมเหสีไม่อาจให้กำเนิดพระโอรสได้ กษัตริย์เฮ็นรี่ จึงเริ่มห่างเหินจากกัน เหล่าขุนนางจึงถือเป็นโอกาสที่จะคัดหาสาวสวยมาถวายเป็นพระสนมในพระองค์เป็นการทดแทน โดยเฉพาะเหล่าขุนนางในตระกูลโบลีน ซึ่งเซอร์โธมัส โบลีน นั้นมีลูกสาวอยู่ 2 คนคือ แอนน์ (นาตาลี พอร์ตแมน) ลูกสาวคนโต และ แมรี่ (สการ์เล็ตต์ โจฮานส์สัน) ลูกสาวคนที่ 2 ซึ่งเป็นลูกคนกลาง เพราะยังมีลูกคนเล็กเป็นชายคือ จอร์จ (จิม สเตอร์เกสส์) อีกคน ได้คิดการใหญ่ปรึกษากับ ดยุคแห่งนอร์ฟอล์ค น้องเขยวางแผนที่จะดัน แอนน์ ให้เป็นที่โปรดปรานของ กษัตริย์เฮ็นรี่
แต่ปรากฎว่า กษัตริย์เฮ็นรี่ กลับโปรด แมรี่ มากกว่า ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งแต่งงานกับพ่อค้าหนุ่มในละแวกนั้นไป แต่ก็โปรดให้ทั้ง แมรี่ และ แอนน์ เข้าไปอยู่ในวัง ในขณะที่ แมรี่ ได้ถวายตนเป็นพระสนมของ กษัตริย์เฮ็นรี่ แอนน์ ที่รู้สึกอิจฉาในโชคชะตาที่เข้าข้างน้องสาวของเธอ จึงคิดวางแผนสร้างสถานะให้กับตนเองบ้าง โดยใช้วิธีหว่านเสน่ห์ให้กับขุนนางหนุ่มจนเข้าพิธีแต่งงานกับเขา แต่ปรากฎว่าขุนนางรายนั้นมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เลยกลายเป็นเรื่องฉาวจนความรู้ถึงหู กษัตริย์เฮ็นรี่ เลยสั่งเนรเทศ แอนน์ ไปอยู่กับ ควีน แห่งราชสำนักฝรั่งเศส แต่ แอนน์ ก็ไปอยู่ที่ฝรั่งเศสได้ไม่กี่เดือน พอ แมรี่ ตั้งครรภ์ ฝ่ายเซอร์โบลีน และ ดยุคแห่งนอร์ฟอล์ค ก็สมคบกันรอบใหม่ เพื่อไม่ให้ กษัตริย์เฮ็นรี่ ไปโปรดผู้หญิงคนอื่น เรียกตัว แอนน์ กลับมาจากฝรั่งเศส เพื่อถวายตนเป็นพระสนมคนใหม่ของ กษัตริย์เฮ็นรี่ แต่ แอนน์ ดูจะมีความมักใหญ่ใฝ่สูงกว่านั้น และการกลับมาครั้งนี้เธอก็ไม่ใช่ แอนน์ ธรรมดาอย่างแต่ก่อน หากเพรียบพร้อมด้วยเล่ห์เพทุบายหลายเล่มเกวียน จนสร้างเสน่ห์มัดใจให้ กษัตริย์ เฮ็นรี่ ลุ่มหลงชนิดชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สามารถเขี่ยทั้ง แมรี่ น้องสาวที่คลอดลูกมาเป็นผู้ชายด้วยซ้ำให้กลับไปใช้ชีวิตในชนบท และมีการถอด ควีน องค์เก่าออกจากตำแหน่ง และสถาปนา แอนน์ เป็น ควีน องค์ใหม่ทดแทน โดยไม่ใส่กับการยอมรับของประชาชนหรือไม่?
ว่าไปแล้วโครงเรื่องของหนังแบบนี้ถือเป็นสูตรสำเร็จที่ชี้ให้เห็นว่า ด้วยเสน่ห์ และจริตแห่งเพศหญิงนั้นบางครั้งก็ทำให้ผู้หญิงก้าวขึ้นมามีอำนาจเหนือผู้ชายได้เช่นกัน ซึ่งข้อเท็จจริงแบบนี้ก็มีให้เห็นในหน้าประวัติศาสตร์ของหลาย ๆ ประเทศมาแล้ว และครั้งหลัง ๆ สุด อังลี ก็นำสูตรแบบนี้มาใช้เล่าเรืองหนัง ลัสท์,คอชั่น มาแล้วเช่นกัน เพียงแต่ว่า หนัง ดิ อาเธอร์ โบลีน เกิร์ล เล่าเรื่องด้วยความเข้มข้นของเรื่องราวเอง แต่ไม่ได้เน้น เลิฟ ซีน หรือ เซ๊กซ์ ซีน ที่เร่าร้อน และอื้อฉาวเท่าที่ ลัสท์,คอชั่น ใช้
หนังชุมนุมดารามีชื่อหลายคนมาประชันบทกัน นอกจาก 2 ดาราสาวแถวหน้า อย่าง นาตาลี พอร์ตแมน และ สการ์เล็ตต์ โจฮานส์สัน แล้ว ก็ยังมี คริสเท่น สก๊อตต์ โธมัส ดาราเจ้าบทบาทรุ่นใหญ่ของอังกฤษที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ออสการ์ ดารานำหญิงยอดเยี่ยมจาก ดิ อิงลีช เพเชียนท์ ในปี 1997 มารับบทแม่ของ 2 สาว ที่แม้จะรับรู้เรื่องราวความเป็นไป แต่ก็ไม่อาจช่วยเหลือชะตากรรมลูก ๆ ของตนได้ สำหรับฝ่ายดาราชาย อีริค บานา ทำให้บท กษัตริย์เฮ็นรี่ ดูเป็นหนุ่มที่เซ็กซี่บึกบึนทีเดียว น่าเสียดายที่ดาราหนุ่มอังกฤษอีกคนคือ จิม สเตอร์เกสส์ ที่มาแสดงเป็น จอร์จ น้องชายคนเล็กของตระกูลโบลีน หลังจากแสดง อครอสส์ เดอะ ยูนิเวอร์ส ด้วยซ้ำ แต่บทไม่ค่อยมีน้ำหนักให้ได้แสดงอะไรมากนัก เพราะ 2 นางเอกแย่งความเด่นไปหมด ดีนะที่หลังจากนั้นมาได้ 21 แสดงนำ ไม่งั้นก็คงจะ ดร็อป ไป
ดิ อาเธอร์ โบลีน เกิร์ล เป็นหนังที่นำเอาความเป็นไปทางประวัติศาสตร์มานำเสนอให้คนรุ่นหลังได้ได้รับรู้ และเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ ผู้กำกับฯหนุ่มอังกฤษ จัสติน แชดวิค เดินเรื่องได้อย่างฉับไวน่าติดตาม เพียงแต่ว่า ถ้าหนังมีตัวหนังสือขึ้นให้รายละเอียดช่วงปีค.ศ.ที่เกิดเหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ที่เกิดเหตุในเรื่องก็คงจะช่วยให้คนดูได้เข้าใจเรื่องราวมากขึ้นอีก.
มีทั้ง สกาเล้ท ทั้ง นาตาลี อะ
แถมด้วยย้อนยุคอีก ง่ะ แล้วยังไงล่ะเนียะ
ก็ ....อยากดูสิครับพี่น้อง อะก๊ากกก