MY WIFE IS A GANGSTER 3 (ขอโทษอีกที แฟนผมเป็น...ยากูซ่า) : ผู้หญิงอกสามศอก / 2 ดาว
ดารานำ : ซูฉี และ ลี เบิม-ซู
กำกับฯ : โช ยิน-กิว
ความยาว: 114 นาที
ประเภท : ไม่เหมาะสำหรับผู้เยาว์ดูโดยลำพัง
ถือเป็นหนัง ภาคต่อ ที่ประสบความสำเร็จเรื่องหนึ่งของวงการหนังเกาหลี เพราะหลังจาก มาย ไวฟ์ อีส อะ แก๊งค์สเตอร์ ภาคแรก ที่ออกฉายในปี 2001 นอกจากจะมีการสร้างภาค 2 ตามมา จนถึงภาค 3 เรื่องนี้แล้ว ก็ยังทำให้เกิดหนังที่มีอะไรใกล้เคียงกันจนเผลอ ๆ บางทีจะจำสับกันว่า เป็นหนังเรื่องเดียวกันอย่าง แมรี่อิ้ง เดอะ มาเฟีย ที่สร้างภาคแรก ออกมาในปี 2002 และจนถึงตอนนี้ก็ทำออกมาถึงภาค 3 แล้วอีกเหมือนกัน
มาย ไวฟ์ อีส อะ แก๊งค์สเตอร์ 3 เป็นการกลับมากำกับฯหนังชุดนี้อีกครั้งของผู้กำกับฯ โช ยิน-กิว ที่กำกับฯภาคแรกไว้ และมาเปลี่ยนตัวผู้กำกับฯในภาค 2 แต่ถ้าใครจำได้ตอนจบของหนังก็มีเชื้อที่ได้กลิ่นไอว่า หนังภาค 3 จะเป็นงานที่มีการทำงานร่วมกันระหว่างวงการหนังเกาหลีกับวงการหนังจีนบ้าง เพราะจู่ ๆ ก็มี จางซิยี่ โผล่มาเป็นดารารับเชิญ ก็เลยคาดกันว่า หนังภาค 3 จะได้เห็น จางซิยี่ มาวาดลวดลายคิวบู๊บ้าง แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่รู้ว่า เพราะการเจรจาไม่เป็นที่ตกลงกัน หรือเพราะ จางซิยี่ โกอินเตอร์ จนไม่มีมีคิวมาเล่นให้แล้วก็ไม่รู้ หนังภาค 3 ก็เลยได้นางเอกจีนคนดังอย่าง ซูฉี มารับบทแทน และยังเชื่อว่า งานนี้น่าจะเป็นการลงทุนร่วมระหว่างผู้สร้างเกาหลีกับจีน (ฮ่องกง) ด้วย โดยช่วงแรก ๆ ของหนังแทบจะชวนให้เข้าใจว่าเป็นหนังฮ่องกงด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะมี ซูฉี แล้วยังมีดาราใหญ่ (ในอดีต) อย่าง ตี้หลุง มาแสดงเป็นพ่อ ซูฉี ซึ่งเป็นมาเฟียแก๊งค์หนึ่งในฮ่องกง ที่แก๊งค์ตรงข้ามต้องการเทียบรัศมี และวางแผนกำจัดลูกสาวเจ้าพ่อ ทำให้ต้องหาทางออกด้วยการส่งเธอไปลี้ภัยหลบอยู่ที่ไหนเป็นชั่วคราวสักระยะหนึ่ง ซึ่งตามบทตอนแรก ๆ เจ้าพ่อเลือกที่จะส่งไปอเมริกา แต่ลูกสาวเลือกมาเกาหลี (ใต้) แทน พอมาถึงเกาหลี เธอก็ต้องยืนอยู่ระหว่างมาเฟียต่างแก๊งค์ที่จ้องเล่นงานกันเองอีกอยู่ดี แล้วเธอก็ได้โชว์ความสามารถเพลงบู๊ที่แซงหน้าแซงตาเหล่าผู้ชายอกสามศอกไปด้วยซ้ำ
ลี เบิม-ซู จาก เดอะ ซิตี้ ออฟ ไวโอเลนซ์ ถูกดันขึ้นมาบทเป็นตัวนำคู่ ซูฉี แต่ก็ค่อนข้างจะมีบทแบบเป็นตัว ตามน้ำ (แต่ก็ยังดีกว่าลูกน้องอีก 2 คนของเขา) และเพื่อให้หนังเป็นไปตามชื่อเรื่องก็ต้องให้มีเรื่องความรักพิชิตหัวใจลูกสาวเจ้าพ่อฮ่องกงรายนี้ด้วย (ฐานที่ยังไงก็ช่วยชีวิตเธอไว้ตามสูตร)
หนังดูสนุกไปได้เรื่อย ๆ (และไม่มีอะไรใหม่) เล่นกับความแตกต่างของภาษา และวัฒนธรรมต่างกันที่มาพบกัน ซึ่งใครเป็นแฟนหนังชุดนี้ และดารา ซูฉี ก็ไม่น่าผิดหวัง เพราะหนังทั้งเรื่องนี้ก็โชว์คิวบู๊ ซูฉี ล้วน ๆ แถมยังมีท่าเก่งที่คุ้นตามาจาก โซ โคลส และ ทรานสปอร์ทเตอร์ และเรื่องอื่น ๆ มาโชว์เหมือนเดิม แต่สำหรับแฟนหนัง ขาจร อาจจะรู้สึกว่า นี่ก็เป็นแค่หนังผู้หญิงเก่งพื้น ๆ กับพล๊อตเรื่องง่าย ๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น.