All Blog
บ้านผีสิง : 3 in 1 ยังไม่พอ!
บ้านผีสิง : 3 อิน 1 / 2 ดาวครึ่ง

ดารานำ : อินทิรา เจริญปุระ และ ชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์
กำกับฯ : มณฑล อารยางกูร
ความยาว: 110 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ

งานกำกับฯชิ้นที่ 3 ของ มณฑล อารยางกูร แห่ง “ปักษาวายุ” และ “ผีคนเป็น” คราวนี้ไม่ทิ้งช่วงเหมือนจากงานชิ้นแรกมางานชิ้นที่ 2 เพราะใช้เวลาไม่ถึงปีก็มีงานใหม่ออกฉายแล้ว แม้ชื่อหนังเรื่องนี้จะฟังดูเหมือนชื่อ “เบสิค” พื้น ๆ ธรรมดาของหนังผีทั่วไป แต่ต้องถือว่า เป็นงานที่ “แทงกั๊ก” เอาไว้หลายชั้น เพราะนี่เป็นงาน “3 อิน 1” ที่เล่นจับเอา 3 คดีฆาตกรรมอันโด่งดังที่ปรากฎเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ซึ่งสามารถจะนำมาทำเป็นหนังก็ได้ถึง 3 เรื่องมาประติดประต่อร้อยให้เป็นเรื่องเดียวกัน โดยมีจุดเด่นก็คือ ทั้ง 3 คดีนั้นเกิดขึ้นในวงการหมอ และพยาบาล แม้ชื่อของตัวละครในคดีเหล่านั้นจะมีทั้งที่ดัดแปลงไปบ้างแต่ก็ยังคงมีความใกล้เคียงให้นึกถึงชื่อเดิมได้ ขณะที่บางตัวก็ใช้ชื่อชัด ๆ ตรง ๆ เลย แต่ยังไงก็เป็นที่รู้ดีว่า ทั้ง 3 คดีที่หนังเอ่ยถึงก็คือ คดีหมออธิปฆ่าถ่วงน้ำพยาบาลสาวนวลฉวี,คดีนักศึกษาแพทย์ปี 2 เสริม ที่ฆ่า เจนจิรา นักศึกษาแพทย์ปี 5 คู่รัก และคดีหมอวิสุทธิ์ฆ่าหั่นศพหมอผัสพร ภรรยา โดยหนังได้มีการบิดเรื่องเพื่อหาจุดร่วมกันของทั้ง 3 คดีมาเป็นว่า ทั้งผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำจนเสียชีวิตในคดีเหล่านั้นล้วนแต่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ของ “โรงพยาบาลมักกะสัน” (ตามที่หนังระบุ) ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่า หมายถึง “โรงพยาบาลรถไฟ” ในชื่อที่รู้จักกันดั้งเดิม และ หมอผัสพร ตัวจริงก็เคยทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
หนังเริ่มต้นด้วย ชาลินี (ทราย-อินทิรา เจริญปุระ) นักข่าวทีวี เกิดสนใจทำคดีที่มีหมอเป็นฆาตกร หลังจากเริ่มต้นค้นคว้าเก็บข้อมูลไปได้พักหนึ่งก็พบจุดร่วมของคดีเหล่านี้ว่า ล้วนแต่เกิดขึ้นที่บ้านหลังโรงพยาบาลแห่งนั้น และเมื่อเธอจึงลักลอบเข้ามาที่บ้านร้างหลังนั้น ก็รู้สึกเหมือนว่า เหตุการณ์จากทั้ง 3 จะค่อย ๆ ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเธอเอง ราวกับว่า บ้านหลังนี้เป็นเสมือนประตูนำเธอเข้าไปสัมผัสรับรู้กับทั้ง 3 เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ขณะที่ ชาลินี ก็มีสามีแล้วคือ ภาณุ (ชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์) ทนายความหนุ่ม ซึ่งเมื่อหนังเดินเรื่องไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคนดูก็พอจะเดาทางเรื่องได้แล้วว่า ท้ายที่สุดชีวิตคู่ระหว่าง ชาลินี กับ ภาณุ จะจบลงแบบไหน?
หนังประสบความสำเร็จในการสร้างบรรยากาศหลอน ๆ เล่นกับคนดูขวัญอ่อนให้ได้ตกอกตกใจไปกับการตัดภาพปรากฎตัวของผีในเรื่อง และเสียงกรี๊ดร้องของตัวแสดงเป็นฉาก ๆ แต่เมื่อเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ บทหนัง ที่ยังเป็นการทำงานของ สมภพ เวชชพิพัฒน์ คนเขียนบท “ผีคนเป็น” คนเดิม และยังไม่มีข่าวคราวจะกลับไปกำกับฯหนังให้ได้ยินอีกเลย กลับกลายเป็นตัวนำคนดูก้าวออกจาก “คอนเซ็ปท์” ของหนังที่วางไว้เสียเอง นั่นคือ จากพยายามดึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นที่บ้านหลังนั้น เพราะกลับกลายเป็นว่า วิญญาณเหล่านั้นก็สามารถมาปรากฎตัวขึ้นที่คอนโดที่พักของ ชาลินี กับ ภาณุ ได้
จากช่วงกลาง ๆ ที่หนังเล่าเรื่องด้วยภาพให้เห็นว่า ในบ้านหลังนั้นเหมือนมีเงาดำ ๆ ที่เหมือนตัวอสูรหรือวิญญาณชั่วร้ายอะไรสักอย่างอยู่ ก็เริ่มเป็นการแตกประเด็นที่สะท้อนแนวคิดของผู้กำกับฯที่ยังหลงใหลกับเรื่องสัตว์ประหลาดออกมาประปราย แต่ในช่วงท้าย ๆ เรื่องบทของหนังก็ยิ่งแตกขยายวงหนักขึ้นไปอีกอย่างไม่จำเป็นเพราะหนังก็ใกล้จะจบแล้ว แต่กลับยังไปเอ่ยถึงทั้งเรื่องแขกมักกะสันที่ย้อนความกลับไปถึงการก่อกบฎในสมัยพระนารายณ์มหาราชในสมัยกรุงศรีอยุธยาโน่น (ที่ไม่รู้จะขุดมาตอกย้ำอะไร?) แล้วก็ยังไม่จบมาต่อถึงเรื่องราวสมัยรัชกาลที่ 3 กับรัชกาลที่ 5 และสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้าไปอีก
แต่ยังไงก็ยังดีที่ไม่ “ออกทะเล” แบบหนัง “ผีคนเป็น” ที่ครึ่งแรกกับครึ่งหลังเหมือนหนังคนละเรื่อง.



Create Date : 09 กันยายน 2550
Last Update : 9 กันยายน 2550 2:01:19 น.
Counter : 2374 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

alexkh
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]