SHREK THE THRID (เชร็ค 3) : ปฏิบัติการ เดอะ คิง เมคเกอร์ / 2 ดาวครึ่ง
ดารานำ : (หนังการ์ตูน)
กำกับฯ : คริส มิลเลอร์ และ รามัน ฮุย
ความยาว: 92 นาที
ประเภท : ดูได้ทั่วไป
หนังยังคงเกาะติดสูตรสำเร็จจาก เชร็ค 2 ที่ประสบความสำเร็จในการทำรายได้ที่ถล่มทลายยิ่งกว่าหนังภาคแรก นั่นคือ การทำหนังการ์ตูน แอนิเมชั่น ที่ไม่ได้ ขาย เฉพาะเด็ก แต่เป็นการสนองตอบต่อคนดูหนังที่เป็นผู้ใหญ่ด้วย ยังคงมีการนำเอาบทเพลงฮิตดัง ๆ ในอดีตเข้ามาใช้เล่นกับสถานการณ์ต่าง ๆ ของหนัง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินเพลงซาวน์แทร็คไตเติ้ลหนัง เจมส์บอนด์ ปี 1973 ตอน ลีฟ แอนด์ เล็ท ดาย ที่ พอล แม็คคาร์ทนีย์ ร้องไว้กลับมาใช้ใหม่ในบรรยากาศใหม่ ๆ ของ เชร็ค เดอะ เธิร์ด (และเพลงดังในอดีตเพลงอื่น ๆ อีก 3-4 เพลง) และมุขตลกของหนังเรื่องนี้ยิ่งกว่าการ จับแพะชนแกะ แต่เป็นการ จับลา (ด็องกี้) จนแมว (พุสส์ อิน บู๊ทส์) พร้อมกับการรวมมิตรตัวการ์ตูนดัง ๆ หลายตัวซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างยาวนาน หรือตัวละครที่รู้จักในเทพนิยายหลายตัวเข้ามามีบทบาทในหนังภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็น สโนว์ไวท์,ซินเดอเรลล่า,เจ้าหญิงนิทรา,ราพันเซล ไปจนถึง อาร์เธอร์,ลานสล็อต,พ่อมดเมอร์ลิน หรือแม้แต่กัปตันฮุค
ดูจากโครงเรื่องของ เชร็ค เดอะ เธิร์ด จะเห็นได้ว่า มีการผูกเรื่องแบบ มินิซีรี่ส์ จบในตอนใช้กัน นั่นคือ นอกจากการดำเนินไปของโครงเรื่องหลักที่เป็นบทบาทของตัวละครหลักของเรื่องแล้ว ก็ยังมี ซับพล๊อต อีกเรื่องที่ดำเนินไปคู่ขนานกับโครงเรื่องตัวละครหลักเหล่านั้นด้วย
โครงเรื่องหลักที่ยังใช้ดำเนินไปในครั้งนี้ก็คือ เรื่องราวในอาณาจักร ฟาร์ ฟาร์ อเวย์ ที่ เชร็ค กับ ฟีโอน่า และคณะผู้ติดตามของเขาเดินทางมาใช้ชีวิตสุดเฮฮาใน เชร็ค 2 หลังจากตัวละครเอกอย่าง ด็องกี้ มีครอบครัวมีลูกมีเต้าไปแล้ว มาถึงภาคนี้ก็ถึงคิวของ เชร็ค กับ ฟีโอน่า จะต้องพูดถึงการมีลูกบ้างละ ขณะที่ ชาร์มมิ่ง คู่ปรับของ เชร็ค ก็ยังจดจ้องหาโอกาสจะเข้ามาเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักร ฟาร์ ฟาร์ อเวย์ ต่อไป แต่หลังจากที่พระราชาแฮโรลด์สิ้นพระชนม์แทนที่ เชร็ค จะขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักร ฟาร์ ฟาร์ อเวย์ แทน แต่ เชร็ค กับทำหน้าที่เป็น เดอะ คิง เมคเกอร์ คือ ติดตามหาทายาทผู้มีสิทธิ์มาเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักร ฟาร์ ฟาร์ อเวย์ แทน ซึ่งก็คือ ส่วนผสมที่เป็น ซับพล๊อต ของ เชร็ค เดอะ เธิร์ด ครั้งนี้คือ การติดตามหาหนุ่มน้อย อาร์ตี้ หรือ อาร์เธอร์ มาเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักร ฟาร์ ฟาร์ อเวย์ พระองค์ต่อไป ซึ่งหนังก็ยังคงคาแรคเตอร์ และตัวละครที่เกี่ยวข้องอยู่ อย่างมี อาร์เธอร์ ก็ต้องมี เมอร์ลิน แต่หนังก็ยังไม่เอามาซะหมดทีเดียว เพราะเรื่องนี้ อาร์เธอร์ ก็ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์อาณาจักร ฟาร์ ฟาร์ อเวย์ โดยไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองดึงดาบที่ปักไว้ที่ก้อนหิน
หนังยังใช้จุดขายที่นำเอาดาราดัง ๆ มาให้เสียงตัวละครอยู่ต่อไป ซึ่งนอกจากที่ติดตามให้เสียงกันมาตั้งแต่ 2 ภาคที่แล้ว อย่าง ไมค์ ไมเออร์ ให้เสียง เชร็ค,เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ ให้เสียง ด็องกี้,แอนโตนิโอ แบนเดอรัส ให้เสียง พุสส์ อิน บู๊ทส์,คาเมรอน ดิแอซ ให้เสียง ฟีโอน่า,รูเพิร์ท เอเวอร์เรตต์ ให้เสียง ปริ้นซ์ชาร์มมิ่ง แต่ผู้มาใหม่ในภาคนี้ก็คือ จัสติน ทิมเบอร์เลค ที่ให้เสียง หนุ่มน้อยอาร์เธอร์ ซึ่งดูจะรุ่ง และได้รับการพูดถึงกว่าการโผล่หน้ามาแสดงหนังหลาย ๆ เรื่องก่อนหน้าของเขาเองด้วยซ้ำ
เหมือนกับหนังชุด โจรสลัด ที่แฟนพันธุ์แท้ก็ยังจะสนุกกับการได้พบตัวละครที่พวกเขาคุ้นเคย แต่เรื่องแปลกแต่จริงที่เกิดขึ้นก็คือ ความสนุกจริง ๆ ของหนังภาคนี้กลับไม่ค่อยมาจากตัวละครดั้งเดิมหรือตัวละครหลักของ เชร็ค เท่าไร เพราะหลายตอนที่ตัวละครเสริมหรือตัวประกอบกลับ แย่งซีน ไปหน้าตาเฉย (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าหญิงนิทรา ที่คุยไปคุยมากลับตั้งหน้าตั้งตาจะหลับท่าเดียว หรือ สโนว์ไวท์ ที่มาเป็นเพื่อนกับ ฟีโอน่า ที่จะยกคนแคระมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงลูกของ ฟีโอน่า)
เชร็ค เดอะ เธิร์ด อาจมองเห็นพัฒนาการด้านรูปแบบในแง่เส้นสายการเคลื่อนไหวของตัวการ์ตูน ที่ปรากฎบนจอที่มีชีวิตชีวาสมจริงขึ้น ขณะเดียวกันก็เริ่มแสดงให้เห็นการหยุดนิ่ง การหากินกับของเก่า กับเนื้อเรื่องของหนัง แทนที่จะมีการสร้างสรรค์คิดค้นอะไรใหม่ ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่าง 2 ภาคที่แล้ว ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ภาคต่อ ๆ ไปที่ประกาศจะสร้างตามออกมานั้น...จะเอาอะไรมาขาย?.
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [