All Blog
ผีจ้างหนัง : สิ่งที่คนดูอยากดู...ก็ไม่ (ยัก) ทำ!
ผีจ้างหนัง : สิ่งที่คนดูอยากดู...ก็ไม่ (ยัก) ทำ! / 2 ดาวครึ่ง

ดารานำ : อชิตะ ปราโมช ณ อยุธยา และ ภัครมัย โปรตระนันท์
กำกับฯ : ทรงศักดิ์ มงคลทอง
ความยาว: 98 นาที
ประเภท : สำหรับผู้ใหญ่โดยเฉพาะ

มองในหนังความเป็นหนังผีหนังเรื่องนี้ก็มีทุกอย่างในสูตรสำเร็จที่คนทำหนังไทยแนวนี้นิยมทำกัน มีผีโผล่ออกมาสร้างความตื่นเต้นให้กับคนดูอยู่เป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ นับจำนวนฉาก และจำนวนผีโผล่ออกมาแล้วก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่น้อย (บางตัวออกมาแค่ฉากสองฉากก็ยังเอา แล้วดู ๆ ไปก็ไม่ค่อยสัมพันธ์กับเรื่องด้วยซ้ำ ก็ยังยอม) ในขณะเดียวกันโครงเรื่องบางส่วนยังทำให้นึกถึงหนังไทยแนวเดียวกันที่ฉายไปก่อนหน้าอย่าง “วิญญาณ โลก คนตาย” ที่พูดถึง “คนเป็น” ได้เห็นได้สัมผัสกับ “คนตาย” หรือหนังอย่าง “บ้านผีสิง” และ “บอดี้ ศพ#13” ในแง่พูดถึงหมอที่มีปัญหากับภรรยา จนเป็นเหตุให้ชีวิตคู่พังพินาศ และลงท้ายด้วยการปลิดชีวิตภรรยาตนเอง

แต่ปัญหาสำคัญสำหรับตลาดในประเทศของงานชิ้นนี้คือ การวิ่งหนีคนดู และไม่ตอบโจทย์ที่คนดูหนังอยากจะรู้ อยากจะดู แต่กลับไปทำไปเล่าเรื่องที่คนดูไม่ได้ขานหวังว่าอยากจะมาดู (ซะงั้น) เพราะขณะที่คนดูคาดการณ์ว่า จะได้มาเห็นการไขปริศนา 1 ในเหตุการณ์ที่ยังคงเรื่องเร้นลับ ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ตราบจนทุกวันนี้ และยังคงเล่าขานสืบต่อกันมาตราบทุกวันนี้ของการว่าจ้างคณะหนังเร่ไปฉายหนังที่ดงคำชะโนด อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ในคืนหนึ่งของช่วงปลายเดือนมกราคม ปี 2532 หรือเมื่อเกือบ 18 ปีแล้ว และเคยเป็นข่าวขึ้น “หน้าหนึ่ง” หนังสือพิมพ์มาแล้ว เพราะต่อมาไม่พบว่าที่มาตกลงว่าจ้างฉายหนังมีตัวตนจริง (จนเชื่อกันว่า “ผี” มาว่าจ้างไป “ฉายหนัง”) และพบว่า ละแวกที่ฉายหนังนั้นไม่มีหมู่บ้านใด ๆ โดยคนในหมู่บ้านใกล้เคียงแถวนั้นก็ยืนยันว่า ไม่ได้เดินทางมาดูหนังคืนนั้น แต่คนฉายหนังก็ยืนยันว่า ตอนดึก ๆ มีคนมานั่งดูหนังที่ฉายเต็มไปหมด ที่สำคัญก็คือ หาลานกว้างที่เป็นสถานที่ฉายหนังคืนนั้นไม่เจอ เนื่องจากแถวนั้นเป็นป่ารกทึบ อย่างว่าแต่การมากางจอฉายหนังเลย แม้แต่รถฉายหนังเร่ ก็ไม่อาจหาทางวิ่งเข้าไปตั้งจอตั้งเครื่องฉายได้ หนังกลับไม่ได้ทำให้เรื่องนี้กระจ่างแต่อย่างใด หากกลับไปสร้างเรื่องใหม่แบบที่เกิดขึ้นในอีก 18 ปีต่อมาของ หมอยุทธ (อชิตะ ปราโมช ณ อยุธยา) ซึ่งมี อ้อน (ภัครมัย โปรตระนันท์) พยาบาลสาวเป็นแฟน และลำพังเรื่องราวในมีชีวิตคู่ของเขาก็เรื่องระหองระแหงกระท่อนกระแท่นอยู่แล้ว แต่หนังไม่ได้บอกว่ามีใดที่มาจุดประกายให้ หมอยุทธ เกิดอยากจะไขปริศนาการฉายหนังเร่ที่ดำคำชะโนดนั้น ทั้ง ๆ ที่มันก็ล่วงเลยมานานแล้ว โดยมีผู้ที่มาร่วมทีมเกี่ยวข้องกับการแกะรอยร่วมกับ หมอยุทธ อีก 3 คนคือ จิ (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) และ พรรณ (พิมลวรรณ หุ่นทองคำ) สามีภรรยานักข่าวรุ่นใหญ่ รวมถึง โรจน์ (นะโม ทองกำเหนิด) เด็กในร้านขาย และรับซ่อมหนังสือเก่า หรือว่าไปแล้วน่าจะถือว่า นี่เป็นหนังภาค 2 ต่อจากเหตุการณ์ฉายหนังเร่ที่ดงคำชะโนด ในปี 2532 มากกว่า

แรกที่ได้ยินข่าวโปรเจ็คท์นี้ก็ให้นึกถึงหนังดังของฝรั่งอย่าง “เดอะ แบลร์ วิทช์ โปรเจ็คท์” หรือหนังไทยที่ถือว่าเป็นการนำปรากฎการณ์เร้นลับพื้นบ้านมาผูกเป็นเรื่องอย่างเข้าท่าคือ “15 ค่ำ เดือน 11” แต่ “ผีจ้างหนัง” กลับไม่ได้ออกมาอย่างนั้น แถมหนังก็ยังติดโรคระบาดของค่าย “ไฟว์สตาร์” เพราะในช่วงขวบปีที่ผ่านมานี้หนังค่ายนี้ล้วนต้องมีบท “หักมุม” ให้ดู “เหมือนเท่” แทบทั้งนั้น ขณะที่หนังตีความเหมือนว่า นี่จะเป็นเหตุการณ์อาถรรพณ์ที่เป็นวัฎจักรจะเกิดขึ้นทุก ๆ 18 ปี นอกจากบทจะยังไม่ได้บอกว่า เพราะอะไรถึงต้องเป็นเช่นนั้นแล้วยังกลายเป็นปัญหาแบบไก่กับไข่อะไรจะเกิดก่อนกันไล่เรียงให้เถียงกันได้ไม่รู้จบไปอีก

จริง ๆ แล้วแค่ หมอยุทธ อยู่กรุงเทพฯ แต่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่อุดรธานี ก็ดูไม่มีเหตุผลมารองรับแล้ว หนังยังทำให้งงไปอีกก็คือ ยังมีการค้นพบฟิล์มหนังชุดที่ไปฉายที่ดงคำชะโนดเมื่อปี 2532 แล้วพอเอามาฉาย (ที่โรงหนังซึ่งปิดตัวไปแล้ว แต่อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ดูพร้อมราวกับเป็นออฟฟิศทำงานเรื่องนี้ของ หมอยุทธ โดยเฉพาะเลย) ภาพที่ปรากฎบนจอกลับดูจะเป็นภาพที่ดงคำชะโนด และเห็นผีเดินขวักไขว่ไปมา ที่งงก็คือ งานนี้ต่อจะยกประโยชน์ให้ผีว่าเฮี้ยนขนาดไหน แต่วิธีทำงานมันดูจะต่างกัน เพราะหนังที่จะไปฉายบนจอได้ฟิล์มนั้นต้องผ่านกรรมวิธีห้องแลปที่ล้าง และ “พริ้นท์” ฟิล์มขึ้นมาเสร็จสรรพแล้ว แต่ภาพที่เห็นบนจอหนังนั้นมันเหมือนคณะนักเร่ที่ไปฉายหนังต้องหอบกล้อง ไฟ และฟิล์ม “เนกาทีฟ” ไปถ่ายภาพมาต่างหาก ซึ่งเป็นคนละกระบวนการกัน

นอกจากความคลุมเครือของตัวหนังแล้วก็ยังส่งผลมายังบทบาทของนักแสดงในเรื่องด้วย ซึ่งแต่ละคนมีเนื้อที่ในจังหวะของบทให้ได้มีโอกาสแสดงความสามารถกันไม่มากนัก ขณะที่ “ตอง ภัครมัย” แม้นี่จะเป็ฯการแสดงหนังเรื่องที่ 2 นอกเหนือจากประสบการณ์ในการแสดงละครทีวี มาด้วย แต่บทแบบนี้เธอก็ยังแสดงได้ไม่เด่นหากจะเทียบกับ “รัน” (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) จาก “ศพ” (อาจารย์ใหญ่) และ “วิญญาณ โลก คนตาย” ที่เพิ่งผ่านไป ซึ่งบทมาในทางเดียวกัน ส่วน “อิงค์ – อชิตะ” กับหนังเรื่องแรก (ทั้ง ๆ ที่เคยได้ข่าวว่าจะเล่นหนังมาแล้วหลายครั้ง) ยังพอมองเห็นความตั้งใจ แต่ด้วยคาแรคเตอร์ส่วนตัวที่เหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ที่แฝงความดูเป็นเด็กอยู่ ก็ยังไม่ทำให้บท หมอยุทธ เข้มข้นได้เท่าที่บทหนังต้องการ

ความที่โลเกชั่นโรงหนังเก่าที่หนังใช้ดันเป็นที่เดียวกับหนัง “โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า” ใช้ ซึ่งลงโรงฉายไปก่อนซะอีก ดูไปก็เลยอดคิดเล่น ๆ ไม่ได้ว่า แล้ว หมอยุทธ กับทีมงานมาที่นี่บ่อย ๆ จะเจ๊อะกะ “พี่บีม” ของน้อง ๆ เขาบ้างหรือเปล่าหนอ?.



Create Date : 05 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 1:35:47 น.
Counter : 3343 Pageviews.

3 comments
  
อยากดูค่ะเรื่องนี้ แต่ไม่มีเพื่อนไปดูด้วย..กลัว

อ่านดูแล้ว เหมือนว่ามันไม่ได้ให้ความกระจ่างเท่าไร ยังคลุมเครือๆ อยู่...แต่ส่วนมากเวลาไปดูหนัง เพราะอยากจะดู ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องรีวิวเท่าไรนัก เพราะรีวิวหนังบางเรื่องเขารีวิวมาไม่ดีแต่เรากลับชอบ...สรุปคือ หนังที่ดี คือหนังที่เราดูแล้วเราชอบ (ตามความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)

สุขสันต์วันพ่อค่ะ
โดย: ShoesMonster วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:3:32:07 น.
  
ผมคงรอเป็นหนังแผ่นครับ
เบื่อแนวหนังประเภทนี้มาก
(แวะไปเยี่ยมเยียนบ้างนะครับบล็อกผมเป็นเรื่องหนังเหมือนกัน)
โดย: คนสวน (land_scape_man ) วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:6:54:36 น.
  
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:18:14:39 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

alexkh
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]