Review : Fracora LIFT'est Proteoglycan เซรั่มโปรตีนสกัดจากจมูกปลาแซลมอนให้ผิวชุ่มชื่นยกกระชับ
ปีหน้าเข้าวัยเลข 3 แล้วววว...ขนลุกแป๊บ  ปัญหาผิวที่เริ่มสัมผัสได้เลยคือความกระชับของผิวที่น้อยลง คือจะมานอนดึกแล้วตื่นมาผิวเด้งแบบตอนเด็กๆมันก็ไม่ใช่แล้วอ่านะ ดังนั้นการเลือกใช้สกินแคร์ก็จะเริ่มหันเหไปทางกลุ่มยกกระชับผิวมากขึ้น...ปวดจาย
สิ่งที่เค้าเน้นย้ำมาตลอดว่าเป็นคีย์หลักในการบำรุงผิวคือ "ความชุ่มชื่น" ตอนนี้ก็ยังคงคอนเซปต์เดิมเพราะความชุ่มชื่นทำให้ผิวอิ่มฟูเต่งตึงเปล่งปลั่ง แต่ขอเพิ่มเข้าไปในเรื่องการดูแลในส่วนของโครงสร้างผิวให้แข็งแรง เพื่อให้ผิวไม่หย่อนคล้อย และไม่แห้งกร้านไปตามวัย
บล็อคนี้เลยมีสกินแคร์หนึ่งตัวมาฝากกันซึ่งเค้าว่าน่าสนใจ ทั้งในเรื่องส่วนผสม เท็กซ์เจอร์และราคาที่จับต้องได้ จะเป็นอะไรไปชมกันเลยค่า
 Fracora LIFT'est Proteoglycan เซรั่มช่วยให้ผิวชุ่มชื่นยกกระชับ สกัดจากกระดูกอ่อนบริเวณสันจมูกของปลาแซลมอน 100%
------------------------------------------------------------------------------
ขนาด 15 ml. 890 บาทขนาด 30 ml. 1,390 บาท
มีจำหน่ายที่ Watsons , Eveandboy , Tsuruha , Tops , Loft บางสาขา คลิกดูรายละเอียดสาขาได้ที่ >>> CLICK <<< หรือช้อปปิ้งออนไลน์ได้ที่ //fracora.co.th/และ //www.zalora.co.th/fracora/
เกริ่นนิดนึงก่อนว่า Fracora : ฟราโครา เป็นแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเค้าเป็นหนึ่งในผู้นำของผลิตภัณฑ์ด้านสกินแคร์และอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น โดยจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เรียกว่าติดอันดับโลก มีรางวัลการันตีมากมาย ดังนั้นสบายใจได้ค่ะในเรื่องของมาตรฐานคุณภาพแบรนด์

ในปีที่ผ่านมามีผลิตภัณฑ์ตัวนึงขอฟราโคราที่พูดปุ๊บร้องอ๋อแน่นอน เพราะดังเปรี้ยงปร้างมากกกกซึ่งก็คือ "เซรั่มรกหมู" หรือ Fracora Placenta Extract นั่นเอง หน้าตาขวดเหมือนกันแค่ฉลากจะเป็นสีขาว-ชมพู เค้าเองก็เคยใช้สูตรนี้โพสลงไปนานละ โดยตัวนั้นจะเน้นเรื่องความขาวกระจ่างใส ความโด่งดังคือใช้แล้วเห็นผลชัดเจน เท็กซ์เจอร์บางเบา ไม่มัน ไม่มีส่วนผสมที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการระคายเคือง
ในปีนี้เค้าก็ได้เปิดตัวเซรั่มตัวใหม่นี้ที่สกัดจากปลาแซลมอนออกมา ซึ่งตอบโจทย์ผิวอีกกลุ่มที่กังวลเรื่องความกระชับของผิวมากขึ้น(อย่างเค้านี่หล่ะ) และเหมาะกับบางศาสนาที่ไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากหมูด้วยฮะ
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เซรั่มสกัดจาก Proteoglycan (โปรทีโอไกลแคน) คือ สารประกอบของโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมาก ในกระดูกอ่อนบริเวณสันจมูกของปลาแซลมอน ซึ่งฟราโคราจะสกัดจากปลาแซลมอนที่จับได้ในฮอกไกโดและจังหวัดอาโอโมริเท่านั้น
โปรทีโอไกลแคนมีคุณสมบัติที่สำคัญคือเร่งการสร้างคอลลาเจน และกรดไฮยาลูรอนิค ที่รู้จักกันดีว่าเป็นสารสำคัญที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว โปรทีโอไกลแคน เป็นที่จับตามองจากนักวิจัยทั่วโลกในด้านการกักเก็บน้ำ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ากรดไฮยาลูรอนิคอีกด้วย LIFT'est Proteoglycan มีความบริสุทธิ์สูง ใส และไม่มีกลิ่นคาว
บรรจุภัณฑ์
เป็นขวดสีชาป้องกันการเสื่อมจากแสงแดดได้ดี แต่ก็มิควรเอาไปวางตากแดดนะฮะ และไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็นเน่อ หัวดรอปเปอร์มีเส้นขีดกะปริมาณง่าย ถือว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดดี ข้อเสียเดียวคือทำจากแก้วทั้งขวดและดรอปเปอร์ ห้ามซุ่มซ่ามทำตกนะฮะ เค้ามีทำหล่นทั้งขวดไปรอบนึงดีนะตกไม่สูงเลยไม่แตก แหะๆ

รายละเอียดส่วนผสม
ขอปรบมือชื่นชมฟราโคราก่อนเลยที่เขียน Ingredients ใว้ให้หน้ากล่องชัดเจน คือน้อยมากกกกที่แบรนด์ญี่ปุ่นจะเขียนบอกส่วนผสมเป็นภาษาอังกฤษ และด้านหลังยังมีฉลากภาษาไทยที่แจกแจงเพิ่มเติมให้ด้วย ซึ่งในฉลากไทยจะมีรายละเอียดเยอะกว่าเล็กน้อย เนื่องจากส่วนผสมที่เพิ่มมามีปริมาณที่น้อยมากจนทางอย.ไม่นับว่ามี แต่ทางแบรนด์ก็แจ้งให้เพิ่มให้ทราบอย่างครบถ้วน ดังนั้นเค้าจะขอยึดจากฉลากไทยเป็นเกณฑ์ส่วนผสมจึงมีตามนี้ค่า
Water , Butylene Glycol , Propanediol , Soluble Proteoglycan , Phenoxyethenol
แจกแจงรายละเอียดส่วนผสมแต่ละตัว คือ
Active Ingredient >>> Soluble Proteoglycan ส่วนผสมหลักจากสารสกัดกระดูกอ่อนบริเวณจมูกของปลาแซลมอน เอาจริงๆก็ไม่ใช่ส่วนผสมใหม่เป็นสารสกัดที่ค้นพบมานานแล้ว แต่ว่าสมัยก่อนด้วยเทคโนโลยีการสกัดที่ยังไม่ล้ำพอ จึงสกัดออกมาได้น้อยมากทำให้ราคาแพงเว่อร์วังมาก 1 กรัม 10 ล้านบาท แต่ฟราโคราพัฒนาเทคโนโลยีจนสกัดได้มากขึ้นจนเกิดมากเป็นเซรั่มตัวนี้
Proteoglycan เป็นสารประกอบโปรตีนกับกลูโคซามิโนไกลแคน ซึ่งเป็นส่วนประกอบของข้อต่อและผิวหนังพบได้ในร่างกายเราอยู่แล้ว โดยจะช่วยให้โครงสร้างผิวหนังของเราแข็งแรง ผิวจึงมีความกระชับ ยืดหยุ่นได้ดี ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นได้เริ่ดอีกด้วย ฟังดูคุ้นๆเนอะก็คือทำหน้าที่แบบเดียวกับคอลลาเจนนั่นแล และเหมือนกันคือปริมาณก็จะลดลงเมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น แต่ความพิเศษของโปรทีโอไกลแคน คือ มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของผิวจากพวกผื่นแดง และลดความเสียหายของผิวจากการถูกทำร้ายจากรังสี UVB อีกด้วย
สารให้ความชุ่มชื่น >>> Butylene Glycol และ Propanediol (สารให้ความชุ่มชื่นที่สกัดจากข้าวโพดจัดว่าอ่อนโยนต่อผิว)
สารกันเสีย >>> Phenoxyethenol
จากรายละเอียดส่วนผสมในข้างต้น ข้อที่สุดเลยคือมีส่วนผสมน้อยชนิด โดยไม่มี ส่วนผสมในกลุ่มที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงในการระคายเคืองเลย อย่างพวก น้ำหอม / สี / แอลกอฮอล์ / มิเนอรัลออย / พาราเบน / สารลดแรงตึงผิว ดังนั้นผิวที่บอบบางระคายเคืองกับสารเหล่านี้ง่ายจึงสามารถใช้ได้
แต่อย่างไรก็ตามอาการแพ้เป็นเรื่องส่วนบุคคลจริงๆ ถ้าแจ็กพ็อตแพ้ตัว Proteoglycan ส่วนผสมหลักที่สกัดจากปลาแซลมอนก็ถือว่าซวยไป ไม่ว่าส่วนผสมจะมากหรือน้อยอย่างไร ก็เป็นแค่การลดความเสี่ยงที่จะแพ้เท่านั้น ดังนั้นก่อนทำการเทสกับใบหน้าก็แนะนำให้ลองป้ายที่หลังหูซัก 24-48 ชั่วโมง แล้วสังเกตอาการก่อนก็ดีจ้าเพื่อความสบายใจเนอะ โดยเฉพาะใครที่แพ้อาหารทะเลเทสก่อนก็ดีฮะ

ลักษณะเนื้อและกลิ่น
ไม่ต้องตกใจถ้าเปิดมาแล้วพบว่าเนื้อเซรั่มใสกริ๊งเป็นน้ำเปล่าเลย ไม่มีความมัน ความเหนอะแม้แต่น้อย ซึมผิวไวขั้นเทพ แต่ต่างจากน้ำเปล่าตรงที่เมื่อซึมลงผิวจะเหลือเป็นฟิลม์บางๆเคลือบผิว ไม่ได้หายไปจนหมด ส่วนผสมไม่ได้มีน้ำหอมแต่ก็ไม่ได้มีกลิ่นใดๆ ใครกังวลว่าจะมีกลิ่นแปลกๆไหมสบายใจได้ไร้กลิ่นฮะ

ปริมาณการใช้
สำหรับการใช้หนึ่งครั้งคือประมาณหนึ่งเหรียญหาบาท แต่กะง่ายเพราะที่หลอดดรอปเปอร์เค้ามีขีดกำหนดมาให้เลย เค้าดูดขึ้นมาหนึ่งขีดตามนั้นใช้ทุกวันเช้า-เย็น ซึ่งถ้าใช้ตามนี้ขวดขนาด 30 ml. จะใช้ได้หนึ่งเดือนพอดีๆฮะ

วิธีการใช้
- แม้แบรนด์จะเรียกว่าเป็นเซรั่มแต่เนื้อคือใสกริ๊งเหลวเป็นน้ำ ดังนั้นจึงแนะนำให้ทาเป็นสเต็ปแรกหลังการล้างหน้าเลย ใครงงเรื่องการเรียงลำดับการใช้ หลักการแสนง่ายก็คือ ให้ดูตามเท็กซ์เจอร์ตัวไหนเหลวกว่าทาลงไปก่อน เพราะถ้าเราทาตัวข้นกว่าก่อนมันก็จะเคลือบผิวไว้ ทำให้ตัวที่เหลวกว่าซึมลงไปไม่ได้ เรียงตามหลักนี้จะไม่งงฮะ
- หยดเซรั่มใส่มือหนึ่งขีดดรอปเปอร์แล้วประกอบสองมือเข้าด้วยกัน เพื่อกระจายเนื้อเซรั่มให้ทั่วฝ่ามือ
- ตบเซรั่มลงบนผิวโดยลงที่แก้มซึ่งเป็นพื้นที่กว้างและแห้งง่ายก่อน แล้วจึงตามด้วยหน้าผากและคางตามด้วยทีโซนซึ่งเป็นจุดที่ผิวมันง่าย และสุดท้ายที่เหลือติดมือเล็กน้อยอย่าลืมลงที่คอ แต่ถ้าวัยเริ่มมากขึ้นและมีกำลังทรัพย์พอแนะนำให้หยดเพิ่ม แล้วทาที่คอต่างหาก เพราะคอเป็นจุดที่เหี่ยวง่าย และเป็นจุดบอกวัยยิ่งกว่าใบหน้าอีกนะเออ!
- จากนั้นจึงลงสกินแคร์อื่นๆที่เราใช้ได้ตามปกติ ส่วนใครใช้ตัวพลาเซนต้ารกหมูขวดชมพูอยู่สามารถใช้ร่วมกันได้ ซึ่งทางแบรนด์แนะนำให้ลงตัวรกหมูก่อนค่อยตามด้วยตัวนี้ฮะ

เทคนิคการใช้เพิ่มเติม
อันนี้เป็นเทคนิคของเค้าเองใช้ฟื้นฟูผิวแบบจัดเต็ม คือหลังล้างหน้าก็ตบๆผิวด้วยเซรั่มด้วยนี้ แล้วตามด้วยชีทมาส์กโดยจะหยดเซรั่มตัวนี้เติมเข้าไปในจุดที่เหี่ยวง่าย อย่างตรงมุมหางตา โหนกแก้มไรงี้ ซึ่งถ้าใครมีฐานะจริงไรจริง ลองใช้เซรั่มตัวนี้แช่กับเม็ดมาส์กทำเป็นมาส์กหน้าเลยก็ได้น่าจะแหล่มสุด เหมาะกับวันที่ผิวโทรมขั้นสุดจริงๆ ส่วนตัวเค้าไม่ได้มีปัญหาผิวมากขนาดนั้น ใช้คู่กะมาส์กตัวอื่นไปก่อนก็รู้สึกว่าดีงามละ ไม่เปลืองมากแหะๆ 

ความรู้สึกหลังทดลองใช้
อันนี้เป็น Before คือผิวสดๆหลังล้างหน้า ส่วน After คือลงเซรั่มตัวนี้แล้วตามด้วยการมาส์กแบบที่อธิบายด้านบน เห็นชัดเจนเลยว่าผิวจะดูเต่งขึ้น ดูฉ่ำอิ่มน้ำ จับผิวแล้วสัมผัสได้เลยว่าผิวจะเด้งๆจัดว่าดีงามมม

ความรู้สึกเมื่อทดลองใช้ต่อเนื่อง
เค้าใช้เซรั่มตัวนี้ต่อเนื่องโดยใช้คู่กับสกินแคร์ปกติมา 20 วัน ซึ่งช่วงที่ลองเป็นช่วงที่ไปนิวยอร์คครึ่งเดือนพอดี อากาศที่นู่นเมื่อต้นธันวาที่ไปเป็นช่วงหน้าหนาวอากาศเย็นและแห้ง ผลลัพธ์คือผิวปกติดีมากไม่มีอาการแห้งลอกแต่อย่างใด
แต่ไม่ขอเคลมว่าเกิดจากเซรั่มตัวนี้อย่างเดียวนะฮะ เพราะอย่างไรก็ตามเนื้อเซรั่มตัวนี้บางมากและใช้เป็นตัวแรก จึงเน้นในการเติมความชุ่มชื่นเข้าไปในผิวชั้นลึกมากกว่า ส่วนการทามอยส์เจอร์ในขั้นตอนปิดท้ายก็จัดว่าเป็นสเต็ปสำคัญ ที่จะช่วยเคลือบผิวปิดล็อคไม่ให้ความชุ่มชื่นที่ทาไประเหยออก
แต่ความรู้สึกที่คิดว่าเกิดจากตัวนี้คือเรื่องความกระชับตรงแนวโหนกแก้ม ซึ่งเป็นจุดที่เค้าผิวค่อนข้างแห้งกว่าจุดอื่น เฮ้ยมันดูดีขึ้น สังเกตได้ตอนแต่งหน้าว่าคสอ.ไม่ค่อยตกร่องผิวและเป็นคราบตรงแนวใต้ตา ยิ่งตอนอยู่ต่างประเทศยิ่งรู้สึกชัดเลยว่าผิวมันโอเคขึ้น น่าจะเพราะเค้าช่วยในเรื่องให้โครงสร้างผิวด้านในแข็งแรงขึ้น
 จากผลด้านบนถือว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนบุคคลละกันเนอะ แต่ละคนมีปัญหาผิวต่างกัน ใช้สกินแคร์อื่นๆ และมีการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ผลคงได้ไม่เท่ากันหรอกเอาว่าในมุมมองของเค้า เค้าพอใจในผลลัพธ์ที่รู้สึกนะเมื่อเทียบกับราคาพันต้นๆ ที่เหลือก็ต้องไปลองกันเองว่าใช้แล้วรู้สึกแค่ไหนเน้อ
แต่นอกเหนือจากผลลัพธ์ที่เป็นความรู้สึกทางใจแล้ว สิ่งที่สรุปให้ได้ว่าดีงามคือเรื่องของเท็กซ์เจอร์และส่วนผสม ซึ่งอันนี้พูดได้ชัดเจนว่ามันเริ่ด ส่วนผสมคือค่อนข้างเซฟมาก ผิวบอบบางแพ้ง่ายน่าจะรอดเลยเพราะส่วนผสมน้อยจริงลดความเสี่ยงได้มาก
ส่วนเท็กซ์เจอร์ใช้ได้ทุกสภาพผิว เป็นการเติมความชุ่มชื่นแบบสบายผิว ซึ่งสามารถนำไปแอดเพิ่มในเสต็ปการบำรุงผิวที่ใช้อยู่ได้เลย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปทำให้ผิวมันเพิ่มระหว่างวันหรือไม่ ส่วนตัวเค้าแนะนำให้ใช้ควบคู่กับมอยส์เจอร์อีกซักเสต็ปก็ดี จะได้เป็นการเติมความชุ่มชื่นแล้วปิดล็อคให้ความชุ่มชื่นอยู่กับผิวได้ตลอดวันจ้า
สุดท้ายถ้าให้เทียบกับตัวพลาเซนต้าที่เคยใช้มา ส่วนตัวเค้าผิวแห้งไม่ได้กังวลเรื่องขาวใสจะโดนใจกับสูตรนี้มากกว่าฮะ
-----------------------------------------------------------------------------
Disclaimer : Sponsored Content by Fracora Thailand ***All opinions are my own Information : //fracora.co.th/ https://www.facebook.com/FracoraThailand
Create Date : 25 ธันวาคม 2558 |
Last Update : 9 มกราคม 2559 21:49:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 12874 Pageviews. |
 |
|
|
| |