Preview : สู้ปัญหาฝ้าด้วย Provamed Anti-Melasma Spot Corrector & Provamed Sun Face SPF 50+
"ฝ้า" หนึ่งในปัญหาผิวที่จัดว่าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลายๆคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่เริ่มเข้าวัย 30++ อูยยย...พูดแล้วปวดใจปีนี้เข้า 30 พอดี  ส่วนตัวเค้าเองยังไม่มีปัญหาเรื่องฝ้า แต่มีกระจากกรรมพันธุ์ ซึ่งก็เป็นปัญหาเรื่องความผิดปกติของเม็ดสีเมลานินเหมือนกัน ดังนั้นก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดฝ้าได้ บล็อคนี้จึงจะมาชวนคุยกันถึงเรื่องฝ้าว่าคืออะไร เกิดจากอะไร พร้อมรีวิวผลิตภัณฑ์ตัวช่วยสำหรับคนที่มีปัญหาฝ้า....ไปชมกันเลยจ้า
-------------------------------------------------------------------------------
 Credit : //frynn.com
ฝ้า....คืออะไร? เกิดจากอะไร ?
ฝ้า (Melasma) คือ ปัญหาผิวหนังที่มีการทำงานของเม็ดสีเมลานินมากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นปื้นที่มีสีเข้มขึ้นไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ มักเกิดบริเวณโหนกแก้ม จมูก หน้าผาก เหนือริมฝีปาก ต่างจากกระตรงที่ฝ้าจะเป็นบริเวณกว้างแต่กระจะเป็นแค่ขึ้นเป็นจุดๆไม่รวมตัวเป็นปื้น
สาเหตุการเกิดฝ้าเกิดได้จากหลายปัจจัย หลักๆเลยคือกรรมพันธุ์ ฮอร์โมนเพศหญิงซึ่งเห็นได้ชัดคือคนที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อย่างการตั้งครรภ์ ทานยาคุมหรือวัยหมดประจำเดือน จะมีความเสี่ยงในการเกิดฝ้ามากกว่าผู้หญิงปกติ ด้วยสาเหตุนี้จึงมักพบฝ้าในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ปัจจัยอื่นๆเช่น ผู้ป่วยไทรอยด์จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดฝ้ามากกว่าปกติถึงสี่เท่า การใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่มีสารอันตราย การทานยาบางประเภท ความเครียด ฯลฯ
และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่กระตุ้นให้เกิดฝ้านั่นก็คือ "แสงแดด" เพราะทั้งรังสี UVA และ UVB ในแสงแดด ต่างทำให้ผิวหนังเกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่มากขึ้น
ฝ้ามีกี่ประเภท ?
ฝ้าแบบตื้น : มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า หรือผิวหนังชั้นนอก สามารถรักษาหายได้
ฝ้าแบบลึก : อยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ด้วยระดับความลึกทำให้โทนสีจะออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง รักษาได้ยากไม่สามารถทำให้หายได้หมด การทายาช่วยแค่ให้จางลงได้เท่านั้น
ฝ้ามีวิธีการรักษาหรือทำให้จางลงได้อย่างไร ?
รักษาโดยการใช้ยา : ยาสำหรับรักษาฝ้ามีหลายประเภท ที่นิยมใช้กันคือ ไฮโดรควิโนน ซึ่งมีผลในการลดการสร้างเม็ดสี แต่จัดเป็นยาที่ต้องให้แพทย์สั่งเท่านั้นเพราะมีผลข้างเคียงมาก อาจทำให้ผิวเป็นรอยด่าง เกิดอาการผื่นแพ้สัมผัส ผิวไวแดด ในบางรายอาจทำให้ฝ้าเข้มขึ้นได้จึงห้ามซื้อมาใช้เองโดยเด็ดขาด
กลุ่มอื่นก็จะเป็นสารในกลุ่มช่วยผลัดเซลล์ผิวที่มีฤทธิ์เป็นกรด อย่างกรดวิตามินเอ หรือกรดอาซิเลอิก ซึ่งถ้าใช้มากเกินไปจะทำให้ผิวบางลงไวแดดมากขึ้น
หรือการใช้ สเตียร์รอยด์ ก็ช่วยให้ฝ้าจางลงได้ แต่ผลข้างเคียงก็มากโดยเฉพาะการใช้ในระยะยาว ทำให้ผิวบาง หลอดเลือดฝอยขยาด เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย
จะเห็นว่ากลุ่มที่เป็นการใช้ยาจะมีผลข้างเคียงอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องใช้ให้ถูกวิธีและอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น! รักษาด้วยเลเซอร์ : ช่วยให้ฝ้าดูจางลงได้ แต่จะหายหมดหรือไม่ขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้า มีให้เลือกหลายประเภท แต่ราคาสูงและอาจส่งผลให้ผิวแห้งลง ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและไวแดดมากขึ้นถ้าดูแลไม่ถูกวิธี รักษาโดยการใช้สมุนไพรธรรมชาติ : มีการแชร์มากมายหลายสูตร ซึ่งสมุนไพรที่นำมาใช้มักมีฤทธิ์เป็นกรดที่มีผลในการช่วยผลัดเซลล์ผิว อย่างมะนาว มะขามเปียก ไชเท้า แอปเปิ้ลไซเดอร์ ฯลฯ
รักษาโดยการใช้สกินแคร์กลุ่มรักษาฝ้า : มักจะมีส่วนผสมของ AHA , Vitamin C , Kojic Acid , Arbutin ที่มีผลในการเป็นไวท์เทนนิ่ง ซึ่งจะช่วยปรับให้สีผิวสม่ำเสมอขึ้น ปลอดภัยกว่าการใช้ยาแต่ต้องใช้เวลา และทาอย่างต่อเนื่องจึงจะช่วยให้ฝ้าจางลงและสีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นได้
ป้องกันและลดการเกิดฝ้าด้วยการปกป้องผิวจากแสงแดด : เป็นการลดปัจจัยในการเกิดฝ้าที่สำคัญที่สุด ทำได้โดยการเลี่ยงแดด และทากันแดดทุกวัน ซึ่งสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเลือกค่ากันแดดที่มี SPF 30-50 และ PA +++ ขึ้นไป โดยทาให้ได้ปริมาณที่ถูกต้องไม่น้อยจนเกินไป สำหรับทั่วหน้าคือบีบออกมาประมาณสองข้อนิ้วไม่รวมลำคอ และถ้าออกแดดจัดควรทำซ้ำทุกสองชั่วโมง สำหรับบริเวณที่เป็นฝ้าควรทากันแดดซ้ำในจุดนั้นมากเป็นพิเศษ -------------------------------------------------------------------------------
บล็อคนี้จะว่ากันด้วยเรื่องการใช้สกินแคร์และการทากันแดด ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก ประหยัด และปลอดภัยสุด แม้อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานหน่อยแต่ก็ให้ผลที่ดีในระยะยาว รวมถึงสามารถใช้ควบคู่กับการรักษาฝ้าด้วยวิธีอื่นได้ด้วยฮะ

ผลิตภัณฑ์ที่นำมารีวิวให้ชมในบล็อคนี้นำมาให้ชมแบบแพ็คคู่ กับผลิตภัณฑ์ทาเฉพาะจุดเพื่อช่วยลดเลือนฝ้ากระจุดด่างดำและผลิตภัณฑ์กันแดด กับแบรนด์ Provamed ซึ่งเป็น *เวชสำอาง แบรนด์ไทย ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Vistra Laboratiories inc.,USA
มีจำหน่ายตาม Watsons / Boots / Eveandboy / ร้านขายยาใน 7-11 / ร้านยา Pure ในบิ๊กซี / The Mall / Tops หรือตามร้านยาทั่วไปและร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศค่า
*เวชสำอาง (Cosmeceuticals) คือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติระหว่างยาและเครื่องสำอาง ไม่เน้นเรื่องของการเสริมความงาม แต่จะเน้นประสิทธิภาพในการใช้ โดยมีสารออกฤทธิ์ผสมอยู่ในปริมาณเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิว

Provamed Anti-Melasma Spot Corrector
---------------------------------------------------------
ขนาด 15 ml ราคา 365 บาท
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
- ลดการสังเคราะห์และควบคุมการสร้างเม็ดสีผิวซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้าและจุดด่างดำ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิว ด้วยคุณสมบัติที่สำคัญของ Whitening ได้แก่ Tranexamic Acid, Alpha Arbutin, Niacinamide, Tyrostat
- มอยเจอไรเซอร์บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นดูเรียบเนียนด้วย Hyaluronic Acid
- ช่วยป้องกันการอักเสบ แพ้ ระคายเคืองปกป้องผิว ไม่ทำให้ผิวหน้าบาง ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของ Defensil และ Allantoin

รายละเอียดส่วนผสม
ส่วนผสมหลักที่แบรนด์เคลมว่าเป็นสารออกฤทธิ์ คือ
Tranexamic Acid 3% หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่าทรานซามิน เป็นยาในกลุ่มที่ช่วยรักษาอาการเลือดไหลไม่หยุด ซึ่งการใช้ในรูปแบบของ Tranexamic Acid มีผลการวิจัยว่า ทำให้เอนไซม์ Tyrosinase ที่ใช้ในกระบวนการสร้างเม็ดสีลดลง จึงทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง
Niacinamide (Vitamin B3) วิตามินสารพัดประโยชน์ที่ช่วยให้เกราะปกป้องผิวแข็งแรงขึ้น และช่วยปรับโทนสีผิวให้กระจ่างใสขึ้น Alpha Arbutin สารสกัดจากพืชทำหน้าที่ยับยั้งเอ็นไซม์ Tyrosine และ DOPA ในกระบวนการ oxidation จึงทำให้การสร้างเม็ดสีลดลงเช่นเดียวกับทรานซามิน Tyrostat (Rumex Occidentalis Extract) สารสกัดจากพืชที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase เหมือนสองตัวด้านบน และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
***ส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ในการลดเลือนฝ้า ไม่ใช่กลุ่มที่ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวดังนั้นจึงไม่มีผลทำให้ผิวบางลง
***มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แต่มีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนของส่วนผสมอื่นๆ Cetearyl Alcohol ที่เห็นอันดับสองของส่วนผสมเป็น Fatty Acid ที่ทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายให้ความชุ่มชื่นกับผิวไม่นับเป็นแอลกอฮอล์นะฮะ
***มีส่วนผสมของน้ำหอม

ลักษณะเนื้อและกลิ่น
เนื้อครีมสีขาวขุ่น เกลี่ยแล้วลื่นผิวคล้ายเนื้อไพรเมอร์ ทาแล้วซึมผิวได้หมด ให้เท็กซ์เจอร์ที่ดูแมทท์ ในส่วนผสมแจ้งว่ามีน้ำหอมแต่แทบไม่มีกลิ่นเลย ตั้งใจดมดีๆจะได้กลิ่นหอมเบาๆคล้ายกลิ่นดอกไม้

วิธีการใช้
แต้มเนื้อครีมบางๆเฉพาะบริเวณที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำ (ไม่ต้องทาทั้งหน้าเน่อ) ใช้ได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน โดยใช้ร่วมสกินแคร์อื่นๆที่เราใช้อยู่ได้ ในกลุ่มที่เป็นแต้มเฉพาะจุดส่วนตัวเค้าจะใช้หลังเซรั่มก่อนลงมอยส์เจอร์ ซึ่งจะใช้ให้เห็นผลควรใช้คู่กับการทากันแดดทุกวัน

Provamed Sun Face SPF 50+ PA+++ ---------------------------------------------------------
ขนาด 15 ml ราคา 195 บาท
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
ครีมกันแดดสูตร Non Chemical ปลอดภัยจากสารเคมี สูตรกันเหงื่อและกันน้ำ สัมผัสบางเบาไร้ความมันเงา เรียบกลืนไปกับผิวให้เมคอัพดูกระจ่างใสและติดทนขึ้น

รายละเอียดส่วนผสม
เป็นกันแดดแบบ Non Chemical คือใช้สารกันแดดในกลุ่มที่เป็น Physical Sunscreen ที่ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยหลักการสะท้อนรังสี UV ได้แก่ Titanium Dioxide ซึ่งจะเหมาะกับผิวที่ระคายเคืองง่ายเนื่องจากมีส่วนผสมค่อนข้างน้อย จึงลดความเสี่ยงของปัจจัยที่จะทำให้ผิวระคายเคือง
***ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์แต่มีส่วนผสมของน้ำหอม

ลักษณะเนื้อและกลิ่น
กันแดดเป็นเนื้อมูสสีเนื้ออ่อนเนื้อลื่นเกลี่ยง่ายซึมผิวไว ให้ความรู้สึกเป็นฟิลม์บางๆเคลือบผิวแต่ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะ เท็กซ์เจอร์ที่ได้ค่อนข้างแมท์ กลิ่นหอมแนวแป้งๆกลิ่นค่อนข้างชัด
ตัวนี้เคลมว่ากันน้ำเค้าลองทาทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วเทสด้วยการเปิดน้ำใส่ จากนั้นลองถูๆไปบนผิวไม่มีตัวกันแดดละลายออกมาแต่อย่างใดฮะ

วิธีการใช้
ใช้ทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการลงสกินแคร์ก่อนการลงเมคอัพ ปริมาณการใช้ในการทาทั่วใบหน้าและลำคอคือบีบออกมาประมาณสองข้อนิ้วสองเส้น โดยสามารถใช้เป็นเบสเมคอัพได้เลย เนื้อกันแดดช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนเรียบมากขึ้น และทำให้สีผิวดูผ่องขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำให้หน้าดูลอยหรือวอก เค้าลองเทสมาหลายรอบแต่งหน้าจัดเต็มตามได้กันแดดไม่ขึ้นคราบ

ความรู้สึกเมื่อได้ทดลองใช้
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์สองตัวนี้คือเนื้อของผลิตภัณฑ์ ที่เกลี่ยง่าย ซึมผิวไว ไม่เหนอะหนะและให้เท็กซ์เจอร์ค่อนข้างแมทท์ทั้งคู่ จึงน่าจะโดนใจสาวไทยเลย โดยสามารถนำไปใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่นๆที่เราใช้อยู่ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้หน้ามันเพิ่ม
เค้าทดลองใช้ต่อเนื่องมาประมาณสองอาทิตย์ โดยทา Provamed Anti-Melasma Spot Corrector ทุกวันเช้าเย็น แต้มเน้นบริเวณที่เป็นกระคือโหนกแก้มและจมูก ส่วนกันแดดProvamed Sun Face SPF 50+ PA+++ ทาทุกวันตอนเช้า แม้ไม่ได้ออกนอกบ้านก็ทานะฮะ เอาว่าง่ายๆที่ไหนมีแสงที่นั่นมีรังสี UV ดังนั้นต้องทาให้ได้ทุกวันเน่อ
ในเรื่องของผลลัพธ์ระยะเวลาที่เทสยังไม่พอให้สังเกตผลว่ารอยกระจางลงไหม แต่กระเค้าเป็นด้วยกรรมพันธุ์ซึ่งเค้าเข้าใจอยู่แล้วว่ามันไม่มีทางหายไปได้ แต่การใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ช่วยลดปริมาณการสร้างเม็ดสีเมลานินแบบนี้ จะช่วยคุมให้ปริมาณของกระเพิ่มขึ้นช้าลงและช่วยให้กระเดิมสีไม่เข้มขึ้น
ซึ่งที่ชอบคือส่วนผสมไม่ใช่แบบที่ผลัดเซลล์ผิวจึงไม่ทำให้ผิวเซนซิทีฟง่ายขึ้น และเค้าผิวแห้งสามารถใช้ได้โดยไม่รู้สึกว่าทำให้ผิวแห้ง เพราะปกติเค้าจะไม่ค่อยใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไวท์เทนนิ่งเพราะเนื้อไม่ค่อยชุ่มชื่น แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรใช้แค่ตัวแต้มฝ้าเดี่ยวๆนะฮะควรใช้คู่สกินแคร์อื่นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่เติมความชุ่มชื่นเพราะผิวที่แห้งจะเป็นกระฝ้าและริ้วรอยง่ายขึ้น
สรุปข้อดีคือเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาได้ดีมากเมื่อเทียบกับราคา ส่วนผลลัพธ์ต้องติดตามในระยะยาวต่อไปจ้า

ปิดท้ายฝากไว้กับใครที่มีปัญหาฝ้ากระอยู่ อยากให้อดทนและใจเย็นๆทำความเข้าใจกับปัญหาที่เป็นอยู่ก่อน ว่าไม่สามารถทำให้หายไปได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะการใช้สกินแคร์ ดังนั้นอยากให้เลือกสกินแคร์ที่ปลอดภัยต่อผิว อย่าเอาหน้าไปเสี่ยงกับสกินแคร์ที่มีผสมสารอันตราย ซึ่งอาจจะเห็นผลไวจริงแต่ผลข้างเคียงมันอันตรายมาก ต่อทั้งสุขภาพผิวและสุขภาพร่างกาย.....รักตัวเองให้มากๆ
เป็นฝ้าไม่เจ็บไม่ปวด แค่ทำให้รู้สึกรำคาญใจเวลาส่องกระจกเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นใดๆต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงนะฮะ ด้วยความปรารถนาดี 
-----------------------------------------------------------------------------
Disclaimer : Sponsored Content by Provamed ***All opinions are my own Information : //provamed.co.th https://web.facebook.com/Provamedclub
Create Date : 01 มีนาคม 2559 |
Last Update : 3 มีนาคม 2559 11:54:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 8921 Pageviews. |
 |
|
|
| |