Group Blog
 
All blogs
 

เมื่อหมูออกเดท!!! มาแชร์ Tips เดทรับวาเลนไทน์ที่ศูนย์การค้าก็สวีทได้ @ The Nine Center พระราม 9

สวัสดีค่ามาพบกันในหมวดกินๆเที่ยวกันอีกแล้ว
เนื่องด้วยวันแห่งความรักที่จะมาถึงนี้เชื่อว่าหลายคู่กำลังคิดหนักชิมิว่าจะไปไหนดี
จังหวะวันวาเลนไทน์ก็ตรงกับวันอาทิตย์พอดี จะไปลั้นลาต่างจังหวัดรถก็ติดแน่นอน

เลยจะมาแชร์สถานที่ออกเดทแบบใกล้ๆ
แต่ก็ตอบโจท์ได้ทั้งทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายมาฝากกัน
นั่นก็คือ....การเที่ยวศูนย์การค้านั่นเอง!!!
แอบคิดหล่ะซิว่าไปศูนย์การค้าจะออกเดทกันยังไงมันก็ไปกันบ่อยอยู่แล้ว
อยากรู้ว่าควงแฟนไป
ศูนย์การค้าจะมีไอเดียอะไรให้ทำบ้างไปชมกันเลยจ้า
แต่บล็อคนี้เกริ่นก่อนเลยว่าเขินเบาๆ  Smiley
เพราะจะเป็นบล็อคที่มีรูปคู่เยอะสุดในประวัติการณ์ 555



สถานที่เป้าหมายในครั้งนี้ก็คือ ศูนย์การค้า
The Nine Center 
ทำเลใกล้คอนโดนมากถึงมากที่สุด
ผ่านและแวะแทบทุกครั้งตอนจะกลับจันท์
แต่ส่วนใหญ่จะมาทานข้าว แวะซุปเปอร์ซื้อของแล้วกลับ
ครั้งนี้หล่ะจะมาแบบสวีทวิ้ดวิ่วแบบที่ชาวบ้านชาวช่องเค้าทำกันบ้าง

พิกัดศูนย์การค้า The Nine Center อยู่ริมถนนใหญ่เส้นพระรามเก้า
ฝั่งขาออกไปสนามบินสุวรรณภูมิเลยฮะ >>>แผนที่<<<

ในศูนย์การค้ามีที่จอดรถเยอะอยู่ อัตราค่าจอดชั่วโมงแรกฟรี
ชั่วโมงต่อไปคิดชั่วโมงละ 20 บาท แต่ถ้ามีตราประทับก็จอดฟรี
ถือว่าราคาโอเคเลยไม่แพงเว่อร์เมื่อเทียบกับ
ศูนย์การค้าอื่นในกรุงเทพ



บรรยากาศด้านในก็เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่รวมเอาร้านรวงต่างๆไว้เป็นร้อยร้าน
ไม่ว่าจะร้านอาหาร ช้อปปิ้ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสปา โรงเรียนโยคะ ฯลฯ
ด้านในเค้าจะตกแต่งแนวธรรมชาติๆมีต้นไม้ปลูกรอบๆให้ดูสบายตา



เริ่มการเดทในสไตล์หมูๆด้วยการหาอะไรรองท้องกันก่อน555
คือศูนย์การค้าเค้าเปิด 10:00-22:00 น. พี่นี่มาตั้งกะ
ศูนย์การค้าเปิดเลย
ยังไม่ถึงมื้อที่จะจัดหนักเลยหม่ำแซนด์วิช S&P เบาๆไปก่อน



เมื่อมีแรงก็เริ่มลุยได้ค่ะ กิจกรรมสันทนาการที่ผู้หญิงชอบที่สุด
แน่นอนว่าคือ.....การช้อปปิ้งนั่นเอง! เล็งไว้ตั้งกะตอนนั่งกินแซนด์วิชละ
ชั้นล่างเดินเข้ามาจะเจอร้านเสื้อผ้า Baby Rose By Pancake
เป็นร้านเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์ของแพนเค้ก-เขมนิจ นั่นเอง
บอกเลยว่าดีไซน์น่ารักและเก๋ๆไม่ซ้ำดีน้า
ราคาไม่ได้สูงมากด้วยกระเป๋าใบละประมาณพันกลางๆฮะ

Tips : สำหรับคุณผู้ชายไอเดียง่ายๆสำหรับของขวัญให้สาวๆ
ลองหัดเดินตามสาวๆเวลาช้อปปิ้งดูบ้าง (ตัดเรื่องเบื่อออกไปแป๊บ)
แล้วสังเกตดูว่าสาวๆเค้าหยิบจับชิ้นไหนนานเป็นพิเศษ
ถ้าสาวๆยังมิได้ถอยเลย ณ บัดนาว ลองหลอกล่อให้ไปทำอย่างอื่น
แล้วหาเวลาแว่บมาซื้อให้ รับประกันเลยโดนใจแน่ๆ
ที่โดนใจมิใช่แค่ของที่ได้ แต่โดนใจตรง "ความใส่ใจ" นะขอบอก!




ส่วนของชั้นล่างจะมีลานกว้างซึ่งจะมีร้านมาเปิดแบบชั่วคราวเรื่อยๆเหมือนตลาดนัด
ซึ่งจะมีพวกเสื้อผ้าเครื่องประดับขนกันมาเซลล์ <<< ป้ายเซลล์นี่ดูดมนุษย์เพศหญิงดีแท้
เดินผ่านก็คือแว่บไปส่องซักหน่อย แบรนด์ไทยบ้านเราเดี๋ยวนี้ทำออกมาสวยๆเก๋ๆเยอะ

Tips : คุณผู้ชายสามารถทำคะแนนระหว่างคุณผู้หญิงเลือกเสื้อผ้า
ได้ด้วยวิธีง่ายๆแค่เพียง "ช่วยออกความเห็น" ในการเลือกบ้าง
คือไม่ใช่แค่แบบเออดีๆ ก็สวยดี ไรงี้นะ มันดูเหมือนพูดส่งๆไปให้จบๆ
ลองหัดเปรียบเทียบบ้าง เช่น เค้าว่าสีนู้นดูขับผิวตัวเองมากกว่า ไรประมาณนี้
คำตอบไม่ได้ต้องใช้สมองมากไปกว่ากันแต่ได้ใจไปเลยนะฮร้า
(ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะเลือกชิ้นที่ตัวเองชอบมากกว่าก็ตาม555 อาร์ตตัวแม่ก็เงี้ย)



ทีนี้ผลัดกันสันทนาการฝ่ายหญิงไปแล้วมาที่ฝ่ายชายกันบ้าง
ร้านช้อปปิ้งที่รับประกันว่าผู้ชายส่วนใหญ่เข้าไปแล้วจะเพลิน
ก็คือ....ร้านขายพวกอุปกรณ์แกดเจ็ทต่างๆนั่นเอง
คือถ้าได้แวะนี่ได้ของติดมือกลับมาแทบทุกที
ที่ The Nine Center ก็จะมีร้าน Gadget Rend อยู่ตรงชั้นล่างติดกับร้าน Boots



Tips : โดยปกติถ้ามาด้วยกันแบบนี้ก็มักจะแยกกันเดินชิมิ
เอาผู้หญิงไปปล่อยร้านเสื้อผ้า ผู้ชายก็เดินมาส่องแกดเจ็ท
แต่ถ้ามาเดทแนะนำค่ะว่าควรไปด้วยกัน
มันเป็นการทำความเข้าใจนะว่าอีกฝ่ายชอบอะไรชอบสไตล์ไหน
ซึ่งเมื่อถึงวาระพวกวันสำคัญต่างๆจะช่วยให้เลือกของขวัญได้ง่ายขึ้นเยอะเลย




สันทนาการด้วยการช้อปปิ้งนี่เบิร์นใช้ได้เลย....เหนื่อยๆนั่งพักแป๊บ
ของ The Nine Center เค้ามีนิตยสาร Free Copy
ที่ชื่อว่า The 9 Life Magazine แจกฟรีด้วยนะ
ถ้ายังไม่มีไอเดียว่าจะร้านไหนต่อ หรือร้านไหนมีโปรอะไรลองอ่านสร้างไอเดียดูได้ฮะ
สำหรับชั้นล่างนอกจากร้านค้าทั่วไปแล้วยังมีธนาคารให้บริการหลายเจ้าอยู่ฮะ



หายเหนื่อยขึ้นไปสำรวจชั้นบนกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
อาคารที่นี่จะมีทั้งโซนที่เป็น 2 , 3 และ 4 ชั้น
กว่าจะเดินทั่วก็ใช้เวลาพอควรหล่ะ



ขึ้นมาชั้นสองก็จ๊ะเอ๋ร้านช้อปอีกแล้ว
อันนี้ทั้งเค้าและอิแคมป์ชอบเข้าไปส่องเหมือนกัน
นั่นก็คือร้าน Daiso ที่ขายของทุกชิ้นราคา 60 บาทนั่นเอง
หลวมตัวเข้าไปทีไรหมดหลายร้อยหรือเกือบพันทุกที แหะๆ



ชั้นสองจะเน้นเป็นชั้นที่รวมร้านอาหาร
มีทั้งอาหารไทย จีน ยุโรป และที่เล็งไว้คือร้านอาหารญี่ปุ่น
แต่ยังไม่ค่อยหิวเลยเดินส่องๆกันไปก่อน

Tips : ปัญหาการเลือกร้านอาหารเป็นปัญหาโลกแตกที่เป็นกันทุกคู่
วิธีการง่ายๆของคู่เค้าคือช่วยกันคิดก่อนว่าจะเอาอาหารสัญชาติอะไร
พอได้สัญชาติก็คิดว่าอยากกินหนักหรือเปล่า บุฟเฟ่ต์ไหม
ถ้าไม่อยากกินอะไรก็ให้บอกกันมาจะได้ตัดช้อยส์ออก
แค่นี้การเลือกร้านก็จะง่ายขึ้นฮะ
ประเด็นคือห้ามบอกว่า "อะไรก็ได้" ทั้งๆที่มีคอนดิชั่นในใจ
อยากกินอะไรอ้ะอาจจะคิดอยาก แต่ถ้าถามว่าไม่อยากกินไรอาจจะง่ายกว่า
บอกมาโลดว่าวันนี้ไม่อยากกินไรจะได้ไม่ต้องเสนอช้อยส์นั้นออกมานะจ๊ะ



ยังไม่ถึงเวลากินเลยเดินขึ้นมาส่องที่ชั้นสาม
ชั้นนี้จะเป็นโซนของพวกสถานที่เรียนพิเศษ โรงเรียนโยคะ และร้านสปา
และนี่คือหนึ่งในไอเดียวันออกเดทใน
ศูนย์การค้า
นั่นก็คือการมาผ่อนคลายในสปาแบบแพ็คคู่นั่นเอง



ร้านที่ตกลงปลงใจเข้ามาลองก็คือ Wellness Spa
เป็นร้านที่มีบริการแบบครบวงจรคือมีทั้งสปาบำรุงผิวและบริการนวดด้วย
ที่สำคัญคือมีห้องแบบบริการแพ็คคู่ ชื่อว่าห้อง Lover VIP Room
ด้านในจะมีสองเตียง สามารถทำสปาไปพร้อมกะแฟนได้เลย

และๆๆๆ พิเศษสำหรับเดือนกุมภาเดือนแห่งความรัก
ทางร้านมีโปรลดราคาสำหรับคนที่ควงกันมาเป็นแพ็คคู่ด้วย
คือลดมากกว่า 60-80% บางแพ็คเกจคือซื้อ 1 แถม 1 ด้วย
ลองโทรมาสอบถามโปรกะทางร้านได้ก่อนฮะที่
02-7167966-69



สำหรับสายฮาร์ดคอร์อย่างคู่เค้า
สปาไม่ใช่คำตอบขอนวดจัดหนักไปเลยจ้า
เลือกเป็น Hot Oil Asian Blend 60 นาที
 (คนละ 2,490฿ แต่มีโปร 1 แถม 1 ของเดือนกุมภาอยู่ฮะ)
เป็นการนวดรีดเส้นด้วยน้ำมันร้อนแบบเดียวกับที่โรงแรมบันยันตี
อูยยยเด็ด! หมอที่นวดคือพี่ดาและพี่ก้อเค้นเส้นได้ถึงใจมากกกก
นวดเสร็จแทบอยากนอนต่อในห้องสปา


Tips : คอร์สสปาก็เป็นหนึ่งไอเดียที่เหมาะที่จะทำร่วมกัน
นึกสภาพว่าทำงานขับรถเหนื่อยๆทุกวัน
วันพิเศษที่ได้หยุดพร้อมกัน การได้นวดผ่อนคลายพร้อมกัน
นอกจากจะทำให้ร่างกายสบายตัวขึ้นแล้วยังส่งผลให้วันนั้นอารมณ์ดีไปทั้งวันด้วยนะ



นวดเสร็จหิวพอดี....ดีนะที่เลือกกันไว้แล้วว่าวันนี้อยากทานอาหารญี่ปุ่น
เลยสรุปร้านได้ง๊าย ง่าย ตัดช้อยส์ไปมาจนออกมาเป็นร้าน Ai Japanese Village
เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ประกอบไปด้วย 5 ร้านด้านใน
มีให้เลือกตั้งแต่บุฟเฟ่ต์ชาบู เทปัน ซูชิ ข้าวราด ฯลฯ
ตัวเลือกเยอะดีเลยใครอยากทานอะไรสั่งโลด



วันนี้มติเป็นเอกฉันท์จับมือกันที่การหม่ำซูชิ
อูยยยยแค่สีสันก็กินขาดละ ราคาไม่แรงมากฮะอยู่ที่จานละ 200-450 บาท

เปิดตัวที่สลัดสวยๆราดน้ำสลัดโชยุแบบญี่ปุ่นและมีน้ำสลัดครีมมาให้ต่างหากด้วย
กุ้งปลาสดใช้ได้ผักสดกรอบซัดให้เกลี้ยงได้ไฟเบอร์
ตามมาด้วยมากิปลาไหลญี่ปุ่น....อันนี้เริ่ดดดดปลาไหลเนื้อนุ่มฟู
เลาะก้างมาได้เกลี้ยงกินไปไม่มีแทงปากให้รำคาญใจ
ปิดท้ายด้วยไข่ปลาแซลมอนเสิร์ฟมาเป็นคำๆราดโชยุใส่วาซาบิหน่อยฟิน Smiley



ไม่ได้มีเจตนาจะยั่วใครจริงๆนะแค่ถ่ายไข่ปลามาละมันชัดดี ฮี่ๆ

Tips : นั่งหม่ำไปก็อย่ามัวแต่ก้มหน้าก้มตากิน
ตักป้อนแฟนบ้างอะไรบ้าง ให้มันมีอารมณ์มุ้งมิ้งกันซักนิด
สำหรับสาวๆที่ติดโซเชียลจะถ่ายรูปอาหารแล้วโพสก็ไม่ผิดอะไร
แต่ทำแค่พองามเนอะถ่ายให้เสร็จแล้วนั่งทานเอนจอยกะคนที่มาด้วยก่อน
ทานอิ่มทั้งคู่แล้วค่อยหยิบมือถือออกมาโพสภาพ
ไม่ใช่นั่งกินไปโพสไป จนบางทีก็ไม่แน่ใจว่านี่มากะแฟนหรือมาคนเดียว



คิกคักบ้างอะไรบ้าง......แฟนคงอยากให้เราหุ่นดี
คีบผักใส่ปากเรารัวๆ ส่วนปลาไหลเฮ้ยหายไปไหนไวจังฟระ555



เดทกันแบบสายแข็ง.....ทานคลีนค่ะเอาให้เกลี้ยง!

Tips : นานๆมาเดทกับแฟนเต็มๆซักที
สำหรับสาวๆลองปล่อยเป็นวันชีทเดย์ซักวันก็ดีนะ โยนตารางแคลอรี่ทิ้งไป
ลืมเรื่องรักษาหุ่น/ลดน้ำหนักไปบ้าง กินให้เต็มที่แฮปปี้ไปซักวัน
เค้าว่าผู้ชายส่วนใหญ่มีความสุขนะเวลาเห็นเรากินได้เต็มที่
ผู้หญิงกินเก่งน่ารักจะตาย......อิชั้นนี่หล่ะ555



จบของคาวห้ามลืมของหวานให้หวานสมกับการมาออกเดทซักหน่อย
คู่ไหนทานไม่เก่งตอนทานของคาวสั่งเพลาๆนิดก็ดี
จะได้มีช่องว่างในกระเพาะพอให้ทานของหวานลง
เพราะส่วนใหญ่ร้านของหวานจะจัดร้านน่ารัก บรรยากาศมุ้งมิ้ง
และ......ของหวานถ่ายรูปลงโซเชียลละสวยค่ะคุณ ผู้หญิงชอบ555

ร้านเป้าหมายสำหรับของหวานเล็งไว้แล้ว
ชั้นสองเหมือนกันตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกะร้านอาหารญี่ปุ่นตะกี๊เลย
ก็คือร้าน GangNam Bingsu เป็นร้านน้ำแข็งไสสไตล์เกาหลี



Tips : ในเมื่อบรรยากาศร้านเป็นใจแล้ว
ณ จุดนี้สามารถทำเซอร์ไพรส์ได้ค่ะคุณหนุ่มๆ
ระหว่างรออาหารสามารถแอบมอบช่อดอกไม้ทำคะแนนได้เลย
(ใน เสรีเซ็นเตอร์ ติดกับ The Nine Center
มีร้านรับจัดดอกไม้สั่งทำใหม่ๆได้เลยไม่ต้องกลัวเหี่ยวฮร่ะ)
ผู้หญิงปากบอกว่าไม่อินกะดอกไม้แต่เชื่อเหอะได้รับมาหน้าบานทู้กกกคน

ส่วนคู่อิชั้นดูวิธีการให้ดอกไม้ของมันซะก่อน
ยกมือกราบแทบหัว....ดีค่ะบูชาเชื่อฟังแฟนไว้ชีวิตจะเจริญรุ่งเรือง555
คู่พี่มาสายฮามิใช่สายหวานเจรงๆ



เสียงสวรรค์กลบเกลื่อนอาการเขินจากดอกไม้ตะกี๊
"Melon Bingsu ที่สั่งได้แล้วค่า"
อู้ววววหูววววว.....แค่เห็นก็น้ำลายไหลแล้วน่าหม่ำมากกกก
มันดีงามตรงที่มีโยเกิร์ตและนมข้นแยกใส่ถ้วยมาให้
ซึ่งนมข้นมีให้เติมแบบอันลิมิตจร้าาา
ใครชอบนมข้นนะบอกเลยว่าสวรรค์สุดๆ
มันเข้ากันได้ดีมากกับเมล่อนและน้ำแข็งไสเนื้อนุ่มๆฟูๆ
บอกแล้ววันนี้ลืมเรื่องฟิตหุ่นไปซักวันแล้วชีวิตจะแฮปปี้ ฮี่ๆ Smiley

ร้านนี้มีบิงซูให้เลือกสามไซส์
แบบ cup 119฿ , Single 179฿ และ Double 239฿ ฮะ
ในภาพคือขนาด Single ซึ่งเค้าว่าก็เยอะอยู่นะ



บอกแล้วว่าสายแข็งงานกินขอให้บอกหลอกล่อได้ด้วยอาหารเสมอ555
จานเดียวมิพอยาไส้ค่ะ ต่ออีกจานกับเมนู Cherry Berry Brick (239฿)
ขนมปังเนยชุ่มๆอบให้กรอบราดด้วยครีมและซอสราสป์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่
มีซอสใส่ถ้วยมาให้ราดเพิ่มได้ตามอัธยาศัยด้วย ซอสจะหวานๆไม่เปรี้ยว
จัดว่ารสชาติเข้ากันได้ดีนะกินกับสตรอเบอร์รี่ฝานด้านล้างอมเปรี้ยวนิดๆแก้เอือมฮะ
แต่เมนูนี้ถ้าสายไม่แข็งจริงอาจจะไม่หมดได้
....ปริมาณจัดเต็มมากกกกก



Tips :  ร้านของหวานนี่แหละเหมาะแค่การนั่งคุยกับครุคริมุมิ
ค่อยๆกินไปเม้ากันไป ถ่ายรูปคู่กันบ้างอะไรบ้าง
ยิ่งถ้าเป็นคุณผู้ชายถ้าเสนอตัวถ่ายรูปให้นี่เป็นอะไรที่น่ารักมาก
แอบเก็บภาพแฟนทีเผลองี้น่าร๊ากกกกก


......ถ่ายรูปตอนกินเผลอๆให้หน่อยสิเอาสวยๆนะ
 >>> แล้วดิชั้นก็ได้รูปขวาล่างมากข่ะ ขอบคุณ! Smiley
แฟนพี่เป็นคนตลกชอบความเผลอแบบธรรมชาติ(ลงโทษ) ฮ่วย!



ทานคลีนไปอีกหนึ่งมื้อ
บอกแล้วว่าผู้หญิงกินเก่งอ้ะน่ารักจะตาย555



งานพร็อพดอกไม้มา งานถ่ายรูปต้องมี
ให้ดอกไม้แล้วก็ถามแฟนนิดเนอะว่าถ่ายรูปไหม? เค้าถ่ายให้ไรงี้
บอกเลยว่าใน The Nine Center แสงดีเป็นแสงธรรมชาติจากหลังคา
 ถ้าไม่มีขาตั้งกล้อง รีเฟล็กซ์ อุปกรณ์ที่เว่อร์วังเกินถ่ายรูปเล่นกับแฟนได้ฮะ



ก่อนกลับแวะซื้อของแป๊บ
เดินข้ามไปอีกฝั่งจะมีทางเชื่อมจาก
The Nine Center ไปอาคารติดกัน
จุดแรกจะเจอ MaxValu ก่อน ซุปเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติญี่ปุ่นเปิด 24 ชม.



อาคารถัดไปก็จะเป็น ตลาดเสรีมาร์เก็ต
อันนี้แหล่งประจำเค้าเลยในนี้ของกินตรึม Smiley



สาเหตุที่แวะเสรีมาร์เก็ตบ่อยมากก็คือมาช้อปปิ้งที่ร้าน Lemon Farm นี่หล่ะ
เป็นซุปเปอร์ที่ขายของเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะพวกอาหารออร์แกนิกส์ ผักปลอดสาร
ก่อนกลับจันท์แวะมาช้อปปิ้งที่นี่ทุกรอบ
พวกของสุขภาพราคาจะสูงกว่าของปกติหน่อย
แต่มันก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะเพื่อสุขภาพของเรา
ทานนอกบ้านเลี่ยงไม่ได้ตลอด ทำทานเองก็เลือกที่ดีๆหน่อยเนอะ

Tips : อันนี้แล้วแต่คู่นะ สำหรับคู่เค้าคุณผู้ชายชอบช้อปปิ้งอาหาร
เวลาเห็นเราเหนื่อยๆเค้าจะทำกับข้าวเตรียมไว้ให้กิน เค้าว่าเป็นอะไรที่น่ารักมาก
สำหรับคุณผู้ชายถ้าไม่ถนัดทำอาหารจริงๆแค่ช่วยงานบ้านเล็กๆน้อยๆก็ดีงามละฮะ
สมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายทำงานเหนื่อยเหมือนกัน หน้าที่ดูแลบ้านไม่ใช่งานของผู้หญิงเหมือนเมื่อก่อน
แค่อาสาบอกว่ามีอะไรให้เค้าช่วยทำบ้าง แค่นี้อีกฝ่ายก็ยิ้มไม่หุบแล้วจ้า



ช้อปปิ้งเสร็จก็กลับบ้านได้
ได้วัตถุดิบกลับไปแบบนี้มือเย็นช่วยกันเข้าครัวโลด
สวีทดินเนอร์วาเลนไทน์ต่อกันในบ้านมีความสุขจะตาย Smiley



จบแล้วจ้ากับทิปส์การควงกันมาเดทใน
ศูนย์การค้า
น่าจะได้ไอเดียอะไรกันไปบ้างเน้อ
แต่ละคู่มีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกันก็ลองไปปรับกันดูนะค้า

ฝากทิ้งท้ายไว้ว่าการหาเวลาอยู่ร่วมกันไม่จำเป็นต้องรอแค่วันพิเศษ
คบกันไปนานๆลองชวนกันมาหากิจกรรมร่วมกันทำบ้าง ใช้เวลาร่วมกันบ้าง
จะช่วยเติมเต็มความสัมพันธ์ชีวิตคู่ได้อีกมากจริงๆจ้า
อนาคตจะเกิดอะไรไม่มีใครรู้ทำทุกวันให้ดีที่สุด
ไม่ต้องรอเวลาหรือโอกาส ทุกวันจะพิเศษได้ถ้าเราใส่ใจกันฮับ

Smiley XOXO Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by The Nine Center
Information : //www.thenine.co.th




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2559 18:34:39 น.
Counter : 6416 Pageviews.  

Review : Meiji Plus โยเกิร์ตเพิ่มประโยชน์ด้วยคอลลาเจน-ซี และ อาซาอิเบอร์รี่-อี อร่อยด้วยสวยด้วย

เจอกันหมวดกินอีกแล้วฮี่ๆ Smiley บล็อคนี้เน้นสายเฮลท์ตี้สักนิด
พูดถึงโยเกิร์ตจัดได้ว่าเป็นอาหารโปรดของสาวๆรวมถึงเค้าด้วย
เพราะรสชาติอร่อยมีหลายรสชาติ ทานง่าย สะดวก
คุณประโยชน์ในตัวเองก็จัดเต็มอยู่แล้ว
แถมสมัยนี้ยังมีการเพิ่มสารอาหารด้วยการเติมนู่นนี่นั่นลงไปอีกเนอะ
บล็อคนี้เลยขอยกเรื่องของโยเกิร์ตมาเล่าสู่กันฟังตามไปชมกันเลยจ้า



Meiji Plus+ เมจิพลัส
โยเกิร์ตพร้อมดื่มแบบขวดและแบบถ้วย

----------------------------------------------------------------------

มีให้เลือก 2 สูตร 2 รสชาติ ได้แก่

Smiley สีชมพู >>> สูตรคอลลาเจน-ซี

Smiley สีม่วง >>> สูตรอาซาอิเบอร์รี-อี

โยเกิร์ตพร้อมดื่มแบบขวด ขนาด 140 มล. ราคา 15 บาท
โยเกิร์ตแบบถ้วย ขนาด 110 กรัม ราคา 17 บาท

มีจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อทั่วไปจ้า

---------------------------------------------------------------------------------

ก่อนจะไปชมรีวิวรสชาติของเมจิพลัส
มาเม้ามอยกันสักนิดว่าโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวคืออะไร? Smiley



โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวทำมาจากอะไร? ต่างกันไหม?

เล่าง่ายๆโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวก็คือสิ่งเดียวกัน
ได้จากการหมักนมสดโดยเติมจุลลินทรีย์ชนิดที่ดีลงไป
ที่เราคุ้นๆชื่อกันอย่างพวก แลกโตบาซิลัส สเต็ปโตค็อกคัส เป็นต้น
ซึ่งเจ้าจุลินทรีย์จะไปย่อยน้ำตาลแลคโตสที่มีในนม
ให้มีโมเลกุลเล็กลงกลายเป็นน้ำตาลกาแลคโตสและกลูโคส
และทำให้เกิดเป็นกรดแลคติกทำให้มีรสเปรี้ยวนั่นเอง
ดังนั้นในโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวจึงย่อยได้ง่าย
และมีจุลินทรีย์ในกลุ่มที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกายค่ะ

ซึ่งโยเกิร์ตกับนมเปรี้ยวนั้นจริงๆเกิดจากกรรมวิธีการหมักจุลินทรีย์คล้ายกัน
แต่โยเกิร์ตก็คือนมเปรี้ยวที่ถูกดึงเอาโมเลกุลของน้ำออก
จนเหลือลักษณะเป็นเนื้อข้นๆนั่นเองจ้า ก็เลือกเอาเนอะว่าชอบทานแบบไหน Smiley


จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวมีประโยชน์อย่างไร?

อย่างที่เราคุ้นกันว่าในโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวมีจุลลินทรีย์แลคโตบาซิลัส
ซึ่งเจ้าจุลลินทรีย์ตัวนี้เป็นจุลลินทรีย์ชนิดที่ดีต่อลำไส้ของเรา
เนื่องจากมันจะไปช่วยเร่งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของระบบทางเดินอาหารส่งผลให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่ทำลายเชื้อโรค
จึงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย รวมถึงตัวมันเองสามารถสร้างวิตามินบีและเคได้อีกด้วยนะ


สารอาหารในโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวมีอะไรบ้าง?

โยเกิร์ตและนมเปรี้ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนม
ดังนั้นแน่นอนว่ามีโปรตีน มีแคลเซียม และวิตามินแร่ธาตุอีกสารพัด
ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ วิตามินอี โพแทสเซียม

ข้อดีอย่างหนึ่งของการทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวคือ
กรดแลคติกที่ได้จากการหมักโยเกิร์ตจะช่วยย่อยแคลเซียม
ให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายง่ายขึ้น ดังนั้นเมื่อเทียบกับการทานนมปกติ
การทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวในปริมาณเท่ากันร่างกายจะได้แคลเซียมมากกว่านั้นเอง


-------------------------------------------------------------------------------


ได้เห็นประโยชน์จากโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวไปแล้วมันเริ่ดเนอะ
แต่สำหรับเมจิพลัสเค้าพิเศษกว่าตรงที่เค้าพลัสคุณประโยชน์เข้าไปอีก
ด้วยการเติมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเข้าไป
โดยเน้นสารที่เข้าไปช่วยบำรุงผิว แหม่ถูกใจสาวๆยิ่งนัก Smiley
ซึ่งเค้ามีให้เลือก 2 สูตรตอบโจทย์คนละปัญหาผิว ได้แก่



Smiley สีชมพู >>> สูตรคอลลาเจน-ซี
Smiley

ประกอบด้วยคอลลาเจน เปปไทด์จากปลา 100%
ซึ่งมีโมเลกุลเล็กกว่าคอลลาเจนทั่วไปทำให้ดูดซืมได้ดีกว่า และมีวิตามินซีสูง

ประโยชน์ของคอลลาเจนอย่างที่เราทราบๆกันดี
ก็คือคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบหลักของชั้นหนังแท้
ช่วยในเรื่องผิวให้ยืดหยุ่นดี ผิวจึงนุ่มเด้งเรียบเนียน
ลดปัญหาพวกริ้วรอยก่อนวัย ช่วยให้ริ้วรอยตื้นขึ้น
รวมถึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อเอ็นกระดูกอ่อน

โดยปกติร่างกายเราสามารถสังเคราะห์คอลลาเจนได้เอง
แต่จะผลิตน้อยลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น การทานอาหารที่มีคอลลาเจน
จึงช่วยเสริมปริมาณคอลลาเจนในร่างกายได้
ซึ่งการทานอาหารที่มีวิตามินซีร่วมด้วยก็จะยิ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึม
และเกิดการสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ความต่างระหว่างโยเกิร์ตพร้อมดื่มและแบบถ้วย

>>> โยเกิร์ตพร้อมดื่ม <<<
ปริมาณ
คอลลาเจน 500 มิลลิกรัม
ปริมาณแคลเซียม 10% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน  
ปริมาณวิตามินซี 20% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
***มีไขมัน 0% น้ำตาล 18g. และแคลอรี่เพียง 80 kcal


>>> โยเกิร์ตแบบถ้วย <<<
ปริมาณคอลลาเจน 1,000 มิลลิกรัม
ปริมาณแคลเซียม 15% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน  
ปริมาณวิตามินซี 30% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
***มีไขมัน 1.5g เป็นไขมันอิ่มตัว 1 g
น้ำตาล 15g. และมีแคลอรี่ 110 kcal



Smiley สีม่วง >>> สูตรอาซาอิเบอร์รี-อี
Smiley

มีส่วนผสมของอาซาอิเบอร์รี่ 55,000 ไมโครกรัม และมีวิตามินอีสูง



อาซาอิ เบอร์รี (Acai Berry) เป็นผลไม้ตระกูลปาล์ม
พบได้ที่ป่าอเมซอนแถบประเทศบราซิลและเปรู
ลักษณะเป็นลูกเล็กๆ คล้ายบลูเบอร์รี่
เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินแร่ธาตุ และกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย
ที่สำคัญมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูงจัดเป็น “Super Antioxidant”
ซึ่งช่วยในการต้านความเสื่อมของร่างกาย
ช่วยในการต่อต้านเนื้องอกและเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

สำหรับวิตามินอีนอกจากช่วยให้ผิวชุ่มชื่นแล้ว
ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกันจึงช่วยลดความเสื่อมของผิวเช่นเดียวกัน

ความต่างระหว่างโยเกิร์ตพร้อมดื่มและแบบถ้วย

>>> โยเกิร์ตพร้อมดื่ม <<<
ปริมาณอาซาอิเบอร์รี่ชนิดผง 0.0393%

ปริมาณแคลเซียม 10% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน  
ปริมาณวิตามินอี 30% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
***มีไขมัน 0%
น้ำตาล 21g. และแคลอรี่ 140 kcal

>>> โยเกิร์ตแบบถ้วย <<<
ปริมาณคอลลาเจน 0.05%
ปริมาณแคลเซียม 15% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน  
ปริมาณวิตามินอี 20% ที่ร่างกายต้องการต่อวัน
***มีไขมัน 1.5g เป็นไขมันอิ่มตัว 1 g
น้ำตาล 16g. และมีแคลอรี่ 110 kcal

---------------------------------------------------------------------------------



ร่ายสาระไปอย่างยืดยาวทีนี้มาว่ากันด้วยเรื่องรสชาติดีกว่า
สำหรับสูตรสีม่วงจะเป็นรสของอาซาอิเบอร์รี่
ส่วนสูตรสีชมพูจะเป็นรสเชอร์รี่

เริ่มจากโยเกิร์ตพร้อมดื่มแบบขวดก่อนเนอะ



สูตร อาซาอิเบอร์รี่-อี สีม่วง
ดูจากหน้าขวดรสชาติก็น่าจะเป็นเจ้าตัวอาซาอิเบอร์รี่นั่นแล
แต่ส่วนตัวทานแล้วเค้าว่ากลิ่นรสคล้ายลูกพรุน 555 รึอิชั้นลิ้นเพี้ยน
สำหรับสูตรนี้จะเหมาะกับคนชอบทานหวานไม่ชอบเปรี้ยวมาก
เพราะปริมาณน้ำตาลในขวดนี้จะเยอะสุดเมื่อเทียบกับทั้ง 4 แบบ
คือกลิ่นหอมทานง่ายดีแต่เค้าชอบทานเปรี้ยวๆเลยรู้สึกว่าหวานไปหน่อยจ้า
จะทานได้คือแช่เย็นจัดๆหน่อยแล้วดูดปรื้ดเสร็จแล้วตามด้วยน้ำเปล่าฮะ



สูตร คอลลาเจน-ซี สีชมพู

กลิ่นและรสชาติตามขวดคือเชอร์รี่
อันนี้รสชาติโดนใจคือเน้นเปรี้ยวนำไม่หวานแหลม
ดื่มและไม่ค่อยรู้สึกเหนียวคอ มีกลิ่นหอมเบาๆเหลือในปาก
เป็นนมเปรี้ยวอีกหนึ่งรสเลยที่กินแล้วชอบ



ต่อด้วยโยเกิร์ตแบบถ้วยมีสองรสเช่นเดียวกัน



แต่ความพิเศษคือมีส่วนผสมของ
"คริสตัลบีด"
ในสูตรสีม่วง
และ "คอลลาเจนเปปไทด์บีด" ในสูตรสีชมพู



เม็ดบีดเรียกชื่อต่างกันแต่หน้าตาและรสชาติส่วนตัวเค้าว่าคล้ายกันแหละ
เป็นเม็ดกลมๆสีขาวขุ่น เคี้ยวแล้วกรุบๆเพลินดีเหมือนเม็ดบุก
อันนี้คาดเอาเองว่าน่าจะทำมาจากพวกผงบุกนะ
ซึ่งในสูตรสีชมพูก็จะใส่ตัวคอลลาเจนเปปไทด์ไว้ในเม็ดบีดนี้ฮะ



สูตร อาซาอิเบอร์รี่-อี สีม่วง
เนื้อโยเกิร์ตเป็นแบบเนื้อค่อนข้างเหลว
รสชาติแบบเดียวกับแบบขวดพร้อมดื่ม
หอมๆหวานๆคล้ายๆพรุน (หรือเค้าคิดไปไม่เองรู้นะ555)
ความเด็ดคือเม็ดคริสตัลบีดที่ผสมมา 10%
เวลาเคี้ยวเจอมันได้เท็กซ์เจอร์ดีหนึบๆกรุบๆ

สำหรับแบบถ้วยนี้ปริมาณน้ำตาล 16g น้อยกว่าแบบขวดเยอะอยู่
จึงหวานไม่มากเท่าแบบขวด ถ้าใครชอบกลิ่นและรสประมาณนี้
แต่ไม่ชอบหวานมากก็แนะนำให้เลือกทานเป็นแบบถ้วยเอาฮะ




สูตร คอลลาเจน-ซี สีชมพู
จะบอกว่าเป็นหนึ่งในโยเกิร์ตที่ซื้อกินประจำ
เพราะรสชาติออกไปทางเปรี้ยวๆหอมๆไม่หวานแหลม
เนื้อค่อนข้างเหลวแต่เหมือนข้นกว่าสีม่วงเล็กน้อย
เวลาแช่เย็นๆทานแล้วมันสดชื่นดี
ความเด็ดเหมือนกันคือตรงเม็ดบีดเคี้ยวแล้วเพลินๆนี่หล่ะ Smiley

----------------------------------------------------------------

สรุปเทียบมาทั้ง 4 แบบ เค้าชอบทานเป็นโยเกิร์ตถ้วย
สูตร
คอลลาเจน-ซี สีชมพู มากที่สุด!
คือรสชาติไม่ต่างกับแบบขวดพร้อมดื่ม
แต่ส่วนตัวกินเป็นโยเกิร์ตถ้วยๆมันรู้สึกอิ่มท้อง
ได้น้ำได้เนื้อดีกว่า ยิ่งมีเม็ดบีดด้วยยิ่งได้เคี้ยวเพลินดี อิอิ
เอาว่าอันนี้เป็นความชอบส่วนบุคคลชอบแบบไหนก็มาแชร์ๆกันนะจ๊ะ

ส่วนเรื่องของคุณประโยชน์แน่นอนว่าแค่โยเกิร์ตธรรมดาก็มีประโยชน์แล้ว
แต่เมจิพลัสเค้าก็เติมสารที่ช่วยบำรุงผิวมาให้อีก
เมื่อเทียบกับราคาไม่ถึงยี่สิบบาทเค้าว่ามันก็คุ้มค่าการลงทุนนะ
ถ้าอยากทานอาหารเสริมแต่ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากมาย
อยากบอกจริงๆว่าเอาเงินมาซื้ออาหารที่มีประโยชน์ทานดีกว่า
นอกจากจะได้สารที่เข้าไปช่วยบำรุงผิวแล้ว
ยังได้พลังงานและได้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตามการจะมีผิวสวยมันก็ต้องประกอบกันหลายอย่าง
ทั้งการทานอาหารที่ดี การพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย
ทานน้ำเยอะๆ และต้องขยันทาครีมบำรุงและครีมกันแดด
จะหวังพึ่งบำรุงทางใดทางหนึ่งด้านเดียวแล้วหวังให้ผิวดีมันเป็นไปมิได้
อยากสวยให้ครบสูตรต้องดูแลทั้งภายในและภายนอกนะจ๊ะ



สุดท้ายอันนี้แถมให้สำหรับวิธีการทานในแบบของเค้า
ตื่นเช้ามาเค้าจะมีมื้อรองท้องก่อนมื้อเช้าเพราะตื่นปุ๊บจะหิวปั๊บSmiley
ซึ่งมื้อนี้จะเป็นอาหารที่ทานง่ายๆแต่ขอแบบได้ประโยชน์ด้วย
โดยจะทานเป็นโยเกิร์ตหนึ่งถ้วยใส่กราโนล่า
คือธัญพืชอบกรอบผสมถั่วหรือผลไม้แห้งตามที่เห็นในภาพ
ซึ่งทั้งจุลลินทรีย์ดีในโยเกิร์ตและใยอาหารจากกราโนล่า
จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายดีนักแล ทานแล้วจะถ่ายง่ายขึ้นมาก
ใครมีปัญหาเรื่องถ่ายยากท้องผูกลองดูเค้าว่าเวิร์ค
ที่สำคัญคือ "อร่อย" นี่แหละปัจจัยหลักในการเลือกกินของเค้า555 Smiley

หวังว่าบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์นะค้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

Smiley XOXO Smiley

---------------------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by Meiji
Information : https://www.facebook.com/MeijiYoghurtThailand




 

Create Date : 10 สิงหาคม 2558    
Last Update : 17 สิงหาคม 2558 14:26:08 น.
Counter : 6794 Pageviews.  

Review : Häagen-Dazs ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส 3 รสชาติใหม่ เอาใจคนรักผลไม้....รสไหนอร่อยโดนใจต้องตามไปชม!

ฮัลโหลวววว.....มาพบกับหมวดหมูชวนชิมกันอีกแล้วฮี่ๆ
นี่เริ่มไม่แน่ใจว่าเป็นสายบิวตี้หรือสายกิน เอาว่าเรามากินแบบบิวตี้ๆละกันเนอะ
สำหรับอากาศร้อนๆแบบนี้ขอนำเสนออาหารดับร้อนยอดฮิตเลยละกัน
กับไอศกรีมแบรนด์ดังมากกกกกกกกกก.....รับประกันรู้จักกันทุกคน
ซึ่งเค้าเพิ่งออก 3 รสชาติใหม่ และได้ทำการส่งมาให้เค้าลอง...ใจดีสุดๆขอบคุณคร้าบ
โอเค! พร้อมแล้วตามไปชิมพร้อมๆกันเลย Smiley



ท๊าดา....แบรนด์นั้นก็คืออออ Häagen-Dazs : ฮาเก้น-ดาส นั่นเอง
เป็นไอศกรีมระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมที่เรารู้จักกันมาแสนนาน
ขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่สุดจะเข้มข้น รวมถึงราคาที่แอบทรมานใจนิดๆด้วย555
แต่นะถ้าได้ลองแล้วจะมึนๆลืมเรื่องราคาได้เลยเพราะไอศกรีมของเค้ามันอร่อยจริงๆ

เม้ามอยถึงประวัติสักนิด ฮาเก้น-ดาส ก่อตั้งโดย คุณรูเบน แมททัส (Ruben Mattus)
ซึ่งเป็นชาวโปแลนด์-ยิว แต่ย้ายไปอยู่ที่เมืองเดอะบร็องซ์ รัฐนิวยอร์ก USA
โดยเค้าเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1961 ซึ่งตอนนู้นมีเพียง 3 รสชาติคลาสสิก
ได้แก่ รสวานิลลา ช็อคโกแลต และรสกาแฟ

จุดเด่นสุดๆคือไอศกรีมของเค้าคือส่วนผสมที่ไม่ใส่พวกวัตถุเจือปน
อย่างพวก แซนแทน กัม , กัวกัม , คาราจีแนน ฯลฯ
ซึ่งส่วนผสมจะใช้ครีมที่สดใหม่และกรรมวิธีในการตีเนื้อครีม
ให้มีฟองอากาศปะปนเข้าไปน้อยที่สุด
จึงได้เนื้อไอศกรีมที่เนียนนุ่มหนึบเป็นเอกลักษณ์
และสุดท้ายคือการใช้วัตถุดิบที่สุดยอดจากหลายมุมโลก
เช่น วานิลลาจากมาดากัสการ์ ช็อคโกแลตจากเบลเยียม
แมคาดาเมียจากฮาวาย สตรอเบอร์รี่จากโปแลนด์ เป็นต้น
กว่าจะออกมาเป็นไอศกรีมให้เราได้ทานนี่ยากแท้เนอะ
เข้าใจละว่าทำไมถึงอร่อยเด็ด ได้รู้สตอรี่บอกเลยว่ายิ่งอินเวลากิน อิอิ



มาเข้าเรื่องถึง 3 รสชาติออกใหม่กันเถอะ
 คนรักผลไม้มีเฮ...เพราะ 3 รสใหม่เป็นรสผลไม้หมดเลย ได้แก่

 Mango & Raspberry

Yuzu Citrus & Cream

Blueberries & Cream


โดยเบสไอศกรีมยังคงเป็นนมเข้มข้นอยู่นะฮะไม่ใช่ Sorbet
ซึ่งใช้ส่วนผสมจากครีมและนมแท้ 100%
ที่มาจากฟาร์มใกล้ๆโรงงานผลิตในประเทศฝรั่งเศส
และใช้ไข่ที่มาจากการเลี้ยงไก่แบบปล่อย และน้ำตาลแท้ 100% เลอค่า Smiley

----------------------------------------------------------------------------------

อยากชิมแล้วหล่ะซิ มาดูกันดูกว่าว่ารสไหนโดนใจเค้าที่สุด!



Yuzu Citrus & Cream
ไอศกรีมรสยูซุ ซิทรัส แอนด์ ครีม


ขอยกให้เป็นไฮไลท์ในสามรสนี้เลยเพราะเป็น Limited Edition ค่ะ!
เรียกได้ว่าเป็นรสที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครและหากินยาก
โดยใช้ผลส้มยูซุจากประเทศญี่ปุ่น มิกซ์กับน้ำส้มคั้นรสหวานจากประเทศบราซิล
จนกลายเป็นซอสซิทรัสที่เข้มข้นผสานเข้าไปในเนื้อไอศกรีม

เชื่อว่าหลายคนที่เคยไปญี่ปุ่นถ้าได้เคยลองส้มยูซุมักจะหลงรักในความเฟรซ
เค้าว่ามันเป็นกลิ่นเฉพาะตัวมาก ได้กลิ่นปุ๊บแล้วรู้เลยว่ายูซุแน่ๆ
จุดเด่นของกลิ่นคือทำให้รู้สึกสดชื่น ซึ่งในบ้านเรายังหาไอติมรสนี้มิได้
เอาว่าใครติดใจส้มชนิดนี้ตอนนี้หากินได้แล้วที่ฮาเก้น-ดาส
แต่ก็มีแค่ช่วงนี้นะเพราะเป็นลิมิเตทหมดแล้วหมดเลยฮะ



เนื้อ กลิ่น และรสชาติ

เนื้อไอศกรีมสีขาวครีมมีซอสซิทรัสสีเหลืองอ่อนๆแทรกอยู่
แต่ดูยากนิดนึงฮะเพราะสีมันใกล้เคียงกะเนื้อไอศกรีม
เจอแสงจ้าถ่ายมาเลยแทบไม่เห็นอ่าน้า
เปิดฝามาจะได้กลิ่นยูซุจะหอมอ่อนๆ แต่เวลาตักเข้าปากกลิ่นจะชัดเจนนะ

เท็กซ์เจอร์เนื้อเนียนๆนุ่มหนึบตามมาตรฐานของฮาเก้น-ดาส
ความเป็นนมเด่นชัดจัดเต็ม รสจะหวานนวลๆมีเจือรสเปรี้ยวนิดๆ ย้ำว่านิดเดียว
ตรงที่ตักแล้วเจอซอสซิทรัสจะได้รับรสความเป็นส้มมากกว่าหน่อย



คะแนนความอร่อยในมุมมองของ Mhunoiii

ส่วนตัวเค้าว่าเป็นไอศกรีมนมที่ให้ความสดชื่นได้ดีนะ
ไม่ค่อยเลี่ยนเพราะกลิ่นของยูซุ ที่สำคัญคือหวานไม่แหลมมากเมื่อเทียบกะรสอื่น
แต่ถ้าเป็นสไตล์เค้าอยากจะให้ตัวซอสออกเปรี้ยวและใส่ซอสมามากกว่านี้อีกนิดนึง
จะทำให้กินได้เรื่อยๆมากกว่า อันนี้หนักไปทางรสของนมมากกว่าผลไม้ฮะ
อ้ออันนี้ขอหักคะแนนนิดนึงไม่รู้เป็นที่เค้าคนเดียวป่ะนะ
คือเหมือนรสนี้จะละลายไวกว่ารสอื่นหน่อย ตักกินไปแป๊บเดียวขอบๆเริ่มเยิ้มแหล่ว
เป็นคนไม่ชอบกินไอศกรีมที่ละลายแล้วเลยกินได้แป๊บๆต้องแช่ตู้อ่าน้า แหะๆ

ความพอใจสำหรับรสนี้เค้าขอให้ที่ 8.75/10

***คะแนนที่ให้จัดเป็นความชอบส่วนบุคคล
วัดจากตัวเค้าเองล้วนๆเอามาเทียบกันไม่ได้เน่อ




Blueberries & Cream
ไอศกรีม รสบลูเบอร์รี่ แอนด์ ครีม


ไอศกรีมนมที่ผสมบลูเบอร์รี่แท้ๆ จากประเทศแคนาดาและยุโรป
รสนี้อาจจะไม่ตื่นเต้นมากเพราะเป็นรสที่หากินได้ไม่ยากเนอะ
แต่อยากให้ได้ดูเนื้อไอติมก่อนแล้วจะว้าวไม่น้อยกว่ารสแรก Smiley



เนื้อ กลิ่น และรสชาติ

เนื้อไอศกรีมสีม่วงมาเลย.....คือน่ากินม้ากกกก
แปลกดีเนอะชื่อบลูเบอร์รี่เปลือกสีฟ้าแต่ผสมมาละสีนี่ม่วงจ๋าเลย 555
รสนี้ไม่มีซอสอะไรใดๆทั้งสิ้นแต่จุดขายก็คือ
ใส่บลูเบอร์รี่มาให้เป็นเม็ดๆเลยนะฮร้า กระจายตัวทุกหย่อมหญ้า
ไม่ว่าเอาช้อนตักลงไปตรงไหนเจอมันเด็ดตรงนี้!

ดมจากกระปุกกลิ่นไม่ค่อยชัดมาก
แต่ตักเข้าปากเคี้ยวพร้อมเม็ดบลูเบอร์รี่คือดีงาม
หอมฟุ้งๆขึ้นมาในปาก รสชาติเข้ากับความเป็นนมได้ดี
รสหวานอมเปรี้ยวเบาๆ จัดว่าเปรี้ยวสุดในบรรดาทั้งสามรสแต่ก็หวานนำอยู่ดี
เนื้อเนียนนุ่มหนึบตามมาตรฐานฮะ



คะแนนความอร่อยในมุมมองของ Mhunoiii

ขอเทียบรสชาติกับไอศกรีมรสบลูเบอร์รี่ที่เคยกินมาทั้งชีวิตนะ
เฮ้ยยยอันนี้คือดีงามที่สุดอ้ะเธอ! ความมันๆของนมมันเข้ากันได้ดี
ความหอมของบลูเบอร์รี่ติดในปาก เพราะเค้าใส่มาเป็นเม็ดเลยอ่านะ
ความรสชาติอมเปรี้ยวเจือมาแบบกำลังดี รสไม่โดด ไม่เฝื่อนด้วย
ที่ชอบสุดคือเท็กซ์เจอร์ของไอศครีมเนื้อหนึบๆที่มีบลูเบอร์รี่ผสม
อมๆเคี้ยวๆรวมกันคือเพลินทำให้ตักกินได้เรื่อยๆแป๊บๆปากไปค่อนกระปุกละ
สรุปว่าชอบฮะ ชอบตรงรสที่อมเปรี้ยวและเท็กซ์เจอร์ที่กินเพลินนี่หล่ะ

ความพอใจสำหรับรสนี้เค้าขอให้ที่ 9/10

***คะแนนที่ให้จัดเป็นความชอบส่วนบุคคล
วัดจากตัวเค้าเองล้วนๆเอามาเทียบกันไม่ได้เน่อ




Mango & Raspberry
ไอศกรีม รสแมงโก้ แอนด์ ราสเบอร์รี


ไอศกรีมนมที่ผสมผสานระหว่างรสหวานฉ่ำของมะม่วงสุก
เข้ากับรสชาติเปรี้ยวแหลมของราสเบอร์รี่ทำให้ได้รสชาติที่สดชื่น

อยากจะบอกว่าในบรรดา 3 รส เค้าเห็นรสนี้ละกรี้ดสุด
เป็นคนเห็นของหวานที่เป็นรสมะม่วงไม่ได้เป็นความชอบส่วนตัว
ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบกินมะม่วงสุกนะแต่ของหวานมันละคนฟิลกัน555



เนื้อ กลิ่น และรสชาติ

เปิดฝามาละกรี้ดดดดด แอร๊ยยยเนื้อน่ากินมากกก
เป็นสีเหลืองครีมของมะม่วงผสมกับซอสสีแดง
แค่หน้าตาก็ชนะเลิศละพูดเลย

เรื่องกลิ่นก็ชนะขาดกลิ่นมะม่วงหอมฟุ้งตั้งแต่เปิดฝา
ได้กลิ่นละน้ำลายสอยิ่งเห็นซอสราสป์เบอร์รี่ด้วยนะ
Smiley
เนื้อไอศกรีมไม่ต้องพูดถึงเนียนนุ่มหนึบ
เหมือนรสนี้จะละลายช้ากว่ารสอื่นด้วย




คะแนนความอร่อยในมุมมองของ Mhunoiii

แทบไม่ต้องอธิบายรสชาติ กรุณาดูสีหน้าและแววตา5555
ขอบอกว่าฟินมากกกก รสชาติของมะม่วงหวานหอมสุดๆ
ไปกันได้ดีกับซอสที่อมเปรี้ยวนิดๆ
เนื้อไอศกรีมหนึบๆค่อยๆอมให้ละลายให้ปาก
พอรสซอสผสมกะรสมะม่วงนะ.....โอยยยดีงามที่สุด

เอาว่ายกให้เป็นรสที่ใช่ที่สุดของเค้าไปเล้ยยยย
ถ้าใครชอบมะม่วงกรุณาลองค่ะแล้วคุณจะฟิน
แอบขอหักคะแนนนิดนึงตรงที่รสนี้หวานสุดในบรรดาทั้งสามรส
แต่นี่ขนาดไม่ชอบหวานมากนะจกทีละครึ่งปุกๆ ตอนนี้จะหมดแหล่ว

ความพอใจสำหรับรสนี้เค้าขอให้ไปเลยที่ 9.5/10 คร้าบบบ

***คะแนนที่ให้จัดเป็นความชอบส่วนบุคคล
วัดจากตัวเค้าเองล้วนๆเอามาเทียบกันไม่ได้เน่อ




จบการรีวิวแบบเจาะลึกทั้งสามรส
สรุป......เค้าว่าอร่อยทั้งสามรสเหมาะกับคนที่ชอบทานอะไรนมๆ
ซึ่งแน่นอนว่าสาวกฮาเก้น-ดาสก็คงหลงรักแบรนด์นี้ตรงความเข้มข้นนี่หล่ะเนอะ
เค้าว่ารสแนวผลไม้เข้ากับอากาศร้อนๆได้ดี ส่วนรสชาติก็อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลแล้วหล่ะ
เพราะมันอร่อยทุกรสแต่เค้าอินกะมะม่วงก็ว่ามะม่วงโดนใจสุด
แต่เท่าที่คุยกะหลายๆคนก็ยกให้มะม่วงจี๊ดสุดนะฮร้า.....หาพวกๆ555

ส่วนใครไม่เคยลองฮาเก้น-ดาส ขอบอกว่าความแตกต่างจากไอศกรีมทั่วไป
คือเท็กซ์เจอร์และคุณภาพของวัตถุดิบที่เข้มข้นไปสามโลก
เนื้อมันเนียนนุ่มแน่นและเน้นว่าหนึบมากจริงๆ อมในปากจะค่อยๆละลาย
เป็นความฟินสำหรับคนรักไอศกรีมจริงๆฮะ ก็นะของดีก็ต้องแลกกะราคานิดนึง แหะๆ Smiley



 รสใหม่ทั้งสามรสนี้วางจำหน่ายแล้ว
แต่จะมีงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ กับ
Häagen-Dazs Fruity Cafe
ในวันศุกร์นี้ ที่ Centerpoint เวลา 4 โมงเป็นต้นไป

ใครสนใจแวะไปลองไอศกรีมรสชาติผลไม้และเมนูใหม่ล่าสุดได้ที่
“ฮาเก้น-ดาส ฟรุ้ตตี้ คาเฟ่” ในย่าน ธุรกิจ และคอมมูนิตีมอลล์ทั่วกรุงเทพฯ
ทั้งสยาม สีลม ราชพฤกษ์ อโศก สุขุมวิท และชิดลม
ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม ไปจนถึง 18 กันยายนนี้นะคร้าบ

เช็คสาขาใกล้บ้านได้ที่นี่เลย
>>> //www.haagendazs.co.th/shops/shoplocator.aspx <<<

แถมให้ว่าสาขาที่เป็นร้านนั่งจะมีเมนูของหวานออกใหม่อีกเพียบ
ซึ่งเค้าครีเอทออกมาเพื่อรสใหม่ทั้ง 3 รสนี้ ได้แก่

Brioche Fruitee ขนมปังปิ้งเนยชิ้นหนาแต่งหน้าด้วยไอศกรีมยูซุ ซิทรัสแอนด์ครีม
บลูเบอร์รี่แอนด์ครีม และแมงโก้แอนด์ ราสเบอร์รี อย่างละสกู๊ป

Yuzu float น้ำเลมอนโซดา  ใส่ลูกพีชและไอศกรีม 1 สกู๊ป

Blueberriesor Mango & Raspberry milk shakes
มิลค์เชคเข้มข้นให้เลือกระหว่างบลูเบอร์รี่แอนด์ครีม
หรือแมงโก้แอนด์ ราสเบอร์รี

Summer Duet ไอศกรีมบลูเบอร์รี่ แอนด์ ครีมและ ยูซุ ซิทรัส แอนด์ ครีม
 เสิร์ฟพร้อมกับผลไม้และครีมเข้มข้น

ใครลองแล้วมาเม้าให้ฟังกันมั่งน้าไว้เค้าจะตามไปลองบ้าง Smiley

--------------------------------------------------------------------------------------

บล็อคนี้ขอขอบคุณไอศกรีมอร่อยๆจาก  Häagen-Dazs มากๆคร้าบ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปชมหรือสอบถามได้ที่

https://www.facebook.com/HaagenDazsThai

IG :
Haagendazsthailand

และ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

Smiley XOXO
Smiley




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2558    
Last Update : 13 สิงหาคม 2558 22:02:44 น.
Counter : 3833 Pageviews.  

[Part 2] เมื่อหมูพาตะลุย Ocean Park Hong Kong คือมัน(ส์)ดีอ้ะ! [24-26 June 2015]

มาต่อกันที่ภาคสองใครยังไม่ได้อ่านภาคแรกตามลิงค์ด้านล่างเลยค่า

CLICK : [Part 1] เมื่อหมูพาตะลุย Ocean Park Hong Kong
คือมัน(ส์)ดีอ้ะ! [24-26 June 2015]




ได้เวลาฤกษ์ดีก็เริ่มงานเปิดตัวแคมเปญสนุกๆรับหน้าร้อน
Summer Splash LINE x Ocean Park
คาแรกเตอร์ไลน์มาเต็มเต้นกันมันส์เลย
สื่อมวลชนเรียกได้ว่ามากันทั้งเกาะฮ่องกงคับคั่งมากๆ



ในแคมเปญนี้จะเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 2015
โดยจะมีทั้งโชว์ต่างๆและเครื่องเล่นสุดมันส์ที่เน้นความชุ่มฉ่ำให้ได้คลายร้อนกัน



บรรยากาศรอบๆสวนสนุกสดใส๊สดใส
มีมุมคาแรกเตอร์จาก LINE ให้ได้ถ่ายรูปกัน
มุมนี้แนะนำสำหรับคนที่มาเป็นหมู่คณะ อิอิ



ประเดิมลองเครื่องเล่นแรกกันด้วย "Water War"
เป็น Wet Zone ก่อนเล่นทำใจได้เลยเปียกชัวร์
เป็นเกมส์ที่ควรมากะเพื่อนแบ่งเป็นสองทีม
แล้วยิงลูกโป่งน้ำใส่กัน ประลองกันด้วยความแม่น
ซึ่งเค้าแม่นมากเล็งแทบตายสุดท้ายแตกใส่ฝั่งตัวเอง555 Smiley



ใกล้ๆกันมีจุด LINE FRIENDS Snapshots
เป็นจุดถ่ายรูปคู่กับคาแรกเตอร์ไลน์ที่หมุนเวียนมาให้ถ่ายคู่กัน
โชคดีได้เจอนุ้งกระต่ายโคนี่ก่อนเลย ส่วนหมีบราวน์เค้าพกมาเอง อิอิ



นอกจุดถ่ายรูปถ้าเจอคาแรกเตอร์เดินไปเดินมา
ก็สามารถขอถ่ายรูปคู่ได้เช่นกันน้า



ต่อด้วย LINE Play Zone เอาใจขาโซเชียล
กับโซนที่ให้เราได้อัดคลิปวิดีโอน่ารักๆเป็นคลิปสั้นๆ
กับกรอบลายคาแรกเตอร์ไลน์ ซึ่งสามารถเซฟคลิปง่ายๆ
ด้วยการแสกน QR Code จากแอพ LINE ในมือถือ



มาถึงขากินแบบเค้าเอาใจกันด้วย
LINE-themed Summer Dishes ที่น่ารักจนไม่แทบกล้าหม่ำ Smiley
สามารถสั่งทานได้ที่ Neptune's Restaurant
ราคาแบบเซ็ตครบคอร์ส 388HKD + 10% (1,870 บาท)
ถ้าสั่งเป็นจานเมนคอร์สประมาณ 270-300HKD



ของหวานราคาประมาณ 32-98HKD
เค้าชอบคุกกี้น่ารักเนอะเหมาะแก่การซื้อเป็นของฝาก
เค้าขายเป็นเซ็ต 6 ชิ้น 48HKD (210 บาท)



มาถึงจุดที่รับประกันว่าหลายคนกรี้ด
นั่นก็คือ LINE FRIENDS Pop-Up Store
ไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลีฮ่องกงมีมาให้ช้อปแล้วจ้า



นี่ขนาดไม่ใช่แฟนคลับคาแรกเตอร์ไลน์เห็นแล้วยังตื่นเต้นเลย น่ารักเอ๊าะ Smiley
ราคาเค้าไม่แน่ใจว่าเทียบกับเกาหลีจะถูกหรือแพงกว่านะฮะ
ที่นี่ตุ๊กตาจะราคา 148/243/270HKD แพงขึ้นตามขนาดไซส์
พวงกุญแจห้อยเป๋าห้อยมือถือรูปขวาบน 62 HKD (270บาท)
เสื้อ 108-158HKD หมอนหนุน 190HKD



สองสิ่งนี้มุ้งมิ้งสุดๆเค้าวอแวเดินมาหยิบๆจับๆหลายรอบ(ไม่ได้ดูวัยเล้ยยย555)
ที่คาดผม 65HKD (285 บาท) & เป้ 205HKD (900 บาท)



จุดนี้เป็นลาน The Waterfront เปียกชุ่มฉ่ำกันทั้งโซน
เค้าชอบอันนี้เป็นถังรองน้ำพอเต็มแล้วก็จะเทลงมาซู่
ไปยืนแอคตอนถังกำลังรองน้ำเฉยๆตอนเทวิ่งหนี555



ในโซนนี้จะมีทั้งสไลดเดอร์ ชิงช้าฝ่าน้ำ ลานน้ำพุพุ่งจากพื้น และปาร์ตี้โฟม
แทบจะแบ่งวัยเลยมีแต่เด็กน้อยกะวัยสะรุ่น อิอิ Smiley



ทัวร์โซนไลน์กันจนเต็มอิ่มแล้วเปลี่ยนโหมดมาเดินอควาเรียมกันบ้าง
ซึ่งตั้งอยู่ในตึกโดมสีฟ้าๆที่เห็นเด่นเป็นสง่าตอนเดินผ่านทางเข้ามาเลย
อควาเรียมที่นี่สุดยอดมากนะสำหรับเค้าคือใหญ่อลังไม่แพ้ที่อื่นเลยเดินแล้วเพลินสุดๆ



ของที่ระลึกของที่นี่ทำใจระทึกน่ารักแบบกวนๆ
ลองจับๆหยิบๆวัสดุดี ดีไซน์น่ารัก น่าสอยไปโหม๊ดดด



ในอาคารอควาเรียมจะมีห้องอาหาร Neptune's Restaurant
นั่งทานไปชมวิวตู้ปลาสุดอลังไป



ดินเนอร์มื้อเย็นกันที่นี่หล่ะอาหารมีทั้งฝรั่งทั้งจีน
เมนูที่เค้าภูมิใจนำเสนอคือหมูผัดเปรี้ยวหวาน 178HKD (780บาท)
มันไฮโซวววมากตรงได้ความเปรี้ยวและหวานจากพีชและสตรอเบอร์รี่นี่แล
ซอสรสกลมกล่อม หมูทอดมาข้างนอกกรอบข้างในนุ่ม ดีงามถึงขั้นสั่งเบิ้ลมาแชร์กัน



หม่ำเสร็จออกมาได้เวลาแสดงโชว์ที่ห้ามพลาดเลยตอนเวลาหนึ่งทุ่ม
กับ "Symbio" เป็นการแสดงฉายภาพบนม่านน้ำพุแบบ 360 องศาที่แรกของโลก
ตื่นตาตื่นใจมากมีพลุ มีไฟลุกบนพื้นน้ำ ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเค้าชอบๆ



จบวันแรกในการตะลุย Ocean Park ไปอย่างเมามันส์ เย้!



มอร์นิ่งสวัสดีเช้าวันสุดท้ายในฮ่องกงจ้า.....ลุควันนี้เน้นสีสันสดใส

Smiley My Makeup Smiley
#เดรสUnionMall #เสื้อคลุมESP
 #แว่นตาNvenvySunglass #กล้องSonyA5200


***เครื่องสำอางเค้าเอามาเซ็ตเดียวใช้เหมือนลุควันแรกฮะ



วันนี้มีเวลาครึ่งวันซึ่งเค้าตั้งมั่นไว้แล้วว่าต้องเล่นเครื่องเล่นให้ได้
ซึ่งโซนเครื่องเล่นตัวเด็ดๆจะอยู่อีกฝั่งเขา แต่วันนี้ไม่นั่งกระเช้าเคเบิ้ล
แต่ข้ามเขากันด้วยรถไฟ Ocean Express เป็นรถไฟทึบ
ที่จำลองเหมือนเรามุดทะเลไปด้วยการฉายภาพบนหลังคารถเป็นบรรยากาศใต้ทะเล
ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนั่งวันร้อนๆจะชิลดีเพราะในรถมีแอร์ ฮี่ๆ



ก่อนลุยเครื่องเล่นขอเดินชมสัตว์จากขั้วโลกกันก่อน
เริ่มจากโซนแรก South Pole Spectacular
ดงพี่กวิ้นหลากหลายสายพันธุ์ เพนกวิ้นเป็นสัตว์ตลก
เค้าชอบดูเวลาเพนกวิ้นเดินน่ารักดีเนอะ



ถัดมาคือ
North Pole Spectacular
อันนี้เค้าชอบมากกกกก เป็นโซนแมวน้ำกับวอลลัส
เจ๋งสุดตรงวอลลัสที่มีโดมกระจกโค้งให้ได้เห็นหน้าพี่วอลลัสอย่างใกล้ชิด
หูยนี่ใกล้ที่สุดในชีวิต เห็นหน้าคร่าตากันแบบ HD



บ่อแมวน้ำกับวอลลัสดูได้ทั้งมุมบน มุมข้าง
และเดินทะลุอุโมงค์ พื้นที่กว้างใหญ่เดินได้เพลินๆ



สตาร์ทวอร์มความมันส์กันด้วยเครื่องเล่นแรก Rev Booster
เหมือนม้าหมุนแต่เป็นแบบติดสปีด เหยหนุกมากเหวี่ยงได้ใจตัวแทบลอย
เค้าว่าอันนี้ไม่หวาดเสียวแต่สนุกเค้าชอบๆ



แป๊บๆเที่ยงแล้วเลยต้องพักเติมพลังกันก่อน
มื้อเที่ยงทานกันที่ Tuxedos Restaurant
เป็นร้านอาหารติดกับบ่อพี่กวิ้น หม่ำไปดูพี่กวิ้นว่ายน้ำเล่นไป



เป็นมื้อเที่ยงที่จัดเต็มเว่อร์ๆ
อาหารดีงามเสิร์ฟจานใหญ่ได้ทั้งปริมาณและความอร่อย
จุดเด่นของห้องอาหารนี้เป็นอาหารคาร์บอนต่ำ
คือกรรมวิธีการผลิตจะก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์
ที่เป็นมลพิษต่อโลกน้อยที่สุดเพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ

เมนูแนะนำที่ทุกคนในทริปลงความเห็นว่าดีงาม
คือสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าหอยเชลล์ออสเตรเลีย รสชาติเข้มข้นได้ใจ
มีขายสองไซส์ 148HKD กับ 248HKD(สำหรับ2คน)



คลุมผ้ากันเปื้อนพี่กวิ้นกันทั้งโต๊ะน่ารักเชียว555
ถ่ายภาพราคาเมนูอาหารมาฝากกันด้วย
ราคาสูงแต่เหมือนเดิมปริมาณเต็มตู้ม



หลังจากกินอิ่มนี่ก็ซ่าเลยตะลุยเล่นเครื่องเล่น
ทำการเขย่ามื้อเที่ยงในกระเพาะให้เข้ากันด้วยเครื่องเล่น The Flash
เค้าว่าอันนี้ชิลนะมันไม่ได้เหวี่ยงแรง ตอนกลับหัวก็เฉยๆดูวิวไปเพลินๆ
เค้าไม่กลัวความสูงเลยรู้สึกว่าไม่ค่อยหวาดเสียว
ซึ่งคนที่นี่เล่นเครื่องเล่นกันสงบมากไม่รู้สนุกป่าวแต่ไม่มีเสียงกรี้ดออกมาเลย แหะๆ



ต่อกันด้วยตัวจี๊ดดดที่เค้าเล็งไว้ตั้งแต่เห็นจากตอนนั่งกระเช้า
รถไฟเหาะ Hair Raiser นั่นเอง ดีใจๆได้นั่งแถวหน้าที่ริมด้วย
เป็นรถไฟแบบหมุนตีลังกาแต่ไม่น่ากลัวนะ
สนุกดีได้เห็นวิวจากบนเขามองลงไปที่ทะเลเริ่ดอ้ะ
เป็นการวางที่ตั้งของรถไฟเหาะที่เจ๋งมั่ก
มาที่นี่มิควรพลาดอันนี้นะฮร้า



ใครอยากเล่นสนุกๆแบบไม่หวาดเสียวมาก
เค้าว่าอันนี้ก็ดูโอเคนั่งห้อยขาหมุนวนๆชื่อ Whirly Bird
แต่เค้าบ่ได้เล่นเน่อมันดูชิลไปไม่น่าตื่นเต้น แหะๆ



เปลี่ยนโหมดไปเดินเล่นในโซน Rainforest กันบ้าง
เป็นโซนที่แสดงสัตว์ป่าดิบชื้น มีเครื่องเล่นล่องแก่ง The Rapids
ซึ่งอันนี้น่าเล่นมากแต่เค้าไม่มีชุดมาเปลี่ยนเลยอด
เล่นอันนี้ต้องเปียกแต่ไม่ได้เปียกตอนล่อง
มันจะมีจุดที่ให้คนอื่นที่มาเที่ยวเอาปืนฉีดน้ำยิงใส่คนที่ล่องแพได้
มันจะเปียกก็ตรงนี้นี่หล่ะ Smiley



ระหว่างทางที่เดินข้ามโซนจะมีจุดชมวิว
เค้าชอบวิวนี้ที่สุด! Smiley



มาดูแมงกระพรุนในโซน Sea Jelly Spectacular
ซึ่งจะตั้งอยู่ในด้านล่างอาคารเดียวกับร้านอาหาร The Bayview Restaurant
เจ๋งตรงตู้ใหญ่มีแมงกระพรุนเป็นร้อยแล้วเค้าเปิดไฟสลับสีไปเรื่อยๆง๊ามงาม



ยังคงต่อกันด้วยสัตว์ทะเลกับโซน Shark Mystique
ตู้ฉลามใหญ่บึ้ม เอาฉลามหลายพันธุ์มารวมกันในตู้เดียวอลังการ



อากาศวันนี้อบอ้าวมากต้องเสริมกำลังด้วยไอติม
ทริปนี้มีรูปคู่กะน้องพริมเด็กจิ๋วเยอะมาก เป็นเด็กเก่งกล้าแสดงออก
พูดเก่งที่สำคัญกินเก่งเหมือนกันเลยเข้าขากันได้ดี 555

ไม่รู้คิดไปเองป่าวว่าติม McDonald ที่นี่อร่อยกว่าบ้านเรา
เป็นซอร์ฟเสิร์ฟที่เสิร์ฟมาคู่กะพายแอปเปิ้ลรสเข้มข้นทั้งคู่



จุดสุดท้ายก่อนกลับคือแวะมาดูแสดงปลาโลมา
ระหว่างรอมองเห็นเครื่องเล่น The Abyss เสียดายมากน่าเส่นสุดๆ
เป็นเสาสูงนั่งขึ้นไปสูงสุดแล้วทิ้งดิ่งลงมาน่ามันส์ง่า



โชว์โลมา & แมวน้ำ จัดแสดงในโซน Ocean Theatre
น่ารักดีแต่เสียดายโชว์สั้นไปนี้ด



เวลาแห่งความสนุกมันหมดไวเสมอแป๊บเดียวต้องกลับแล้ว ฮือ
Bye Bye.....Ocean Park สองวันยังเที่ยวไม่ทั่วเลยรอบหน้าต้องมาซ้ำๆ
ถือเป็นสวนสนุกที่เริ่ดนะ ใครชอบมุ้งมิ้งอาจจะอินกะดิสนีย์แลนด์
แต่ถ้าอยากได้ความหลากหลายและต้องการเครื่องเล่นแบบมันส์ๆเค้าชอบที่นี่
แถมยังมีในส่วนของจุดชมสัตว์และดูปลาด้วยเทียบกะค่าตั๋วคุ้มค่ามากกกก
(แค่นั่งกระเช้าดูวิวก็คุ้มไปครึ่งละ 555)



มื้อสุดท้ายก่อนไปสนามบินแวะทานกันที่ Citygate Outlets
ร้าน Federal Parade เป็นโต๊ะจีน
บรรยากาศค่อนข้างหรูหรานะมาเป็นแชนเดอเลียเลย



อาหารชุดใหญ่มากกกกกกก.....ขุนหมูทุกมื้อ 555
ดีใจได้กินหมูผัดเปรี้ยวหวานก่อนกลับอีกรอบ
ที่นี่มีพีชแต่ไม่มีสตรอเบอร์รี่ แต่โดยรวมเค้าว่ารสชาติอร่อยคือกัน Smiley
นั่งทานในจุดช้อปปิ้งเล่นค่อนข้างฟรีใครหม่ำอิ่มก่อนก็ช้อปรอได้เลย



ได้เวลากลับบ้าน 21:30 น. ก็บึ่งไปสนามบิน
ปัญหาใหญ่สุดก็คือการแพ็คทุกอย่างเข้าไปในกระเป๋านี่หล่ะ Smiley



ในที่สุดก็สำเร็จกับการแพ็คยัดทุกอย่างลงเป๋า 555
ขากลับบิน HONGKONG AIRLINES เหมือนเดิม
ไฟลท์ HX761 เวลา 23:55 น. แต่เครื่องดีเลย์นิดหน่อยเพราะสภาพอากาศ
ขากลับนั่งอีโคโนมี่อาหารจะมีเป็นขนมปังไส้กรอกกะน้ำเปล่าฮะ
หลับยาวตลอดทางแป๊บเดียวก็ถึงไทยโดยสวัสดิภาพค่า

จบทริปไปอย่างสวยงามขอขอบคุณป้าไก่ลุงเด้ง
แห่ง
HONGKONG FANCLUB ที่ให้เกียรติชวนหนูไปเที่ยวด้วยกัน
ขอบคุณ
HONGKONG AIRLINES ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทาง
และขอบคุณ
OCEAN PARK ที่ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์สุดมันส์ในครั้งนี้
และขอบคุณทุกมิตรภาพจากพี่ๆทุกคนในทริปด้วยนะค้า Smiley




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2558 3:19:36 น.
Counter : 6561 Pageviews.  

[Part 1] เมื่อหมูพาตะลุย Ocean Park Hong Kong คือมัน(ส์)ดีอ้ะ! [24-26 June 2015]

สวัสดีค่าพบกันกับหมูออนทัวร์อีกครั้ง
บล็อคนี้จะพาไปที่แปลกใหม่......"ฮ่องกง" วู้วววว
เอ๊ะเดี๋ยวแปลกเยี่ยงไรไปมาหลายรอบมากแล้ว555

ที่แปลกใหม่คือรอบนี้จะไปเที่ยวสวนสนุกคู่บ้านคู่เมืองฮ่องกง
"Ocean Park" นั่นเอง แต่เชื่อไหมว่าไปฮ่องกงมาหลายรอบแล้ว
เค้ายังมิเคยไปที่นี่เลยสักครั้งเดียว
ครั้งนี้ลุงเด้งและป้าไก่แห่ง HONGKONG FANCLUB ให้เกียรติชวนมา
มีหรือหมูจะพลาด พร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันเลยจ้า



ออกเดินทางกันวันที่ 24 มิถุนายน 2558
นัดรวมพลกันที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน 6.30 น.
ทริปนี้มีป้าไก่-ลุงเด้ง , ครอบครัวเด็กจิ๋ว , พี่อุ๊-พี่ต้อง ตามกาลเวลา ,
คุณยุ้ยและผู้ช่วยจาก HONGKONG AIRLINES
ทีมงานจาก HONGKONG FANCLUB อีกสองท่าน
และสองสาวตัวแทน Beauty & Lifestyle Blogger
ทรายกับพี่ตูนน์ Tuniez83 นั่นเองค่า

ทริปนี้ได้รับการดูแลเรื่องการเดินทาง
จาก
HONGKONG AIRLINES ขอบคุณมากๆนะค้า
ซึ่งหมูกรี้ดมากกกเพราะจะได้นั่ง Business Class ครั้งแรก!
แอร๊ยตื่นเต้น ได้เช็คอินสวยๆกันที่ Row K ช่อง BC

ขุ่นพ่อบ้านขับรถมาส่งเฉยๆนางมิได้ไปด้วยดูหน้าเซ่ะ Smiley



บินไฟล์ท HX768 ช่วงเวลาสวยงาม ออกจากไทย 08:25 น.
ถึงฮ่องกง 12:10 น. (เวลาฮ่องกงซึ่งเร็วกว่าไทยช.ม.นึงจ้า)
เห่อนะรีบขึ้นเครื่องไปสำรวจก่อนเลย BC ที่มันกว้างขวางจริงเชียวฮี่ๆ



เอาโปรเริ่ดๆมาฝากด้วยหูยราคาดีมากอ้ะค่ะคู๊ณณณณ
คือราคาไป-กลับ อีโคโนมี่เริ่มต้นที่ 5,200 บาท
ส่วน BC ราคาพิเศษเว่อร์ 11,770 บาท เท่าน้านนน

ราคานี้คือรวมทุกสิ่งอย่างแล้วนะเออ!

รายละเอียดเพิ่มเติมและการจองเข้าไปดูได้ที่ >>>Click<<<



เพิ่งเคยสัมผัสความฟินของ BC มันดีงามตั้งแต่ที่นั่งที่ปรับได้ตั้งกะหัวยันขา
มีหมอนและผ้าห่ม...ไม่ใช่สิผ้านวมเลยหล่ะจัดไว้ให้ตั้งแต่ขึ้นเครื่อง
พอเครื่องเริ่มขึ้นก็ได้เครื่องดื่มเบาๆพร้อมใบเมนูมาให้เลือกรายการอาหาร
ขาไปมีให้เลือกเป็นออมเล็ท / พะแนงไก่ / บะหมี่กุ้ง

ด้านข้างที่นั่งจะมีที่ชาร์ตซึ่งอันนี้เค้าฟิน เค้าใช้ไอแพดเป็นหลัก
เวลาขึ้นเครื่องตอนนี้หลายสายการบินมีช่อง USB ให้เสียบชาร์จได้แล้ว
แต่ไอแพดมันไม่รองรับเพราะคาดว่ากำลังไฟต่ำไป
แต่อันนี้คือมีช่องให้เสียบปลั๊กได้เลยดีงามมม....ชาร์จไอแพดได้ล้าววว



หลังจากรับรายการไปสักพักอาหารก็มา
จริงเค้าจะสั่งบะหมี่กุ้งแต่หมดที่พี่ตูนน์พอดีเลยจัดพะแนงมา
สรุป.....พะแนงคืออร่อยเลยอ้ะ บะหมี่ขโมยพี่ตูนน์มาถ่าย
เจ๊เค้าว่ามันและแฉะไปหน่อย โชคดีที่หมดเลยได้กินของอร่อย555

ได้คุยกับทางคุณยุ้ยจาก
HONGKONG AIRLINES เค้าบอกว่า
สายการบินเพิ่งเปลี่ยน Catering เลยฝากชมไปว่าพะแนงทำมาได้ดีเลย
รสชาติใกล้เคียงอาหารภาคพื้น เป็นอาหารใส่กะทิที่ไม่มันเลี่ยน
ติดนิดเดียวแค่เค็มไปนี้ด ส่วนครัวซองต์เค้าว่าแห้งไปไม่ค่อยถูกปากฮะ
อ้อที่ต้องชมอีกอย่างคือ"ชานมฮ่องกง"รสเข้มข้นมากไม่หวานไปแนะนำให้ลองๆ



หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนปรับเบาะนอนยาวได้เลยที่สุดของ BC คือตรงนี้
มันสบายกว่านั่งกึ่งนอนมากจริงๆ นี่เปิดการ์ตูนดูเพลินๆแป๊บเดียวหลับข่า...ก็มันสบายนี่เนอะ



เสียดายฮ่องกงใช้เวลาบินแค่ประมาณ 2.30 ช.ม.
แป๊บเดียวก็ถึงฮ่องกงแล้ว เป็นครั้งแรกเลยที่อยากอยู่บนเครื่องนานๆ
พอรับกระเป๋ากันเรียบร้อยก็เดินทางเข้าเมืองกันด้วยรถมินิโค้ช
จากสนามบินเข้าเมืองนั่งรถใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เร็วช้าก็ตามสภาพการจราจรจ้า



กองทัพต้องเดินด้วยท้อง (ได้ข่าวว่าเพิ่งกินมาบนเครื่อง Smiley )
เริ่มทริปกันด้วยมื้อเที่ยง ณ ร้าน City Chiu Chow Restaurant
เป็นร้านอาหารจีนแต้จิ๋ว ตั้งอยู่ย่าน Tsim Sha Tsui East



ทริปนี้ขุนหมูเต็มที่ สั่งอาหารมาให้แบบจัดเต็มมากๆ

เป็นการลองทานอาหารจีนแบบแต้จิ๋วครั้งแรก
เค้าว่ารสชาติแทบจะเหมือนอาหารบ้านเราเลยนะ
พวกเป็ดพะโล้ แกงจืดสาหร่าย ผัดผัก ไข่เจียว
ขาดแค่อาหารรสเผ็ดๆแค่นั้นเอง รวมๆคืออร่อยดีไม่เลี่ยนฮะ
แอบติดใจไข่เจียวใส่ผักกาดดองไว้ลองกลับมาทำมั่ง



วันนี้ชิลๆกินอิ่มแล้วก็ปล่อยฟรีไทม์ให้เดินเล่นช้อปปิ้งกันตามอัธยาศัย
โดยมีจุดนัดพบกันที่ห้าง K11 เพิ่งเคยมาครั้งแรกอีกเช่นเคย
บอกแล้วว่ารอบนี้เป็นการมาฮ่องกงแบบแปลกใหม่ อิอิ

ห้าง K11 ตั้งอยู่บนนถนน Hanoi Road ย่าน Tsim Sha Tsui
ใกล้ๆรถไฟใต้ดิน เป็นศูนย์การค้าที่มีสตรีทแบรนด์ครบดี
เห็นเค้าฮิตๆกันก็คือช็อป Onitsuka Tiger ช็อปใหญ่
มีทั้งเสื้่อผ้าและรองเท้าราคาถูกกว่าบ้านเราเยอะเลยฮะ



เดินออกจากห้างมานิดข้ามมายังถนน Cameron Road
จะมีร้าน Chalie Brown Cafe เอาใจสาวกสนูปปี้
ร้านตกแต่งน่ารักดีมีมุมให้ถ่ายรูปเล่นเยอะ



แต่ราคาอาหาร & เค้กและของที่ระลึกก็สูงใช้ได้เลย
ตามค่าครองชีพฮ่องกงอ่านะ อย่างแก้วกาแฟลายสนูปปี้นี่ก็ 215HKD ละ
แอบถามป้าไก่ว่าอาหารเป็นไงป้าไก่ว่าเฉยๆทานได้แต่ไม่โดดเด่น
จึงเหมาะกับคนชอบสนูปปี้มานั่งชิลๆ ถ่ายรูปเช็คอินเก๋ๆฮะ



ใกล้ๆกับ
Chalie Brown Cafe ถัดมาประมาณ 2-3 ห้อง
จะมีร้านเสื้อผ้าที่ขายไอติมซอร์ฟเสิร์ฟซึ่งเห็นคนเข้าไม่ขาดสาย
ชื่อร้าน initial ด้วยความแปลกใจเลยแวะเข้าไปส่อง
เหยยยย....ที่คนมุงๆกันเพราะมันเป็นไอติมที่โรยด้วยพริกไทยดำคร้าาา!!!
โรยกันสดๆบดกันเห็นๆ พี่ต้องกะพี่อุ๊ซื้อมาลองแล้วแบ่งกันชิม
ชิมแล้วได้ความว่าไอติมซอร์ฟเสิร์ฟรสเสาวรสหวานหอมอมเปรี้ยวอร่อยดี
ปักใบอะไรมาก็ไม่รู้ลองชิมแล้วกินได้ไร้รส ไร้กลิ่น (ไม่รู้เค้ากินกันเปล่านะ555)
ส่วนพริกไทยที่โรยมานั้นก็พริกไทยดำจริงๆหอมฉุนเผ็ดมาครบ
กินคู่กะไอติมมันก็แปลกๆดี......แต่ครั้งเดียวพอละกันเนอะไม่ใช่แนว แหะๆ
ราคาถ้วยละ 40HKD หรือประมาณ 175 บาทจ้า
(ตอนเค้าไป 1 HKD ประมาณ 4.37 บาทฮะ)



ได้เวลาแยกย้ายกันช้อปปิ้ง
ช่วงที่ไปคือกลางปีเป็นหน้าฝนฟ้าครึ้มเชียว
มีฝนปรอยมาเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้ตกหนัก

เค้าเดินชิลๆจาก Tsim Sha Tsui ไป Mongkok
ชิลมากเดินฝ่าฝนปรอยๆไปกลับประมาณ 6 กิโล 5555 เดินย่อยๆ



จาก
Tsim Sha Tsui ไป Mongkok
ต้องผ่าน Yau Ma Tei ย่านนี้นี่ย่านช้อปปิ้งเลย
ร้านที่สามารถเจอคนไทยได้แทบทุกสาขาคือ Sasa และ Colourmix
คล้ายๆวัตสันแต่เน้นหนักไปทางเครื่องสำอาง
ที่สำคัญคือราคาถูกกว่าบ้านเรามากนั่นเอง



ที่ลงทุนเดินย่อยชิลๆมาไกลขนาดนี้เกือบถึงสถานี Prince Edward
นี่เพื่อขุ่นพ่อบ้านเลยนะ นางอยากได้โมเดลเครื่องบิน
และร้านนี้คือร้านที่ของเยอะและราคาถูกที่สุด
ชื่อร้าน West Main Toys ตั้งอยู่ในซอกหลืบตรงร้านร้องเท้า Mizuno
ฝั่งตรงข้ามด้านหลังห้าง Pioneer Centre

หลักๆจะมีของยี่ห้อ Phoenix กับ Gemini
อันหลังถูกกว่านิดหน่อยประมาณ 20HKD
เห็นขุ่นพ่อบ้านบอกว่างาน
Phoenix ทำดีกว่า
เลยจัดการบินไทย Boeing 777-300ER (338HKD)
กะ B787-800 (328HKD) สเกล 1:400 มาอย่างละลำ
ซื้อสองลำร้านคิดให้ 650 HKD (2,845 บาท)
ค่าถุงต่างหาก 50cent ฮะ รูดบัตรได้ไม่ชาร์จเพิ่ม



ช้อปปิ้งกันจนสิ้นแรงได้เวลาเข้าโรงแรม
ทริปนี้พักที่โรงแรมสุดฮิปทำเลตั้งเยื้องๆกับ Ocean Park เลย
ชื่อโรงแรม Ovolo Southside Hotel



ตั้งอยู่ถนน Yip Fat Street การเดินทางมาโรงแรมตอนนี้ต้องนั่งรถเมล์หรือแท็กซี่
แต่มีการสร้างรถไฟฟ้าอยู่ทำมาหลายปีละคาดว่าจะเสร็จภายในปีหน้านี้ฮะ



จุดขายของโรงแรมนี้บอกเลยว่าคือดีไซน์
แต่ละชั้นตกแต่งต่างกัน เค้าพักชั้น 10 สีสันลวดลายฮิปสเตอร์มากกก



ห้องพักของเค้าเป็นแบบ Deluxe Queen วิวกระจกเต็มบาน
ตอนนี้มีราคาโปรโมชั่นอยู่ด้วยห้องคล้ายๆกันเล็กกว่านี้นิดเดียว
สตาร์ทที่คืนละ 650HKD หรือ 2,750 บาท เท่านั้น!
ซึ่งขอบอกว่าราคามันคุ้มที่สุดของที่สุดถ้าได้รู้ว่าได้อะไรบ้าง อิอิ
แต่แค่ขนาดและวิวห้องก็ดีงามมากแล้วถ้าใครเคยมาฮ่องกงจะรู้เลย
เพราะส่วนใหญ่โรงแรมในฮ่องกงกระจิ๋วหลิวมากเนอะ



แอบเข้าไปส่องห้องแบบอื่นมาด้วย
ภาพบนเป็นห้อง Corner กระจกสองฝั่ง
กะห้อง Corner Deluxe จะมีโซนโซฟานั่งเล่นด้วย



สำหรับห้องแบบที่เค้าพักเป็นเตียงขนาด Queen Size วิวสนามเทนนิส
มองเลยไปอีกนิดคือ Ocean Park
ห้องน้ำกว้างขวางแต่เสียดายนิดเดียวไม่มีอ่างอาบน้ำเน่อ
ทางโรงแรมบอกว่าถ้าเป็นโรงแรมสร้างใหม่ในฮ่องกง
หลังๆจะไม่มีอ่างอาบน้ำเพราะนโยบายประหยัดทรัพยากรน้ำฮะ

มาพักที่นี่ไม่ต้องพกอแดปเตอร์ปลั๊กมากเลย
เค้ามีให้มีช่องเสียบครบช่อง USB เอาไว้ชาร์จโทรศัพท์ได้เลย
แต่แนะนำว่าควรมีปลั๊กรางมาสักแถว
เพราะเชื่อว่าสมัยนี้แต่ละคนพกทั้งมือถือทั้งกล้องชาร์จกันไม่หวาดไม่ไหว Smiley



อุปกรณ์ในห้องครบที่สุดของที่สุด
แชมพู ครีมนวด โลชั่น ยาสีฟัน
 แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก สำลี คัตตอนบัด

Mini Bar ในตู้เย็น
ไม่ว่าจะน้ำแร่ น้ำอัดลม เบียร์ ชา น้ำผลไม้
ฟรีทั้งหมด!!! สวดยอดดดดดเติมให้ทุกวัน

ทุกห้องจะได้ Welcome Snack Bag ฟรีหนึ่งถุง
มีขนมให้ทานเล่นกรุบกริบ แต่อันนี้ไม่เติมนะฮะได้ถุงเดียวฮี่ๆ

ไดร์เป่าผมมีให้อันใหญ่บิ๊กเบิ้ม ถ้าจำไม่ผิด 2000w
พร้อมถุงใส่ของซึ่งอันนี้เขียนเลยว่า It's Yours!
คือ ฟรี!!! แกะใช้แล้วเอากลับบ้านได้เล้ยยยยขอบอกว่าถุงวัสดุดีมากคุ้มค่ะคุ้ม
แต่ไดร์ให้ใช้ในห้องห้ามเอากลับนะฮร้า555



และนี่คือไฮไลท์ความคุ้มที่สุดของค่าห้องมันอยู่ที่ตรงเน้!
บาร์ที่ชั้น Lobby ทานเครื่องดื่มแบบไม่มีแอลกอฮอล์ได้ฟรีทั้งวัน
และช่วงเวลา 18:00-20:00 น. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฟรีจัดเต็มไม่อั้นฮ้าฟฟฟ!!!
ใครขาดริงค์รับประกันความคุ้มค่าห้องไม่กี่พันกินได้เต็มสตรีมขนาดนี้โอ๊ยเริ่ด



สำหรับคนรักสุขภาพที่นี่ก็มีฟิตเนสให้ด้วยอยู่ชั้น Lobby เช่นเดียวกัน
มีทั้งลู่วิ่ง เวท กระสอบทราย TRX ที่กำลังฮิตๆกันก็มีด้วย เปิดตลอด 24 ช.ม.



ขึ้นไปชั้น 23 จะมีบาร์เอาท์ดอร์ชื่อว่า ABOVE
บรรยากาศดีมากนั่งดริงค์ชิลๆมองไปเห็นวิว Ocean Park
เปิด 17:00-01:00 น.



เดินทัวร์โรงแรมจนได้เวลามื้อเย็น
ดินเนอร์วันนี้ทานกันที่ชั้น 4 ห้องอาหาร CIRQLE
เปิด 12:00-15:00 น. และ 18:00-23:00 น.



อาหารจะเป็นสไตล์ฟิวชั่นฟู้ดมีกลิ่นอายเอเชียผสมอาหารฝรั่งเบาๆ
Appetizer วันนั้นมีขนมปัง.....ดีงามมากกกกกฟาดไปหลายชิ้นเนื้อนุ่มหนึบ
ตามด้วยเทมปุระกะซอสพริกเผ็ดแซ่บเบาๆ อีกเมนูนึงเป็นยำปลาดิบ
รสชาติคล้ายยำไทยเลยมีหอมแดงด้วยแต่ไม่เผ็ดเท่าทานคู่กะนาโชส์
จัดว่ารสชาติดีเลยเค้าว่าน่าจะถูกปากคนไทยรสมันหลากหลายดี



เมนคอร์สมาแร้นอันนี้แอบถ่ายของพี่ตูนน์
เสต็กเนื้อ Medium Rare ฉ่ำโบ๊ะมากกกก



อันนี้ของเค้ากุ้งเสิร์ฟกับ Risotto ข้าวผัดสไตล์อิตาเลี่ยน
อันนี้กุ้งดีแต่งามแต่ข้าวผัดจืดไปหน่อยฮะ



ปิดท้ายของหวานด้วยเค้กเนื้อนุ่มฟูพร้อมครีมรสชา Earl Grey
อันนี้เก๋ตรงครีมหอมมันกลิ่นชาฟุ้งมากกก รสหวานเบาๆดีฮะ



อิ่มอืดได้ที่หนังท้องตึงหนังตาหย่อน
ราตรีสวัสดิ์คืนแรกในฮ่องกงค่า Smiley



มอร์นิ่งค่า.....เริ่มวันที่สองกันด้วยมื้อเช้าที่ห้องอาหาร CIRQLE ชั้น 4
อาหารเช้าถ้าเค้าจำไม่ผิดคือ 7:00-10:00 น.
อาหารเช้าที่รวมในค่าห้องจะมีพวกขนมปัง แฮม สลัด โยเกิร์ต นม น้ำผลไม้
และโจ๊กทานกะพวกเกี้ยมฉ่าย ไข่เค็ม หอมเจียว <<< เข้ากะโจ๊กได้แบบไม่น่าเชื่อ
สิ่งที่เค้าเลิฟที่สุดคือมัฟฟิ่นซัดไปหลายอันนั่งเพลินๆรอฝนหยุด



แต่ถ้าอยากทานพวกเมนูร้อนๆ
อย่างพวกออมเล็ท บะหมี่ผัด ฯลฯ
ก็จ่ายเพิ่มได้ 60HKD (264 บาท)
พวกไส้กรอกเพิ่ม 30HKD (132บาท) จ้า



ลุควันนี้เสื้อวิ้งวับแต่เน้นลุคทะมัดทะแมง
เพราะเราจะไปตะลุย Ocean Park กัน เย้!

Smiley My Makeup Smiley
#เสื้อUnionMall #กางเกงPomeloFashion #กระเป๋าNarmiBag

Smiley My Makeup Smiley
#รองพื้นBobbiBrown #คอนLaneige #แป้งฝุ่นCandyDoll
#คิ้วTERแบบลิขวิด #เฉดดั้งด้วยที่เขียนคิ้วฝุ่นCollection
#อายแชโดวBobbiBrownและTooFaced #เขียนขอบตาด้วยอายแชโดวสีดำ
#ขนตาMissHanaNo13 #มาสคาร่าRMK #คอนแทคเลนส์ @dreamcolor_1
#รุ่นMiniTokyoสีน้ำตาล #แก้มRMKและBisousBisous
#ไฮไลท์ใช้อายแชโดวสีครีมBourjois #ลิป @beautypublic_official
#สีชมพูเบอร์4 #ผสมShuUemuraสีนู้ด #ถ่ายด้วยSonyA5100จ้า




ออกจากโรงแรมเดินข้ามฝั่งสนามเทนนิสไปนิดเดียวก็ถึง Ocean Park แล้วฮะ
ระหว่างทางจะเห็นเค้ากำลังทำก่อสร้างกันอยู่ นี่แหละรถไฟฟ้าที่จะมาในอนาคต



Hello! Ocean Park
มากันแบบชุ่มฉ่ำเลยฝนปรอยๆหยุดๆ
ถ้ามาเที่ยวฮ่องกงช่วงกลางปีต้องทำใจหน่อยเนอะเป็นหน้าฝนที่มรสุมเข้า
อากาศร้อนพอๆกะบ้านเราแต่ชื้นกว่าแต่งตัวแบบอยู่บ้านเราได้เลย

- - - การเดินทาง
- - -

 - MTR สถานี Admiralty ทางออก B -> ต่อรถเมล์ City Bus 629 
(9.00 am - 4.00 pm รถออกทุกๆ 10 นาที)

 - ทางเรือ Central Pier -> ต่อรถเมล์ City Bus 629
(9.45 am - 3.45 pm รถออกทุกๆ 20 - 60 นาที)

Credit : //www.hongkongfanclub.com/index.php?topic=32844.0



เวลาเปิดปิด วันธรรมดา 10:00-20:00 น.
เสาร์-อาทิตย์ 10:00-21:00 น.

ค่าบัตรผ่านประตูรวมเครื่องเล่นทุกอย่าง
ถ้าซื้อที่หน้าสวนสนุกจะราคาตามนี้ฮะ

ผู้ใหญ่คนละ 345HKD ( 1,510 บาท)
เด็กคนละ
173HKD ( 760 บาท)

แต่ถ้าจองจากไทยผ่านเว็ป HONGKONG FANCLUB
จะได้ราคาถูกสุดตามในภาพเลยฮะ คลิกดูรายละเอียดได้ที่ >>>CLICK<<< ฮะ



เข้าไปด้านในแล้วตะลึงพื้นที่เค้ากว้างขวางมากมาย
เค้าว่าเหมือนจะกว้างกว่าดิสนีย์แลนด์อีกนะนี่



และนี่คือจุดประสงค์แห่งการมาเยือน 
Ocean Park ครั้งนี้
มองไปทางไหนก็มีแต่นุ้งกระต่าย Cony กะพี่หมี Brown
เพราะวันที่เค้าไปเป็นวันเปิดตัวการจับมือกัน
ของ
LINE x Ocean Park นั่นเอ๊งงงง Smiley



งานเปิดตัว LINE จะมีช่วงบ่ายๆ
ช่วงก่อนเที่ยงนี้เลยขอเดินตระเวนใน กันก่อน
เริ่มที่โซน Old Hong Kong ที่เค้าจำลองเมืองฮ่องกงยุคโบราณ
โดยมีทั้งร้านขนม ร้านเกมส์ มาให้เราได้เดินชมเดินถ่ายรูปเล่นกันเพลินๆ



ถัดจากย่านเมืองเก่าจำลองจะเป็นโซนท่องออสเตรเลียดูโคอาล่า
ซึ่งเค้าว่านี่คือจุดเด่นของ Ocean Park เลยนะ
คือเค้าเป็นทั้งสวนสนุก สวนสัตว์ และอควาเรียม มาที่เดียวครบ



พื้นที่ของ
Ocean Park กว้างมากกกกก เค้าจะแบ่งเป็นสองฝากเขา
โดยจะมีกระเช้าเคเบิลให้นั่งชมวิวข้ามเขา กระเช้าหนึ่งตัวมี 6 ที่นั่ง



ขอบอกว่ามาที่นี่นั่งกระเช้าอย่างเดียวก็แทบจะคุ้มค่าตั๋วละ
เพราะวิวระหว่างข้ามเขาสวยอลังม๊ากกกกกกกกก เค้าปลาบปลื้ม
ใช้เวลาในการนั่งกระเช้าประมาณ 10 นาทีนิดๆ



ช่วงเที่ยงกระเช้าคนเยอะสักนิดเพราะจุดลงกระเช้าจะเป็นห้องอาหาร
ที่เห็นวิวเดียวกับตอนนั่งกระเช้าเลย คือ The Bayview Restaurant



และที่เค้านั่งมาก็เพื่อมาหม่ำนี่หล่ะ 555
ห้องอาหารเป็นแบบบริการตัวเองเหมือนโรงอาหาร
ตักอาหารเรียบร้อยแล้วค่อยไปคิดเงิน
อาหารจัดว่าราคาค่อนข้างสูงอยู่ฮะ
ข้าวจานละประมาณ 160-200 HKD (700-875 บาท)
เป็นอาหารแบบนานาชาติ มีอาหารอินเดียด้วย



ตอนแรกก็แอบคิดว่าอาหารแพ๊งแพง
แต่พอเห็นขนาดจานเท่านั้นหล่ะ นี่จานหรือถาด?!?!???
เสิร์ฟใหญ่มากกก แนะนำให้สั่งมาแบ่งกันทาน
จานนึงกินสองคนอิ่มกำลังดี เอาว่ากินเก่งแบบเค้ายังกินไม่หมดจานคิดดู
ความคุ้มราคาไม่ใช่แค่ปริมาณ บอกเลยว่ารสชาติดีงามด้วยเจ้ปลื้ม
เค้าสั่งสตูว์เนื้อตุ๋นหูยมันเริ่ดเนื้อนุ่มๆไม่เหนียวเลย

อีกเมนูนึงที่ขอแนะนำให้ลองก็คือสลัดผลไม้ใส่พีชกะไก่รมควัน
ถ้าเค้าจำไม่ผิดจานละ 60HKD (262 บาท) อันนี้คุ้มค่า
จริงๆกินสลัดจานนี้จานเดียวก็อิ่มแล้วเหอะ
อ้อทุกเมนูที่สั่งตอนจ่ายเงินจะได้ไอติมฮาเก้นดาสคนละถ้วยด้วยฮะ



กินอิ่มแล้วนั่งกระเช้ากลับไปชมงานเปิดตัว LINE กัน
ขากลับนี่เล็งรถไฟเหาะไว้แล้วตั้งมั่นเลยว่าต้องเล่นให้ได้!

-----------------------------------------------------------------

ภาพเริ่มเยอะโหลดโหดแล้วขออนุญาตต่อ [Part 2] ในบล็อคถัดไปนะคร้าบ

CLICK >>> [Part 2] เมื่อหมูพาตะลุย Ocean Park Hong Kong
คือมัน(ส์)ดีอ้ะ! [24-26 June 2015]





 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2558    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2558 3:21:00 น.
Counter : 4243 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.