Group Blog
 
All blogs
 

Review [Part 1] : แต่งตัวอย่างไรไปเที่ยวเกาหลีหน้าหนาวตอนอากาศติดลบ

อันนยอง ฮาเซโย Smiley Smiley Smiley
ทักทายกันเป็นภาษาเกาหลีอีกครั้งกับบล็อคนี้ที่ตั้งใจเขียน
เพื่อเป็นแนวทางในการแต่งตัวท้าลมหนาวแบบติดลบ
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังวางแผนไปเที่ยวเกาหลีหน้าหนาวกันจ้า Smiley
----------------------------------------------------------------------------
ช่วงฤดูหนาวของเกาหลี  อุณหภูมิโดยประมาณ
(ต่ำสุด – สูงสุด @ กลางคืน - กลางวัน)

ปลายธันวาคม  ประมาณ    [-15] ~ 0  องศาเซลเซียส
เดือนมกราคม ประมาณ    [-18] ~ [-3]  องศาเซลเซียส
เดือนกุมภาพันธ์  ประมาณ    [-15] ~ 0  องศาเซลเซียส

***ช่วงที่หนาวที่สุดคือ ปลาย ม.ค - ต้น ก.พ
Credit : //www.asiaplustravel.com

***เช็คสภาพอากาศเกาหลีล่วงหน้า 7 วัน >>>Click<<<

----------------------------------------------------------------------------

ทรายไปเกาหลีมาเมื่อวันที่ 22-25 มกราคม 2556
ชมเรื่องราวในทริปได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า

Smiley [Part 1] Play Seoul! Play Etude! 22-25 Jan 2013 :
ตะลอนทัวร์เกาหลีแบบไม่ซ้ำใครกันดีกว่า <3

Smiley [Part 2] Play Seoul! Play Etude! 22-25 Jan 2013 :
Lotte World & ตะลุยเกาหลีภาคจบจ้า<3

จัดได้ว่าช่วงที่เค้าไปตรงกับช่วงที่หนาวเย็นเกือบที่สุดของฤดูหนาวในเกาหลีเลย หุหุ
แต่ไกด์บอกว่าวันที่ทรายไปเป็นช่วงที่อากาศอุ่นขึ้นพอดี
วันแรกๆที่ไปอากาศเลยยังไม่เจอแบบติดลบจ้าแต่ก็ใกล้ 0 เต็มที Smiley
มาดูกันดีกว่าว่า 4 วันเจออากาศต่างกัน 4 แบบแต่งตัวอย่างไรถึงจะ "เอาอยู่ !!"

----------------------------------------------------------------------------

[DAY 1] :
1 ~ 3 องศาเซลเซียส



ออกเดินทางตอนเจ็ดโมงเช้าจากประเทศไทยที่อุณหภูมิสามสิบ
แต่งตัวไปแค่เบาๆก่อน เค้าใส่เสื้อไหมพรมสีน้ำเงิน (สอยจากสยาม 350.-) 1 ตัว
กับเลกกิ้งลายเสือเนื้อบาง (แพลตตินั่ม 3 ตัว 300.-)
ถุงเท้าธรรมดา 1 คู่ และรองเท้าบูทหนังสีดำยาวครึ่งหน้าแข้ง
(รองเท้ามือสองสอยจากชั้นบนยูเนี่ยนมอลล์ 400.- จ้า)

***เสื้อผ้ากันหนาวที่จะใส่เตรียมไว้ในกระเป๋าสีแดงใบเล็ก
เพื่อหิ้วขึ้นเครื่องจะได้ไม่ต้องรื้อกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่จ้า




เมื่อถึงเกาหลีก็จัดการประโคมเสื้อผ้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่นเข้าไป ณ ห้องน้ำในสนามบินอินชอน
เสื้อผ้าที่ใส่สำหรับอากาศวันแรก 1-3 องศา ตามนี้จ้า.......

1. Uniqlo [***Heattech] : เสื้อกล้ามสีชมพู (สอยมาจาก Uniqlo สาขา CTW ราคา 390.-จ้า สำหรับทราย Heattech เวิร์คมาก ผ้าบางๆแต่ทำให้อุ่นได้จริงแต่ก็แล้วแต่คนเนอะไปลองกันดูน๊า แต่ของบ้านเราแทบจะไม่เหลือแล้วพนักงานบอกบ้านเราหมดหน้าหนาวแล้วของเลยไม่มี ได้แค่เสื้อกล้ามมาตัวเดียว กะไว้ว่าจะมาสอยต่อที่เกาหมีจ้า)
2. เสื้อลองจอนสีดำแบบหนาแนบเนื้อสำหรับอากาศติดลบ (สอยจากแพลตตินั่มชั้นหนึ่งฝั่งขวามสุดคนขายเป็นผู้หญิงแขกขาวมาเป็นชุดพร้อมกางเกง 800.-จ้า)
3. เสื้อไหมพรมสีน้ำเงินตัวเดิมที่ใส่มาตั้งแต่เมืองไทย
4. เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาล (สอยมาจากทงแดมุนเกาหลีเมื่อหลายปีก่อนใส่คุ้มมากประมาณ 1,500.- จ้า)
5. ผ้าพันคอไหมพรมสีชมพู (สอยจากแพลตตินั่มเมื่อหลายปีก่อนประมาณ 200 บาทจ้า)
6. หมวกไหมพรมสีแดง (สอยมาจากทงแดมุนเกาหลีเมื่อหลายปีก่อนประมาณ 400 บาทจ้า)
7. กางเกงสเตย์ Leena Infrared (ทางแบรนด์ส่งมาให้นานแล้วเห็นเค้าบอกว่าช่วยให้อุ่นได้ด้วยเลยพกมาใส่ จะได้ช่วยพยุงไขมันที่คาดว่าจะเพิ่มพูนได้ด้วย 555)
8. กางเกงลองจอนสีดำแนบเนื้อ
สำหรับอากาศติดลบ (สอยจากแพลตตินั่มมาเป็นชุดพร้อมเสื้อ 800.-จ้า)
9. เลกกิ้งลายเสือผ้าเนื้อบางปกติ (สอยมาจากแพลตตินั่มเพราะเค้าบอกว่า 3 ตัว 300.- 555)
10. ถุงเท้าบางๆธรรมดาหนึ่งชั้นใส่มาจากเมืองไทย ทับด้วยถุงเท้าผ้าวูล(ขนสัตว์)สองชั้น (สอยมาจากยูเนี่ยนมอลล์คู่ละประมาณ 200.-จ้า)

***HeatTech คือ ชื่อเทคโนโลยีเส้นใยกันความหนาวของแบรนด์ Uniqlo ที่ใช้เส้นใยไฟเบอร์
ลักษณะกลวง ทำให้อากาศภายในเส้นใยช่วยป้องกันความหนาวได้
นอกจากนั้นมันยังมีส่วนผสมของ “ผ้าเรยอง” อันเป็นฉนวนคอยดูดซับความชื้นจากร่างกาย
แล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อช่วยรักษาความอบอุ่นแก่ผู้สวมใส่ ยังไม่พอแค่นั้น
วัสดุ HeatTech ของ Uniqlo ยังผสมกรดอะมิโนจากโปรตีนนม
เพื่อให้เส้นใยมีความอ่อนนุ่ม สวมใส่สบายอีกด้วย
Read more: //article.tcdcconnect.com/ideas/icebreaker-uniqlo#ixzz2JMW8w8p2



สภาพเมื่อแต่งออกมาทั้งชุด กลมเป็นหมีเบย 555 Smiley



ช่วงกลางวันจาก 3 องศากลางคืนก็จะเย็นขึ้นอีกนิดหน่อยประมาณ 1 องศาจ้า
แต่งตัวประมาณนี้สำหรับเค้าเอาอยู่ ไม่ได้หนาวทรมานอะไร
[ความทนต่ออากาศเย็นของแต่ละคนต่างกัน สำหรับเค้าทนได้ค่อนข้างสูงนิดนึงน๊า]

***กลางคืนเค้าแอบร้อนเท้าเลยถอดถุงเท้าผ้าวูลสีแดงออกไปหนึ่งชั้นจ้า


----------------------------------------------------------------------------

[DAY 2] :
0 ~ 1 องศาเซลเซียส



สืบทราบมาว่าอากาศจะเย็นลงเรื่อยๆคืนวันแรกก็เลยมาสอย Uniqlo Heattech ตุนเพิ่มอีกสองตัว
บ้านเราแทบไม่เหลือแล้วเลยต้องมาสอยที่เกาหมี ราคารู้สึกจะไม่ต่างกันมาจ้าประมาณสี่ร้อย



วันที่สองพยากรณ์อากาศบอกว่าจะเย็นขึ้นเล็กน้อ0 ~ 1 องศา
แต่เป็นความเย็นที่มาพร้อมสายฝนปรอยๆเลยจัดไปประมาณนี้จ้า


1. Uniqlo [Heattech] : เสื้อกล้ามสีชมพูแอบใส่ซ้ำ ก็อากาศมันหนาวเหงื่อไม่มีนี่นา อิอิ
2.
Uniqlo [Heattech] : เสื้อแขนยาวสีเนื้อ (สอยจาก Uniqlo ในเมียงดงราคารู้สึกจะ 400.-)
3. เสื้อสเว็ตเตอร์คอเต่าสีเทา (ของ Mango สอยมาหลายปีมากแล้วหนามากกกแทบไม่เคยใส่เลย)
4. เสื้อโค้ทยาวสีน้ำตาล (สอยมาจากซิดนีย์ตอนนั้นจะไปสโนว์ ราคาถูกมากประมาณ 900 บาทได้ ด้านในมีบุน่าจะเป็นขนเป็ดน้อยๆเป็นโค้ทบางแต่กันลมกันหนาวได้ระดับนึงจ้า)
5.
กางเกงสเตย์ Leena Infrared
6. Uniqlo [Heattech] : เลกกิ้งเนื้อบางสีดำ (สอยจาก Uniqlo ในเมียงดงราคาประมาณ 300.-)
7. เลกกิ้งสีแดงเนื้อเกือบหน้าข้างในบุนุ่มๆจ้า (สอยมาจากแพลตตินั่มพร้อมกะเลกกิ้งลายเสือ 3 ตัว 300.-)
8. ถุงเท้าบางๆธรรมดาหนึ่งชั้น ทับด้วยถุงเท้าผ้าวูล(ขนสัตว์)อีกหนึ่งชั้น



วันนี้........เธอมากับฝนเลย 1 องศาที่มากะฝนโปรยปราย
ต้องพกร่มเป็นอาวุธติดตัว ดูพะรุงพะรังมากกกก



สำหรับเค้ามันไม่ได้หนาวเว่อร์มากนะ
ออกข้างนอกขี้เกียจใส่โค้ทลงไปก็พอทนไหวยังลั้นลาได้อยู่จ้า Smiley

----------------------------------------------------------------------------

ขอจบ [Part 1] ก่อนน๊า Bloggang เตือนว่าพิมพ์ยาวไป 555
ตามไปอ่าน [Part 2 : ภาคจบ] กันได้ตามลิงค์ด้านล่างจ้า Smiley

Review [Part 2 : ภาคจบ] : แต่งตัวอย่างไรไปเที่ยวเกาหลีหน้าหนาวตอนอากาศติดลบ

----------------------------------------------------------------------------




 

Create Date : 29 มกราคม 2556    
Last Update : 29 มกราคม 2556 20:35:13 น.
Counter : 28915 Pageviews.  

[Part 2] Play Seoul! Play Etude! 22-25 Jan 2013 : Lotte World & ตะลุยเกาหลีภาคจบจ้า<3

มาตะลุยเกาหลีภาคสอง [ภาคจบ] กันต่อกับทริปสุดพิเศษที่จัดขึ้นโดย
การท่องเที่ยวเกาหลี STO : Seuol Tourism Organization
ร่วมกับ
Etude House Thailand
จ้า

" Play Seoul! Play Etude!"



วันที่สามของทริปนี้เราจะย้อนวัยให้กลายเป็นเด็กกันด้วยการ
ไปเที่ยวสวนสนุกในร่มที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับโลก Smiley"Lotte World"
Smiley นั่นเองจ้า



"Lotte World" เป็นสวนสนุกที่มีทั้งโซนในร่มที่เรียกว่า Lotte World Adventure
และส่วนกลางแจ้งจะเรียกว่า Magic World นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้า
โรงหนัง ลานสเก็ต ครบครันมากๆมาที่เดียวเที่ยวได้หลายที่เลย
      โซนสวนสนุกในร่มมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่ละชั้นจะมีเครื่องเล่น ร้านอาหาร
ร้านขายของ และมีลานไอซ์สเก็ตอยู่ตรงใจกลาง

Smiley เปิดทุกวันตั้งแต่ 9.30 น. วันธรรมดาปิด 22.00 น.
ส่วนวัน ศุกร์-อาทิตย์ ปิด 23.00 น.จ้า

Smiley ราคาค่าเข้าชมแบบเล่นเครื่องเล่นได้ทุกอย่าง ราคาจะแบ่งเป็นรอบเช้า และ รอบเย็น
รอบเช้า : ผู้ใหญ่ 38,000 วอน เด็ก 29,000 วอน
รอบเย็น : ผู้ใหญ่ 31,000 วอน เด็ก 27,000 วอน

Smiley การเดินทางนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สาย 2 และ 8
มาลงที่สถานี Jamsil(잠실) ออกประตูที่ 4 จ้า




7 สาวจากประเทศไทยพร้อมลุยแล้วค่า
ออกมาโซนกลางแจ้ง
Magic World อากาศ ณ วันนั้น -1 เบาๆ หนาวเหน็บเอาการเลย Smiley



ทางเข้าสวนสนุกต้องเป็นปราสาททุกที่เลยเนอะ อิอิ Smiley
ด้วยความที่อากาศเย็น
"Lotte World" ที่มีโซนสวนสนุกในร่มจึงเป็นที่นิยมมากกก
ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และวัยรุ่นเยอะมาก เนื่องจากฤดูหนาวเป็นช่วงหยุดปิดเทอมของชาวเกาหลีค่า



โดดๆออกกำลังกายให้หายหนาว ถามว่าช่วยไหม ตอบได้เลยว่า "ไม่" 555



มาถึงสวนสนุกก็ต้องลองเครื่องเล่นที่เด็ดสุดของเค้า
เริ่มจากรถไฟเหาะที่ฮอตฮิตติดอันดับ 1 มีชื่อว่า "Atlantis" ที่วิ่งด้วยความเร็ว 72 กม./ชม.Smiley



ระหว่างรอคิวขึ้นรถไฟเหาะ 555 Smiley
Smiley Smiley
สำหรับเครื่องเล่นยอดฮิตที่คนต่อคิวเป็นจำนวนมากที่นี่จะมีระบบจองคิวล่วงหน้า
ที่เรียกว่า "Magic Pass" เพื่อประหยัดเวลาไม่ต้องมายืนรอต่อคิวจ้า



และแล้วก็ถึงคิวเรา นั่งกันไปเป็นคู่ๆ ขอบอกว่ามันส์มากกกกกกกSmiley
แม้จะไม่ค่อยสูง ไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่ แต่ด้วยอากาศ -1 ทำให้มันดูมันส์ขึ้นอีกเท่าตัว
จะมีช่วงที่เข้าไปในความมืด ช่วงที่พุ่งลงหน้าปะทะอากาศเย็นยะเยือก
อร๊ากกกสุดยอด ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง Smiley
Smiley Smiley



ตัวต่อมาฮอตฮิตอันดับสองของที่นี่ ชื่อว่า "Gyro Swing" ทั้งหมุนทั้งเหวี่ยง อรั๊ยยยย !!!



ตัวนี้เมื่อหมุนเหวี่ยงขึ้นไปจะได้เห็นวิวแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งจากมุมบน
เค้าอยากเก็บภาพจากมุมบนมากสวยเว่อร์ๆๆๆๆ



สภาพหลังลงมาลั้นลาร่าเริงมากกกกตัวนี้ชิลๆหมุนๆเหวี่ยงๆแบบเบาๆไม่น่ากลัว
เหมือนขึ้นไปชมวิวสวยๆมากกว่าแต่ก็ชอบน๊า Smiley



เมื่อความหนาวเหน็บของอากาศข้างนอกเริ่มทำร้าย
จึงขอข้ามฝั่งกลับเข้าไปในโซนในร่มก่อนน๊า หนาวสั่นงั่กๆ Smiley





เดินเข้าไปพร้อม น้องอลิส Etude Princess 2012 ขอแชะภาพคู่หน่อย
แบบว่าอิชั้นกลายเป็นป้า คืออายุห่างกันแค่เกือบสิบปีเอ๊งงง !!! 555



ถึงเวลามื้อเที่ยงพอดี เที่ยงนี้ฝากท้องกันที่ร้านอาหาร "Iron Bull" ตั้งอยู่ที่ชั้น Adventure 1F
เป็นร้านอาหารฝรั่งแบบบุฟเฟ่ต์จ้า ตลกดีมีเงาะกะลิ้นจี่แช่ฟรีซด้วย เปลือกยังเป็นน้ำแข็งอยู่เลย555
แต่อาหารที่นี่เริ่ดมาก มีบอกปริมาณแคลลอรีทุกสิ่งอย่าง ใครชอบนับแคลฯกินไปคำณวนไปได้เลย



เมื่อท้องอิ่มมีแรงก็ออกมาสู้กับอากาศเย็นภายนอกกันต่อกับเครื่องเล่นที่จี๊ดใจท้าแรงโน้มถ่วงโลก
"Gyro Drop" ที่ทิ้งตัวลงมาจากความสูง 70 เมตร
ด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ในเวลา 2 วินาที อร๊ากกกกก Smiley



แม้จะเป็นเครื่องเล่นยอดฮิตแต่ด้วยความรวดเร็วในการเล่นหนึ่งรอบต่อแถวแป๊บเดียวก็ถึงคิวเรา
และเป็นความโชคดีสุดๆ หลังจากเราเล่นอีกหนึ่งรอบเค้าก็ทำการปิดพักเครื่องเล่นนี้ทันที โว๊ะ!!!
ขอบอกว่าประทับจิตกับ
"Gyro Drop" มากกกกกก หนาว-เร็ว-สูง วู๊วววสะใจมาแล้วห้ามพลาดน๊า



ด้วยอากาศเย็นกระชากใจมาดามเมิ๊กของเราต้องหนีเข้ามานั่งหลบอากาศที่หน้าห้องน้ำ อิอิ


เสียดายที่วันนี้ฟ้าครึ้มๆมัวๆถ่ายรูปด้านนอกเลยเห็นแต่ท้องฟ้าขาวๆถ้าเป็นวันแดดออกคงสวยมาก Smiley



เดินกลับเข้ามาโซนในร่มได้จังหวะของการแสดงขบวนพาเหรดพอดีเลย
แปลกดีที่นักแสดงในขบวนพาเหรดของที่นี่เป็นฝรั่งเยอะมั่กๆ



โซนในร่มของเล่นจะไม่ค่อย Extreme มากเท่ากับกลางแจ้ง
ในนี้จึงเป็นโซนที่มีเด็กน้อยเยอะมาก แต่เราก็พยายามจะแอ๊บเด็กให้กลมกลืนนะ 555



เมื่อเต็มอิ่มกับสวนสนุกกันแล้วก่อนกลับสามารถแวะชอปได้ที่ Lotte Duty Free
ซึ่งอยู่ติดกับสวนสนุก Lotte World เลยจ้า จะมีชอปปิ้งมอลล์ที่มีชั้น 10 เป็น Duty Free ค่ะ



จุดหมายต่อไปของเราคือ "ย่านกังนัม : Gangnam" ที่มาของ "Gangnam Style" นั่นเองจ้า Smiley



ย่านกังนัม คือฝั่งเมืองใหม่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของกรุงโซล
และเป็น
แหล่งรวมแฟชั่น Luxury Street Brand ต่างๆของเกาหลีอีกด้วย
ดังนั้น
"Gangnam Style" จึงเป็นคำแสลงที่มีความหมายถึงคนยุคใหม่
ที่ชอบความสนุกและเซ็กซี่ประมาณนั้นจ้า Smiley



มาถึงกังนัมพลาดไม่ได้ที่จะแวะมาเยี่ยมเยือนชอป "Etude House"
ซึ่งสาขานี้เป็นสาขาที่ได้ทำการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ใหม่
บรรยากาศในร้านจะดูหรูหราโอ่อ่าแต่คงความหวานสไตล์เจ้าหญิงขึ้นด้วยแชนเดอเลีย
ซึ่งชอปอื่นๆจะค่อยๆปรับภาพลักษณ์การตกแต่งภายในชอปให้เป็นแบบนี้จ้า



บรรยากาศกว้างๆภายในร้านสวยเน๊อ เมื่อปล่อยผู้หญิงไว้กับเครื่องสำอางผลที่ได้คือ......5555 Smiley



มื้อเย็นวันนี้สไตล์ใหม่ไม่ซ้ำทัวร์ไหนๆแน่นอน เพราะไกด์เราพาไปลองฟาสต์ฟู้ดเกาหลี !!! เก๋ป่ะหล่า
"ร้าน School Food" อยู่ชั้นบนของห้าง Noon Square ในเมียงดงเลยจ้า Smiley
สำหรับร้านนี้โดนใจมว๊ากกกก อาหารอร่อยหน้าตาจะเสิร์ฟมาแบบฟิวชั่นฟู้ดนิดๆ
ไม่ว่าจะเป็น "คิมบับ" (ข้าวปั้นมากิของเกาหลี) เสิร์ฟมาจานใหญ่อลังการสุดฤทธิ์
มีหลากหลายไส้ให้เลือก จิ้มกับมายองเนส อร๊อยยยย อร่อย
มาม่าเกาหลีรสแซ่บ ข้าวผัดกระทะร้อนโปะไข่ดาวไม่สุก โอยบรรยายไปหิวไป
ใครพักอยู่แถวเมียงดงแนะนำให้มาลองทานร้านนี้กันจริงจัง รสชาติจัดจ้าน อร่อยทุกสิ่งอย่าง Smiley



ด้วยปริมาณที่มากล้นทำให้เราไม่สามารถทานหมดได้
แต่ร้านน่ารักขอห่อ Take Away กลับบ้านได้ด้วย ซึ่งแพ็คเกจห่อกลับบ้านก็น่ารักจริงๆ
มาพร้อมซอส ผักดอง น้ำซุป และตะเกียบ ประทับใจจริงๆ
"ร้าน School Food"



อิ่ม อืด อร่อย เดินเล่นย่อยอาหารในเมียงดงเสร็จก็กลับมาพักผ่อนที่โรงแรม
ระหว่างขึ้นลิฟต์ตาก็มองขึ้นไปที่สภาพอากาศวันพรุ่งนี้..........Smiley
Smiley Smiley
วันสุดท้ายของเราในโซลพรุ่งนี้บ้าไปแล้ว อากาศจะเย็นลงเกือบสิบองศา
ขึ้นห้องนอนรื้อเสื้อผ้าเตรียมไว้สำหรับแต่งกันหนาวพรุ่งนี้ดีกว่า..........Good Night Ja Smiley

----------------------------------------------------------------



Smiley Morning !!! Smiley สวัสดีเช้าวันสุดท้ายขอเราในเกาหมี
พยากรณ์อากาศเค้าแม่นจริง เช้านี้โดนเป็นเต็มๆที่ -8 องศาฯจ้าใส่เสื้อผ้าหนาเต็มสตรีมเลย
จุดหมายแรกของเราเช้าวันนี้คือ "ตลาดกวางจัง : Gwangjang Market"
เป็นตลาดเก่าแก่กว่าร้อยปีตั้งขึ้นเมื่อปี 1905 และเคยถูกทำลายลงในสมัยสงครามเกาหลีด้วยจ้า



ตลาดแห่งนี้เป็นตลาดผ้าชื่อดังที่ขายผ้าหลากหลายชนิดทั้งผ้าที่ใช้สำหรับตัดชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว
ผ้าตัดชุดที่ใช้ตอนเสียชีวิต (คนเกาหลีจะตัดชุดเตรียมเอาไว้ก่อนเลย) รวมถึงอาหารสด กิมจิ ฯลฯ
แม้จะมีขายของสด แต่ตลาดที่นี่ สะอาดมาก!!! ไม่มีน้ำแฉะๆเละๆแบบบ้านเราให้เห็นเลยเยี่ยมจริงๆ
ตลาดกวางจัง เปิดจันทร์-เสาร์ เวลา 7 โมงเช้า - หนึ่งทุ่ม วันอาทิตย์ตลาดปิดนะจ๊ะ
การเดินทางมาที่นี่นั่งรถไฟสาย 1 ไปลงที่สถานี Jongno 5-ga ตลาดจะอยู่หน้า exit 8 จ้า
(ใกล้ๆกับริมคลองชองเกชอน)



เด็กเข็นของตลาดนี้แลจะหน้าคุ้นๆเนอะ 555



มื้อเที่ยงวันนี้มาหม่ำกันที่ ย่านอินซาดง : Insadong ร้านอยู่ซอย 9 (9-gil)



อาหารมื้อสุดท้ายในเกาหลี..........แลดูเศร้าเชียว Smiley
สังเกตมาตลอดว่าคนเกาหลีทานอาหารมื้อนึงชุดใหญ่มาก กินเยอะมาก
มื้อนี้มาลองทานปลาย่างสไตล์เกาหลี เค้าย่างมาเสิร์ฟให้ทานกันคนละตัว !!!
พร้อมกับพิซซ่าเกาหลี(ร้านนี้อร่อยมั่กๆชอบ) และ เมนูขวามือบนเป็นอาหารขึ้นชื่อ
ที่ไกด์ของเราบอกว่า Very Spicy เป็นหมึกผัดซอส เวลาทานให้จะคลุกกับเส้น
หน้าตาแบบนี้คลุกเส้นแบบนี้คล้ายตำซั่วบ้านเราเลย 555 แต่รสชาติ Very Spicy ของเค้านั้น
ไม่สามารถทำให้คนไทยรู้สึกถึงความเผ็ดได้เลย เผ็ดเบาๆแบบเด็กน้อยมากๆ



ซัดมื้อเที่ยงซะเต็มพุงแล้วก็ออกมาเดินย่อยกัน
ย่านอินซาดง : Insadong นั้นเป็นย่านขายของฝากแบบ Traditional
สมัยก่อนเป็นย่านศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมเลยทีเดียว
ซึ่งเค้าจะทำการปิดถนนไม่ให้รถเข้า/ออก วันเสาร์ บ่ายสองถึงสี่ทุ่ม
ส่วนวันอาทิตย์ ปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม เพื่อให้เดินเที่ยวกันได้อย่างสะดวกจ้า



ย่านนี้จะเป็นย่านร้านค้าสไตล์ Art มีทั้งแกลอรี่ ร้านวัตถุโบราณ ร้านศิลปะพื้นเมือง
ร้านของฝากแบบเกาหลีแท้ๆ ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นถนนสายศิลปะวัฒนธรรมกันเลยทีเดียว
เค้าชอบมากสองข้างทางร้านรวงดูสวยงามน่ารักไปหมด Smiley
Smiley Smiley



อากาศวันนี้สุดยอดเย็นที่สุดที่ชีวิตนี้เคยสัมผัส -8 องศาจ้า แค่หายใจควันก็โพยพุ่งแล้ว
แต่งตัวหนาสุดชีวิต เดี๋ยวบล็อคหน้าจะเขียนฮาวทูแต่งตัวอย่างไรไปเจออากาศติดลบให้ชมกันจ้า



สะดุดตากับขนมร้านนี้มาก แต่ไม่กล้าซื้อกินง่ามันใหญ่ไปไหม???



แม้อากาศวันนี้จะหนาวสุดขั้วแต่ว่าฟ้าใสมาก ท้องฟ้าสีฟ้า มีแดดอ่อนๆ
ทำให้บรรยากาศในโซลวันนี้ดูสดใสที่สุดตั้งแต่อยู่มา 4 วันเลย Smiley



ขอแชะภาพกับเพื่อนร่วมทริป Carina Koh (ภาพขวา)
จากนิตยสาร Cosmopolitan Singapore
และไกด์ที่น่ารักที่สุดของเรา Gyo-eun Lee หรือ คุณอลิส
น่ารักมาก พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก และดูแลเราดีมากๆ จุ๊ฟๆ Smiley



สถานที่สุดท้ายของเราในทริปนี้คือ "IFC Mall"
เป็น international-style shopping mall แห่งแรกของกรุงโซล
เป็นชอปปิ้งมอลล์ที่เป็นอาคารแก้วขนาดใหญ่ถึง 40,000 ตารางเมตร



ด้านในจะมีร้านค้าแบรนด์เนม และแบรนด์ทั่วไป รวมถึงโรงหนัง ซุปเปอร์มาร์เก็ต
เค้าว่าคล้ายๆกับ Mega Bangna ของบ้านเรา อารมณ์ประมาณนั้นเลย



"IFC Mall" ใหญ่จริงอะไรจริง เดินกันไม่ไหวเลยทีเดียว



ภาพหมู่กับสาวๆเพื่อนร่วมทริปจากฮ่องกง และสิงคโปร์
แม้ในทริปเราจะไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ทุกคนยิ้มแย้มน่ารักมากๆ Smiley
ที่สำคัญตัวเท่าๆกันเลย อิอิ นี่แหละหนาเค้าเรียกไซส์มาตรฐานสาวเอเชีย



ภาพสุดท้ายก่อนโบกมือลา บ๊าย บาย กรุงโซล Smiley
ทริปนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีสุดๆ เปิดมุมมองการท่องเที่ยวเกาหลีแบบใหม่ๆประทับใจจริงๆค่ะ
หลงรักเกาหลีมากขึ้นทุกทีที่มา และจะบอกว่า See You Again "SEOUL".
Smiley Smiley Smiley

----------------------------------------------------------------

ขอบคุณ
การท่องเที่ยวเกาหลี STO : Seuol Tourism Organization
และ
Etude House Thailand 
มากๆค่ะที่ให้เกียรติทรายได้เป็นหนึ่งในทริปนี้
และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า Smiley

Smiley XOXO Smiley

--------------------------------------------------------------------------------

ปล.ชมภาพทั้งหมดได้ที่ www.facebook.com/mhunoiiifanpage จ้า

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 1]

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 2]

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 3]

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 4]



Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley




 

Create Date : 29 มกราคม 2556    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2556 23:49:39 น.
Counter : 10103 Pageviews.  

[Part 1] Play Seoul! Play Etude! 22-25 Jan 2013 : ตะลอนทัวร์เกาหลีแบบไม่ซ้ำใครกันดีกว่า <3

อันนยอง ฮาเซโย Smiley Smiley Smiley
กลับมาทักทายกันเป็นภาษาเกาหลีอีกแล้ว อิอิ
เพราะบล็อคนี้จะมาอัพเดททริปสุดพิเศษที่ได้เดินทางไปเปิดมุมมองการท่องเที่ยวแบบใหม่ๆ
ณ ประเทศเกาหลีใต้ กับ การท่องเที่ยวเกาหลี STO : Seuol Tourism Organization
จัดร่วมกับ
Etude House Thailand

" Play Seoul! Play Etude!"

ในวันที่ 22-25 มกราคม 2013 ที่ผ่านมา
ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วกับการไปเกาหลีของเค้า
ความพิเศษของทริปนี้คือทางเกาหลีอยากให้เราได้เห็นเกาหลีในด้านอื่นๆที่ต่างออกไป
มากกว่าแบบที่คนไทยเคยไปตามแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งมันดูเป็นการไปที่เดิมๆทานอาหารซ้ำๆ
ตื่นเต้นตั้งแต่รู้ว่าได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในตัวแทน Beauty Blogger ยิ่งรู้คอนเซ็ปต์ของทริปนี้
ยิ่งทำให้เค้ากรี้ดกร้าดมาก ทริปนี้จะมันส์ขนาดไหน ได้ประสบการณ์ใหม่ๆอะไร
ติดตามชมไปพร้อมๆกันเลยจ้า Smiley



สองสาวดูโอตัวแทน Beauty Blogger ในทริปนี้ได้แก่
เค้า
Mhunoiii กะ เอิ๊ก-เอิ๊ก erk-erk นั่นเองจ้า แววฮาเริ่มตั้งแต่รูปแรก อิอิ
นัดเจอกันตีห้าวันที่ 22 เหมือนจะยังไม่ค่อยตื่นดี เพราะทั้งสองนางเพิ่งนอนตอนตีสาม 555



รูปหมู่ตามธรรมเนียมก่อนไป ทุกคนแต่งตัวเตรียมหนาวกันไปเต็มที่
เพราะจากการเช็คสภาพอากาศรอบนี้หนาวรุนแรงมากกก จะแค่ไหนต้องติดตาม
ทริปนี้นำทีมโดย พี่ตั๊กพี่สาวสุดที่เลิฟและน้องมุ่ยสาวน้อยสดใส จากบริษัท Cosmega
ผู้นำเข้า Etude House แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
ตามมาด้วย พี่อายจาก www.Jeban.com
น้องอลิส
สาวน้อยวัยใส 17 ขวบ Etude Princess ปีล่าสุด
ภาพนี้ขาดพี่ไพลินพี่สาวที่น่ารักจากไทยรัฐอีกหนึ่งท่านค่า



ออกเดินทางกันด้วยสายการบิน "การบินไทย" เที่ยวบิน TG692
ออกจากไทยประมาณเจ็ดโมงครึ่ง(เวลาไทย)
ถึงเกาหลีประมาณบ่ายสองสี่สิบ (เวลาเกาหลี
ซึ่งเวลาเค้าจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงจ้า)



ไปถึงลงเครื่องปุ๊บเจออากาศวันแรกหนาวแบบเบาๆที่ 3 องศา
ทาง Etude กลัวสาวๆจะน็อค จัดเครื่องดื่ม Vit C มาให้โด้ปกันก่อนเลย อิอิ Smiley



จากสนามบินเดินทางเข้ากลางกรุงโซลใช้เวลาประมาณหนึ่งชม.
แล้วมุ่งหน้าสู่ Hongdae Street เป็นย่านรวมมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ
โดยรอบๆจะเป็นแหล่งชอปปิ้งมีร้านรวงมากมายที่ขายราคาไม่แพงเพราะเน้นขายนักศึกษา
และเป็นที่ตั้งของ "Trick Eye Museum" จุดหมายแรกของเรา
ถ้าเดินทางมาเองสามารถขึ้นรถไฟใต้ดินสาย No.2
ลงที่ประตูทางออกที่ 9 Hongik University station(Exit 9)
ลิงค์แผนที่ตามนี้จ้า //trickeye.com/images/eng/map_eg.jpg
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่ 10.00 น. – 21.00 น.
ค่าเข้าชม 13,000 วอน ส่วนเด็กและนักเรียนอยู่ที่ 11,000 วอนจ้า
(10,000 วอน ประมาณ 300 บาทไทยค่า)



"Trick Eye Museum" เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงงานศิลปะภาพวาดสามมิติลวงตา
แบบเดียวกับที่บ้านเราที่ Art in Paradise พัทยา แต่ของที่นี่เค้าเปิดมาก่อนจ้า
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง
แสดงท่าทางร่วมไปกับผลงานศิลปะได้ โดยคำว่า Trick Eye มาจากคำในภาษาฝรั่งเศส
ที่เรียกว่า Trompe l'oeil ซึ่งแปลว่า "ภาพลวงตา" นั่นเองจ้า



รับตั๋วก่อนเข้าชม พนักงานหน้านิ่งเชียว อิอิ



ตัวยักษ์ กับ ตัวจิ๋ว Smiley



"หัวหมู" พร้อมไหว้เจ้ากันเลยทีเดียว 555 Smiley



เราจะร๊วยยยยยยยยยยย !!!



หมีแพนด้า หรือจะสู้ หมูแพนด้า ฮี่ๆ



ด.ญ.อัลโฟร



ลั้นลากันอยู่ในพิพิธภัณฑ์ร่วมสองชั่วโมง ถ่ายรูปสนุกมากกก ระวังเม็มกล้องเต็ม อิอิ
ก่อนกลับก็ต้องถ่ายภาพหมู่ตามธรรมเนียม ทริปนี้นอกจากไทยแล้วยังมีเพื่อนบ้าน
สาวๆจากสิงคโปร์และฮ่องกงมาร่วมทริปด้วยกันจ้า



เดินไปไม่ไกลจาก
"Trick Eye Museum" เราได้แวะไปเยี่ยมชมร้านที่ไว้ให้นักศึกษาออกแบบ
มาจัดแสดงและขายผลงานพวกโปรดักซ์ดีไซน์ได้ มีของกุ๊กกิ๊กๆน่ารักให้เลือกเยอะมากกกก



ของขายไอเดียเจ๋งๆทั้งนั้นเลย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือการออกแบบของนักศึกษา



และแล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย 555 มื้อเย็นๆๆๆๆๆ !!!
ร้านที่ทานยังคงอยู่ในย่านเดิม หน้าร้านหน้าตาแบบนี้ โปรดอย่าถามชื่อร้านเค้าอ่านมิออก แหะๆ



มื้อเย็นวันแรกมาหม่ำหมูย่างเกาหลีกัน
ตามธรรมเนียมหมูย่างเกาหลีก็ต้องกินคู่กะ "โซจู" หรือเหล้าขาวเกาหลีนั่นเอง อิอิ



เค้าบอกว่าอันนี้คนเกาหลีเรียก "โกกิ" คล้ายๆอันที่เราคุ้นคือ "บุลโกกิ"
ซึ่งจะเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ๆเอามาย่างแล้วตัดๆ แต่อันนี้จะเป็นหมูติดมันมาเป็นเส้นๆจ้า
วิธีการทานจะกินหมูย่างเปล่าๆหรือจะห่อผักก็ตามชอบ แนมกับเครื่องเคียงที่วางไว้ให้เยอะมากกก
สำหรับเค้าเลิฟๆสุดๆคือห่อกินกับใบ "แกนนิพ" หน้าตาแบบใบหม่อนบ้านเรา
ใบจะมีกลิ่นหอมๆฉุนๆ ใส่กิมจิเข้าไปอีกหน่อยราดซอส โอยอร่อยมั่กๆ



หนังท้องตึงอิ่มหนำแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก ทริปนี้เราพักกันที่โรงแรม Seoul Royal Hotel
เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวราคาประมาณ 4,500-6,000 บาท/คืน ฟรี wi-fi และสาย LAN แจ่มมาก
ตั้งอยู่ในทำเลดีเว่อร์กลางแหล่งชอปปิ้งย่านเมียงดงเลย เดินออกมาหน้าโรงแรมชอปได้เลยจ้า



แม้จะเหนื่อยเหน็ดจากการเดินทางแต่ถ้าพูดถึงการชอปปิ้งแล้วผู้หญิงสู้ตาย
เดินออกมาหน้าโรงแรมก็เป็นตลาดเมียงดงหรือสยามสแควร์เกาหลีแล้ว
จะไม่เดินก็อย่างไรอยู่ จัดไปเดินเล่นเบาๆย่อยมื้อเย็นกัน 555 Smiley



นึกได้ว่ามื้อเย็นยังไม่มีของหวาน ไอ้หมูเลยจัดของหวานล้างปากซะ
ตอนแรกอยากกินไอติมแต่ว่าร้านมันปิดไปแล้วเดินไปเดินมาเจอร้านนี้คนซื้อเยอะดี
เลยขอลองกินซักหน่อย มันคือขนมอะไรก็ไม่รู้เป็นเหมือนแป้งแข็งๆกรอบๆก้อนกลมๆ
มีรสที่เคลือบหลายแบบทั้งช็อคโกแล็ต ชาเขียว กาแฟ ฯลฯ ความเก๋คือพอเราเลือกแล้ว
คนขายจะเอาใส่ถุงแล้วเอาค้อนทุบ !!! ให้กลายเป็นชิ้นแหลกๆ จะได้หยิบกินได้
อย่างที่บอกคือแข็งๆกรอบๆ เค้าเลือกแบบเคลือบช็อคโกแล็ต กินแล้วเหมือนขนมมาวินแข็งๆ 555

-------------------------------------------------

และแล้วก็จบทริปตะลุยเกาหลีวันแรกไปอย่างสวยงาม สนุก อิ่ม และอร่อย Smiley



สวัสดีเช้าวันที่สองในเกาหลีจ้า วันนี้อากาศจัดไปเริ่มหนาวขึ้นอีกเสต็ป
จากเมื่อวานที่ 3 องศา วันนี้เหลือประมาณ 1 องศา แต่เป็น 1 องศาที่มาพร้อมกันสายฝนปรอยๆ Smiley
เริ่มต้นกิจกรรมวันนี้กันที่ Luxury Korean Traditional Beauty Salon
"Migreen Oriental Medicine Clinic"

ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเมียงดง เดินไปไม่ไกลจากโรงแรมใช้เวลาประมาณ 15 นาทีจ้า



บรรยากาศด้านในคลินิกดูอบอุ่น
 เป็นคลินิกความงามที่ใช้ศาสตร์ของแพทย์แผนโบราณของชาวเกาหลี
ซึ่งจะแบ่งผู้ร่วมทริปออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะไปศึกษาเรื่องยาแผนโบราณ
อีกหนึ่งกลุ่มจะไปศึกษาเรื่องสกินแคร์การดูแลผิวในแบบโบราณ ซึ่งทรายกะเอิ๊กอยู่กลุ่มแรกจ้า



มาเข้าคลาสแรกกับการทำยาแบบเกาหลี หน้าตาคล้ายยาลูกกลอนบ้านเราเลย อิอิ
ตัวเม็ดยาสีดำกลมๆทำมาจากสมุนไพรหลายหลายชนิด
ส่วนขั้นตอนที่เค้าสอนให้เราได้ทำคือการห่อเม็ดยาด้วยแผ่นทองคำ(แท้)
จากนั้นห่อกระดาษแล้วบรรจุในแพคเกจให้สวยงาม งานนี้ห้ามหายใจแรงแผ่นทองจะปลิวได้
ตัวยาอันนี้ใช้ทานเวลาอาหารไม่ย่อย หรือกินมากเกิน จุก เสียด แน่นท้อง
โดยวิธีการทานให้ทานครั้งละ 1 เม็ด เคี้ยวๆกลืน
หรือใครไม่สามารถก็ตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆแล้วทานกับน้ำอุ่นจ้า



อวดผลงานวิชาปรุงยากันหน่อย Smiley
ยาที่ทำเองก็ได้กลับไปทานเอง เค้ายังไม่ได้ลองยังบอกไม่ได้ว่ารสชาติเป็นไงและผลเป็นไงน๊า



ปรุงยาเสร็จมาต่อด้วยการปรุงชา โดยก่อนทำการปรุงชาสมุนไพรนั้น
เค้าจะมีแบบทดสอบ Medical Tests of Sasang (Four Type) Constitution
มาให้เราทำ เกี่ยวกับ รูปร่าง นิสัย และไลฟ์สไตล์ของเรา
ซึ่งแบบทดสอบนั้นจะประเมินประเภทของเราว่าเป็นคนแบบไหนและต้องทานชาแบบใด
ซึ่งเค้ากะเอิ๊กได้แบบเดียวกันเลยนั่งติดกันปรุงชาจากสมุนไพรชนิดเดียวกัน
ประกอบไปด้วยสมุนไพรสามอย่าง คือ Quince , Leave of Persimmon และ Ogapy
วิธีการทานชาก็แช่ชาหนึ่งซองในน้ำร้อน 1-2 ลิตรประมาณ 20 นาทีจ้า



ปิดท้ายคลาสกันด้วยการทานน้ำสมุนไพรเกาหลี
ที่อเมซิ่งมากๆ คือเป็นน้ำที่แต่ละคนทานแล้วจะมีรสชาติไม่เหมือนกัน
ซึ่งการรับรสที่ต่างกันจะแสดงถึงสุขภาพของแต่ละคน
เช่น ได้รสขมเฝื่อนหมายถึงอาจจะมีปัญหาที่ไต
เค้ากะเอิ๊กกินแล้วได้รสเดียวกัน (เหมือนกันอีกแล้ว 555) คือ รสเปรี้ยวอมหวาน
ซึ่งหมายความว่าเป็นคนสุขภาพผิวค่อนข้างดี แอร๊ยดีใจ Smiley



ขอถ่ายภาพกับสองสาววิทยากรชาวเกาหลีที่ใจดีมาสอนเราทำยาทีละขั้น
โอ๊ยน่ารักยิ้มแย้มที่สำคัญผิวดีมากกกกก Smiley



ก่อนกลับแอบขอถ่ายภาพกับคุณหมอประจำคลินิก คุณหมอหน้าเป๊ะและผิวหน้าเด้งมากกกก Smiley



กิจกรรมต่อมายังคงอยู่ที่ย่านเมียงดง คือการเข้าไปที่
"สำนักงานใหญ่อีทูดี้เฮาส์ : ETUDE Corporation Headquater Office"
เพื่อชมการสาธิตแต่งหน้าและอัพเดทเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์เกาหลี
จะบอกว่าเป็นออฟฟิสที่น่ารักมากกก Smiley ตกแต่งโทนขาวชมพูสไตล์เจ้าหญิงสุดๆ



และคอลเลคชั่นที่จะใช้ในการสาธิตแต่งหน้าวันนี้.....
Smiley Smiley Smiley "Princess Etoinette" Smiley Smiley Smiley
แพ็คเกจชนะเลิศ ที่เกาหลีออกมาพักนึงตอนนี้เพิ่งวางขายในไทยจ้า
หาซื้อได้ทีเคาท์เตอร์ Etude House ทุกสาขา
(Crystal Shy Lips 795.- , Heart Blusher 1,595.- ,
Tear Drop Liner Set 695.-,Versailles Nails 595.- , Rose Brush 695.-)

เห็นของจริงยิ่งกรี้ดดดด งามสุดๆ หวานสุดๆ อร๊างงงง Smiley



กรี้ดดดดดดดดดดมากกกกก นอกจากคสอ.แล้วยังมีแปรง หวี กระจก ฯลฯ
ที่มีคอนเซปต์คือ "ปลุกความเป็นเจ้าหญิงในตัวคุณ......" อยากเป็นเจ้าหญิงในบัดดล Smiley



เมคอัพอาร์ตติสของ Etude House สาธิตการแต่งหน้ารับวาเลนไทน์ในแบบสาวเกาหลี
โดยเน้นผิวฉ่ำด้วยการลงบีบีแบบเนื้อบาล์มแล้วไม่ต้องทาแป้ง ผิวจะดูฉ่ำเป็นธรรมชาติ
สีสันจะเน้นความหวานใส เขียนขอบตาด้วยไลน์เนอร์สีน้ำตาลให้ดูตาไม่ดุแล้วปัดมาสคาร่าฟูๆ
แต่สำหรับสาวเปรี้ยวไม่ชอบหวานมากสามารถกรีดตาด้วยไลน์เนอร์ดำให้ดูเฉี่ยวขึ้นได้จ้า



จบกิจกรรมยามเช้าก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงพอดี
ซึ่งร้านอาหารเที่ยงวันนี้เป็นแบบ Traditional สุดๆ ทางเข้าร้านสวยมว๊ากกกกกก
นั่งรถออกมาจากเมียงดงไม่ไกล ต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปที่ร้าน เป็นบันไดหินคลาสสิกสุดๆ
ซึ่งข้างทางยังคงมีใบใม้เปลี่ยนสีสวยๆ ประดับด้วยหิมะที่ยังละลายไม่หมด ตะลึงมากกกก Smiley



ทางเดินขึ้นมาว่าสวยแล้วเจอหน้าร้านเข้าไป อร๊ายยยยสวยมากกกเหมือนอยู่ในหนังย้อนยุค Smiley



บรรยากาศในร้านเป็นแบบย้อนยุคงามมาก นั่งทานกับพื้นแบบเกาหลีแท้ๆ
ซึ่งมื้อนี้คือ ข้าวยำ หรือ บิบิมบัม (Bibimbub) แต่ไม่ได้เสิร์ฟมาในหม้อหินร้อนแบบที่เคยกินกัน
เค้าบอกว่าอันนี้เป็นอีกประเภทนึงที่เสิร์ฟมาในชามเย็น ซึ่งจะแยกเครื่องเคียงให้เราเลือกใส่ตามชอบ
แต่วิธีการทานก็เหมือนกันคือคลุกๆกับเครื่องเคียงและซอสโคชูจังจ้า มีพิซซ่าเกาหลีให่ทานเล่นด้วย



เดินไปเข้าห้องน้ำหลังร้านแล้วต้องขอแชะภาพไว้ เป็นหิมะที่เกิดการแข็งค้างเป็นน้ำตกริ้วๆ Smiley
แม้รอบนี้จะไม่ได้เจอหิมะเต็มๆแต่ได้เห็นแค่นี้ก็เป็นสุขใจ จ๋วยจังเลยยยย



หลังมื้อเที่ยงเราเข้าไปเยี่ยมชม Seoul Global Culture and Turism Center ตั้งอยู่ย่านเมียงดง
ซึ่งเป็นแหล่งให้ข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม , แหล่งท่องเที่ยว-ชอปปิ้ง , การเดินทาง ฯลฯ
แถมด้วยการลองใส่ชุดประจำชาติ "ฮันบก" ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจ้า



มาย่านเมียงดงก็ไม่พลาดที่จะแวะเข้าไป Etude House สาขาแรก
ซึ่งสาวๆไม่มีพลาดชอปกระจาย โปรดอย่าถามว่าโดนไปเท่าไหร่ 555 Smiley




และขอแนะนำอีกหนึ่งแบรนด์จากบริษัทเดียวกันกับ Etude คือแบรนด์ "eSpoir"
เป็นแบรนด์ที่จัดเป็นประเภท Professional Makeup
คุณภาพและราคาเทียบเท่าได้กับ MAC หรือ Bobbi Brown
ตัวเด่นๆของเค้าคือลิปสติกราคาประมาณ 600 บาท เนื้อดีสีหลากหลายมีหลายรุ่นมากกก
เค้าสอยลิปไลน์เนอร์สีนู้ดกับกรอสมาแหละ ขอบอกว่าคุณภาพดีมาก อยากได้ไปซะทุกอย่าง
(อายแชโดวก็แจ่มแต่เค้าไม่ได้สอยมา แนะนำให้ไปลองป้ายกันดูแล้วจะกรี้ด อิอิ)



ชอปปิ้งในเมียงดงจนได้เวลาเย็นวันที่สองนี้มีนัดชม "Bibap Show" เป็นการแสดงผสมผสาน
การแสดงตลกประกอบการร้องเพลง Accapella & Beatbox
และการเต้น B-Boy & Martial Arts

ผ่านเรื่องราวในการแข่งทำอาหารแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น อาหารญี่ปุ่น จีน อิตาเลี่ยน ฯลฯ
และจบด้วยการแข่งทำอาหารขึ้นชื่อคือ ข้าวยำเกาหลี(Bibimbub)
---------------------------------------------------------------------
สำหรับโชว์นี้ ให้สามคำ "มันส์ สุด ยอด" ไม่รู้จะบรรยายความสนุกอย่างไร
เค้าเป็นคนไม่ดูฟังเพลงเกาหลี ไม่ดูซีรีย์เกาหลี ไม่เคยรู้เลยว่าเอนเตอร์เทนเนอร์เกาหลีเป็นไง
แต่มาดูโชว์นี้แล้วบอกได้เลยว่า อึ้งมาก !!! เค้าทำได้เจ๋งมาก เป็นโชว์ที่ติดอันดับโลกเลย
แนะนำสุดๆใครมาไม่ควรพลาดมาดูเถอะ ขำ และประทับใจในความน่ารักแน่นอน Smiley

(ข้างในห้ามถ่ายภาพเค้าไปเซฟภาพจากเว็ปเกาหลีมาให้ชมกันนะจ๊ะ)



มาถึงมื้อเย็นเป็นมื้อสุดหรูหราอลังการแบบที่พระราชาเสวยกันในวัง
Korea House @Chwiseongwan
เป็นเหมือนศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี แค่สถานที่ก็รู้สึกถึงความอลังแล้วเนอะ



ระหว่างรอคิวเข้าทานมื้อเย็น ได้ลองขอพรแบบเกาหลีด้วยหล่า
ด้วยการเขียนคำขอพรในกระดาษแล้วพับกระดาษเป็นเส้นนำไปผูกกับแท่นนี้
เค้าบอกว่านกจะนำพรของเราไปยังพระจันทร์ ขอให้พรจงสำเร็จดังหวัง โอมเพี้ยงงงง Smiley



เริ่มมื้อเย็นแบบพระราชากันด้วยเมนูแรกอย่าได้ถามชื่อเลย
เค้าถามไกด์ชาวเกาหลีแล้วแต่ไม่สามารถออกเสียงตามหรือสะกดให้ฟังได้ 555
ไกด์บอกว่าเป็น "เคบับสไตล์เกาหลี" คือแผ่นแป้งนุ่มเหนียวคล้ายแป้งโรตี
ห่อไส้เป็นผักหลากสีและเนื้อเส้นๆ เสร็จแล้วม้วนเป็นคำๆจิ้มน้ำจิ้มเป็นซอสเปรี้ยว อร่อย !!



วัฒนธรรมในการทานของเกาหลีจะไม่เสิร์ฟทุกอย่างออกมาในทีเดียว
แต่จะรอเมนูแรกหมดแล้วทยอยเสิร์ฟเมนูอื่นๆตามออกมา
ไม่แปลกใจเลยกับการทานอาหารของพระราชา คือว่า....อาหารเสิร์ฟมาเยอะมากกกกก
มาเรื่อยๆเหมือนจะไม่มีวันหยุดจนต้องถามว่าเหลืออีกกี่จานแบบว่าไม่เหลือที่ในท้องจะทานแล้วจ้า
มีทั้งปลาหิมะย่างซอส แพนเค้กเกาหลี เนื้อย่างหรือสเต็กเกาหลี ผัดเห็ด ฯลฯ



กว่าจะเสิร์ฟมาหมด นั่งกินกันจนจุก จัดเป็นอาหารแบบใหม่มากๆ
และน้อยคนนักที่มาเกาหลีแล้วจะได้ลองทานอาหารแบบนี้ ถือว่าเป็นทริปที่เจ๋งจริงๆจ้า
ได้ลองทาน Korean Special Wine Sunmaesu ด้วย แอลกอฮอล์ 16%
เป็นไวน์แดงที่มีรสหวานๆ ซ่าๆนิดๆคล้ายสปาร์คกิ้ง อร่อยเลยเค้าชอบ Smiley

------------------------------------------------------------

จบทริปวันที่สองเรียบร้อยด้วยความอิ่มแบบขั้นเทพจ้า 555
ยังเหลือความสนุกอีกสองวัน ตามไปชมกันได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยจ้า

[Part 2] Play Seoul! Play Etude! 22-25 Jan 2013 :
Lotte World & ตะลุยเกาหลีภาคจบจ้า<3


ตอนนี้ที่เขียนนี้ใกล้เช้าละเค้าหมดแรงขอตัวลาไปนอนก่อน บะบายค่า Smiley

--------------------------------------------------------------------------------

ปล.ชมภาพทั้งหมดได้ที่ www.facebook.com/mhunoiiifanpage จ้า

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 1]

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 2]

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 3]

Play Seoul! Play Etude! Trip 22-25 Jan 2013 ♥ [Day 4]



Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley





 

Create Date : 27 มกราคม 2556    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2556 23:48:33 น.
Counter : 11406 Pageviews.  

Review [Part 2] : Hard Rock Pattaya โหมดลั้นลาฮาเฮ กินๆพักผ่อนๆในโรงแรมจ้า ^^

สวัสดีค่ามาต่อ [Part 2] ของรีวิว Hard Rock จ้า โหมดแรกเน้นรีวิวห้องพักส่วนโหมดนี้จะรีวิวบรรยากาศ กิจกรรม อาหาร ฯลฯ ในโรงแรมให้ชมกันจ้า เชิญรับชมคร๊าบบบ ^^


ทรายไปถึงโรงแรมตอนบ่ายหลังเช็คอินเสร็จกองทัพเราต้องเดินด้วยท้อง ก็เลยลงมาหม่ำข้าวที่ห้องอาหาร "Starz Diner" (สตาร์ซ ไดเนอร์) ตั้งอยู่ชั้นล๊อบบี้จ้า


โต๊ะริมหน้าต่างมองออกไปจะติดกับโซนร้านอาหาร Pizzeria เป็นอาหารอิตาลีมีเตาอบพิซซ่าแบบก่อขึ้นมาด้วยค่า ซึ่งเดี๋ยวจะได้ชมกันในมื้อเย็น อิอิ


โต๊ะด้านใน ตอนทรายไปมื้อกลางวันด้านนี้จะปิด ซึ่งจะเปิดตอนเย็นเป็นไลน์ Buffet จ้า


การตกแต่งคงคอนเซปต์ฮาร์ดร็อค กีตาร์เท่ห์ๆประดับเสาเก๋ๆ


เมื่อยๆเลือกนั่งโซฟานุ่มๆดีกว่า ^^


อาหารมาแล้วจ้า น่าหม่ำไม๊ค๊า อิอิ มีข้าวอบสัปปะรด ต้มยำกุ้งและผัดไทยกุ้งสด ราคาอาหารเริ่มที่ประมาณ 200 บาทจ้า รสชาติไม่จัดมากฝรั่งทานได้แต่ต้มยำกุ้งแซ่บๆอร่อยใช้ได้เลยน๊า


อิ่มอร่อยออกมาเดินย่อยริมสระ แดดเปรี้ยงๆฝรั่งนอนอาบแดดกันตรึมส่วนเราขอหลบร่มดีกว่า แหะๆ


สระน้ำอีกโซนจัดเป็นเหมือนชายหาดจำลองด้วยน๊าน่าเล่นเน๊อ


ด้านข้างสระแบบชายหาดจะมีบังกะโลหลังกะทัดรัดให้เช่า มีเตียง ตู้เก็บของ และตู้เย็นใบเล็กให้จ้า


แอ่งนี้เป็นจุดที่จัด Foam Party ทุกๆวันเสาร์ เสียดายม๊ากกกไปวันธรรมดาไม่ได้เล่นปาร์ตี้โฟม รอบหน้าไม่พลาดๆๆๆ ><


ข้างสระว่ายน้ำมีห้องเล่นเกมส์สำหรับวัยสะรุ่นด้วยจ้า มีโต๊ะพูล เกมส์ wii พร้อมสรรพ


โต๊ะบอลหมุนๆ แต่รู้สึกห้องนี้จะจำกัดอายุคนเข้านะ อิอิ ไม่เป็นไรเรายังวัยรุ่นอยู่นะ แม้จะเป็นช่วงปลายแล้วก็ตาม 555


ฝั่งตรงข้ามทางลงสระด้านหาดทรายจะมีห้องรับดูแลเด็ก "Lil Rock Club" ด้วยนะคะ สำหรับเด็กน้อย 3-12 ขวบค่า


บรรยากาศในห้อง "Lil Rock Club"


หลังนอนกลิ้งเล่นกลุกๆอยู่ในห้องชมวิวพระอาทิตย์ตกอย่างอิ่มเอมแล้วทรายนัดเวลาทานดินเนอร์ไว้ตอนหนึ่งทุ่ม เวลายังไม่ถึงมื้อดินเนอร์เลยมานั่งเล่นที่ห้อง Kings Club ที่อยู่ชั้น 9 ชั้นที่ทรายพัก ใน Kings Club จะมีเครื่องดื่มและอาหารเบาๆเป็นบุฟเฟต์ให้หม่ำได้แบบไม่อั้นสำหรับคนที่พักห้องพักในชั้นKings Club คือชั้น 9 และ 10 จ้า


ไลน์อาหาร ก็มีของทอด สลัด และติ่มซำ ซึ่งขอบอกว่าติ่มซำอร่อยมว๊ากกกกกกกกกก ซัดไปหลายชิ้นแต่ต้องเก็บต้องไว้ไปหม่ำดินเนอร์ด้วย แหะๆ


บรรยากาศใน Kings Club ตกแต่งสีสันได้จี๊ดมากๆๆ


และที่ Exclusive สุดๆสำหรับ Kings Club คือ >>> Happy Hours สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่อั้นในช่วงเวลา 18.00-19.30 น. ช่วงเวลาแห่งความสุข 555 ซัดค็อกเทลกันไปคนละสองแก้วเบาๆ ^^


แป๊บเดียวทุ่มนิดๆแล้วลงไปลุยดินเนอร์กันต่อที่ห้องอาหาร "Pizzeria" ชั้นล็อบบี้กันเลยค่า แหม่ทริปนี้มีแต่กินกับกินสมชื่อคนรีวิวจริงๆ 555


บรรยากาศในห้องอาหารส่วน Indoor จ้า เป็น Open Air ค่ะ


ทรายเลือกนั่งส่วน Outdoor ด้านนอก


มีส่วนของโซฟานั่งชิลๆริมสระด้วย ^^


สระตอนกลางคืนสวยเนอะ สระที่นี่ปิดดึกจ้าสี่ทุ่มนู่นหล่ะ


ก่อนอาหารจะมาคุณแฟนบอกเดินไปเอาของที่รถเดี๋ยวเราก็ไม่ได้คิดอะไร เดินกลับมากรี้ดๆๆๆๆๆมีของขวัญวันวาเลนไทน์มาให้ด้วยง่า แอบรู้สึกผิดอย่างแรงเค้าไม่ได้เตรียมไรไว้ให้เลยง่า T T ซึ้งๆที่รักห่อของขวัญให้เองตลอด ขอบคุณนะค๊า เขิลล์ๆๆๆ <3 <3 <3


อาหารทยอยมาแล้ว ของทรายดินเนอร์แบบ Romantic Italian Set "Love On The Rock" อาหารจะจัดมาเป็นเซ็ตจ้า หม่ำด้วยกันไม๊คะ ^^


อาหารในเซต "Love On The Rock" ประกอบด้วย.....

- Bruxchetta : Tomato , Avocado & Mushrooms <<< เปิดมื้อเบาๆกับขนมปังอบหน้า 3 อย่าง
- Arugula Salad : With thin sliced prosciutto , marinated grilled mushrooms and shaved parmesan cheese <<< สลัดแฮมสไลด์มาบางๆ อร๊ากกเค็มๆกะชีสมันๆ น้ำสลัดเปรี้ยวนิดๆไม่เอือม อร่อยเริ่ดแต่เอิ่ม จานใหญ่ไปไหมค๊า แค่ Appetizers ก็ปาไปครึ่งกระเพาะแล้วน๊า อิอิ
-----------------------------------------
- Soup : Minestrone with shaved parmesan <<< ช่องไม่พอไม่ได้ลงรูปค่าแหะๆแต่ซุปรสชาติดีถูกปากเลยค่า
-----------------------------------------
- Shorbetti : Rasberry & Kiwi <<< ไอติมซอร์เบย์ล้างปากระหว่างมื้อ เปรี้ยวๆหอมๆชอบๆ
-----------------------------------------
- Pizza - Frutti Di Mare : Mussel , prawn , scallop , fresh basil , onions , tomato sauce , parmesan & mozzarella cheese <<< พิซซ่าอบจากเตาอบเฉพาะ อร่อยอย่างแรงแต่ว่ามาถาดใหญ่มาก แง๊ไม่สามารถกินไปได้แค่สองชิ้น คุณแฟนฟาดไปสามสี่ชิ้น โอยนั่งกินไปเสียดายไป
- Pasta - Crab Linguine : Fresh tomato , crab bisque , roasted bell peppers and pesto <<<พาสตาเส้นหนึบกับลังดีซอสรสไม่จัดกับปูเน้นๆๆๆ
-----------------------------------------
- Dessert : Warm Chocolate Cake <<< อันนี้กรี้ดดดสุดชอบมากช็อคลาวาขมนิดๆหวานกำลังดี โอยคิดแล้วอยากกินๆๆว่าจะไปลองดูว่า Hard Rock ที่สยามจะมีเมนูนี้ไม๊น๊า ><


หลังจบดินเนอร์แบบจัดหนักก็ขึ้นไปนอนกลิ้งๆอืดๆบนห้องให้พอย่อย คืนนี้เรามีนัดจะลงไปดริงค์เบาๆกันที่ "The Soul Lounge" ภาพบรรยากาศด้านในจ้าทรายลงมาดึกใกล้ปิดละเลานจ์ปิดตีหนึ่งค่ะช่วงที่ทรายไปเลยโล่งไร้ผู้คน แหะๆ เหมือนเหมาห้องเนอะ


สั่งค็อกเทลมาจิบเบาๆกันคนละแก้ว ค็อกเทลราคาเริ่มต้นที่ 220.- จ้า ทรายชอบค็อกเทลที่รสเปรี้ยวนำเลยสั่ง Mojito รสชาติเปรี้ยวๆสดชื่น ^^


หลังจากบาร์ปิด บาร์เทนดี้คนสวยบอกว่า "Hard Rock Cafe" ด้านหลังยังไม่ปิดเลยแว่บเดินออกมาดู คาเฟ่จะอยู่ริมถนนฝั่งชายหาดค่ะ บรรยากาศยังครึกครื้นอยู่เลย


หนึ่งคืนผ่านไปไวปานโกหกเช้ามาลงมากินอีกแล้ว 555 บอกแล้วทริปนี้กินทั้งทริป มื้อเช้าเป็นแบบบุฟเฟต์ทานที่ห้องอาหาร Starz Diner จ้า


อาหารมื้อเช้าหลากหลายมากมีหลายสัญชาติ ฟาดไปหนัก ของเมื่อวานมันย่อยหมดแล้ว ฮี่ๆ


หลังอิ่มแปร้มื้อเช้าเราก็ขึ้นไปจัดกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน แหมเวลามีความสุขเนี่ยผ่านไปเร็วจริง จริ๊ง แต่ก่อนออกไปทรายมีนัดทำสปาด้วยหล่า กระเป๋าของเราสามารถฝากเค้าไว้ได้ค่ะ "Rock Spa" ตั้งอยู่ริมสระน้ำห้องทำสปาอยู่บนชั้นสามจ้า


เดินผ่านชั้นสองแอบส่องห้องฟิตเนสสักหน่อย


ถึงแล้วห้องที่เราจะทำสปากัน วันนี้ทรายทำการนวดน้ำมันค่ะ ตื่นเต้นง่ะไม่เคยนวดสปาแบบแก้ผ้าหมด แรกๆแอบเขิลล์ๆ แต่พอนวดไปสักพักเคลิ้มมากได้น้ำหนักกำลังดีหลับกันไปเลยทีเดียว แหะๆ


หลังทำสปาเสร็จร่างกายผ่อนคลายสุดๆ ไม่อยากตื่นเลย ในห้องทำสปาด้านข้างจะมีอ่างแช่ตัวให้ด้วยนะจ๊ะ


แชะภาพคู่เป็นที่ระลึกก่อนกลับ วันกลับใส่เสื้อคู่ของ Hard Rock ที่ได้มาเป็นที่ระลึกด้วยหล่าน่ารักไม๊ๆ อิอิ

และแล้วทริปสวีทวิ้ดวิวในวาเลนไทน์ปีนี้ก็จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ขอบคุณทาง Hard Rock มากๆนะคะที่เชิญทรายมาสัมผัสประสบการณ์สุดประทับใจ ติดใจกับการบริการที่เอาใจใส่มากๆ รอบหน้าต้องมาโฟมปาร์ตี้คืนวันเสาร์ให้ได้ >< ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าจ้า ทริปหน้าขอพาตะลุยต่างแดนแบบมึนส์ๆกันที่ Singapore แล้วเจอกันค่า บะบายยย ^^

ปล.ใครอยากชมภาพเพิ่มเติมตามลิงค์นี้ไปเลยจ้า https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10150666895420400.451136.610335399&type=3&l=a394b2e6ac ทรายอัพภาพไว้ใน Facebook ตั้งเป็น Publish ให้เข้าชมได้ค่ะ




 

Create Date : 18 มีนาคม 2555    
Last Update : 18 มีนาคม 2555 22:13:53 น.
Counter : 4973 Pageviews.  

Review [Part 1] : Hard Rock Pattaya โหมดรีวิวห้องพักใหม่หลังผ่านการ Renovate ไปเมื่อปลายปีจ้า ^^

สวัสดีค่าสาวๆร้อนๆแบบนี้อยากไปเที่ยวทะเลกันเนอะ รอบนี้มีรีวิวโรงแรมเริ่ดๆจากพัทยามาฝากจ้า กับ Hard Rock โรงแรมระดับอินเตอร์ที่มีหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทรายได้รับเชิญให้ไปพักมาเมื่อวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 55 เนื่องจากทางโรงแรมได้มีการปิดปรับปรุงห้องพักในบางส่วนไปเมื่อช่วงเดือนต.ค.ปีก่อน รีวิวนี้จะเป็นโหมดห้องพักและบรรยากาศโดยรอบส่วนกิจกรรมสวีทวี้ดวิ้วในวันวาเลนไทน์นั้นจะยกยอดไปในบล็อคหน้านะค๊า รูปเยอะเดี๋ยวจะโหลดกันไม่หวาดไม่ไหวเน๊อ อิอิ

ข้อมูลที่พักเบื้องต้นค่า>>>>
ชื่อ : Hard Rock Pattaya
ที่อยู่ : เลขที่ 429 หมู่ 9 ถนน เลียบชายหาดพัทยา ชลบุรี 20150
เบอร์โทรศัพท์ : 038-428755-9 , Fax. 038-421673
เว็บไซต์ : //pattaya.hardrockhotels.net/th/index.php




โรงแรม Hard Rock Pattaya ตั้งอยู่ตรงถนนเลียบชายหาด สังเกตง่ายมากทางเลียบชายหาดจะเป็นวันเวย์ โรงแรมจะถึงก่อนเซนทรัล ป้ายใหญ่โตเห็นได้แต่ไกล แต่ว่าเค้ากั้นไม่ให้เลี้ยวเข้าโรงแรมจากฝั่งเลียบชายหาดนะคะ เราต้องวนเข้าพัทยาสาย 2 เอาจ้า


ทางเข้าด้านหน้าเดินเข้าไปเช็คอินกันดีกว่า ตรงประตูทางเข้าด้านซ้ายมือจะเป็น Rock Shop ขายเสื้อผ้า ของที่ระลึกของ Hard Rock


ด้านขวาเป็นที่นั่งตกแต่งไฮโซวหรูหรา ประดับผนังด้วยเสื้อผ้า กีตาร์ของนักร้องคนดัง


นางแบบขอลองนั่ง อิอิ


ชอบๆลูกเล่นกระจกที่ผนัง เล่นเลเยอร์เก๋ๆเนอะ


หันมุมมองย้อนออกไปที่ประตูทางเข้า มีตู้โชว์เสื้อผ้าของนักร้องดัง เช่น Madonna, Elvis Presley ฯลฯ ซึ่งเค้าจะมีการสลับสับเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นำมาโชว์กับโรงแรม Hard Rock ในสาขาอื่นทุกๆสิบปีจ้า


เช็คอินโลดดด Reception จะตั้งติดกับ Guest Service ค่ะ ตอนทรายไปแขกต่างชาติค่อนข้างเยอะพนักงานมีประมาณสามเคาท์เตอร์เลยทำให้ต้องใช้เวลาในการรอเช็คอินพอสมควร แต่พนักงานก็น่ารักยิ้มแย้มแจ่มใสและให้การต้อนรับเป็นอย่างดีจ้า


ฝั่งตรงข้าม Reception จะเป็น The Soul Lounge ดึกๆเจอกัน อิอิ


ขึ้นลิฟต์ไปห้องพักกันจ้า ห้องที่ทรายไปพักอยู่ชั้นเก้า ซึ่งชั้น 9 และ 10 เป็น Private Floor เวลาขึ้นลิฟต์จะต้องใช้คีย์การ์ดของห้องพักเราแตะไม่งั้นขึ้นไปบ่ได้จ้า เป็นชั้น Kings Club ค่ะ ออกลิฟต์มาชั้นเก้าหน้าตาเป็นแบบนี้จ้า


ภาพเพนท์ Elton John ^^


ในชั้นของ Kings Club จะมีห้องรับรองพิเศษซึ่งเมื่อแจ้งทางรีเซฟชั่นด้านล่างเค้าจะพาเราขึ้นไปเช็คอินที่ห้องรับรองชั้นเก้าจ้า ห้องรับรองสีสดใสสะใจมากกกกก มีเสิร์ฟเวลคัมดริงค์ และเซอร์ไพรส์วันวาเลนไทน์ให้ด้วยกุหลาบแดงช่อกลมน่ารัก จะบอกว่าเขิลล์ๆๆ >< ปีนี้สวีทมากกว่าปกติมากกกกก 555


เข้าไปดูในห้องกันเลยค่า ทรายไม่แน่ใจว่าห้องที่ทรายพักรู้สึกจะ 927 ถ้าจำไม่ผิดน๊า ห้องคุมโทนด้วยสีเข้มแต่ตัดด้วยสีส้มและแดงพร้อมปูพื้นพรมสีม่วงดูโมเดิร์นเนอะ


มองย้อนจากระเบียงเข้ามาจะเห็นห้องน้ำอยู่ติดกับประตูทางเข้า มีโซฟาตัวใหญ่ให้นั่งชมวิวริมหน้าต่าง


ไปส่องห้องน้ำกันจ้า ผนังห้องน้ำจะเป็นกระจกใสแต่มีมู่ลี่หมุนเปิดปิดได้ อ่างล้างหน้าจะหันเข้าหาเตียงเลย อิอิ แอบเซะซี่ๆ


ถ่ายผ่านม่านมู่ลี่ออกไปจะเห็นหัวเตียง


ภาพรวมๆในห้องน้ำจะแบ่งเป็นโซนเปียกโซนแห้งโดยกั้นไว้ด้วยกระจกใสค่ะ


อันนี้โซนเปียก จะมีแต่ฝักบัวไม่มีอ่างอาบน้ำจ้า


อุปกรณ์ในห้องน้ำมีให้ครบครันจ้า


ออกมาจากห้องน้ำฝั่งตรงข้ามประตูห้องน้ำเป็นห้องแต่งตัว ราวแขวนเสื้อผ้า พร้อมตู้เซฟ


ชั้นริมผนังมีเซตชากาแฟ ขนมขบเคี้ยว แอลกอฮอลล์ พร้อมเครื่องเสียง


ซูมๆ เครื่องเสียงเล่นแผ่นซีดีได้ และมีสายแจ็คใช้เสียบเข้ามือถือหรือเครื่องเล่น mp3 ได้จ้า แอบลืมถ่ายมามีคีย์บอร์ดไวร์เลสใช้พิมพ์เลือกช่องโปรแกรมในทีวีด้วยจ้า


มีเซต Sparkling Wine กับสตรอว์เบอร์รี่ชุบไวท์ช็อคโกแลตเซตไว้ให้ด้วย ติดใจสตรอว์เบอร์รี่ อร่อยมากมาย ><


ริน Sparkling Wine มาชิมๆ Sparkling Wine เค้าจะแช่ไว้ให้ใน Ice Bucket จ้า


Sparkling Wine ที่เซ็ตไว้ให้เป็นของ Prosecco จากอิตาลีรสชาติค่อนข้าง Dry มากแต่ดื่มง่ายอยู่ค่ะ


ห้องที่ทรายพักจะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกดินพอดีเลย สวยมากกกกกกกก


จิบไวน์ชมพระอาทิตย์ตก เริ่ดสุดๆได้บรรยากาศมากกกก นั่งอาร์ตๆอยู่โซฟาริมหน้าต่าง 555


ปิดท้ายโหมดรีวิวห้องพักไปกับภาพพระอาทิตย์ยามเย็นสวยๆ ภาพนี้จ้า ส่วนกิจกรรมอื่นๆรวมทั้งโหมดอาหารการกินในโรงแรมจะตามมาใน Part 2 อย่าลืมติดตามชมกันน๊า ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่ะ ^^

ปล.ใครอยากชมภาพเพิ่มเติมตามลิงค์นี้ไปเลยจ้า https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10150666895420400.451136.610335399&type=3&l=a394b2e6ac ทรายอัพภาพไว้ใน Facebook ตั้งเป็น Publish ให้เข้าชมได้ค่ะ




 

Create Date : 13 มีนาคม 2555    
Last Update : 13 มีนาคม 2555 2:51:59 น.
Counter : 6170 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.