|
Review : เชียงรายอินเลิฟภาคจบ ไร่ชาฉุยฟง พระตำหนักดอยตุง แม่สาย พม่า ชเวดากองจำลอง ถนนคนเดิน <3
มาถึงภาคจบของทริปเชียงรายอินเลิฟของเค้า ใครยังไม่ได้อ่านภาคแรกและภาครีวิวโรงแรมคลิกไปอ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างจ้า
Review : เชียงรายอินเลิฟภาคแรก หอนาฬิกา วัดร่องขุ่น ไร่บุญรอด และพิพิธภัณฑ์บ้านดำจ้า <3
Review : Le Meridien Chiang Rai Resort <3 ตกหลุมรักรีสอร์ทสวยริมแม่น้ำกก
เริ่มต้นกันด้วยวันที่ 3 แพลนหลักของวันนี้คือ "แม่สาย" หลังจากหม่ำมื้อเช้าในโรงแรมเรียบร้อยก็บึ่งรถออกไป แต่ก่อนจะถึงแวะสายจะขอเที่ยวรายทางไปด้วยฮับ

เริ่มจากที่แรกได้แก่ "ไร่ชาฉุยฟง"ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านพญาไพร ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวงผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงราย ส่งให้แบรนด์ที่เราคุ้นกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น โออิชิ ลิปตัน ยูนิฟ ฯลฯ พื้นที่ใหญ่อลังการเป็นพันไร่ รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปชมในเว็ปเค้าได้ที่ //www.chouifongtea.com จ้า
 สาเหตุที่ไร่ชาแห่งนี้โด่งดังขึ้นมาก็เพราะ เป็นโลเคชั่นที่ถ่ายทำละครเรื่อง "มัจจุราชสีน้ำผึ้ง" ไร่พ่อเลี้ยงปัทที่พารจนาไฉนมาทรมานทรกรรมนั่นเอง อิอิ แต่เดี๋ยวนะ! ภาพประกอบมันใช่ไหม 555

เค้าไปถึงประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆแต่มีฝนพรำๆ อากาศบนนั้นเลยเย็นชื่นใจเลย แอบหนาวนิดนึง มองไปไกลๆ ภาพวิวเขียวๆมองแล้วสบายตาเนอะ

รจนาไฉนพาใครมาเก็บใบชา 555 ว่าแต่ตัวไหนคือรจนาไฉนเนี่ย???

มุ่งสู่จุดหมายต่อไป "พระตำหนักดอยตุง" เส้นทางที่ไปคดเคี้ยวใช้ได้แต่โค้งไม่รุนแรงเท่าเชียงใหม่จ้า นั่งดูวิวข้างทางไปเพลินๆบรรยากาศหลังฝนพรำดูสดชื๊น สดชื่น

ไร่ชากับพระตำหนักดอยตุงห่างกัน 22 กม. และห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กม. จ้า

จุดเด่นของที่นี่คือความสวยงามของดอกไม้เมืองหนาว ช่วงที่เค้าไปยังไม่ใช่หน้าหนาวซะทีเดียวแต่ดอกไม้ก็งามน้า สงสัยเพราะฝนโปรยปรายได้น้ำ

เค้าได้ขึ้นไปชมในส่วนของพระตำหนักดอยตุง ซึ่งคิดค่าเข้าชมพระตำหนักรวมกับสวนแม่ฟ้าหลวงตกอยู่คนละ 180 บาท ก่อนขึ้นชมพระตำหนักต้องแต่กายให้เรียบร้อยก่อน โดยที่ทางขึ้นจะมีชุดให้นุ่งทับไม่เสียเงินจ้า แต่งออกมาสไตล์อ.เฉลิมชัยเป๊ะ อิอิ ขอบอกว่าทางขึ้นพระตำหนักเป็นทางเดินขึ้นเนินประมาณ 300 เมตร ไม่ได้ออกกำลังกายมานานเดินขึ้นไปถึงเล่นเอาเหนื่อยพอตัวเลย กลับมาวันรุ่งขึ้นมีอาการปวดขาด้วย แหะๆ สมน้ำหน้าไม่ยอมออกกำลังกายดีนัก
 พระตำหนักแห่งนี้ สมเด็จย่าสร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เน้นประโยชน์ใช้สอย ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น ด้านในเข้าชมได้แต่ห้ามถ่ายรูป จากห้องโถงด้านในมองเห็นวิวเขาที่ด้านหลังเป็นประเทศพม่าด้วยอากาศดีสวยงามมากค่า

วิวด้านหน้าพระตำหนักเห็นตัวเมืองเชียงราย

ลงจากพระตำหนักมาหมดแรงหิวพอดี แวะทานข้าวที่ห้องอาหารดอยตุง ลักษณะเหมือนโรงอาหาร ดูป้ายราคาก็ปกติดีแต่ไหงสั่งมาทานมื้อนี้แพงสุดในทริปนี้เลยน๊อ คือเทียบปริมาณอาหารกะราคาแล้วแอบตกใจ ตามที่เห็นด้านบนเลยมีน้ำพริกหนุ่ม ไข่ต้ม หมูหวาน ข้าวเปล่าสองจาน สไปรท์กะชาเย็น หมดไปเกือบสี่ร้อยบาท !!! หมูช็อค

อิ่มท้องไปแบบงงๆก็เดินเข้ามาชมในส่วนของสวนแม่ฟ้าหลวง เพราะซื้อตั๋วเอาไว้แล้วตอนที่เข้าพระตำหนัก ตอนเค้าไปเหมือนกำลังลงดอกไม้เพิ่มอยู่เลยยังดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่จ้า หรอมแหรมๆ

ดอกอะไรใหญ่เท่าหน้า! ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นกุหลาบพันปีนะฮะ ดอกใหญ่จนก้านรับน้ำหนักไม่ไหวหัวทิ่มลงต้องเอาไม้ดามเกือบทุกดอกเลยใหญ่จริงอะไรจริง

แดดเริ่มมาฟ้าเริ่มใสเย้ๆ แดดมาแล้วดูสวยขึ้นเยอะ แต่ร้อนขึ้นแยะเลย แหะๆ

ได้เวลามุ่งสู่แม่สายกัน ทริปนี้เป็นทริปอินเตอร์เนชั่นแนลเพราะเราจะไปเยือนต่างแดนกัน 555 ไปเยือนประเทศเพื่อนบ้านพม่านั่นเอง ก่อนจะข้ามแดนต้องไปทำหนังสือผ่านแดนซะก่อน ณ ที่ว่างการอำเภอแม่สาย ใช้เพียงบัตรประชาชนเท่านั้นพาสปอร์ตไม่ต้อง มีค่าทำหนังสือผ่านแดนคนละ 30 บาท จะได้เป็นเอกสารปรินท์ไซส์เอสี่คนละใบแบบนี้จ้า

มองเห็นซุ้มด้านหน้าแล้วผ่านซุ้มเข้าไปก็คือเขตแดนของประเทศพม่า เราสามารถนำรถข้ามไปได้แต่จะต้องทำเรื่องมาก่อนตั้งแต่ตอนทำหนังสือผ่านแดน

เค้าไม่กะเอารถข้ามไปเลยไปวนหาที่จอดแบบงงๆ ได้ที่จอดของเอกชน 40 บาท ในตลาดสายลมจอย ที่จอดตรงนี้มีห้องน้ำด้วยแต่ค่าเข้าคนละ 5 บาทจ้า

เดินผ่านจุดตรวจบัตรผ่านแดนดูให้หน้าตาตรงกันเป็นอันโอเค แค่นี้ก็ข้ามไปสู่ต่างประเทศได้แล้ว ฮี่ๆ ก่อนเข้าประเทศพม่า มีจ่ายค่าเข้าอีกสิบบาทให้กับทางฝั่งพม่านะฮะ

ผ่านเข้าไปปุ๊บสิ่งแรกเลยที่จะโดนคือการมาตื๊อให้นั่งรถเช่าสามล้อ ซึ่งด้านหน้าๆด่านตรวจจะตื๊อได้เวิ่นเวอน่ารำคาญมาก เค้าจะพยายามบอกเราว่าเดินไปก็ไม่มีอะไรนั่งรถไปดีกว่า ซึ่งราคาจะบอกเราอยู่ที่ 250-300 บาท มีการบอกว่านี่ราคาพิเศษด้วยนะ แต่แนะนำว่าให้เดินข้ามสะพานเข้าไปนิด ทางขวามือจะมีรถแบบเดียวกันจอดเรียงๆอยู่ ตรงนี้ไม่ตื๊อไม่วุ่นวายจ้าเดินไปถามราคาได้เลยแค่ 150 บาทเท่านั้น!!! นั่งชมเมืองสบายๆแวะแหล่งท่องเที่ยวพอเป็นพิธี คนที่นี่พูดไทยกันหมดฮะมีทั้งคนไทยทั้งคนพม่า เงินที่จ่ายก็ใช้เงินบาทเราได้เลย

นั่งรถชมเมือง บ้านเมืองเค้าอาคารบ้านช่องก็เหมือนเรานี่หล่ะ จุดแรกที่แวะไปคือวัด......จำชื่อวัดมิได้ แหะๆ อ่านก็ไม่ออก

วัดแบบพม่าจะเน้นหลังคาสีทองอร่าม เวลาแดดสาดลงมาดูสวยอลังการงานสร้างมากเลย

แต่ด้านในจะดูเรียบง่ายกว่าวัดบ้านเราไม่มีจิตกรรมฝาผนัง ช่วงที่เค้าไปมีคนมาถือศีลอยู่วัดกันเยอะเลย

คงเป็นวัดที่เน้นพาคนไทยมาเยี่ยมชมจริงๆ ตู้บริจาคเขียนภาษาไทยชัดเจนอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร

จุดที่สองที่แวะไปเค้าประทับใจนะสวยเลยหล่ะคือ "เจดีย์ชเวดากองจำลอง" ไซส์เล็กกว่าของจริงที่ย่างกุ้งเยอะอยู่ถ้าเค้าจำไม่ผิดประมาณ 3 เท่า เจดีย์เล็กรอบๆองค์จริงมี 108 แต่จำลองมี 24 เจดีย์ เชื่อว่าของจริงคงต้องอลังการมาก เพราะของจริงนี่เป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของพม่าที่ห่อหุ้มด้วยทองกว่า 23 ตัน!!!

แดดมาได้ฟ้าสีฟ้าตัดกับองค์เจดีย์สีทองอร่ามงามเนอะ แต่ขอบอกว่าร้อนแสบใช้ได้เลยเพราะต้องถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าจ้า จะมีที่ให้ฝากรองเท้าซึ่งตอนออกเพิ่งรู้คิดเงินด้วย คู่ละ บาท

รอบเจดีย์จะมีให้ไหว้พระตามวันเกิด เค้าเกิดวันจันทร์เหมือนกันเลยไว้องค์เดียวกัน สัตว์นำโชคลาภเป็นเสือตรงกับปีเกิดพอดีด้วยบังเอิญจริง

แวะไหว้พระเค้าบอกว่าพระที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เรียงอยู่สามองค์ด้านบนคือองค์เทพทันใจ ขออะไรก็ได้ 1 ข้อ ชาวพม่าเชื่อกันว่าอธิษฐานแล้วจะสมปรารถนา ซึ่งก่อนมาเที่ยวเห็นแม่บ่นว่าไม่สบายตัวอาการวัยทองกำเริบเวียนหัวทั้งวัน เลยอธิษฐานให้อาการของแม่ดีขึ้น ก่อนออกจากพม่าโทรหาแม่ถามว่าวันนี้เป็นไงมั่ง แม่บอกเนี่ยอาการเวียนหัวเพิ่งหายเลย ดีขึ้นละ อันนี้ก็ไม่รู้จริงไหมแต่แม่ดีขึ้นเค้าก็ดีใจ 

ภาพคู่ด้านบนถ่ายโดยฝีมือสาวพม่าที่เค้าจะมาเดินกางร่มให้เรา พร้อมเล่าประวัตินิดๆหน่อยๆเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งพอชมครบโดยรอบแล้วเค้าจะมีการเสนอขายของที่ระลึกให้เราช่วยอุดหนุน แต่เค้าให้เป็นเงินสองสาวนี่ไปแทนไม่ได้เอาของที่ระลึก ให้ไปร้อยนึงเพราะสองสาวน่ารักดีพูดจาน่ารักไม่ฮาร์ดเซลล์ อิอิ

วัดต่อมาหน้าตาไม่เหมือนกับที่เราคุ้นเคย ด้านหน้าวัดเขียนว่า "Union Of Myanmar Township Dhammayon Tachileik" ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระหยกขาว และพระสามมิติ องค์เล็กๆด้านล่าง ซึ่งไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหนสายตาของพระพุทธรูป จะเหมือนมองตามเราไปด้วย แต่เค้าไม่ได้เข้าไปชมใกล้ๆ เกรงใจชาวบ้านที่มาสวดมนต์กันอยู่เลยได้แค่ไหว้ห่างๆอยู่ด้านหลัง จริงๆโปรแกรมสุดท้ายจะมีการพาไปชมบ้านกระเหรี่ยงคอยาวด้วย ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชม แต่เค้าไปช่วงเย็นใกล้ปิดละเลยไม่ได้แวะไป นั่งรถเที่ยวเพลินๆใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณ 50 นาทีจ้า

ปิดท้ายด้วยการเดินชอปปิ้งในตลาดท่าขี้เหล็ก ซึ่งก็คือตลาดฝั่งพม่า ถ้าฝั่งไทยก็คือตลาดแม่สายจ้า เห็นเค้าว่าของฝั่งนี้ถูกกว่าฝั่งแม่สายนิดหน่อย จริงเปล่าไม่รู้เพราะของที่ขายส่วนใหญ่เป็นของก๊อปแบรนด์ ซึ่งเค้าไม่ใช่แนวเค้าเลยมิได้สำรวจตลาดเดินเล่นเอาให้รู้ว่าเป็นไงอ่าฮับ

เกือบห้าโมงได้เวลากลับฝั่งไทยแล้วบ๊าย บาย เมียนมาร์ 

จากแม่สายกลับไปตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโล เลยแวะซื้อผลไม้ตรงแม่สายพร้อมเกาลัดคั่วใหม่ๆไว้หม่ำระหว่างทาง ผลไม้ที่นี่ราคาโอเคเลยมีทั้ง พีช พลับ ลูกไหน พุทราของโปรดคุณแฟนทั้งนั้น ส่วนเกาลัดเค้าว่าราคาถูกดีหอมอร่อยลูกใหญ่ด้วยโลละร้อยเดียว

กลับมาถึงเชียงรายหัวค่ำๆพอดีได้เวลามื้อเย็น เย็นนี้ทานดินเนอร์กันที่ "ร้านข้าวต้มมีนา" ตั้งอยู่บนถนนบรรพปราการ ขับจากหอนาฬิกามาทางวัดศรีเกิดค่ะ

ร้านนี้ไม่มีเมนูต้องเดินไปสั่งที่หน้าร้านก่อนแล้วค่อยเดินไปเลือกหาที่นั่ง

เค้าสั่งมาทั้งหมดสี่อย่าง คือ ยอดมะระผัดน้ำมันหอย หมูแดงเต้าหู้ เห็ดหูหนูผัดไข่กะพริกหนุ่ม และต้มจืดปลาเค็มเต้าหู้หมูสับ ขอบอกว่ารสชาติดีกลมกล่อมทุกสิ่งอย่าง รสชาติหมูแดงกะเต้าหู้คล้ายๆขาหมู ส่วนเห็ดหูหนูผัดกินเพลินๆไว้จะลองทำบ้าง ฮี่ๆ คิดเงินมามีข้าวสวยสองโค้กอีกหนึ่งรวมแล้วแค่ 265 บาทเท่านั้นราคาน่าคบมั่กๆ เป็นร้านข้าวต้มเก๋ๆที่มี wifi ให้เล่นฟรีด้วย 555

ปิดท้ายดินเนอร์ด้วยการหาของหวานล้างปาก ขับมาทานร้านนี้ตรงห้าแยกพ่อขุนเพราะขับผ่านเมื่อวันก่อน เห็นมีเขียนว่าทับทิมกรอบของโปรดเค้าเลยอยากลอง อิอิ สั่งไอติมกะทิทับทิมกรอบ ทับทิมดันหมด ฮือออออ เลยเอาเป็นไอติมกะทิรวมมิตรมาแทน ตัวไอติมเข้มข้นหวานมันเลยเนื้อแบบไอติมโบราณละลายไวหน่อย ส่วนเครื่องก็เป็นของเชื่อมทั่วไปถ้าได้ทับทิมกรอบคงฟินกว่านี้ ราคาถ้วยละ 20 บาทจ้า อิ่มอร่อยกลับโรงแรมนอนได้ 

วันสุดท้ายในเชียงรายเริ่มต้นแบบชิลๆด้วยการทำสปาในโรงแรม รายละเอียดการทำสปาของเค้าอ่านได้ในลิงค์ด้านล่างนี้ฮับ Review : Le Meridien Chiang Rai Resort <3 ตกหลุมรักรีสอร์ทสวยริมแม่น้ำกก

ชิลกะสปาเกือบถึงบ่ายสี่ก็จรลีออกจากโรงแรมมาหามื้อก้ำกึ่งทานกัน 555 จะมื้อเที่ยงก็ไม่ใช่ จะมื้อเย็นก็ไม่เชิง โดยทานกันที่ร้านอาหารพื้นเมือง "สลุงคำ" จ้า ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินติดกับโรงเรียนสันติวิทยาคมไม่ไกลจากห้าแยกพ่อขุน

สั่งมาลองทั้งหมด 4 เมนู ได้แก่ วุ้นเส้นผัดไข่เค็มดิบกุ้งสด<<<เด็ดมากกกลมกล่อมเค้าปลื้ม แกงเผ็ดไก่บ้านยอดมะพร้าว<<<อันนี้เหมือนแกงกะทิปกติไม่เผ็ดง่าแต่ก็อร่อยดี น้ำพริกเผากุ้งไข่ต้ม<<<รสชาติดีค่ะแต่น้ำมันพริกเยอะไปนิดจะเอือมง่ายหม่ำๆกะผัก สุดท้ายคืออกเป็ดรมควัน<<<เฉยๆแฮะไม่มีน้ำจิ้มเค้าเลยขอน้ำจิ้มแจ่วมาจิ้มค่อยมีรสชาติหน่อย สรุปอาหารรวมๆรสชาติดีเลยราคารวมข้าวและน้ำมื้อนี้ 615 บาทจ้า ถือว่าไม่แพงเทียบกับรสชาติถูกปากและปริมาณต่อจานที่ให้เยอะจริงเล่นเอาจุกเลย อิอิ

เหลือเวลาอีกพักใหญ่ก่อนขึ้นเครื่องกลับเลยแวะไปถนนคนเดินเชียงราย ณ ถนนธนาลัย หรือ "กาดเจียงฮายรำลึก" ซึ่งจะมีทุกวันเสาร์ตั้งแต่ห้าโมงเย็นยันเที่ยงคืน เค้าไปตอนห้าโมงครึ่งด้วยความที่ฝนเพิ่งตกไปร้านรวงเลยเพิ่งเริ่มตั้งโหรงเหรงเลย เสียดายมากเพราะได้ยินแต่คนชมว่าถนนคนเดินที่นี่แจ่มยิ่งกว่าเชียงใหม่ ของที่ขายเป็นของพื้นเมืองจริงๆ หลากหลายกว่า ไว้โอกาสหน้าจะมาแอ่วใหม่นะเจ้า

เดินวนไปวนมาได้ของหวานล้างปากเป็นไอติมจิ๋วป้าต๋อยเจ็ดยอด จิ๋วจริงๆ 6 อัน 20 บาท น่ารักรสชาติอร่อยด้วยจัดมาเลย 6 รส ง่ำๆ

ไม่มีที่ไปเลยตกลงใจไปสนามบินนั่งรอสบายๆละกัน พร้อมกับเสบียงที่ได้มาจากกาดเจียงฮายรำลึกอีกหนึ่งอย่าง คือ "ข้าวหลาม" ขอชมเลยว่าคนเชียงรายนึ่งข้าวเหนียวอร่อยมว๊ากกกก คือข้าวนุ่มหนึบกำลังดี ติดใจตั้งแต่ตอนซื้อข้าวเหนียวหมูทานที่หน้าวัดร่องขุ่น ข้าวหลามของที่นี่อร่อยเค้าชอบรสชาติกลมกล่อมหวานน้อยๆ ไม่มันกะทิมากไปไม่มันเยิ้ม เลิฟเลย ทานระหว่างรอเครื่องมาสวยๆ 555

สมชื่อบล็อคหมูน้อยมากๆปิดท้ายทริปนี้ด้วยภาพของกิน กับของว่างบนเครื่องการบินไทย น้ำผลไม้รวมของโปรด คู่กับพายไส้หมูหรือไก่ยอนี่หล่ะเค้าไม่แน่ใจอร่อยดีฮับ
-------------------------------------------------------------------------
จบทริปเชียงรายอินเลิฟอย่างสวยงาม อิ่มแปร้ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจ แนะนำเลยว่าให้ไปเที่ยวเชียงรายกันสักครั้ง แล้วจะติดใจในความเรียบง่าย การดำเนินชีวิตแบบเนิบๆ ที่อาจจะเนิบไปนิดสำหรับการขับรถบนท้องถนน 555 แต่เค้าว่าก็เป็นเสน่ห์ที่น่ารักดีควรมาสัมผัสซักครั้ง ขอบคุณทุกคนที่ตามมาเที่ยวด้วยกัน แล้วเจอกันทริปหน้า บ๊าย บายค่า 
Create Date : 07 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 7 ตุลาคม 2556 3:55:29 น. |
|
7 comments
|
Counter : 20216 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ณ ขณะหนึ่ง วันที่: 7 ตุลาคม 2556 เวลา:7:35:56 น. |
|
|
|
โดย: chompu IP: 118.172.84.157 วันที่: 7 ตุลาคม 2556 เวลา:14:46:42 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 8 ตุลาคม 2556 เวลา:4:47:08 น. |
|
|
|
โดย: 888point IP: 61.19.32.180 วันที่: 2 เมษายน 2558 เวลา:14:36:20 น. |
|
|
|
โดย: ฉุยฟง IP: 61.19.32.180 วันที่: 2 เมษายน 2558 เวลา:15:34:55 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]

|
..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!
---------------------------------------------------------
|
|
| |
อิ่มทั้งภาพธรรมชาติ อาหาร วัฒนธรรม
พร้อมภาพสวยงามของเจ้าของบล๊อคค่ะ