Group Blog
 
All blogs
 

Review : เทศกาลขนมซากุระจาก Lowson 108 ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็ได้หม่ำ! <ผสมใบซากุระแท้ๆด้วย>

 สวัสดีค่าสาวกมินิมาร์ททั้งหลาย ฮี่ๆ Smiley
ในฐานะเจ้าแม่มินิมาร์ท วันนี้จะมาอัพเดทหนึ่งในมินิมาร์ทที่ไม่พูดถึงไม่ได้ให้ชมกัน
นั่นก็คือ Lawson 108 นั่นเองจ้า!!! มินิมาร์ทสัญชาติญี่ปุ่นที่มิควรมองข้าม
เพราะของกินเค้ามาตู้มมมม จัดเต็มได้ใจเจ้มากๆ
ยิ่งใครเคยไปญี่ปุ่นจะรู้ว่าเป็นแหล่งฝากท้องชั้นเยี่ยมเลย อิอิ



สาขาในไทยตอนนี้มีเฉพาะในกรุงเทพฯประมาณสามสิบกว่าสาขา
รอบนี้แวะไปลองที่ Lawson 108 สาขา Mercury Ville ตรง BTS ชิดลม
ถ้าเน้นใกล้บ้านส่วนใหญ่เค้าจะไปตรงสาขา MRT พระรามเก้า มากกว่า
แต่ตรงพระรามเก้าเป็นร้านเล็กๆมาเจอสาขานี้ใหญ่กว่ากันเยอะเลย

หลายคนอาจคุ้นๆเพราะบางสาขาก่อนหน้าจะมาเป็น Lawson 108
ก็คือร้าน 108 Shop เก่าของเครือสหกรุ๊ปนั่นเองฮะ
เช็คตำแหน่งพิกัดร้าน  Lawson 108 แต่ละสาขาได้ที่ >>>CLICK<<<
หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/Lawson108



เดินเข้าไปสะดุดตากันตั้งแต่หน้าเคาท์เตอร์........ของกินทั้งนั้นนี่แหละชีวิตเจ้! Smiley



ได้ฟิลเดียวกับการเข้า Lawson ที่ญี่ปุ่นมากอ้ะ
ของกินแบบที่เป็นอาหารปรุงสดเรียงรายหลายตู้

คือดีงามตรงมีอาหารตามสั่งที่เป็นเมนูอาหารญี่ปุ่นนี่หล่ะ
วันเซฟตังแต่อยากกินอาหารญี่ปุ่นมันเริ่ดนะเธ๊ออออ
มีข้าวแกงกระหรี่ ข้าวหน้าหมู/เนื้อ แฮมเบิร์ก หมูทอดทงคตสึ
แถมด้วยเมนูไทยๆอีกอันที่ขาดไม่ได้ ผัดกะเพรา อิอิ
ซึ่งเราสามารถสั่งแบบมิกซ์ทูอินวันในชามเดียวได้ด้วย



มาถึงที่มีรึจะไม่ลอง เค้าจัดข้าวหน้าแกงกะหรี่ไก่ (24.50 บาท) 
มิกซ์กะข้าวหน้าเนื้อสไตล์ญี่ปุ่นหรือกิวดง (27.50 บาท)
ออกมาเป็นชามนี้ได้กินข้าวสองหน้าในราคา 52 บาทเท่านั้น!
รสชาติจัดว่าผ่านเลยแม้จะไม่ถึงขั้นกินในร้านอาหารแต่ก็ใช้ได้
โดยเฉพาะหน้าเนื้อได้เนื้อเน้นๆกินกะข้าวร้อนๆ เทียบราคาที่จ่ายไปละฟิน



ซาลาเปาโตเกียวบานาน่าในราคา 15 บาท
อันนี้ก็ใช้ได้นะไม่หวานมากเหมือนกินซาลาเปาไส้ครีม
แต่ไส้ข้างในได้รสกล๊วยยย กล้วย
(คนละแบบกะโตเกียวบานาน่าออรินจิที่ไส้เป็นคัสตาร์ดเน่อ)



แอบไปหาภาพบรรยากาศร้าน Lawson ที่ญี่ปุ่นมาฝากกัน
ตอนเค้าไปนี่เข้าออกทุกวันเช้าเย็นๆ555 ดีใจที่ตอนนี้ในไทยเราก็สูสี
เรื่องของกินนี่ใกล้เคียงกันละน้าน่าหม่ำพอกันเลย
แอบชอบกว่าที่นู่นนิดนึงด้วยตรงที่บ้านเรามีเมนูอาหารไทยให้เลือกด้วยนี่หล่ะ
งานนี้ใครยังไม่เคยสัมผัสที่ญี่ปุ่นไม่ต้องน้อยใจ
ลองเดินเข้า Lawson 108 ที่ไทยได้ฟิลเหมือนกัน!



ข้อดีชัดๆที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าใกล้ๆเคียงญี่ปุ่นมากคือ "ความครบครัน"
มีที่นั่งทานอาหารพร้อมปลั๊กไฟให้ใช้ได้ตามอัธยาศัย
เครื่องถ่ายเอกสารแบบบริการตัวเอง ซึ่งอันนี้ญี่ปุ่นมีแทบทุกที่
ชอบมากเพราะอยู่กทม.เวลาด่วนๆบอกเลยว่าหาที่ถ่ายเอกสารมิได้เลย
ที่ทำอิเจ้อึ้งสุดคือด้านในของโซนที่นั่งมีบริการซักอบรีด โอ้วแม่เจ้า! Smiley



หลังจากโดนความตื่นตาตื่นใจของร้านและของกินแย่งซีนไปพักใหญ่
ก็มาถึงประเด็นของการมา Lawson 108 ในครานี้
นั่นก็คือ "ขนมเทศกาลซากุระ" นั่นเองจ้า Smiley

ทาง Lawson 108 ชวนให้เค้าแวะมาชิม เพราะเป็นขนมที่จัดทำขึ้นมาพิเศษ
มีขายเฉพาะเดือนเมษายนนี้เท่านั้นอิงกับช่วงซากุระบานของญี่ปุ่นเลย
ใครพลาดมิได้ไปยลซากุระที่ญี่ปุ่นก็สามารถอินไปกับเค้าได้ด้วยแม้อยู่ไทย
เพราะในขนมเซ็ตนี้มีส่วนผสมของใบซากุระแท้ๆจากญี่ปุ่น ใส่มาให้ได้ลิ้มรสกันด้วย



ขนมเทศกาลซากุระจัดมาให้เลือกชิมกันทั้งหมด 4 เมนู
ซูมให้ดูกันชัดๆไปชมกันเลยจ้าว่ามีเมนูอะไรบ้าง



SAKURA Chou-Cream 
ซากุระชูครีม

----------------------------------------------

***ควรเก็บในตู้เย็นฮะ



ชูครีมไส้ครีมสีชมพูแบบดอกซากุระ
รสเป็นครีมปกติ ครีมข้นๆไม่หวานมากอัดครีมมาเต็มลูก
มีส่วนผสมของใบซากุระผสมอยู่ในเนื้อครีม
ส่วนตัวเค้าว่าใบที่ผสมไม่ออกรสนะเหมือนชูครีมปกติฮะ



SAKURA Dorayaki
ซากุระโดรายากิ

----------------------------------------------



สาวกโดราเอมอนรับประกันว่าต้องรู้จักขนมโดรายากิ555
อ่านการ์ตูนแต่เด็กอยากกินมาก ขนมแป้งทอดของพี่ม่อน
แป้งประกบชิ้นหนาเนื้อค่อนข้างแน่นเอาว่ากินละอิ่มนะอันนี้
ไส้คล้ายชูครีมมีส่วนผสมของใบซากุระในเนื้อครีมเช่นกันจ้า



SAKURA Mochi
ซากุระโมจิ

----------------------------------------------



ถ้าพูดถึงขนมโมจิเราอาจจะนึกถึงขนมก้อนกลมๆมีไส้
แต่จริงๆโมจิของญี่ปุ่นคือเจ้าตัวแป้งหนึบๆที่ทำมาจากข้าวเหนียว
สามารถนำไปทำขนมได้หลายแบบหรือจะกินเป็นของคาวก็ได้
อันนี้เป็นแป้งแบบแผ่นกลมพับครึ่งสอดไส้ถั่วแดงพันด้วยใบซากุระดอง
ใครอยากลองความเป็นซากุระแท้ๆต้องเมนูนี้เลยมาทั้งใบ!

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองใบซากุระแบบเต็มปากเต็มคำ
เค้าว่ามันมีกลิ่นเฉพาะอ่อนๆน่าจะแล้วแต่คนชอบ
ไม่รู้จะอธิบายกลิ่นยังไงแต่เอาว่ารสชาติเคี้ยวรวมๆไป
กับแป้งโมจิและถั่วแดงก็ไม่ได้โดดออกมาฮะกลมกลืนๆ



SAKURA Daifuku-Story
ซากุระไดฟุกุ-สตอรี่

----------------------------------------------

***ควรเก็บในตู้เย็นฮะ



ถ้าพูดถึงโมจิส่วนใหญ่เราจะนึกถึงหน้าแบบนี้มากกว่าเนอะ
ถ้าเป็นแป้งโมจิห่อไส้แบบนี้จะกลายเป็นขนมไดฟุกุ
ซึ่งเมนูนี้โดนใจเค้าที่ซู้ดดด Smiley แป้งหนึบๆเคี้ยวเพลินมาก
ไส้เค้าว่าคล้ายครีมสดหอมอ่อนๆ หวานเบาๆ 
ระดับความหวานคือโดนใจคนไม่ชอบหวานมากเลยหล่ะ
ประมาณว่ากินแล้วรู้สึกอ้วนน้อยลงนิดนึง 555
อันนี้ไม่มีใบแต่มีส่วนผสมของ ดอกซากุระถึง 43% 
ใครอยากลิ้มรสซากุระแบบจัดเต็มแนะนำเมนูนี้นะฮร้า



นี่ติดใจไดฟุกุของ Lawson 108 เลย
เห็นมีหลายรสด้วยครั้งหน้าไม่พลาดต้องมาสอยรสอื่นไปชิมๆ



สรุปจากทั้งหมด 4 เมนูเค้าเลิฟไดฟุกุมากสุด
แต่โดยรวมชอบตรงที่ความหวานของทุกเมนูอยู่ในเกณฑ์ไม่หวานมาก
คือทำออกมาสไตล์ขนมแบบญี่ปุ่นที่เน้นรสชาติเบาๆ

ใครอยากสัมผัสความเป็นซากุระแบบไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่น
ก็สามารถแวะเข้าไปหาซื้อมาชิมได้ที่ Lawson 108
ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2015 นี้เท่านั้นนะคร้าบ!!!

Smiley XOXO Smiley




 

Create Date : 13 เมษายน 2558    
Last Update : 23 เมษายน 2558 1:14:25 น.
Counter : 2773 Pageviews.  

Review : AIS Unlimited Data Roaming in JAPAN ตะลุยญี่ปุ่นด้วยเน็ตไม่อั้นจากเอไอเอส


สวัสดีค่าหนุ่มสาวขาเที่ยวทั้งหลาย Smiley
ใครที่ติดตามกันอยู่จะรู้เนอะว่าเค้าไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่ 2015 ที่ญี่ปุ่นมา
ซึ่งเป็นทริปที่ไปตะลุยมาหลายเมืองมากกกไล่ตั้งแต่โอซาก้า 
ขึ้นเหนือไปฮอกไกโด [ฮาโกดาเตะ โอตารุ โทยะ ซับโปโร] และย้อนกลับมาโตเกียว

ตลอดทริปก็อัพรูปอัพคลิปยั่วเรื่อยๆ ฮี่ๆ โดยเฉพาะของกิน
ไปเที่ยวทั้งทีได้เจอบรรกาศดีๆ สถานทีท่องเที่ยวสวยๆ อาหารอร่อยๆ
มันก็อดจะอัพโซเชียลไม่ได้จริงๆ อินเตอร์เน็ตจึงเป็นสิ่งที่ขาดมิได้ในทุกทริป
เพราะประโยชน์นั้นไม่ใช่แค่ได้อัพโซเชียล แต่ยังใช้เพื่อความอยู่รอดตลอดทริป
ด้วยการหาแผนที่ หาแหล่งกินแหล่งเที่ยวแต่ละเมือง หาตารางเวลารถไฟ ฯลฯ
ซึ่งทุกอย่างสามารถเสิร์ชหาเองได้หมดบนโลกอินเตอร์เน็ต เรียกได้ว่าขาดเน็ตขาดใจ!

บล็อคนี้จึงจะมาแชร์ประสบการณ์การใช้อินเตอร์เน็ตในญี่ปุ่นให้ชมกัน
ปัจจุบันนี้มีบริการเหล่านี้ให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Pocket Wifi , Local Sim
และแบบคลาสสิคสุดก็คือเปิดบริการ Roaming ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน
ซึ่งหลายคนอาจเคยรู้สึกขยาดกับการเปิดโรมมิ่งว่าจะเจอปัญหาเน็ตรั่ว
ได้บิลมาแล้วช็อคตาตั้งกะค่าโรมมิ่ง แต่ตอนนี้มิต้องกลัวแล้วนะฮร้า
เพราะทาง AIS มีแพ็คเกจใหม่ คือ AIS Unlimited Data Roaming
เป็นแพ็คที่สามารถใช้เน็ตได้ไม่อั้นคิดราคาตามจำนวนวันเดินทาง
จะมีรายละเอียดน่าสนใจอย่างไรไปชมกันเล้ย Smiley



AIS Unlimited Data Roaming 

เป็นบริการที่เหมาะที่สุดสำหรับคนที่มีเบอร์รายเดือน
ไม่อยากเปลี่ยนซิมเปลี่ยนเบอร์ให้ยุ่งยาก
ต้องการอินเตอร์เน็ตแบบเหมาจ่ายเป็นรายวัน 
ขั้นแรกสามารถเข้าไปคลิกดูรายละเอียดราคาแพ็คเกจแต่ละประเทศ



ในเว็ปจะแสดงค่าใช้จ่ายของแต่ละประเทศและเครือข่ายที่รองรับเลย
สำหรับญี่ปุ่นถ้าเลือกเครือข่ายรองรับเจ้าเดียวคือ Softbank ราคาจะค่อนข้างเซฟ
ยิ่งซื้อเป็นแพ็คเกจแบบห้าวันเฉลี่ยแล้วตกวันละ 280 บาท เองพอๆกะ Pocket Wifi เลย!


แต่สำหรับเค้าที่เน้นเดินทางหลายเมืองก็มีให้เลือกแบบรองรับทุกเครือข่าย
ซึ่งราคาจะสูงขึ้นมาหน่อยวันละ 450 บาท ถ้าแพ็คเกจ 5 วันก็เหลือวันละ 400 บาท
ข้อดีของการเลือกแพ็คเกจนี้คือมั่นใจได้ว่ามีเน็ตใช้แน่นอนทุกที่ทุกเวลา
เพราะมือถือจะเลือกจับสัญญาณของเครือข่ายใดก็ได้ในญี่ปุ่นนั่นเองจ้า




เนื่องจากแพ็คเกจเป็นแบบเหมาะจ่ายรายวัน
เค้าจึงนับเวลาเป็น 24 ชั่วโมงตามเวลาของประเทศที่เราไป
ซึ่งใครยังกังวลเรื่องเน็ตรั่วหรือจำนวนวันที่เปิดโรมมิ่ง
สามารถตรวจสอบได้เสมอด้วยบริการ AIS No Worry Data Roaming
เพียงกด *111*6# แล้วกดโทรออก



ไม่ใช่แค่ตรวจสอบการใช้งานคงเหลือแต่ตรวจสอบได้ทุกสิ่งเลย
กับบริการ Smart Roaming Menu *111# ซึ่งโทรใช้งานได้ฟรีแม้อยู่ต่างประเทศฮะ
หรือง่ายมาก เพียง download  AIS Roaming app ได้ทั้ง iOS และ Android 
ก็ดูรายละเอียดแล้วสมัครเองได้เลย สมัครล่วงหน้าเตรียมไว้ก่อนเลยก็ได้ กันลืม 



เมื่อทำการสมัครแพ็คเกจพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกัน!
เมื่อบินไปถึงประเทศปลายทางปุ๊บวิธีการใช้งานแสนจะง่าย
แค่เข้าไปในโหมด Setting ของมือถือ 
แล้วทำการตั้งค่า Data Roaming เป็น On ก็เรียบร้อย
มือถือจะทำการหาสัญญาณเครือข่ายเองเพียงเท่านี้นี้ก็มีเน็ตใช้สวยๆละจ้า

ข้อดีของการเลือกแพ็คเกจแบบทุกเครือข่าย
คือไม่ต้องกังวลมามือถือจะไปจับเครือข่ายใดทำให้ต้องเสียตังเพิ่ม
แต่ถ้าสมัครแพ็จเกจแบบเครือข่ายเดียวเวลาตั้งค่าต้องเข้าไปที่ Carrier 
แล้วทำการเลือกเครือข่ายด้วยตัวเองให้เป็นเครือข่ายที่ถูกต้อง
สำหรับญี่ปุ่นคือ Softbank อย่าให้เครื่องหาสัญญาณเองแบบ Auto
ไม่งั้นจับสัญญาณผิดเครือข่ายเสียตังเพิ่มโดยใช่เหตุนะฮะ!!!



ลงเครื่องที่โอซาก้าปุ๊บเทสสัญญาณเน็ตปั๊บ
เน็ตแรงได้ใจจริงๆเทียบกับเมืองไทยแล้วน้ำตาจิไหล
มันเป็นความฟินอย่างแรงที่แค่ก้าวเท้าแตะญี่ปุ่นแล้วมีเน็ตใช้ทันทีทันใจ Smiley
เล่นเน็ตมันทุกที่สำหรับในโอซาก้าบอกได้เลยว่าเน็ตแรงดีไม่มีตกค่า



อันนี้อยากแชร์มากเป็นประสบการณ์ตรง
เครื่องเค้าคอนเน็คสัญญาณเน็ตได้ทันทีใช้ได้ตั้งแต่ลงเครื่อง
แต่ของแคมป์เปิดโรมมิ่งมาแบบเดียวมีปัญหาว่า จับสัญญาณเจอแต่เน็ตเล่นไม่ได้
ลองปิดเปิดเครื่องใหม่ดูหลายคราไม่หายถึงขั้นนอยว่าเอาไงดี
ปัญหานี้อาจจะเกิดขึ้นได้สำหรับคนที่เพิ่งเปลี่ยนซิมใหม่มาใส่เครื่องจ้า
ซึ่งใครไปเมืองนอกเจอปัญหานี้อย่าเพิ่งตัดใจไปจะแนะทางออกให้ฮะ



AIS เค้ามีเบอร์ Call Center เวลาเราอยู่ต่างแดนนะฮะ
โดยกดโทรออกที่เบอร์ +66 2271 9000
ถ้าเบอร์ธรรมดาก็เสียค่าโทรตามธรรมเนียม แต่ถ้าเป็น Serenade ฟรีฮะ
 สรุปสอบถามแล้วที่เครื่องแคมป์ใช้ไม่ได้คือต้องเข้าไปเซ็ตตั้งค่า APN
สำหรับ iPhone / iPad เข้าไปที่ Setting > Cellular Data > APN Settings
เพียงแก้ค่า APN เป็นคำว่า internet ก็สามารถใช้งานเน็ตได้ทันที!
เสียค่าโทร/รับสายในต่างแดนไปทั้งหมด 182 บาทจ้า
เอาว่าใครไปต่างแดนแล้วเจอปัญหาเดียวกันลองแก้ค่า APN ดูก่อนเผื่อเป็นแบบเดียวกัน
ถ้ายังใช้ไม่ได้ค่อยโทรไปที่เบอร์ Call Center ให้เค้าเช็คให้ว่าปัญหาเกิดจากอะไรเนอะ




ในเงื่อนไขแพ็คเกจจะระบุไว้ว่าเราสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้วันละ 500 MB
หลังจากนั้นจะถูกจำกัดความเร็วลงมาเหลือ 64 kbps
อันนี้เทียบจากส่วนตัวที่เค้าเป็นคนโพสโซเชียลเยอะมากกกก เล่นมันทั้งวัน
ทั้งโพสรูป โพสวิดีโอใน IG / Facebook ตอบคำถามแฟนเพจตลอดวัน
เท่าที่ใช้มาทั้งทริปยังไม่เจอตอนไหนที่เน็ตดรอปลง
ดังนั้นปริมาณที่เค้าจำกัดไว้ที่ 500 MB จึงเพียงพอเจ้าแม่โซเชียลคอนเฟิร์มให้ค่า 555



นั่งเครื่องขึ้นเหนือไปตะลุยต่อที่ฮอกไกโด
เค้าไปทั้งหมดสี่เมือง ฮาโกดาเตะ โอตารุ โทยะ ซับโปโร
ทุกเมืองที่ไปสัญญาณเน็ตเต็มขีดตลอดไม่มีดรอป
ช่วงอยู่ฮอกไกโดมี จับสัญญาณอื่น ที่ไม่ใช่ Softbank บ้างเป็นระยะๆ
ส่วนตอนกลับมาโตเกียวไม่ต้องพูดถึงสัญญาณมีตลอดแรงปรู้ดปร้าดทุกวันจ้า



กลับมาถึงไทยเดือนนึงบิลก็ตามมาราคาเป็นไปตามคาดฮะไม่มีปัญหาเน็ตรั่ว
หลายคนอาจช็อคกะราคาที่ปาไปหกพันกว่าเพราะเค้าไปมาทั้งหมด 14 วัน เน่อ
ราคาแพ็คเกจที่แสดงไว้ข้างต้นยังไม่รวมภาษี 7% และมีบริการโทร/รับสายต่างแดงด้วย
รวมทุกสิ่งอย่างแล้วคิดเฉลี่ยออกมาตกวันละประมาณ 465 บาทค่ะ



สรุปข้อดีข้อเสียของ AIS Unlimited Data Roaming

Smiley ข้อดี Smiley

- ไม่ต้องเปลี่ยนซิมให้วุ่นวายสามารถใช้ซิมประจำที่ใช้อยู่ได้เลย
- เปิดบริการได้ง่ายมีแพ็คเกจและประเทศให้เลือกหลากหลาย
- ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้ทันทีที่ลงเครื่อง
- สัญญาณโทรศัพท์/อินเตอร์เน็ตครอบคลุมทั่วประเทศ
- ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องแบ็ตมือถือหมดไวเหมือนการใช้ Wifi
- สามารถใช้งานโทรศัพท์โทรข้ามแดนร่วมด้วยได้
- ไม่มีปัญหาเน็ตรั่ว สมัครแพ็คเกจไปเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น

Smiley ข้อเสีย Smiley

- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการใช้ Pocket Wifi
แต่เมื่อเทียบกับความสะดวกสบายตามข้อดีด้านบนแล้ว
ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยฮะ

--------------------------------------------------------------------------------------

สรุปโดยรวมเค้าว่าเหมาะกับคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ
ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องมีขั้นตอนวุ่นวาย
แม้ราคาอาจจะสูงสักนิดแต่ก็จัดว่าถูกลงกว่าเมื่อก่อนมาก
แลกกับความสะดวกแล้วก็จัดว่าคุ้มค่าอยู่ ซิมเดิมซิมเดียวจบฮะ Smiley

หวังว่าบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศนะค้า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้ามากๆค่า

Smiley XOXO Smiley

--------------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by AIS




 

Create Date : 09 มีนาคม 2558    
Last Update : 16 มีนาคม 2558 0:29:02 น.
Counter : 13104 Pageviews.  

Fami Kitchen ร้านอาหารตามสั่ง 24 ช.ม. ณ FamilyMart ฮู้ยยยยมันเริ่ด!!!

ฮัลโหลววว.....สวัสดีค่ามาพบกับหมูในโหมดตะลอนทัวร์
บอกนี้มิได้พาเที่ยวแต่จะพาไปกิน กิน กิน และกิน อิอิ
กับนวัตกรรมแห่ง ร้านอาหารตามสั่ง ที่ทุกคนจะต้องกรี้ด!
เพราะ เปิด 24 ชั่วโมง และ ตั้งอยู่ในมินิมาร์ท หรือร้านสะดวกซื้อ
ซึ่งเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือ FamilyMart นั่นเองจ้า
พร้อมแล้วตามหมูไปลุยกันเล้ยยยย Smiley


ตอนนี้เค้าเพิ่งเริ่มจึงยังมีเพียงหนึ่งสาขาแต่อยู่ย่านยอดฮิตของคนทำงาน
ได้แก่ ปากซอยสุขุมวิท 33 ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ ค่า 



หน้าร้านมีป้าย Fami Kitchen เป็นอันถูกต้อง
"ปรุงสดตามสั่ง พร้อมทานทุกเวลา"



ติ๊ง...หน่อง เดินผ่านประตูเข้าไปก็เหมือนแฟมิลี่มาร์ทธรรมดา
แต่ของสาขานี้แลเยอะเป็นพิเศษนะเนี่ย ละลานตามาก



แต่พอหันซ้ายปุ๊บจะเจอร้านข้าวตามสั่ง Fami Kitchen
ตั้งเป็นสเตชั่นเรียบร้อยสวยงาม มีเก้าอี้ให้นั่งหน้าเคาท์เตอร์ด้วยฮะ



รายการเมนูไม่ธรรมดานะจ๊ะมีทั้งอาหารไทย 
อาหารญี่ปุ่น ขนมหวาน และผลไม้สด
ราคาอาหารก็กลางๆ 25-59 บาท ไม่ได้แพงมาก


โดยสลัดกับผลไม้สดจะเป็นตู้แช่ตั้งอยู่ด้านหน้าเลือกเองได้เลย



สำหรับมือใหม่หัดสั่งมาลองครั้งแรกไม่ต้องกังวลไป
เค้ามีป้ายอธิบายการสั่งอาหารให้ตรงหน้าเคาท์เตอร์



ขั้นตอนที่ 1. เลือกเมนูอาหารตามต้องการ
หน้าตาเมนูจะมาเป็นการ์ดในการ์ดมีราคาบอกให้เรียบร้อย
พวกเมนูไข่ก็สามารถหยิบการ์ดเพื่อแอดเพิ่มได้เลย
ไข่ต้ม ไข่ลวกออนเซ็น ไข่ดาว แอดเพิ่มเมนูละ 10 บาท
 ส่วนไข่เจียวแอดเพิ่ม 15 บาท ชีสสไลด์ 7 บาท 



ขั้นตอนที่ 2. สั่งอาหารที่เคาท์เตอร์
เลือกการ์ดอาหารเรียบร้อยแล้วก็ยื่นให้พนักงานที่เคาท์เตอร์

ขั้นตอนที่ 3. ได้รับการ์ดเมนูและบัตรคิว
พนักงานจะยื่นการ์ดเมนูคืนให้พร้อมบัตรคิวเพื่อนำไปจ่ายตัง

ขั้นตอนที่ 3. นำการ์ดเมนูไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ร้านค้า
ความเริ่ดคือตอนนี้ที่ FamilyMart สามารถสะสมแต้ม The1Card ได้แล้วนะฮร้า!!!
ลืมพกบัตรไปก็มิใช่ปัญหาสามารถแจ้งเบอร์โทรศัพท์
ที่ลงทะเบียนไว้กับ The1Card เพื่อรับแต้มได้เลย
เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยเค้าจะคืนใบเสร็จกลับมาพร้อมบัตรคิว
ซึ่งในใบเสร็จจะแจ้งยอดแต้มสะสมของ The1Card  ให้ด้วยฮะ



ขั้นตอนที่ 5. กลับมาที่เคาท์เตอร์และรอรับอาหารตามบัตรคิว
เมื่อถึงคิวก็ยื่นบัตรคิวคืนและรอรับอาหารปรุงสุกใหม่ได้เลยจ้า
แอบส่องในครัวสะอาดเรียบร้อยสวยงามดีมาก
เป็นครัวเปิดแบบนี้ให้ความรู้สึกดีในเรื่องความสะอาดของอาหาร
มากกว่าทานตามร้านข้างทางเนอะ



อาหารพร้อมน้ำก็ต้องพร้อม ติดกับสเตชั่นอาหาร
มีร้านกาแฟ UCC Coffee Shop ให้บริการด้วย ราคา 35 - 90 บาท จ้า



หน้าร้านกาแฟ มีโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารในร้านด้วย ที่นั่ง 7 ที่ 
รวมกับที่นั่งตรงหน้าเคาท์เตอร์อีก 4 ที่ 
ก็เป็น 11 ที่สำหรับรองลูกค้าที่อยากทานในร้าน
และพิธีกรรมที่ขาดไม่ได้ก่อนทานอาหารคือการบูชาอาหารด้วยกล้อง 555



คู่เดทพร้อม 555 อ้อบนโต๊ะดีงามนะมีเครื่องปรุงและปลั๊กให้ชาร์ตโทรศัพท์ ให้ด้วย Smiley



หน้าตาอาหารโดยรวมดีงามมมมมมาก
วัตถุดิบของเค้าก็คัดสรรมาเริ่ด
ไม่ว่าจะจากพรานทะเล จากเบทาโกร (Betagro)



ขอนำเสนอเมนูแรกเป็นเมนูแนะนำของหมวดอาหารญี่ปุ่นเมนูเส้นแบบแห้ง
"บะหมี่หมูคาคูนิ" ราคาจานละ 55 บาท
เป็นบะหมี่หน้าหมูตุ๋นแบบญี่ปุ่นซึ่งหมูดีงามมว๊ากกกก!!!
เนื้อหมูติดมันตุ่นมาได้นุ่มชุ่มฉ่ำสุดๆ รสชาติกลมกล่อม
เข้ากับขิงดองใช้ตัดเลี่ยนได้ดี แต่เค้าไม่กินมันหมูเลยกินได้ไม่หมดฮะ
แอบตินิดนึง.....เสียดายตอนเค้าไปกินเส้นเละไปหน่อย
ถ้าใครสั่งคราวหน้าลองแจ้งพนักงานเรื่องลวกเส้นอย่านานมากดูนะฮะ



จานนี้เป็นเมนูที่หนึ่งในใจเจ้ "ยำมาม่าหมูย่าง" จานละ 49 บาท 
เป็นยำรสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ดมากทานได้เพลินๆ
หมูย่างก็นุ่มๆกินกะเส้นมาม่าเข้ากันดีงาม ให้ผักสดเยอะใช้ได้
เป็นจานที่กินแล้วอยากกินอีก เลิฟฟฟฟฟฟ Smiley



"ข้าวผัดกะเพราหมูทอด" จานละ 50 บาท
แอดไข่ดาวยางมะตูมเพิ่มด้วยฟองละ 10 บาท เมนูนี้อิแคมป์สั่งแซ่บสมใจนางเลย!
ข้าวผัดกะเพรารสค่อนข้างเผ็ดเข้มข้นกินกับหมูทอดและไข่ดาวเข้ากันพอดี
ใครชอบความแซ่บแนะนำเมนูนี้เลยแต่ข้าวผัดมันไปนิดคราวหน้าจะว่าขอน้ำมันน้อยดูฮะ

------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปที่เค้าลองอาหารรสชาติดีทานได้ทุกเมนู
ปริมาณก็เยอะใช้ได้เลยอิ่มท้องได้ในหนึ่งจาน
ได้อาหารที่ปรุงสดใหม่ในราคาพอๆกับทานข้างทาง
ซึ่งของ Fami Kitchen ชนะในเรื่องความสะดวก 
ความสะอาด คุณภาพวัตถุดิบ และความคงที่ของรสชาติ
จึงเป็นอีกทางเลือกนึงที่น่าสนใจของสาวกร้านสะดวกซื้อแบบเค้า
ที่จะได้ทานอาหารปรุงสุกสดใหม่ได้ทุกเวลาที่ต้องการจ้า



อิ่มหนำสำราญเรียบร้อยก่อนกลับเลยแวะสำรวจรอบๆร้านมาฝากกัน
ขอบอกว่าสาขานี้ไม่ธรรมดาจริงๆเดินมันส์มาก
เพราะของกินเยอะสุดๆอย่างกับที่ญี่ปุ่นเลย

หน้าที่เคาท์เตอร์ที่คิดเงินมี Mister Donut  โอ้วแม่เจ้า!
ตู้ข้างๆติดกันคือตู้ Fami Hot Snack เป็นไก่ทอดพร้อมทาน
มีให้เลือกทั้งแบบชิ้นและแบบน่องเหมือนที่ญี่ปุ่นเป๊ะ
แต่เริ่ดว่านั้นขอบอกว่าไก่ทอดแบบนี้ที่ขายในญี่ปุ่นนำเข้ามาจากไทย นะฮร้า
สรุปซื้อที่ไทยก็ได้กินเหมือนกับที่ญี่ปุ่นเป๊ะๆ ไก่ออรินจิขอเราเองน่าภูมิใจป่ะล่า



ใครด่วนๆไม่มีเวลารออาหารตามสั่งก็มีอาหารทำสดใส่กล่องไว้ให้เลือกด้วย
ของยี่ห้อ มลิวัลย์ ซึ่ง FamilyMart ใต้คอนโดเค้าก็เคยมีขาย
คอนเฟิร์มให้ว่ารสชาติดี เคยลองข้าวน้ำพริกลงเรือรสใช้ได้เลยเครื่องแน่นกล่อง



อาหารทำสดที่เริ่ดอีกอย่างที่เค้าได้ลองที่สาขานี้
คือ แซนด์วิชหมูทอดทงคัตสึ ราคาชิ้นละ 35 บาท
หมูชิ้นตู้มมมมมาก ขนมปังก็หนานุ่มรสชาติดีเลย
มีให้เลือกสองรส หมูทอดเพียวๆ กับหมูทอดไส้ชีส

ณ ตู้เดียวกันกับแซนด์วิชเจอสิ่งที่ทำให้เค้าตะลึง
โอ้แม่เจ้าที่นี่มีขนมไทยขายด้วยคร้า!!! Smiley



เมนูอาหารแช่แข็งก็หลากหลายมีกับข้าวเป็นซองๆด้วย
ที่น่าสนใจคือของหวาน อ้ะหอม มันสำปะหลังเชื่อมงี้ ฟักทองแกงบวดงี้ ไว้ต้องลองๆ Smiley



แอบกรี้ดกับข้าวกล่องในตู้มีปลาซาบะย่างซีอิ๊วด้วย
แอร๊ยยยน่าหม่ำแถวใต้คอนโดม่ายมีฮือ Smiley
ฮอทด็อกก็มีให้เลือกหลายแบบน่าหม่ำไม่แพ้กัน



แต่เมนูนางเอกแห่งปีของ FamilyMart 
เค้ายังคงขอยกตำแหน่งนี้ให้กับ ข้าวปั้นหรือโอนิกิริ
โอ๊ยยยคือดีอ้ะเธอเป็นเมนูสำหรับมื้อเช้าที่เค้ากินบ่อยสุด

หลายคนชอบถามว่ารสไหนอร่อย นี่ตอบแบบไม่อวย "อร่อยทุกรส"!!!
ใกล้เคียงที่กินที่ญี่ปุ่นเลย แค่ข้าวที่ญี่ปุ่นจะเหมือนจะหนึบกว่าหน่อย
และมีไส้ให้เลือกหลากหลายกว่า แต่บ้านเราเด็ดกว่าตรงมีรสแบบไทยๆให้เลือก
อย่างรสลาบแซลมอน หรือคั่วกลิ้งแซลมอน ที่มันเข้ากับข้าวปั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ช่วงนี้เค้าจัดคั่วกลิ้งเป็นรสชาติหลัก รสรองที่ทานบ่อยอีกอันคือไข่หวานไข่กุ้ง
ไส้เค้าใส่มาให้ตู้มๆมากกัดแล้วทะลักกันเลยทีเดียวในราคาแค่ 25 บาท
กินเย็นเด็ดสุดแนะนำจากประสบการณ์ เพราะเวฟแล้วสาหร่ายจะไม่กรอบฮะ



ตู้นี้ทำให้อินจัดคิดถึงญี่ปุ่นเลยเวลาไปญี่ปุ่นเค้าชอบไปวนเวียนกับตู้แช่นี้
มันจะมีเบเกอรี่กับขนมหวานให้เลือกแบบลายตามาก
บ้านเราอาจจะยังไม่เยอะเท่าแต่ความหลากหลายจัดว่าใช้ได้
เมนูเด็ดที่เค้าโพสลง IG ไปหลายครั้งและอยากนำเสนอให้ลอง
คือ "เต้าฮวยนมสดยี่ห้อละออ" ฟินค่ะฟินรสหอมๆนมๆ
เท็กซ์เจอร์เนื้อเต้าฮวยดีงามเหมือนของทำใหม่ๆ เจ้เชียร์ให้ลองฮร่ะ Smiley


ในตู้เดียวกันนี้จะสิ่งอเมซิ่งอีกสองอย่าง
คือ ส้มตำกระป๋อง กะ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน 
เฮ้ยที่นี่เค้ามีแทบทุกอย่างจริงๆใครเคยลองเม้าให้ฟังกันบ้างน้า
นี่คิดว่าตัวเองลองของใน FamilyMart มาก็เยอะ
เจอของในสาขานี้เข้าไปอิเจ้รู้สึกว่าอ่อนหัดไปเลย555



แถมฝั่งเครื่องดื่มสักนิดไฮไลท์อยู่ที่กาแฟแก้วสำเร็จรูป
ยี่ห้อ Mt.Rainier บินตรงมาจากญี่ปุ่น และ Arabus จากเกาหลี
แต่ตอบให้มิได้นะฮะว่าอันไหนอร่อยกว่าเพราะเค้ามิทานกาแฟฮับ 



ปิดท้ายด้วยสิ่งที่เค้าเห็นแล้วกรี้ดเลยคือ สาหร่ายปรุงรส !!!
คลุกกินกะข้าวญี่ปุ่นหรือทำเป็นข้าวปั้นอร่อยมว๊ากกกกกเค็มๆกลมกล่อม
เสียดายที่มีเฉพาะสาขานี้แอบหวังว่าอนาคตขอให้เอาไปลงสาขาอื่นด้วยเถ๊อะะะ Smiley

จบแล้วจ้ากับบล็อคพาตะลุยของกินใน FamilyMart สาขาสุขุมวิท 33
หวังว่าจะถูกใจนักชิมกันใครอยู่ใกล้ๆหรือผ่านไป
ก็แวะไปลองอาหารตามสั่งใน Fami Kitchen กันได้น้า
เมนูไหนโดนใจมาแชร์ให้เค้าฟังกันบ้างจะได้ตามไปชิมฮับ
ถ้าสาขานี้เสียงตอบรับดีอนาคตคงขยายต่อไปสาขาอื่นอีกจะรอนะคร้าบ

--------------------------------------------------------------------------- 

ขอขอบคุณ FamilyMart Thailand ที่ชวนไปตะลุยชิมในครั้งนี้
ครั้งหน้ามีอะไรน่าสนใจจะมาอัพเดทให้ชมกันอีก
และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยนะค้า

Smiley XOXO Smiley




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2558    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2558 1:15:22 น.
Counter : 7880 Pageviews.  

หมูพาทัวร์ทริปย้อนวัย[Part 2] @ Hong Kong Disneyland Trip [13-15 Nov 2014]

มาต่อ [Part 2] กันนะฮ้าฟ Smiley
ใครยังไม่ได้อ่านภาคแรกคลิกโลด >>> [Part 1]



แป๊บๆได้เวลากินอีกแล้ว เที่ยงนี้ฝากท้องกันที่
ร้านอาหารจีน Plaza Inn Restaurant



อาหารจีนชุดใหญ่ เน้นว่าใหญ่มากกกกยังกะไหว้เจ้าตอนตรุษจีน 555
ซัดหมูแดงกะเป็ดแบบไม่ยั้ง อร่อยจุง ติ่มซำไส้เน้นๆเนื้อแน่นๆดีงาม
แต่ติ่มซำที่ฮ่องกงเค้ากินกะซีอิ๊วไม่มีฉิ๊กโฉ่วเปรี้ยวๆแบบบ้านเราง่า
ปิดท้ายด้วย.........มิกกี้อีกตามเคย อิอิ เป็นวุ้นรสกาแฟจ้า



อิ่มแล้วพร้อมลุยต่อโซนถัดไปที่เราจะลุยกันมีความพิเศษตรงที่
เพิ่งเปิดเมื่อ 14 กรกฎาคม 2012 และ มีแห่งเดียวในโลก!!!
ได้แก่ Grizzly Gulch บรรยากาศเป็นแบบดินแดนตะวันตกเมืองเถือน อารมณ์คาวบอยๆ
เครื่องเล่นที่ห้ามพลาดๆๆๆๆๆ ได้แก่ "Big Grizzly Mountain Runaway Mine Cars"
เป็นโรลเลอร์โคสเตอร์แบบภาคพื้นดินบุกตะลุยไปในเหมืองเก่า



หน้าตารถเป็นแบบนี้ฮะวิ่งบนรางมีทั้งวิ่งไปด้านหน้าและวิ่งถอยหลัง(มันส์ตรงนี้แหละ)
แอบชี้จุดตรงโซนน้ำพุร้อนจำลองด้านหน้ามี Hidden Minnie ด้วย
ใครไปลองไปส่องกันดูนะ คนสร้างนี่ก็ช่างคิดจริง จริ๊งงงง 



แถมด้วยคลิปวิดีโอตอนเล่นเครื่องเล่นนี้ที่ถ่ายด้วยกล้อง GoPro โดยพี่คุณพ่อน้องภูมิ
ขอบอกว่าเล่นไปสองรอบติดเลยหนุกม๊ากกก ถ้าได้นั่งหน้าสุดวิวจะแจ่มว้าวเลย
ในอุโมงค์เหมือนจะมีคาแรกเตอร์หมีกวนๆโผล่มาเป็นระยะๆให้ได้ยิ้มเค้าช้อบบบบ
ถ้ายกให้ RC Racer เป็นเครื่องเล่นที่เสียวและมันส์ที่สุด
ก็ขอยกให้เครื่องนี้สนุกที่ซู้ดดดด!!! ห้ามพลาดทั้งสองเครื่องเล่นนี้ด้วยประการทั้งปวง



นี่คือคาแรกเตอร์เจ้าหมี Glizzly หน้ากวนมากกกก
ปีที่แล้วมาเค้าก็สอยตัวสีน้ำตาลที่อ้าปากกลับบ้านมาด้วยกวนได้ใจ 555



มาถึงโซนที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดเมื่อ 17 พฤษภาคม 2013 
คือ Mystic Point มีแห่งเดียวในโลกอีกแล้ว!!!



เป็นการนั่งรถลางผจญภัยในบ้านลึกลับ
โดยมีคาแรกเตอร์เจ้าลิงหน้าทะเล้นชื่อ Albert เป็นตัวดำเนินเรื่อง
เป็นเครื่องเล่นที่เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นดีเค้าชอบนะมีเอฟเฟ็กต์เก๋ๆให้ได้ตื่นเต้น
ลองดูในคลิปสั้นๆที่เค้าลงไว้ใน IG ก็ได้ฮับ >>>CLICK<<<



ตรงข้ามร้านของฝากโซน Mystic Point มีจุดถ่ายรูปอันนี้อยู่อย่าพลาด
เป็นการยืนสองระยะแล้วถ่ายผ่านจุดที่เค้ากำหนดจะเห็นเป็นมนุษย์จิ๋วกะมนุษย์ยักษ์ Smiley



พักความตื่นเต้นไปล่องเรือชิลๆในโซนเอาใจเด็กเล็กที่ Small World
เป็นการจำลองเมืองต่างๆทั่วโลกมาในรูปแบบตุ๊กตาน่ารักๆ



 17:30 น. รีบวนกลับไปต่อแถวเพื่อรอเข้าดู Golden Mickey Show รอบ 18:00 น.
เป็นการแสดงมิวสิคเคิลเกี่ยวกับการประกาศผลรางวัลมิกกี้ทองคำยอดเยี่ยม
ประมาณงานลูกโลกทองคำไรงี้ เหล่าบรรดาเซเลปมิกกี้มินนี่เดินพรมแดงเข้ามา อิอิ



ในโชว์จะมีละครเพลงของการ์ตูนดังๆหลายเรื่องให้ได้ชม
 เช่น ทาร์ซาน มู่หลาน เจ้าชายอสูร เจ้าหญิงเงือกน้อย ฯลฯ
อยากให้จับตาดูตัวแสดงให้ดีๆมันเริ่ดตรงที่คนเดียวนี่เล่นหลายคาแรกเตอร์มาก
เปลี่ยนชุดสลับไปมาไวว่องมาก มีโหนสลิงเฟี้ยวฟ้าวให้ตื่นเต้นด้วย



อิ่มโชว์มาอิ่มท้องกันต่อกับมื้อเย็น ณ ห้องอาหาร Corner Café 
เย็นนี้ให้จิ้มอาหารที่ชอบจากเมนูโดยอาหารจะมาเป็นเซ็ตมีให้เลือกหลายสัญชาติ



"Surf & Turf" (318 HKD = 1,350 บาท)
กุ้งล็อบสเตอร์ย่างราดซอสแบบฮอลแลนด์ & สเต็กแบบอเมริกัน 
เสิร์ฟกับเฟรนช์ฟรายด์ สลัด และโลว์แฟตชีสเค้ก
เมนูนี้ราคาแรงหน่อยแต่เจ้ขอคอนเฟิร์มให้ว่าอร่อยดีงามมมมม
กุ้งย่างมากำลังดีมากเนื้อยังฉ่ำ สเต็กก็นุ่ม ฟาดเรียบไม่เหลือ Smiley



ต่อด้วยของหวาน..........มิกกี้อีกแหล่ววววว 555
เครื่องดื่มและเค้กราคาพอกัน แก้ว/ชิ้นละ 68HKD = 288 บาท
เค้าชอบไอติมวานิลลาโอลาฟมากกกกติมอร่อยโฮกกกกหอมวานิลลาสุดๆ
แต่ตัวฐานเป็นเมอร์แรงก์หวานไปหน่อยต้องกินคู่กะซอสมะม่วงสีเหลืองๆ



ประมาณหนึ่งทุ่มก็ได้เวลาชมพาเหรดรอบค่ำพอดี
ซึ่งความพิเศษคือเป็นพาเหรดใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเริ่มแสดงเมื่อต้นเดือนตุลาที่ผ่านมา
ชื่อว่า "Disney Paint The Night Parade"
ความยิ่งใหญ่คือเป็นพาเหรดที่ตกแต่งด้วยไฟ LED กว่า 740,000 ดวง!!!
แสงสีตระการตายิ่งใหญ่อลังการดาวล้านดวงมากกกกกกกกกกก Smiley
ในภาพคือขบวนของเงือกน้อยลิตเติ้ลเมอร์เมด



ตามมาด้วยเจ้าหญิงเบลล์แห่ง Beauty and The Beast 



ขบวนรถแข่งจาก Cars



น้องหมาสลิงกี้กับนายอำเภอวู้ดดี้จาก Toy Story



พระเอกของงานขบวนพี่มิกกี้


Credit : //www.themeparktourist.com/features/
20141023/29484/3-big-updates-disneyland-month-october-2014
Credit : //disneyandmore.blogspot.com
/2014/08/hong-kong-disneyland-disney-paint-night.html

แต่ความพิเศษไม่หมดแค่นั้นผู้ชมอย่างเราๆก็สามารถมีส่วนร่วมกับโชว์ได้
โดยเค้าจะมีขายแปรงระบายสีแบบอินเตอร์แอคทีฟ
Mickey Magic Paint Brush (ประมาณ 700 บาท)
ที่สามารถชี้ไปยังเสื้อผ้าของนักแสดงหรือไฟในขบวนพาเหรด
เพื่อสั่งให้เปลี่ยนสีได้ด้วยระบบสัญญาณอินฟาเรด โฮะ!ล้ำแท้
นอกจากนี้ยังมีถุงมือ Mickey Glow Mit (535 บาท)
และ ที่คาดผม Minnie Glow Bow (535 บาท)
ที่สามารถใช้แปรงวิเศษชี้เพื่อสั่งให้เปลี่ยนสีได้เช่นกันฮะ



ต่อกับด้วยสิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาฮ่องกงดิสนีย์แลนด์
พลุชุดใหญ่จัดเต็มที่มากี่ทีเค้าก็ฟินสวยมากเพลินมากไม่อยากให้จบเลย



แอบขโมยภาพจากกล้องคุณแฟนตอนไปปีที่แล้วมาให้ชม
รอบนี้เค้าวิ่งออกไปมิทันและด้วยความเตี้ยยืดสุดแขนก็โดนบัง แหะๆ



ฮร้าาาาาสวยงาม Smiley



ตอนพลุจับนี่ยังกะตลาดวายคนแห่แหนพุ่งไปยังทางออกแทบเหยียบกันตาย
ถ้าใครไม่ด่วนเค้าแนะนำนั่งรอชิลๆชมบรรยากาศตอนสวนสนุกเลิกได้ฟิลไปอีกแบบนะ



แอบกรี้ดดดดดดดตอนหลังพลุจบเค้าจะปล่อยฟองหิมะเทียมมารอบนึงแล้วก็ปิด
นี่นั่งรอคนซาเพลินๆเงยหน้าขึ้นไปแอร๊ยยยเค้าปล่อยฟองสร้างหิมะเทียมอีกรอบ
อากาศเย็นๆประมาณ 18-19 องศา คนน้อยๆมีฟองหิมะฟุ้งๆเต็มฟ้า กรี้ดดดมันสวยมากกก Smiley



อินเนอร์ราชินิเอลซ่ามาเต็มจินตนาการว่าเสกหิมะได้เอง กร๊ากกกกก



พี่ตูนน์ พี่โอ๊ต ลุงเด้ง ป้าไก่ และหมู
ห้าชีวิตที่จะรอจนกว่าเค้าจะไล่ค่อยกลับ 555



หมดเวลาสนุกแล้วสิ เค้าเริ่มประกาศและปิดไฟไล่มาทีละจุด
บ๊าย บาย ดิสนีย์ราตรีสวัสดิ์ พรุ่งนี้มาใหม่จุ๊บๆ  Smiley



ม๊อร์นิ่งค่า เช้าวันสุดท้ายประเดิมมื้อเช้ากันที่ห้องอาหารเดิม Chef Mickey 
ที่เราหม่ำบุฟเฟ่ต์เย็นไปคราวก่อน ราคาบุฟเฟต์มื้อเช้าอยู่ที่คนละ 218HKD (925 บาท)



ความพิเศษของมื้อเช้า ณ ห้องอาหารนี้คือแต่ละโต๊ะจะได้บัตร
เพื่อไปเข้าแถวถ่ายรูปกับพี่มิกกี้ที่มาในคราบเชฟสุดเท่



เจอกันย่อมมีจาก กระซิกๆ หลายคนในทริปจะแยกตัวไปเที่ยวกันต่อในเมือง
เลยทำการแชะกรุ๊ปฟี่ภาพหมู่เป็นที่ระลึกก่อนลา อยากบอกว่าร๊ากกกกทู้กกกคน
ขอบคุณลุงเด้งและป้าไก่มากๆที่ให้เกียรติชวนหนูมาร่วมในทริปนี้
ได้รู้จักกับพี่ๆน้องๆร่วมทริปทุกคนซึ่งน่ารักและอัธยาศัยดีมากเป็นทริปมิตรภาพจริงๆ
หวังว่าจบทริปนี้เราจะยังได้เจอกันอีกเรื่อยๆ ขอบคุณทุกคนมากๆๆๆคร้าบ Smiley



ก่อนทำการเช็คเอาท์เค้าแนะนำให้เข้าไปสอยของฝากที่ยังขาด
ในร้านขายของที่ระลึกข้างๆล็อบบี้ ซึ่งของในนี้จัดว่ามีให้เลือกเยอะอยู่ราคาเท่ากับในสวนสนุก
ช้อปเสร็จก็จัดการแพ็คใส่กระเป๋าโลด เสร็จแล้วค่อยฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม



เมื่อเช็คเอาท์เรียบร้อยคีย์การ์ดที่ใช้เปิดประตูห้องเค้าจะให้เรามาเป็นของที่ระลึกด้วย ว๊าวๆ



วันสุดท้ายในดิสนีย์ฟ้าใสแดดเปรี้ยงปร้างแอบร้อนนิดหน่อย
แต่ทำให้ถ่ายรูปแล้วดูสดใสขึ้นอีกมาก



ภารกิจวันนี้คือเก็บตกเครื่องเล่นนึงที่ตั้งใจจะไปเมื่อวานแล้วไม่มิทัน
นั่นก็คือ Jungle River Cruise ล่องเรือบุกป่าฝ่าดง
แม้จะรู้ว่าสัตว์ป่าเป็นของปลอมแต่มันสนุกตรงขนขับเรือบิวท์เก่งนี่หล่ะ 555



ทริปนี้ไม่ยอมให้ได้หิวกันเลยทีเดียว
แป๊บๆหม่ำ แป๊บๆหม่ำ ดีนะเดินเยอะไม่งั้นได้กลิ้งกลับไทยแน่ๆ
แวะหม่ำชากะขนมกันที่ร้าน Market House Bakery 
ยังคงคอนเซ็ปต์ต้องหม่ำมิกกี้ให้ได้ทุกมื้อ 555
ร้านนี้มีทาร์ตไข่ด้วย รสชาติกินแก้ขัดได้แป้งนุ่มๆแต่ยังไม่เด็ดเท่าไหร่ 



เอ้ากระโดดโชว์หน้าร้านเบิร์นขนมที่ซัดไปเมื่อกี๊สักนิด
และแล้วก็ได้เวลาแยกย้ายของจริง ป้าไก่กะลุงเด้ง พี่พลอยและพี่ปุณ
เข้าเมืองต่อไปยังตัวเมืองฮ่องกง บ๊าย บาย นะค้า Smiley



ช่วงบ่ายก็เป็นเวลาฟรีไทม์ ปล่อยอิสระแล้วค่อยไปป้ะกันที่โรงแรมอีกทีตอนหกโมงเย็น
เค้ากับพี่ตูนน์เลยเริ่มกันด้วยกิจกรรมตามประสาสาวๆ.....ช้อปปิ้งนั่นเอง 555



หญิงปลาบปลื้มกับมง(กุฎ)นี้มากเลยเพคะ
เสียดายที่สุดท้ายมิยอมตัดสินใจสอยกลับบ้าน
อันละ 176 HKD (746 บาท) งานดี ดีไซน์น่ารักด้วย



หลังจากง่วนกับการช้อปปิ้งพักใหญ่เลยตกลงใจกันว่า
ไปเล่นเครื่องเล่นคั่นเวลาสักนิดไหม ไม่งั้นหมดตรูดแน่นอน555
เลยลากกันไปที่โซน Tomorrow Land เป็นโซนแฟนตาซีวิทยาศาสตร์แนวอวกาศ



โดยเลือกเล่น Space Mountain รถไฟเหาะทะลวงอวกาศ
เพราะเป็นเครื่องเล่นอินดอร์ที่อยู่ในห้องแอร์นั่นเอง
แบบว่าอากาศข้างนอกแดดมันเปรี้ยงเกิ๊น แหะๆ
อันนี้ก็หนุกดีผจญภัยในอวกาศมืดๆเห็นแสงดาวประปราย
เค้าชอบเล่นเครื่องเล่นรู้สึกอันนี้ไม่หวาดเสียวนั่งเพลินๆ
แต่ใครเวียนหัวง่ายอันนี้ไม่เชียร์เพราะมันวิ่งวนไปวนมาในที่มืดฮะ



ออกมานั่งพักหาเรื่องกินต่อ กิกิ
มาฮ่องกงสิ่งที่เค้ามิยอมพลาดก็คือหมึกบดเกาหลี! 
อ่านไม่ผิดมันคือหมึกบดสไตล์เกาหลีจริงๆ 555
มันจะเป็นหมึกอบเนยหอมๆแล้วเอาไปบดๆให้นุ่มๆกลิ่นจะรัญจวนใจมาก รสเค็มๆหวานๆ
ในดิสนีย์มีขายอยู่ในรถเข็นโซน Adventureland ตัวละ 38 HKD (160 บาท)



กินหมึกอยู่เพลินๆโจรสลัดบุกซะงั้น
หนูฟันธงว่าพวกพี่มาจากคาบสมุทรทะเลจีนใต้แต่นอน ตี๋ซะ! 555



แดดยังคงเปรี้ยงปร้างจึงเสาะหาที่อยู่ที่มีแอร์ต่อ
จึงเลือกมานั่งดูโชว์ Mickey's PhilharMagic 4D Film
การ์ตูนมิกกี้แบบสี่มิติกว้าง ยาว ลึก ลม เปียก ครบรส Smiley



มื้อเย็นได้เป็นคูปองให้มาเดินเลือกร้านเอง
เดินวนไปวนมาได้ร้าน Clopin's Festival of Foods
เค้าหม่ำข้าวสามสหาย ไส้กรอก น่องไก่ ไข่เค็ม
ชามนี้พร้อมน้ำเปล่า 98 HKD (415 บาท)
ไม่รู้จะเรียกชามหรือกาละมังมันใหญ่มาก และปริมาณเยอะมากกกก
สั่งกินคนเดียวไม่หมดแน่นอนแนะนำว่าแชร์กันเถิด (แอบเค็มมากด้วยแหละ แหะๆ)



กินอิ่มเวลาเหลือเอ้าช้อปปิ้งต่อ
ปิ๊งหมวกมิกกี้มากแต่มันเป็นไซส์เด็ก เค้าใส่ได้นะแต่พอดีเกิ๊น



มารอบนี้น้องหมีดัฟฟี่กับเชอร์รี่เมย์เต็มร้านเลยไม่ต้องไปหาที่ญี่ปุ่นแล้วเน่อ



หมดเวลาสนุกของจริงแล้วสิ บ๊าย บาย น้าแล้วมีโอกาสจะมาอีกฮับ Smiley



กลับมารอสมาชิกที่เหลือที่โรงแรม
ยังพอมีเวลาเลยขอออกมาเดินเล่นในสวน บรรยากาศชิลดีนะนี่



มีสระว่ายน้ำด้วยเพิ่งเห็นน้ำน่าเล่นจังเล้ยยยย



Time to say............Good Bye Smiley



ขึ้นบัสกลับสนามบิน เค้ากลับไฟลท์ FD503 รอบ 20.50 น.
แต่ขอเตือนว่าให้มาแต่เนิ่นๆเพราะต้องต่อรถระหว่างเทอมินอลหลายรอบมากกก
และความเด็ดคือเค้าจะแจ้งเกทให้บนจอไม่ได้แจ้งมาบนตั๋วตอนเช็คอิน
เราต้องตามเช็คเองเรื่อยๆ เตือนไว้เลยพลาดแล้วตกเครื่องได้นะจ๊ะ



และความฟินเฟร่อก่อนถึงไทยคือได้กินอาหารไทยบนเครื่อง เย้เฮฮฮฮฮฮ...
โหยหารสเผ็ดทุกวันได้ กะเพราไก่สูตรหม่อมหลวงหน่อย เข้าไปน้ำตาจิไหล
เผ็ดซี้ดซ้าดรสเข้มข้นสไตล์ไทยแท้ๆ เชียร์เลยให้สั่งล่วงหน้าตั้งแต่จองตั๋ว
เพราะจองล่วงหน้ามันแค่ 120 บาท แต่ถ้าซื้อกินบนเครื่องมัน 190 บาท
แต่ไงก็เหอะยังถูกกว่ามาม่าในสนามบินฮ่องกงอีกนะเธ๊อ ที่สำคัญอร่อยกว่าล้านเท่า



คาวแล้วต้องตามหวานล้างปากด้วยข้าวเหนียวมะม่วง
อันนี้ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นชุดละ 100 บาท มาหาเอาดาบหน้าบนเครื่องไม่มีนะจ๊ะ
สั่งเหอะๆๆนี่เชียร์จนจะเป็นหน้าม้าอยู่ละ มันอร่อยมากจริงๆมะม่วงหวานอมเปรี้ยว
กะข้าวเหนียวนุ่มๆมันกะทิเข้มข้น เข้ากันราวกิ่งทองใบหยก
ราคานี้ถูกกว่าอร่อยกว่าร้านตรงทองหล่ออีกอ้ะ ร้านนั้น 120 ไม่ได้เสี้ยวเลยเธอ



หม่ำจนอิ่มแปร้นอนต่อไปอีกแป๊บตื่นมาก็ครบเวลา 3 ชั่วโมงถึงไทยพอดี
ตอนประมาณห้าทุ่มตามเวลาไทย (อย่าลืมปรับนาฬิกาคืนมาชั่วโมงนึงด้วยนะจ๊ะ)

***ภาพทั้งหมดในทริปนี้ถ่ายด้วยกล้อง Sony A5100 เลนส์คิท 16-50 ค่า

-----------------------------------------------------------------------

จบทริปไปอย่างสวยงามขอขอบคุณป้าไก่ลุงเด้งแห่ง Hong Kong Fanclub
และทาง Hong Kong Disneyland มากๆนะคะ
ที่ให้โอกาสทรายได้ไปเปิดประสบการณ์สนุกๆครั้งนี้
รวมถึงสปอนเซอร์ใจดีอย่าง Air Asia และ AIS
ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่า
หวังว่าจะได้มีโอกาสไปร่วมทริปดีๆแบบนี้อีกฮับ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าด้วยค่า

Smiley  XOXO  Smiley




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2557    
Last Update : 7 ธันวาคม 2557 23:56:15 น.
Counter : 7656 Pageviews.  

หมูพาทัวร์ทริปย้อนวัย[Part 1] @ Hong Kong Disneyland Trip [13-15 Nov 2014]

สวัสดีค่าพบกับบล็อคหมูตะลอนทัวร์ ทริปนี้เป็นทริปสุดพิเศษที่เค้าได้รับคำเชิญชวน
จากทางป้าไก่และลุงเด้งแห่งเว็ปไซต์ //www.hongkongfanclub.com/
ใครจะไปฮ่องกงต้องไม่พลาดที่จะเข้าไปค้นข้อมูลเด็ดๆแบบเจาะลึกจากเว็ปนี้แน่นอน
ซึ่งเป้าหมายของทริปนี้ได้แก่.........Disneyland วู๊วววว!!!
สถานที่ในฝันของเด็กๆรวมถึงแก่ๆแบบเรา แอร๊ยยย Smiley
แม้จะเป็นการไปฮ่องกงดิสนีย์แลนด์เป็นครั้งที่สามก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี
แปลงร่างกายเป็นเด็กให้พร้อมแล้วไปลุยกันเลยจ้า



ออกเดินทางกันวันที่ 13 พ.ย. ตั้งแต่เช้าเพื่อมิให้เสียเวลาเที่ยว อิอิ
ทริปนี้ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยสายการบิน Air Asia
ไฟลท์ FD508 เวลา 6.45 น. ณ สนามบินดอนเมือง

สำหรับการไปฮ่องกงเค้าแนะนำจริงๆว่าถ้าจองล่วงหน้าราคาของ Air Asia นี่เริ่ดสุดๆ
โดยเฉพาะการจองแบบพร้อมที่พักในเว็ป //thailand.airasiago.com/
ปีที่แล้วเค้าเพิ่งพาที่บ้านไปเที่ยวฮ่องกงกันมาช่วงเดือนพฤศจิเหมือนที่ไปรอบนี้เลย
นอนโรงแรม The Cityview  3.5 ดาว ติดรถไฟใต้ดิน Yau Ma Tei เดินทางสะดวกสุดๆ
(รถไฟใต้ดินที่นู่นเค้าเรียกว่า MTR แต่บ้านเราเรียก MRT เน่อ)
ห้องใหญ่จัดเต็มไม่คับแคบแบบโรงแรมในฮ่องกงทั่วไป ราคาตั๋วเครื่องบินรวมที่พัก 3 คืน
ตกคนละ 10,996.08 บาทเท่าน้านนนน ย้ำว่า 3 คืน ราคานี้เจ้ฟิน(เพราะเจ้จ่ายให้ทั้งบ้าน555)
แต่ราคานี้ยังไม่รวมน้ำหนักกระเป๋าเน่อ ราคาเริ่มต้นที่ 20 ก.ก. 600 บาท 
ยิ่งซื้อน้ำหนักเยอะราคายิ่งถูกลงสามารถแชร์น้ำหนักกันได้ถ้าจองไปกรุ๊ปเดียวกัน
แนะนำให้ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไปล่วงหน้าจะถูกกว่าไปจ่ายที่สนามบินมากฮับ
ความฟลุครอบที่แล้วคือจองไป 2 ห้องแต่อาจจะมีการผิดพลาดที่ระบบการจอง
พอไปเช็คอินเข้าที่พักดันได้ห้องพัก 4 ห้องตามราคาที่จ่ายไป
คืนห้องให้โรงแรมก็ไม่เอาเค้าบอกบุคมาแบบนี้ก็ให้ไปแบบนี้ห้องเหลือเฟือเลยจร้าาาา
ข้อดีของการจองผ่าน AirAsiaGo คือไม่ต้องรอเค้าปล่อยโปรอะไร
อาศัยเข้าไปส่องเรื่อยๆเจอราคาถูกให้กรี้ดตลอดๆไม่ต้องแย่งจองให้เหนื่อย



ปกติไปฮ่องกงเค้าจะไปหาซื้อซิมเอาที่นู่น
ราคาซิมสำหรับใช้ทั้งเน็ตและโทรสามวันจะอยู่ที่ประมาณ 500-800 บาท
แต่ความลำบากคือเราต้องหาคนที่ Activate ซิมให้ ต้องไปตามช็อปมือถือ
ยิ่งเค้าจะเอาซิมใส่ไอแพดแล้วยิ่งวุ่นวายใหญ่เพราะต้อง Activate ผ่านมือถือ
สมัครโปรอินเตอร์เน็ตให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยย้ายซิมมาใส่ในไอแพด
แต่รอบนี้ทาง AIS ใจดีให้ Sim2Fly เป็นซิมสำหรับเดินทางมาลองใช้
ในเรื่องของราคายอมรับว่าสูงกว่าเราไปซื้อในฮ่องกงซักหน่อย
แต่บอกเลยว่าเรื่องความสะดวกนั้นกินขาด!!! ถึงฮ่องกงปุ๊บมีเน็ตใช้ปั๊บ

Sim2Fly เป็นซิมโรมมิ่งแบบเติมเงิน สามารถหาซื้อได้ตาม AIS Shop ทั่วประเทศ
รวมถึง 7-11 และ FamilyMart ราคารู้สึกจะ 199 บาท
ก็ทำการเติมเงินแบบซิมทั่วไป ไม่ได้ขูดบัตรเติมเงินนานได้ฟิลจริงๆ555
บัตรเติมเงินสามารถเติมได้ทั้งที่ไทย หรือที่ประเทศที่เราไปก็ได้กดแบบเดียวกัน
*120*ตามด้วยรหัสบัตรเติมเงินแล้วกด#



ซิมนี้ใช้ได้หลายประเทศทั่วโลกโดยเมื่อเราจะนำไปใช้ที่ประเทศใด
ก็เข้าไปเช็คโปรได้ที่ //www.ais.co.th/roaming/sim2fly/package1.html
 และทำการกดสมัครโปรโมชั่นตามประเทศนั้นๆ
สำหรับฮ่องกงจะอยู่ที่ Unlimited Data Roaming เล่นเน็ตไม่อั้นวันละ 299 บาท
***แต่มี Vat อีก 7% ตกวันละ 319.93 บาท แนะนำให้เติมเงินเผื่อไปซักนิดฮะ
ความสะดวกคือสามารถสมัครเล่นเน็ตเป็นวันๆไปได้วันไหนไม่ใช้ก็ไม่ต้องสมัครแฟร์ดีนะ
การสมัครจะนับตั้งแต่ 0 นาฬิกา สิ้นสุดเวลา 23.59 น. ของเวลาประเทศที่เราไป
ใครที่กังวลว่าต้องเปลี่ยนเบอร์โทรจากเบอร์ที่ใช้ประจำก็สามารถตั้งโอนสายมาได้
มีวิธีสอนการโอนสายอยู่ในคู่มือของ Sim2Fly ค่า อัตราค่าโทรออก/รับสายนาทีละ 15 บาท
และโทรออกง่ายยิ่งขึ้นไม่ต้องกดรหัสประเทศให้วุ่นวายด้วยการโหลดแอพ
AIS Sim2Fly App มีทั้งใน Apple และ Andriod จ้า



ได้นั่ง Hot Seat [Premium Seat] แถวหน้าสุดด้วยยืดขาได้เต็มที่
แถวที่ยืดขาได้แบบนี้มีแถว 1 , 12 ,14 ฮะ จ่ายเพิ่มตอนที่จอง 400 บาท



มื้อเช้าบนเครื่องคือเซ็ตแพนเค้ก กับ เซ็ตเดนนิชไส้กรอกไก่คอมโบ เสิร์ฟพร้อมน้ำแร่แก้วเล็ก
สั่งอาหารล่วงหน้าพร้อมตั๋วเครื่องบิน แบบนี้ราคาเซ็ตละ 90 บาท
ถ้าสั่งบนเครื่องราคาจะสูงกว่านี้แนะนำให้จองล่วงหน้าโลด
เจ้คอนเฟิร์มว่าอาหารบนเครื่องแอร์เอเชียอร่อยล้ำจริงๆโดยเฉพาะอาหารไทย!



เวลาผ่านไปไวยังกะโกหก 555 แป๊บเดียวเราก็มาถึงฮ่องกงกันแล้ว
ไทย-ฮ่องกงใช้เวลาบินแค่ 3 ชั่วโมงนิดๆ 
ถึงฮ่องกงแล้วอย่าลืม ปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง ด้วยนะฮะ
อากาศช่วงที่เค้าไปกำลังสบายๆเลยประมาณ 20 องศานิดๆ
ก่อนมาสามารถเช็คอุณภูมิล่วงหน้าเป็นรายเดือนได้เลยที่

โปรแกรมแรกคือนั่งรถบัสจากสนามบินมาที่พักกันก่อนเลย
แน่นอนว่าเป็นทริปดิสนีย์แลนด์แบบจัดเต็มเราจึงพักกันที่
Disney’s Hollywood Hotel เย้ๆ เป็นโรงแรมในโซนของดิสนีย์แลนด์เลย
ตื่นเต้นนะนี่เพิ่งเคยมาพักที่นี่ครั้งแรก สองรอบแรกที่มาเองเค้าพักข้างนอก
โรงแรมที่นี่จะมีสองแห่ง อีกแห่งนึงคือ Disneyland Hotel สไตล์จะฟรุ้งฟริ้งเจ้าหญิงๆกว่านี้



จากสนามบินมาโรงแรมใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึงโรงแรมประมาณเที่ยงครึ่ง
ยังไม่ได้เวลาเช็คอินแต่โชคดีห้องว่างพอดีเลยได้ขึ้นห้องเลย



เปิดห้องพักมาจ๊ะเอ๋กับพี่มิกกี้ ห้องที่เค้าพักคือห้อง Deluxe Room แบบ Sea View 
เป็นห้องใหญ่ 2 เตียงควีนไซส์พักได้ 4 คนเลยแต่นอนกะพี่ตูนน์สองคนแผ่อาณาจักรกันได้เต็มที่
ราคาห้องพักที่นี่จะประมาณคืนละ 2,500-3,000 HKD (10,000-12,000 บาท)
ซึ่งอีกโรงแรมจะราคาสูงกว่านี้หน่อยและจองเต็มยาวข้ามปี
ใครอยากพักที่นี่แพลนจองล่วงหน้านานหน่อยเน่อ สามารถเข้าไปเช็คห้องว่างและราคา
ได้ตามลิงค์นี้เลยจ้า>>> //park.hongkongdisneyland.com/hkdl



บรรยากาศในห้องกว้างขวางมีอ่างอาบน้ำด้วย



ชอบเครื่องใช้ในห้องน้ำมากกกกโดยเฉพาะขวดแชมพูกะสบู่อาบน้ำ
ฝาเป็นหัวมิกกี้แถมยังเป็นของแบรนด์ H2O ด้วยนะฮร้า
ของใช้เหล่านี้สามารถขนกลับบ้านไปเป็นที่ระลึกได้น้า
สำหรับหัวปลั๊กฮ่องกงขาจะคนละแบบกับบ้านเราแต่มิต้องกังวล
ทางโรงแรมเค้ามีหัว Universal Plug ให้ห้องละอัน 
ถ้าไม่พอสามารถโทรศัพท์ที่ห้องกด 0 ขอเพิ่มได้ฮะ
อย่าลงไปขอที่เคาท์เตอร์ด้านล่างนะเพราะเค้าทำแล้วต้องโทรขอเอาเท่านั้น 555



มื้อเที่ยงขึ้นรถย้ายมาหม่ำที่ Disneyland Hotel ที่อยู่ติดกัน
ณ ห้องอาหารจีน Crystal Lotus



อาหารคาวสไตล์จีนมีข้าวผัด ผัดผัก ต้มหัวไชเท้ารูปมิกกิ้ใส่หอยเชลล์
ที่เค้าเลิฟสุดคือหมูแดง มาฮ่องกงทุกครั้งฟินทุกครั้งหมูแดงเค้าจะฉ่ำๆนิ่มๆไม่แห้งแบบบ้านเรา



สิ่งที่เราจะต้องเจอทุกมื้อเมื่ออยู่ที่นี่คือหน้ามิกกี้และผองเพื่อน อิอิ
ซาลาเปาไส้ต่างๆจะมาในรูปแบบตัวการ์ตูน แป้งอาจจะแข็งไปนิดแต่หน้าตาชนะเลิศ
ส่วนของหวานที่รู้สึกว่าเก๋คือลูกแพรจีนต้มน้ำเชื่อมมาทั้งลูกเค้าบอกบำรุงผิวดีนักแล



แอบเดินชมเดินย่อยใน Disneyland Hotel สักนิด 
อูยยยสวยอลังการสไตล์เจ้าหญิงจริงๆ



หม่ำเรียบร้อยพลังงานเต็มขีดพร้อมลุยดิสนีย์แลนด์ละจ้า
ทีมเราทีมใหญ่มีทั้ง พี่ๆจากนิตยสารชั้นนำ , พี่เอจาก AirAsia
Family Blogger , Fashion Blogger , Travel Blogger
, สองสาว Beauty Blogger หมูและพี่ตูนน์ และขาดไม่ได้ป้าไก่และลุงเด้ง
บอกเลยว่าเป็นทริปที่สนุกมากเพราะทุกคนในทริปอัธยาศัยดีเป็นกันเองสุดๆ
ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนและมีความสุขมากๆที่ได้มาร่วมทริปกันในครั้งนี้นะค้า

---------------------------------------------------------------------------

ราคาบัตรเข้าสวนสนุก Hong Kong Disneyland

บัตรเข้าสวนสนุกแบบ 1 วัน รวมเครื่องเล่นทุกอย่าง
บัตรสำหรับผู้ใหญ่ 1,881 บาท 
บัตรสำหรับเด็ก (อายุ 3-11 ปี) 1,319 บาท
บัตรผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป)  418 บาท

บัตรเข้าสวนสนุกแบบ 2 วัน รวมเครื่องเล่นทุกอย่าง
บัตรสำหรับผู้ใหญ่ 2,446 บาท 
บัตรสำหรับเด็ก (อายุ 3-11 ปี) 1,735 บาท
บัตรผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป)  711 บาท

---------------------------------------------------------------------------

บัตรเข้าสวนสนุกจะเป็นรูปหน้าคาแรกเตอร์การ์ตูนต่างๆ
อย่าลืมเอามาถือถ่ายรูปกันน้าน่ารักดี วางตำแหน่งให้พอดีกับหน้าเรา แชะ! Smiley



เข้ามาถึงได้จังหวะพอดิบพอดีกับ Flight of Fantasy Parade
ณ ลานถนนตรงกลาง Main Street USA พาเหรดจะแสดงตอน 15.15 - 16.00 น.
แนะนำให้มาจับจองหาที่นั่งกันก่อนเวลาสักนิดจะได้ชมแบบชัดๆเต็มๆตาฮะ
เปิดฉากมาด้วยดัมโบ้ช้างน้อยหูบิ๊กเบิ้ม Smiley



ขบวนพี่มิกกี้สีสันคัลเลอร์ฟูลมาก



ขบวนเจ้าหญิง.........สวยมว๊ากกกกกกกกอินเนอร์มาเต็มทุกคน



ทีมหมีพูห์และทีมทอยสตรอรี่ชอบตุ๊กตาทหารมากพี่เค้าเล่นสมจริงฝุดๆ



ไฮไลท์อยู่ตรงนี้! มีโชว์โอลาฟจาก Frozen เย้ยยยมิช่าย 
เด็กน้อยแต่งตัวเป็นโอลาฟน่ารักโฮกกกกกเข้าไปขอถ่ายรูปมาฝากกัน อิอิ Smiley



ดูพาเหรดจบได้เวลาไปบุกปราสาทกันเย้!
ปราสาทที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์จำลองมาจากปราสาทออโรร่าหรือเจ้าหญิงนิทราฮับ



ไฮไลท์ของทริปนี้คือการมาพบกับราชินีเอลซ่าและเจ้าหญิงแอนนา แห่ง Frozen
ซึ่งเค้าเพิ่งมาที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์วันแรกที่เค้าไป 13 พฤศจิ
ต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์ที่กำลังจามาถึงนั่นเอง
เด็กๆกรี้ดกร้าดกันมากต่อแถว Meet & Greet กันยาวเฟื้อยเลย
อยากจิไปถ่ายบ้างแต่วันนี้ต้องยอมคนเยอะมากจริงจังพรุ่งนี้จะรีบบึ่งมามิให้พลาดเลย!



ไม่ได้ถ่ายคู่ไม่เป็นไรมากินเอลซ่าและแอนนาแทนละกัน 555
ที่โซนร้านอาหาร Royal Banquet Hall ตรงข้ามกะม้าหมุนหลังปราสาทเลย
เป็นเมนูพิเศษในธีม Frozen ที่รับประกันว่าต้องสั่งมาเพื่อถ่ายรูปก่อนกิน อิอิ
คัพเค้กเอลซ่า & แอนนา (188บาท) และขนมโอลาฟลามิงตั้น รสเปรี้ยวๆแบบชีสเค้ก(188บาท) 



ในมือป้าไก่และลุงเด้งคือ ขนมโอลาฟ ลามิเก้อ (134บาท)
เค้าว่าเป็นเมอร์แรงก์หวานๆ กินหมดอันได้นี่อิ่มเลยทีเดียว



ช่วงค่ำปล่อยฟรีไทม์ก่อนจะไปหม่ำมื้อเย็นด้วยกัน
เค้ากับพี่ตูนน์เลยขอแว่บเข้าไปในเมืองแป๊บนึง
นั่งรถไฟ MTR จากสถานี Disneyland ไปสองสถานีลง Tung Chung Station
ราคาขาละ 14HKD (60บาท)เพื่อไป City Gate Outlet ตรงที่ขึ้นกระเช้านอนปิงนั่นแล

อันนี้ขอเล่าความง่าวของตัวเองนิดนึงเพื่อเป็นอุทาหรณ์ 555
คือที่บึ่งกันออกมาเพราะจะไปหาซื้อปลั๊กรางเนื่องจากขนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาเพียบ
แต่ลืมเอาปลั๊กรางมากช่องเสียบชาร์จไม่เพียงพอแน่นอน แวะดูในสนามบินดอนเมืองแล้วก็ไม่มี
เลยตกลงกันว่ามาหาเอาที่ฮ่องกงละกันเนอะ สรุปพอไปถึงห้างเห็นปลั๊กรางปุ๊บผมที่จี๊ดเลยครับ!!!
ก็ปลั๊กรางฮ่องกงช่องปลั๊กมันก็ต้องเป็นแบบฮ่องกงเด๊อินาง
ถ้าจะเอาปลั๊กรางก็ต้องสอยหัวแปลงอีก ฮ่วย! คือลืมคิดไปสนิทเบย
นี่แหละหนาไม่เจอกะตัวคิดไม่ถึงจริงๆ 555
เตือนไว้เลยนะจ๊ะไปเที่ยวไหน อย่าลืมพกปลั๊กรางเด็ดขาด!!!
สรุปก็สลับชาร์จเอามันก็พออยู่นะเพราะในห้องมีรูปลั๊กอยู่ประมาณสี่รู
แบ่งกะพี่ตูนน์คนละสองเค้าซื้อหัวแปลงปลั๊กเพิ่มหนึ่งสลับๆชาร์จเอา แหะๆ
แต่ออกมาก็มิเสียเที่ยวนะฮร้าลงไปช้อปขนมที่ชั้นล่าง City Gate อย่างเมามันส์



ได้เวลานัดตอนสองทุ่มนิดๆก็บึ่งกลับมาที่โรงแรมที่เราพัก
เพื่อหม่ำมื้อเย็นที่ห้องอาหาร Chef Mickey
เดินเข้าโรงแรมมาเลี้ยวขวาไปทางร้านขายของที่ระลึกฮะ

จากสถานี MTR ตรงดิสนีย์แลนด์จะมีรถ Shuttle Bus เข้าโรงแรมฟรี
รถจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที คือระยะทางพอเดินไหวแต่ขึ้นรถสบายกว่าแหะๆ



ราคาอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ของห้องอาหาร
ราคาจะแตกต่างกันตามแต่ละมื้อและแต่ละวัน
หน่วยเงิน HKD / HK$ หรือ Hong Kong Dollar 
เวลาคิดเป็นเงินไทยจะคูณ 4 นิดๆ ตอนที่เค้าไปคือเรท 4.24 
เค้าทานวันธรรมดารอบ 20:00-22:00 น.
ราคาอยู่ที่คนละ 358HKD = 1,518 บาท จ้า



เทียบราคาหัวละพันห้าถามว่าคุ้มไหม
เค้าว่าโอเคเลยนะคือมีอาหารให้เลือกเยอะมากกกกก
มีอาหารหลายสัญชาติ จีน ญี่ปุ่น แขก ฝรั่ง ฯลฯ
นี่ฟาดปลาดิบอย่างเดียวก็ฟินละต้องรีบตักหน่อยแซลมอนนี่เติมหายๆ



จุดขายมันอยู่ตรงเน้ๆปูวววววววก้ามโตหญ๊ายหญ่ายยย Smiley
จำไม่ได้ว่าซัดไปเท่าไหร่แต่มั่นใจว่าขากุดไปหลายตัว 555
นี่ถ้ามารอบหน้าพูดเลยว่าเจ้จะพกน้ำจิ้มซีฟู้ดมางานนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!
วันที่เค้าไปปูเนื้อแน่นดีแต่ปูแบบนี้เนื้อจะหยาบกว่าปูบ้านเรา
เค้าว่าอร่อยไปคนละแบบแล้วแต่คนชอบ
แต่ซีฟู้ดเค้ากินแบบเย็นๆไม่อุ่นมาแบบบ้านเราเน่อ



ปิดท้ายด้วยของหวาน.....เดินวนกะผลไม้ฟองดูช็อคโกแล็ตซะหลายรอบอาหย่อย
เค้กก็มีให้เลือกหลากหลายดี จบด้วยไอติมซอฟต์เสิร์ฟในโคนวาฟเฟิล
โปะเครื่องได้เองตามอัธยาศัย เด็กๆแลจะสนุกกับโซนของหวานกันน่าดู
อิ่มแปร้แล่กันไปเลยทีเดียวเป็นมื้อเย็นที่จัดเต็มฝุดๆ ไม่อยากจะบอกว่าอยู่จนเค้าปิด555



หมดพลังกันไปสำหรับวันแรก ขึ้นห้องพักเปิดทีวีดูการ์ตูน
แต่ยังไม่ทิ้งความเป็นบิวตี้นะฮร้า นั่งมาส์กหน้าแช่เช้าในน้ำอุ่น เฮร่อออฟิน Smiley

เคล็ด(ไม่)ลับนี้อยากแชร์ต่อมาก เวลามาเที่ยวแนะนำให้พกมาส์กแผ่นๆมาด้วย
สามารถมาส์กต่อเนื่องได้ทุกวันที่เที่ยวเลยเพราะผิวเราจะเหนื่อย
ทั้งจากการเดินทางและสภาพอากาศที่เปลี่ยน การมาส์กจะช่วยให้ผิวเฟรชไวขึ้น
ส่วนปัญหามาเที่ยวเดินเยอะๆแล้วเมื่อยล้าการแช่น้ำอุ่นจะช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนดีขึ้น
อาการเมื่อยล้าจะทุเลาลงแบบชัดเจนทำให้วันต่อไปสามารถเดินตะลุยต่อได้อย่างเต็มที่ฮับ



ม๊อร์นิ่ง....อรุณสวัสดิ์เช้าที่สอง ณ ดิสนีย์แลนด์จ้า
เช้านี้นั่งรถไปหม่ำข้าวกันที่ Disneyland Hotel
ณ ห้องอาหาร Enchanted Garden เป็นแบบบุฟเฟต์นานาชาติ
อาหารเยอะดี บรรยากาศห้องอาหารจัดน่ารักมั่กๆ



เช้านี้ขอจัดแบบอาหารฝรั่ง....เอาจริงๆนี่แค่จานแรก
จานอื่นก็ซัดไปอีกหลายสัญชาติโดยเฉพาะสุกี้ยากี้เนื้อสไตล์ญี่ปุ่น เติมหลายรอบเลย อิอิ
ปิดท้ายด้วยแพนเค้กมิกกี้ บอกแล้วอยู่นี่ได้กินมิกกี้ทุกมื้อ Smiley



ไฮไลท์เด็ดที่สุดของห้องอาหารนี้ที่ห้ามพลาด
ก็คือการถ่ายรูปกับคาแรกเตอร์แกงค์พี่มิกกี้ วู๊วววว
ระหว่างนั่งหม่ำเพลินๆพี่มิกกี้จะเดินมาทักทายตามโต๊ะ
เราก็สามารถแชะภาพเป็นที่ระลึกได้เลย ขอลายเซ็นต์ได้ด้วยน้า



ได้ถ่ายครบแกงค์ มิกกี้ มินนี่ กู๊ฟฟี่ พลูโต
จริงๆจะมีโดนัลด์กะเดซี่ด้วย แต่เค้าจะสลับวันกันฮับ
นี่อาจเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เรากินอาหารเช้าได้น้อยลง
เพราะจะมัวแต่รอให้คาแรกเตอร์เดินมาที่โต๊ะเรา555 Smiley



ใกล้ๆห้องอาหารจะมีร้านแต่งตัวแบบเจ้าหญิง "Bibbidi Bobbidi Boutique"
ให้เด็กน้อยได้แปลงกายเป็นเจ้าหญิงที่ชอบ เสียดายไม่มีไซส์ผู้ใหญ่ไม่งั้นจัดละเนี่ย กรั่กๆ



ด้านนอกโรงแรมคือสวน THE REAL ENCHANTED GARDEN & MAZED GARDEN
เป็นสวนที่จัดแบบเขาวงกตให้เด็กๆออกมาวิ่งเล่นถ่ายรูปกันได้สนุกสนาน
สวนอยู่ติดริมทะเลด้วยวิวดีอากาศเย็นสบายเดินเล่นเพลินเลย



ล็อบบี้ด้านในตกแต่งด้วยต้นคริสมาสต์ต้นบะเริ่มได้บรรยากาศหน้าหนาวดีจัง



วันนี้ได้บัตรลายน้องหมาสลิงกี้จากเรื่องทอยสตอรี่
ถือถ่ายกลายเป็นหมูหน้าหมา เอ๊ะ!ยังไง 555



ระหว่างวันจะมีโชว์เล็กๆเรื่อยๆนี่เดินมาถึงเจอวงโยฯ
ที่มีเด็กน้อยยืนเป็นไวทยากร น่าร๊ากกกกก Smiley



และภารกิจแรกของวันนี้ที่ไม่มีทางพลาดนั่นก็คือการถ่ายรูปกับเอลซ่าและแอนนา
Mission Completed !!! เย้ๆ ไปเริ่มต่อคิวกันตอนประมาณ 10:45 น.
รอเป็นคิวแรกๆเลยได้ถ่ายตอน 11.20 น. วันนี้ราชินีเอลซ่าคนละคนกะเมื่อวานนะ อิอิ
จุดถ่ายรูปจะอยู่ตรงข้างร้านของฝากเดินผ่านซุ้มปราสาทเข้ามาเจอเลยจ้า



จบภารกิจหลักก็เป็นช่วงฟรีไทม์ก่อนนัดหม่ำมื้อเที่ยง
เค้าเลยชวนกันกับพี่ตูนน์ไปลุย Toy Story Land 
ซึ่งเป็นโซนที่เปิดเพิ่มทีหลังเมื่อปี 2011



ใครชอบถ่ายรูปจะลั้นลาสุดๆเพราะโซนนี้สีสันคัลเลอร์ฟูลสุดๆ
เหมือนเราได้ถูกย่อส่วนมาอยู่ในสนามหลังบ้านของแอนดี้
เทียบกะของเล่นเราเหลือตัวกระจิ๊ดเดียว



ของเล่นในโซนนี้มี "Slinky Dog Spin"
อันนี้เค้ามิได้เล่นเพราะเป็นสไตล์เด็กน้อย
ไม่อยากไปแย่งเด็กเล่น 555 เด็กๆชอบนะอันนี้แถวยาวเลย



"RC Racer" ตัวนี้ตัวจี๊ดดดดเป็นเครื่องเล่นที่เค้าว่ามันส์เสียวไส้ที่ซู้ดของที่นี่
ลักษณะจะคล้ายเรือไวกิ้งแต่เป็นราง ส่วนที่สูงที่สุดจะตั้งฉาก 90 องศากันเลยทีเดียว
แต่วิ่งไปกลับแค่ 4 รอบก็จบเกมส์แร้น เสียวแป๊บเดียวใครชอบความมันส์มิควรพลาด!



มาครั้งนี้เล่นเครื่องนี้ซะคุ้มจัดไปสามรอบเต็มๆ
แนะนำให้นั่งแถวหลังสุด เพราะเวลาขึ้นไปสุดแล้วพุ่งลงมามันได้ฟิลมว๊ากกกกก
ดูหน้าอิเจ้จะรู้ได้ว่าเริงรื่นแค่ไหน เล่นรอบหลังๆไม่มีแล้วความกลัวมีแต่ความสะจายยย555



เครื่องเล่นสุดท้ายในโซนนี้คือ Toy Soldier Parachute Drop
เค้าเล่นไปสองรอบชิลๆอันนี้เหมือนขึ้นไปชมวิวเพลินๆ
ถ่ายคลิปสั้นๆใน IG มาให้ชมด้วย >>> CLICK <<<
เด็กๆเล่นได้ขึ้นไปหัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก แต่ใครกลัวความสูงอันนี้อาจจะไม่โอเคเน่อ



ก่อนออกจากโซนนี้อย่าลืมแวะช้อปในร้าน Andy's Toy Box
ของโซนนี้น่ารักมากมายดูดเงินในกระเป๋าดีนักแล
ไม่ได้มีแค่จากเรื่องทอยสตรอรี่เท่านั้น ของที่ระลึกจากเรื่องอื่นก็มีอีกเยอะเลย
โดยเฉพาะ Monster University จะมีขายในโซนนี้เยอะสุดฮะ

------------------------------------------------------------------

บล็อคยาวมาแล้วเดี๋ยวจะโหลดกันมิรอด
ขอจบ [Part 1] ไปก่อนแล้วเจอกันต่อใน [Part 2] นะคร้าบ Smiley

***ภาพทั้งหมดในทริปนี้ถ่ายด้วยกล้อง Sony A5100 เลนส์คิท 16-50 ค่า




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2557    
Last Update : 7 ธันวาคม 2557 23:47:49 น.
Counter : 10785 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.