Group Blog
 
All blogs
 

Review : Le Meridien Chiang Rai Resort <3 ตกหลุมรักรีสอร์ทสวยริมแม่น้ำกก

ปกติขึ้นเหนือเค้าก็ไปอยู่แค่เชียงใหม่
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกกับการเดินทางไปเชียงราย ตื่นเต้นๆ
ซึ่งเค้าได้ไปพักที่โรงแรม Le Meridien Chiang Rai Resort
เนื่องจากมีพี่ที่รู้จักแนะนำมาว่าที่นี่เริ่ดจริงอะไรจริง
แถมได้ส่วนลดมาด้วยอย่างนี้ต้องท้าพิสูจน์ ฮี่ๆ
เรื่องราคาแนะนำให้ติดตามจากในเว็ปของโรงแรมเว็ปนี้ฮับ
//www.lemeridienchiangrai.com
เค้าจะมีโปรเรื่อยๆราคาอยู่ที่ช่วงเวลาที่ไปพักไม่แน่นอน
ตอนนี้มีโปร 2,260++ อยู่ไปส่องกันได้เน่อ แต่ห้องเต็มไวต้องจองล่วงหน้าจ้า



โรงแรม
Le Meridien Chiang Rai Resort ตั้งอยู่ในตัวอำเภอเมืองเชียงราย
อยู่ริมแม่น้ำกก ห่างจากสนามบินไม่ไกลใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เค้าบินการบินไทยไปลงเชียงราย แล้วเช่ารถของ AVIS ขับไปกันเอง
เค้าว่าที่นี่ทำเลดีไม่ไกลจากสนามบิน และไม่ไกลจากกลางตัวเมืองฮับ




ตัวอาคารด้านหน้าฝั่งลอบบี้ของโรงแรม เค้าถ่ายวันที่จะกลับฝนกำลังโปรยปราย
พื้นที่โรงแรมทั้งหมดประมาณ 26 ไร่ ใหญ่เวิ่นเวออลังการงานสร้างมากกกก!



ลอบบี้ของที่นี่จะตกแต่งเป็นไม้สีดำตัดกับสีเขียว
แต่ด้วยหลังคาที่สูงโปร่งทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดจ้า
ที่โรงแรมเค้ามีบริการ Free Shuttle Bus ไปยัง
ไนท์บาซาร์ , Central Plaza และ สวนแม่ฟ้าหลวง ด้วย
รถออกทุกๆสองชั่วโมงสามารถแจ้งที่ฟรอนท์ไว้ได้เลยฮับ
ซึ่งสวนแม่ฟ้าหลวงเราสามารถใช้คีย์การ์ดของโรงแรม
เพื่อเข้าชมฟรีได้ด้วย บัตรเบ่งนะนี่ อิอิ



เข้ามาด้านในสิ่งที่ทำให้เค้าประทับใจที่สุดของที่สุดดดดดด
คือ "มะเมี๊ยะ" ต้นจามจุรี หรือที่เรารู้จักกันอีกในหลายๆชื่อ
ไม่ว่าจะเป็น ก้ามปู ฉำฉา สารสา ฯลฯ ต้นนี้อายุกว่า 114 ปี
แผ่นกิ่งก้านสาขาสวยงามให้ความรู้สึกอลังการมากๆๆๆๆๆ
เป็นจุดที่ใช้จัดงานแต่งในตอนกลางวันแบบพิธีล้านนาด้วย
คิดถึงเสียงดนตรีแบบล้านนาคลอเบาๆ ทั้งขลังทั้งโรแมนติก กรี้ดๆอ้ะ Smiley



ที่นี่จะมีทั้งหมด 5 อาคาร เดินเชื่อมต่อกันได้จ้า



เค้าพักอาคารหลังในสุด Grand Deluxe Wing อยู่ติดริมแม่น้ำกกฮับ



ถึงห้องพักแล้ว เค้าพักห้องแบบ Grand Deluxe
เปิดประตูมาตกใจห้องกว้างจริงจังประมาณ 60 กว่าตารางเมตร!!!
แต่ที่นี่เค้าเน้นห้องใหญ่ใจถึงอยู่แล้ว อิอิ ห้องเล็กสุดของที่นี่คือ 53 ตารางเมตรจ้า



เตียงขนาดคิงไซส์กลิ้งยังไงก็ไม่ตก
มีหมอนให้จุใจ ใบใหญ่สี่ ใบเล็กสอง



มีพรีเซ็นเตอร์มาเองด้วย "นังนุ้งเสร่อ" เทดดี้เน่าๆแต่ทริปไหนมีรถก็ลากไปด้วยกัน อิอิ
เสร่อคอนเฟิร์มให้ว่าเตียงนอนสบายโค่ดดดด เตียงนุ่มกำลังดีไม่ปวดหลัง
หมอนไซส์ใหญ่กว่าปกติม๊วกกกกเป็นหมอนขนเป็ด
นอนแล้วเคลิ้มเหมือนโดนเตียงดูดวิญญาณไม่อยากตื่น 555



ทีวีแอลซีดีไซส์ 42 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่นดีวีดี
และมุมนั่งเล่นนอนเล่น คุณแฟนติดใจโซฟาเอนนอนสบายม๊วก



แจกันประดับด้วยกล้วยไม้งามๆสวยยังกะดอกไม้ปลอมเลย Smiley



มีหนมๆต้อนรับในห้องด้วย ผลไม้เต็มจาน
พร้อมขนมหวานที่เค้านึกว่าขนมเปียกปูน ซึ่งจริงๆแล้วคือ บราวนี่ & มาร์ชเมลโล่ว
แหม่นังหมูสายตามีปัญหาแล้วหล่ะ 555
ขอบอกว่าบราวนี่หวานไปนิดแต่อาหย่อย ช็อคโกแล็ตเข้มข้นเนื้อฉ๊ำ ฉ่ำ



มินิบาร์ในตู้เย็นเสียตังนะฮับ



โต๊ะทำงานที่กลายเป็นโต๊ะวางเครื่องสำอาง
เป็นมุมแต่งหน้าของเค้าเพราะรับแสงธรรมชาติพอดี อิอิ ยึดโต๊ะ
ตรงข้างโต๊ะจะมีช่องเสียบปลั๊กไฟให้เลือกหลายหลายมาก กลม แบน กว้าง
หัวปลั๊กแบบไหนก็เสียบได้ฮับ พร้อมช่องเสียบสาย LAN แต่เสียตังค่าเน็ตนะจ๊ะ
ที่นี่มีอินเตอร์เน็ต Wifi ให้ใช้ฟรีตรงบริเวณลอบบี้ แต่ที่ห้องพัก Wifi เสียตังเป็นรายชั่วโมงจ้า



ห้องน้ำมีอ่างใหญ่เปิดหน้าต่างมองเข้าไปนอนห้องได้ แช่อ่างไปดูทีวีไปชิลๆ
พร้อมห้องอาบน้ำ และห้องสุขาแยกกัน



มองจากในห้องเข้าไปห้องน้ำใหญ่สะใจป่ะล่า เค้าแช่อ่างทุกวันอ้ะ ฮี่ๆ




อุปกรณ์ในห้องน้ำมีให้ครบครันไม่ต้องเตรียมอะไรมาก็ได้ฮับ
แต่เค้าแอบหาหวีไม่เจอหายไปไหนหว่า แหะๆ
แชมพู สบู่ ครีมนวด กลิ่นหอมสดชื่นมาเป็นกลิ่นเย็นๆมะกรูดๆ
ห้องอาบน้ำจะมีฝักบัวให้สองอันเป็นฝักบัวใหญ่บนเพดาน
กับฝักบัวริมผนัง คุณแฟนปลาบปลื้มกะฝักบัวบนเพดานมาก
โรงแรมไหนมีนี่ปิ๊งเลย เค้าบอกเหมือนได้อาบน้ำฝน แหม่คิดได้ 555



ไดร์เป่าผมที่นี่ก็มีให้แถมยังเด็ดตรงเป็นไดร์ใหญ่โตอลังการขนาดซาลอนเลย 2100W
โดนใจเจ้มากค่ะ ผมยาวเวลาพักโรงแรมเจอไดร์จิ๋วๆเป่านานเกินกว่าจะแห้ง
ได้ไดร์ไซส์นี้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ เป่าสิบนาทีเอาอยู่ เริ่ด!



ระเบียงกว้างเท่าผนังห้องเลยออกไปวิ่งเล่นได้ อิอิ
มองจากระเบียงออกไปซ้ายมือเป็นวิวแม่น้ำกกจ้า



วิวจากห้องพักเค้า เห็นต้นจามจุรีใหญ่โตอลังการอีกหนึ่งต้น
นามว่า "ศุขเกษม" ตำนานรักอมของหนุ่มล้านนากะสาวพม่า(มะเมี๊ยะ)
เค้าบอกว่าศุขเกษมต้นนี้อายุเยอะกว่ามะเมี๊ยะอีกแต่เค้าจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แหะๆ
ซึ่งทางโรงแรมบอกว่าสองต้นนี้รากเค้าเชื่อมถึงกันพันกันอยู่ใต้ดิน
ทั้งๆที่ห่างกันเป็นร้อยเมตร โรแมนติกเน๊อ ใต้ต้นศุขเกษมนี้ก็จัดงานแต่งได้เช่นกันจ้า



วิวจากห้องพักเค้ายามค่ำคืน สระว่ายน้ำ และแม่น้ำกก จ๋วยเน๊ออออ Smiley



อาคารด้านหน้าที่เป็นล็อบบี้และห้องอาหารอลังการสุดๆกับแสงไฟที่สะท้อนน้ำ



ตอนค่ำๆอากาศเย็นสบายยืนกินลมชมวิวบนสะพาน ฮร้าาายยย >,,<



ศุขเกษมเปิดโคมไฟถ่ายสะท้อนน้ำในสระ รูปนี้ฝีมือเค้าเองจ๋วยมะๆเห่อๆ555



ห้องอาหารเช้าของที่นี่อยู่ที่ชั้นล่างของลอบบี้ชื่อห้องอาหาร Latest Recipe
สไตล์ตกแต่งเป็นแบบ Contemporary Art ไทยโมเดิร์น เค้าชอบหลังคาโปร่งๆแลโล่งสบาย



ที่นั่งในห้องอาหารเค้าชอบนั่งโต๊ะตรงกลาง
เป็นคนชอบเลือกที่นั่งแบบโซฟา มันอิงแอบแนบพิงสบายดีเนอะ



อาหารมีให้เลือกหลายหลายดีเลย
ส่วนไฮไลท์ที่เค้ากรีดร้องงงงงงคือ "น้ำผึ้งจากรัง"
ปกติจะได้หม่ำเวลาไปพักที่ Hotel de La Paix ที่หัวหิน
ซึ่งมาได้มาเจอว่าที่นี่มีเค้าถึงขั้นกลายร่างเป็นหมีไปเลย 555
จกกินไปค่อนรัง ชอบง่ะ ยิ่งทานกับโยเกิร์ตธรรมชาตินะฟินฝุดๆ
เค้าฟาดโยเกิร์ตใส่น้ำผึ้งที่นี่ไปครั้งละสามถ้วย น้ำตาลพุ่งเลย อิอิ



ต่อด้วยห้องอาหารอีกหนึ่งแห่งที่เค้าหม่ำมื้อเย็น
อันนี้เค้าได้เป็น Complimentary เย้ๆ ขอบคุณทางโรงแรมมากฮับ
เป็นห้องอาหารอิตาเลียน ชื่อ Favola อยู่ริมแม่น้ำกกเลยจ้า
แต่ช่วงที่เค้าไปฝนตกเรื่อยๆเลยนั่งในร้าน ไม่กล้านั่งชิลเอาท์ดอร์



บรรยากาศในร้านดูอบอุ่นเนอะ



อาหารเรียกน้ำย่อยขนมปังของที่นี่บอกเลยว่าเด็ด !!!
มาก้อนใหญ่มาก หอมเนย กรอบนอกนุ่มใน เค้าฟาดหมดก้อนเลยชอบง่ำ



จานต่อมาเป็นชีสสามอย่าง เค้าจำชื่อมิได้แหะๆมัวแต่กิน มันๆดีฮะ



มาถึงจานไฮไลท์ที่เค้า Recommended !!!
บอกเลยว่าควรสั่งมาลองชื่อเมนูว่า "Insalata La Favola" (550.-)
สลัดอะโวคาโดกุ้งลายเสือตัวเบิ้มเนื้อกรอบแน่นราดน้ำส้มบัลซามิก
คือมันเข้ากันสุดๆๆๆ ปกติเค้าไม่ค่อยชอบกิน
อะโวคาโดเพราะรู้สึกว่ามันๆเอือมๆ
แต่อันนี้ราดน้ำส้มบัลซามิกมารสเปรี้ยวกำลังดีกลมกล่อม
ยอมเลยเมนูนี้มาอีกก็จะหม่ำอีก เมนูในดวงใจของหมู Smiley



ต่อด้วย "Pizza Capricciosa" (320.-)
เป็นพิซซ่าแป้งบ้างกรอบ หน้าแฮม มอสซาเรลล่าชีส
เห็ด อาร์ติโช้ก มะกอก และออริกาโน
นี่ยังไม่ถึงจานเมนคอร์สเลยนะนี่แทบจุกละ แหะๆ



มาถึงเมนคอร์สจานแรก ชื่อยาวมว๊ากกก
"Salmone Pure Con Artuffo e Olive Nere"
(550.-)
สเต็กแซลมอลเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบด
เค้าไม่ค่อยนิยมซอสราดแบบอิตาเลียนกลิ่นมันแปร่งๆ เลยปาดซอสออก
ส่วนปลาย่างได้กำลังดีมาก ที่สำคัญมันฝรั่งบดอร่อยโฮกกกละลายในปาก
ยกให้เป็นมันฝรั่งบดที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยทานมา กรีดร้องอีกแว๊ววว !!!



และเมนคอร์สอีกหนึ่งจานที่เค้า
Recommended !!!
"Filetto Di Manzo Angus e Funghi Portdoello"
(550.-)
เนื้อสันในย่างเสิร์ฟกับเห็ดปอร์โตเบลโล
เหมือนเค้าจิจำเก่งนะชื่อยาวๆ เค้าถ่ายรูปเมนูไว้ต่างหาก 555
จานนี้เด็ดที่เนื้อย่างมาได้ฉ่ำที่ซู้ดดดด สุกกำลังดีเนื้อนุ่มหอมฉ่ำ อรั๊ยยย
และที่เค้าชอบก็คือเห็ด คล้ายๆเห็ดหอมนะเค้าว่า แหะๆอาหย่อยๆๆๆ



ปิดท้ายด้วยของหวานที่กรีดร้องงงงอีกแล้วและอีกแล้ว
Recommended !!!
ยอมรับเลยว่าอาหารที่นี่อร่อยจริงจัง เค้าไม่นิยมอาหารฝรั่งยังยอมยกนิ้วให้
ชามนี้คือ "Favola Tiramisu" (240.-) เรียกไม่ผิดฮับ ชามจริงๆไม่ใช่ถ้วยแบบที่เราเคยเจอ
ช้อนในภาพนี่คือช้อนทานข้าวปกติ อื้อหือนี่คือไซส์ที่เสิร์ฟปกตินะค้าบ เด็ดจริง!!!
ครีมนวลนุ่มหวานกำลังดีไม่หวานมาก เค้กกาแฟข้างในหอมฟุ้ง
ฟาดของคาวไปเยอะขนาดนั้นแต่เชื่อไหมว่าชามใหญ่ขนาดนี้เค้าฟาดเรียบ 555

สรุปอาหารที่นี่ถูกปากเค้ามาก เค้าเองอาจจะไม่ค่อยได้ทานอาหารอิตาเลียนนัก
แต่ที่นี่ทุกจานที่ได้ทานอย่างที่อธิบายไปเลยความรู้สึกตามนั้นจริงๆฮับ
เสียอย่างเดียวเยอะเกิน ฟาดหมดมื้อนี้เรียกได้ว่าจุกแอ้ก ขึ้นไปนอนอืดอยู่บนห้องพักใหญ่เลย แหะๆ



ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่ง
Complimentary ที่เค้าได้รับในการไปพักครั้งนี้
คือบริการสปาที่ Parvati Spa คำว่า
Parvati  แปลว่า ลูกสาวแห่งขุนเขา
ตามลักษณะภูมิภาคของเชียงรายเจ้า ที่นี่ตั้งชื่ออิงกับความสัมพันธ์ในท้องที่น่ารักเนอะ



บรรยากาศด้านในเค้าชอบผนังส้มตัดกับต้นตีนตุ๊กแกสีเขียวจัง



มีกลิ่นเทียนหอมให้เลือก ชื่อแต่ละกลิ่นจะเป็นชื่อจังหวัดหรือประเทศ
เช่น กรุงเทพ สิงคโปร์ ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ เก๋ๆเนอะ



พร้อมนวดแล้วฮับไปดูห้องสปากัน



ห้องสปาห้องใหญ่นอนนวดสวีทวี้ดวิวพร้อมกันได้สองคน ฮี่ๆ



ในห้องจะมีกลิ่นหอมสดชื่นจางๆเป็นกลิ่น Signature ของ Le Meridien
เค้าชอบมากมาย ปกติไม่ค่อยถูกกับกลิ่นอะไรนะ น้ำหอมก็ไม่ใช้
แต่กลิ่นที่นี่เฟรชและผ่อนคลายมาก จริงๆกลิ่นมีทั่วโรงแรมตั้งแต่ลอบบี้
แต่ว่าด้วยความที่โรงแรมค่อนข้างโปร่งกลิ่นบริเวณด้านนอกเลยไม่ค่อยชัดจ้า



ด้านนอกจะเป็นอ่างอาบน้ำเอาท์ดอร์ชมวิวแม่น้ำกก อยากกระโจนลงอ่างชิมิล่า



อุปกรณ์พร้อมเค้าเลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มช่วยเพิ่ม Energy ให้ร่างกาย
และเป็นน้ำมันตัวที่ซึมไว ไม่เหนอะหนะจ้า หอมเฟรชๆดี



อู๊ววววแอบเซะซี่โชว์หลังนิดนุง ฮี่ๆ
เค้าลองนวดคอร์ส Signature ที่ดังที่สุดของที่นี่ คือ Tok Sen หรือ การนวดตอกเส้น
เค้าเคยลองนิดๆหน่อยๆที่เชียงใหม่แต่เพิ่งทราบว่าออริจินอลคือที่เชียงราย
เป็นการตอกไม้เบาๆไปที่เส้น โดยอาศัยหลักการสั่นสะเทือนไม่ได้ตอกแรกน้าอย่าตกใจ
แต่ตอกเบาๆให้เกิดการสั่นลงไปในกล้ามเนื้อฮับเบากว่านวดไทยเยอะจ้า สบายๆชิลๆ



ความเก๋ของการนวดตอกเส้นก็คือไม้ที่ใช้นวด
จะต้องเป็นไม้ที่เคยโดนฟ้าผ่ามาก่อน !!!
โอ้วไม่ธรรมดา เพราะเค้าบอกว่าไม้ที่เคยโดนฟ้าผ่า
เมื่อนำมาใช้ตอกเส้นจะมีการปล่อยประจุทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวจ้า



ปิดท้ายด้วยการแช่อ่างกลางแจ้ง เขิลล์นะแต่ก็ได้ฟิลมากกกก
น้ำอุ่นๆปะทะกับลมเย็นๆ นั่งมองวิวแม่น้ำกกเพลินๆ
กลีบกุหลาบที่ลอยอยู่ให้กลิ่นหอมจางๆฟุ้งอยู่รอบตัวฟินค่าฟิน Smiley

-----------------------------------------------------------------------------------

สรุปกับการมาพักที่ Le Meridien Chiang Rai Resort
เทียบกับราคาเค้าว่าเริ่ดไม่ว่าจะเป็นห้องพัก วิว อาหาร
ยิ่งได้อากาศเย็นๆแล้วเหมาะแก่การมาพักผ่อนจริงๆ
ห้องที่เค้าพักเป็นวิวแม่น้ำกกจะอยู่ตึกหลังสุด
ใครชอบชมวิวแนะนำ แต่เตือนไว้ว่าเดินไกลนิดน้า
อย่างที่บอกว่าโรงแรมกว้างมาก ถ้ามีผู้ใหญ่มาด้วย
ไม่เน้นเดินไกลเค้าว่าห้องวิวสวนตรงหน้าต้นมะเมี๊ยะก็สวยฮับ
ถ้ามารอบหน้าก็คาดว่าจะพักที่เดิมนี่หล่ะ ตกหลุมรักซะแล้ว
ลองอ่านดูจากหลายๆรีวิวน้า เค้าว่าที่นี่ทำให้คนที่มาพักประทับใจได้ไม่ยากเลย
หวังว่ารีวิวนี้จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจหาที่พักในเชียงรายค่า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้านะค๊า

Smiley XOXO
Smiley

ปล.เข้าไปชมภาพของโรงแรมแบบเต็มอัลบั้มได้
ที่หน้า mhunoiiifanpage ของเค้าตามลิงค์ด้านล่างนี้ฮับ


<3 Le Meridien Chiang Rai Resort <3





 

Create Date : 01 ตุลาคม 2556    
Last Update : 2 ตุลาคม 2556 1:09:27 น.
Counter : 7500 Pageviews.  

Etude House Pink Play Season 4 Singapore Trip 27-28 Aug 2013 <3



สวัสดีค่ามีทริปมันส์ๆมาเล่าให้ฟังกันอีกแล้ว
กับทริป Etude House Pink Play Season 4
ปีนี้เป็นปีที่ 4 แล้วกับการจัดปาร์ตี้คอนเสิร์ตของ Etude
ซึ่งเมื่อปีที่แล้วหมูก็ไปมันส์กับปาร์ตี้ใน Season 3 ที่เกาหลีมา
ตามไปอ่านของปีที่แล้วได้ที่ >>>CLICK<<<
แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ Etude House ออกมาจัดปาร์ตี้นอกเกาหลี
โดยบินมาจัดถึงประเทศสิงคโปร์ ลัดฟ้ามาไกลน้านี่ แต่ใกล้บ้านเรามากขึ้นเนอะ
ทริปนี้จะมันส์ขนาดไหน หมูได้ไปเจออะไรมาบ้าง มาออกเดินทางไปพร้อมกันเลยค้าบ



วันที่ 27 สิงหาฤกษ์งามยามดีนัดเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิตอน 5.50 น.
ทริปนี้มีพี่ๆสื่อสาวสวยไปทั้งหมด 3 ท่าน พี่นิวจาก Lips, พี่ลี่จาก Cleo, พี่ย้วยจาก 17
และสองสาวบล็อคเกอร์คือ ทราย(Mhunoiii) & ทราย(Feonalita) อิอิ Smiley



ดับเบิ้ลทรายยืนด้วยกันแดงๆเขียวๆให้บรรยากาศคริสมาสต์ล่วงหน้ามากกกก 555
และด้วยความบังเอิญเค้าใส่เสื้อแดง และฟิใส่เสื้อด้านในสีเขียว ตามสีผมเล้ยยย



วันไปหมูแต่งตัวแนวไหนไม่รู้เน้นว่าจะถูกจะแพงเอาแดงไว้ก่อน 555
ของใส่รองเท้าแบบส้นแบนๆจะได้เดินสบาย วิ่งสะดวก
มีหลายคนถามว่ารองเท้าของอะไร ที่รองเท้าเขียนยี่ห้อว่า Aili
เค้าสอยมาจาก CTW ตอนนั้นมีตั้งบูทเซลล์รองเท้าคู่นี้ 300 เองเฟี้ยวป่ะหล่า



ทริปนี้บินไปกับการบินไทย Smooth as silk บินไฟลท์เช้า 8.30 น.ฮับ
อาหารเช้าบนเครื่องมีให้เลือกเป็นไก่ซอสเสฉวนกับบะหมี่ หรือออมเล็ท
หลังจากหม่ำมื้อเช้าจนอิ่มแปร้ก็สภาพตามในรูป แหะๆ นอนชาร์จพลังไปก่อน



ใช้เวลาในการบินไปสิงคโปร์ประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ
แป๊บเดียวก็ถึงแล้วจ้าเห็นเกาะสิงคโปร์จากมุมบนเขียวชอุ่มเนอะ
นี่เป็นการมาสิงคโปร์ครั้งที่สองของเค้า เพิ่งมาเที่ยวเมื่อปีที่แล้วฮับ



จากสนามบินไปโรงแรมของเราทริปนี้ไปทางแท็กซี่สะดวกสุด
ซึ่งเค้าประทับใจแท็กซี่ที่นี่มากมาย คุณลุงคนขับชวนคุย
ถามคุยเล่นกับเราว่ามาจากไหน แนะนำข้อมูลสิงคโปร์ให้เราด้วย
คนสิงคโปร์ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เริ่ดอ้ะพูดได้ทุกคน



และแล้วก็มาถึงที่พำนักของเราในทริปนี้
"Marina Bay Sands Hotel"
โรงแรมห้าดาวชื่อดังที่ใครมาสิงคโปร์ก็รู้จักเนอะ ใหญ่อลังการมากกก



ที่นี่จะแบ่งเป็นสามตึกเค้าพักตึกที่ 2 ชั้น 29
เปิดห้องมาตะลึงกับความกว้างขวางของใหญ่ดีจัง



ห้องน้ำกว้างได้ใจเลย ผังห้องน้ำคล้ายกับ Rest Detail ที่หัวหินเลยนะนี่
ที่นี่เริ่ดตรงที่มีอินเตอร์เน็ตใช้ได้ทุกจุดตั้งแต่หน้าลอบบี้ยันห้องพัก เน็ตแรงมากกกด้วยโหลดปรื๊ดๆ
และในห้องพักเค้ามีหัวแปลงปลั๊กไฟไว้ให้ด้วย สะดวกดีไม่ต้องพกมา
เค้าอ้ะพกมาแต่หัวแปลงปลั๊กเค้าดันเสีย โชคดีไป แหะๆ



วิวจากระเบียงห้องพักกรี้ดดดดสลบคือสวยมากยังกะเมืองในหนัง
ที่เห็นเป็นสวนๆต้นไม้แท่งๆคล้ายในหนัง Avatar คือ Gardens by The Bay
เดี๋ยวหมูจะพาทัวร์ตอนก่อนจะกลับท้ายๆบล็อคนะฮับ



ความอลังการของ Marina Bay Sands คือมีห้างอยู่ในตัวเลยเชื่อมทางเดินจากโรงแรม
ชื่อว่า The Shoppes ใหญ่เว่อร์ ประมาณ Mega Bangna ซึ่งอัดแน่นไปด้วยช็อปแบรนด์เนม



มื้อแรก ณ สิงคโปร์ทำการฝากท้องกันที่ศูนย์อาหาร
Rasapura Masters Food Court ในห้าง
The Shoppes
มาสิงคโปร์ก็ต้องจัดติ่มซำ มีซาลาเปาไส้ครีมไข่เค็มไส้ไหลด้วย ฮี่ๆ
ติ่มซำที่ร้านนี้เค้าไม่มีฉิกโฉ่วง่า มีแต่ซีอิ๊วขาว จิ้มไปตอนแรกเค็มสะเดิดเลย 555



แต่งหน้าแต่งตัวใหม่พร้อมลุยปาร์ตี้ในธีมสีชมพู Pink Play Smiley



เค้าได้เข้าไปในงานเปิดตัวสำหรับรอบสื่อก่อนจะเริ่มงานคอนเสิร์ต
รอบสื่อเปิดตัวกันด้วยหนุ่มๆวง Shinee บอยแบนด์พรีเซ็นเตอร์ชื่อดังของ Etude
ซึ่งครั้งนี้มาไม่ครบวงขาดหนุ่ม Minho ขวัญใจสาวๆ ที่ติดถ่ายงานอยู่ที่เกาหลี
โดยสี่หนุ่มมานั่งเล่าถึงประสบการณ์การปรุงน้ำหอมสำหรับสาวๆ
โดยจะเป็นกลิ่นเฉพาะของแต่ละหนุ่มในวง
Shinee ว่าชอบสาวๆที่ใส่น้ำหอมสไตล์ไหน
กับน้ำหอมคอลเลคชั่นพิเศษ Etude House Be My Princess Minime SHINee



ประทับฝ่ามือเป็นที่ระลึก แม้จะไม่รู้จักซักกะคนแต่ก็แอบปลื้มนิดนึง
ไม่คิดว่าจะได้เจอซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเกาหลีแบบระยะประชิดขนาดนี้
มีสาวๆแฟนคลับมาบอกว่าคีย์มองกล้องเค้าด้วย คีย์คือคนขวามือสุดชิมิ?



ต่อด้วยการให้สัมภาษณ์ของ Etude Make-Up Ambassador
คุณ Kevin Lao-Shi เมคอัพอาร์ตติสชื่อดังชาวไต้หวัน
ซึ่งเค้าเคยเจอคุณ Kevin ครั้งนึงแล้วหล่ะ ในงานเครื่องสำอางแบรนด์หนึ่งที่ไทย



พร้อมกับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดของ Etude House
Sulli นักแสดงและนักร้องสมาชิกวง f(x)
ซึ่ง Sulli ได้รับการขนานนามว่าเป็น "Baby Beauty"
คือเป็นสาวที่มีผิวสุขภาพดีเหมือนกับผิวเด็ก และมีผิวขาวราวกับน้ำนม
คอนเฟิร์มว่าจริง ผิวเนียน ใส บริงค์มั่กๆฮับ ผิวเค้าขาวแบบอมชมพูเลย



พร้อมกับการสาธิตการใช้รองพื้นตัวใหม่
Etude House Precious Mineral Any Cushion SPF50/PA+++
ที่เป็นรองพื้นในแบบตลับใช้ง่ายมีฟัพทารองพื้นในตัว
คุณ Kevin บอกเลยว่าใช้ง่ายมากแค่กดซับๆลงไปเบาๆบนใบหน้า
ให้การปกปิดได้ดี ให้ลุคผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ ให้ผิวชุ่มชื่นและคุมมันได้ในระดับนึงฮับ



หน้าตานางเอกของงานนี้ฟาวเดชั่นในรูปแบบตลับผสมสารสกัดจากไข่มุก

Etude House Precious Mineral Any Cushion SPF50/PA+++
บ้านเราก็มีวางขายแล้วนะค้า มีสองเฉดสีให้เลือก W13 และ W24 ราคา 1,295 บาทจ้า



มีไอเท็มใหม่ๆให้อัพเดทอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นมาสคาร่ารุ่นดัง
Lash Perm 3 Step Volumecara ซึ่งออกเป็นมาสคาร่าสีน้ำตาลมาใหม่ด้วย
ลิป Dear My Blooming Lips-talk 24 เฉดสี เค้าชอบลิปรุ่นนี้เนื้อครีมมี่เม็ดสีแน่นมาก



ห้าสาวสื่อจากไทยแลนด์ได้รับกิฟต์เซ็ตกระเป๋าบ้าน
อัดแน่นไปด้วยไอเท็มใหม่ๆจาก Etude House ด้วย เย้เฮ!



พร้อมแล้วเราก็ไปลุยในคอนเสิร์ตปาร์ตี้สีชมพูกันเล้ยยย



ก่อนจะเริ่มคอนเสิร์ตภายในงานจะมีบูทกิจกรรมต่างๆ
มีแลกป๊อบคอร์นสีชมพูหวานแหววพร้อม
กับน้ำคอลลาเจนของ Etude ด้วย เรื่องกินเรื่องใหญ่ 555
มีโต๊ะเมคอัพให้เราได้ลองคสอ.ใหม่ๆจาก Etude
จะได้เติมหน้าให้สวยเป๊ะก่อนเข้าไปมันส์ในคอนเสิร์ตกัน



 ได้เวลาก็เข้าไปในฮอลล์แสดงคอนเสิร์ต
OMG!!! สาวๆแฟนคลับ Shinee มากันเยอะมว๊ากกกกก Smiley



เมื่อ Shinee ขึ้นเวทีทุกคนพร้อมใจกันชูกล้อง 555



นอกจากคอนเสิร์ตจากหนุ่มๆ Shinee
ยังมีโชว์สาธิตการแต่งหน้าโดยคุณ Kevin ด้วย
กับลุคเจ้าหญิง Pink Play ที่เน้นผิวหน้าแบบแมต์
ตาแคทอายและลิปสีธรรมชาติแบบสาวสุขภาพดี
พร้อมกับการจับฉลากผู้โชคดีขึ้นมารับรางวัลและถ่ายรูปคู่
กับสาว Sulli พรีเซนเตอร์คนสวยบนเวทีด้วย



ก่อนกลับแวะไปเล่นกิจกรรมจุ๊ฟโปสเตอร์หนุ่ม Shinee
ด้วยลิป Etude ทิ้งรอยจุ๊ฟไว้เป็นที่ระลึก 555
อยากจะถามว่าที่จุ๊ฟไปนี่ชืออะไรเหรอ เค้าม่ายรู้จัก แหะๆ



ระหว่างทางกลับห้องพักต้องเดินผ่านโซนห้าง
เหมือนมีมนต์ดำดึงดูด เข้าไปเสียทรัพย์เบาๆที่ Sephora นิดนึง
ได้ข่าวว่า
Sephora กำลังจะมาเปิดที่ไทยแล้วสาวไทยเตรียมเฮได้เลย



แชะภาพวิวสวยๆจาก Marina Bay Sands Hotel ก่อนเข้านอน สวยมว๊ากกกกกก



มอร์นิ่งวันสุดท้ายในสิงคโปร์ เอ๊ะเพิ่งมาเมื่อวานเองไวจัง
ตอนเช้าคุณแฟนขึ้นไปถ่ายสระว่ายน้ำอันโด่งดัง ณ ชั้น 57 มาให้ชม
เสียดายไม่มีเวลาขึ้นไปว่าย วิวจะสระว่ายน้ำสุดยอดเลย



หม่ำๆมื้อเช้าในห้องอาหารของโรงแรม



มีเวลาอีกพักนึงก่อนไปสนามบิน
เค้าเลยขอเดินไปชมสวนสาธารณะแห่งใหม่ของสิงคโปร์
ที่สามารถเดินเชื่อมจากโรงแรมไปได้เลย
กับ Gardens by The Bay
ห้องที่เค้าพักเป็นฝั่งที่เห็นวิวสวนแห่งนี้ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมากกกก
ตั้งใจเลยว่าก่อนกลับต้องขอไปยลใกล้ๆให้ได้



กรีดร้องป่ะหล่า เห็นปุ๊บนึกถึงฉากในหนังเรื่อง Avatar เลย
Gardens by The Bay เป็นส่วนหนึ่งของ Marina Bay Sands
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสวนแห่งอนาคต แหงหล่ะหน้าตาล้ำขนาดนี้
แต่ความเด่นไม่ใช่แค่ความเก๋ของดีไซน์ แต่ต้นไม้เหล่านี้เป็นต้นไม่ประดิษฐ์
ที่มีแผงโซล่าร์เซลล์อยู่ด้วย ตอนกลางคืนไฟจะติดสวยงามอลังการ
ด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ที่สะสมไว้ในตอนกลางวัน
รวมถึงมีระบบการกักเก็บน้ำเพื่อให้ความเย็นชุ่มชื้นไปทั่วบริเวณสวน สุดยอดอ้ะ



ซึ่งเราสามารถขึ้นไปเดินบนสะพานแขวนบนต้นไม้ด้านบนด้วย
เสียค่าขึ้นคนละ 15 SGD ประมาณคนละ 375 บาท
เป็นสะพานแขวนด้วยสลิงอยู่บนต้นไม้สูงประมาณตึกหกชั้น
แนะนำว่าควรค่าแก่การขึ้นไป วิวบนนั้นเริ่ดอ้ะ
แม้อากาศจะร้อนตับแล่บตามสไตล์สิงคโปร์แต่บนนั้นลมเย็นสบายเลย
ถ่ายรูปบนสะพานมาสีสันคัลเลอร์ฟูลมาก สีสะพาน ตัดกับต้นไม้ รวมทั้งสีชุดเค้าด้วย 555



มองกลับไปฝั่งโรงแรมที่เราพัก อลังเนอะ
แนะนำจริงๆน้าใครมาขอให้ขึ้นมาเดินเล่นบนนี้ประทับจิตสุดๆ



แม้อากาศจะร้อนก็สู้ตายสวยงามเป็นคุณค่าที่คุณคู่ควรจริงๆ 555



แวะไปฝากท้องมื้อเที่ยงกันที่ Din Tai Fung
ก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่สนามบิน Changi เตรียมตัวกลับบ้านกัน



เข้าสนามบินปุ๊บก็ทำหน้าที่สาวไทยที่ดี
ประพฤติตัวตามธรรมเนียมว่ามาสิงคโปร์จะต้องสอย Charles & Keith ฮุฮิๆๆ
บอกเลยว่าถูกกว่าไทยมากกกกกกกบางใบเป็นพันฮะ
คราวก่อนมาก็โดนคราวนี้ก็ต้องไม่พลาด เสียตังได้ของถูกสบายใจกลับไทยได้ 555



ขึ้นเครื่องบินกลับกับด้วยการบินไทยเหมือนตอนขามา
เครื่องดีเลย์เล็กน้อยเพราะฝนตกรอโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง
หม่ำมื้อเย็นกันบนเครื่อง ง่ำๆ อิ่มแปร้ แป๊บเดียวสองชั่วโมงนิดๆก็ถึงบ้านเราแล้วฮับ



ขอบพระคุณภาพงามๆจากช่างภาพประจำทริป
รวมทั้งเป็นช่างภาพส่วนตัวเค้าด้วย คุณแฟนเค้าเองรับจ๊อบพิเศษ อิอิ
ถ่ายคู่กันไม่มีหน้าแบบปกติเลยซักกะรูป Smiley

----------------------------------------------------------------------

จบทริปไปอย่างสวยงาม แม้จะไปช่วงสั้นๆคืนเดียวกลับ
แต่ก็ได้ประสบการณ์อะไรดีๆมากมาย
ขอขอบคุณ Etude House Thailand ที่ให้เกียรติ
เชิญเค้าไปเป็นหนึ่งในตัวแทนสื่อจากเมืองไทยนะค้า

Smiley XOXO Smiley

----------------------------------------------------------------------

ปล.เข้าไปชมภาพสนุกๆจากทริปนี้ได้ที่หน้า Mhunoiiifanpage ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะค๊า

[Part 1] Etude Pink Play Party Season 4 @Singapore

[Part 2] Etude Pink Play Party Season 4 @Singapore




 

Create Date : 31 สิงหาคม 2556    
Last Update : 2 กันยายน 2556 4:14:57 น.
Counter : 12740 Pageviews.  

Review : วงเดือนรีสอร์ทเกาะเสม็ด......สวย น้ำใส สงบ สนุก ครบรส <3

 เกาะเสม็ด......สถานที่ฮ็อตฮิตติดชาร์ตในลิสต์ท่องเที่ยวของเค้า
นับครั้งไม่ถ้วนเลยว่ามากี่ครั้งแล้ว รู้แต่ว่าปีนึงหลายครั้งมากกกก
และที่พักประจำก็จะอยู่ที่ฝั่งอ่าววงเดือน ไม่ก็หาดทรายแก้ว
ถ้าพักฝั่งหาดทรายแก้วเค้าจะพักแบบชิลๆเอาแค่พอซุกหัวนอนได้
เน้นมาลั้นลาหาสีสันริมหาด มานั่งรับลมริมทะเลอยู่ลิม่าบาร์นั่งคุยกะพี่ๆที่สนิทกัน
แต่อีกที่นึงฝั่งอ่าววงเดือนคือมาแบบสวยๆที่พักดีๆเรียกว่ามาพักผ่อนของจริง
ซึ่งเค้าจะพักอยู่ที่เดียวคือ "วงเดือนรีสอร์ท" (Vongdeuan Resort)
มาหลายครั้งเลยยังไม่เคยรีวิวเต็มๆให้ชมกันสักทีแต่ครั้งนี้เป็นความรู้สึกที่อยากเขียน
เพราะตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาข่าวทุกช่องออกมาเรื่องน้ำมันรั่วเข้าเกาะเสม็ด
ซึ่งในความจริงแล้วฝั่งที่ได้รับผลกระทบจริงๆคือฝั่งอ่าวพร้าว
และก็ได้รับการดูแลทำความสะอาดจนหาดกลับมาสะอาดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาไปแล้ว แต่คนก็ยังกังวลกันอยู่เลยไม่กล้ามาเที่ยว
ทริปนี้จะรีวิวและให้ได้ชมกันว่าเสม็ดของเค้าสวยเหมือนเดิมทุกอย่าง
มาเที่ยวได้ตามปกติและยังคงเสน่ห์แบบที่หาที่ใดแทนไม่ได้เหมือนเดิม มาชมกันเลยจ้า



การไปพักที่วงเดือนรีสอร์ทเราสามารถนำรถไปจอดได้เลยที่ท่าเรือเทศบาลบ้านเพ
ท่าเรือเทศบาลจะอยู่ถัดจากท่าเรือโชคกฤษดา ท่าเรือนวลทิพย์
ไปไม่ไกลมีป้ายใหญ่ชัดเจนสังเกตได้ง่ายค่ะ
โดยบริเวณที่ทำการของท่าเรือจะมีออฟฟิสของวงเดือนรีสอร์ทเลยจ้า
ที่จอดรถมีหลังคามีคนเฝ้าเรียบร้อย ค่าจอดรถคิดเป็นวัน วันละ 60 บาท
ส่วนเรือที่เราจะนั่งไปเกาะเป็นเรือของรีสอร์ทเองเลย
ค่าเรือจะรวมอยู่ในค่าห้องพักแล้วค่ะ 
เรือเที่ยวที่เราไปคือรอบบ่ายโมงครึ่ง
เรือเป็นเรือใหญ่ใช้เวลาเดินทางไปฝั่งอ่าววงเดือนประมาณ 45 นาที
วันที่ไปมีคลื่นนิดหน่อยน้ำกระเซ็นบ้างพอเป็นพิธี
แต่บอกได้เลยว่าน้ำทะเลสะอาดไม่มีคราบน้ำมันให้กังวลจ้า



ฝั่งอ่าววงเดือนจะไม่มีท่าเทียบเรือใหญ่
แต่เรือจะจอดห่างจากฝั่งไม่ไกลประมาณ 30 เมตร
เราจะต้องย้ายลงไปนั่งเรือแพสีน้ำเงินของรีสอร์ทเพื่อเข้าฝั่งกันจ้า



พิสูจน์ความใสสะอาดของน้ำทะเลหน้าชายหาดฝั่งอ่าววงเดือนให้ชมกันแบบชัดๆ
แอบสงสารคนที่ทำธุรกิจบนเกาะเลยกับข่าวที่ออกไป
ทำให้คนที่ไม่ได้ตามข่าวเข้าใจผิดไปกันหมดว่าน้ำมันรั่วส่งผลทั้งเกาะ
สิ่งที่ส่งผลคือสื่อและการรับสื่อที่ไม่ชัดเจนทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวซบเซา
ตอนที่เค้ามานี้แทบไม่เจอคนไทยเลยแต่ขอบอกว่าชาวต่างชาติมาเยอะมากๆค่ะ
อยากให้ได้มาเที่ยวกัน จะบอกว่าทะเลภาคตะวันออกก็สวยไม่แพ้ทะเลใต้น้า Smiley



ถึงแล้ว
"วงเดือนรีสอร์ท" (Vongdeuan Resort)
ถ่ายกับป้ายตามวิถีการมาท่องเที่ยวตามสไตล์อนุรักษ์นิยม 555



ล็อบบี้เช็คอินมีที่นั่งให้นั่งพักพร้อมเสิร์ฟน้ำเปล่าเป็นแก้วๆให้ทานคลายร้อน
เรทราคาที่พักของที่นี่ขึ้นอยู่กับวัน ช่วงเทศกาลและโปรโมชั่นด้วย
สามารถเข้าไปเช็คราคาได้ที่  //www.vongdeuan.com เลยจ้า
แอบเชียร์ห้องแบบที่เค้ามาพักประจำคือห้อง Poolside Cottage
ราคาจะประมาณสี่พันกลางๆ แต่ถ้าได้ช่วงมีโปรก็ถูกไปอีกเยอะฮับ
เดี๋ยวจะบอกทำเลให้ว่าควรจองห้องไหน ฮี่ๆ



หน้าตาของห้องพักแบบ Cottage จะเป็นหลังๆแยกกันแบบนี้ค่ะ



วิวฝั่งด้านหน้าห้องพักก็คือสระว่ายน้ำที่หันหน้าออกทะเลจ้า
เลยเป็นทำเลโปรดของเค้าเดินไปว่ายน้ำและกลับมาอาบน้ำในห้องได้เลยใกล๊ใกล้



ชี้ลายแทงห้องพักสุดโปรดของเค้าคือ....Cottage 3
จริงๆแล้วห้อง Cottage ที่หันหน้าหาสระจะมี 2, 3, 4 (ป๊ากับแม่พักห้อง 4)
แต่เค้ามาทีไรก็ชอบเจ้าห้องหมายเลข 3 สุดละ
สงสัยเพราะเป็นคนที่ถูกโฉลกกับเลขนี้เลยอิน อิอิ



เก็บของเสร็จก็ออกมาลั้นลาปีนป่ายอยู่ริมหาด นี่หมูหรือลิง ? 555



น้ำสะอาดลงเล่นได้แต่เค้าเองเป็นคนจันท์
ที่บ้านก็มีทะเลเลยไม่ค่อยตื่นเต้นจะเล่นน้ำเท่าไหร่
ลงไปวิ่งเล่นเอาพอขาเปียกๆ แอ๊บถ่ายรูปก็สนุกละ Smiley



ใกล้ยามเย็นถ้ามาพักที่นี่ก็จะต้องเดินไปจุดชมวิวที่เด็ดที่สุด
อยู่ด้านหลังที่พัก เป็นจุดที่คนที่นี่รู้กันเดินบุกป่าฝ่าดงออกไปนิด
จะเจอหน้าผาหิน ซึ่งเป็นจุดที่พระอาทิตย์ตก
ถ้าต้องการไปสอบถามทางจากพนักงานในรีสอร์ทได้ค่าเดินไม่เกินครึ่งกม.ฮับ



วิวแบบนี้เลยลมเย็นสบายมากกกกก



เสียดายวันที่เค้าไปมีเมฆมากข้อดีคือไม่ร้อน
แต่ข้อเสียคืออดดูคุณพระอาทิตย์ตกดินเลย



เดินออกกำลังกายได้เหงื่อละก็ถึงเวลาหม่ำมื้อเย็น
เย็นนี้ทานง่ายๆใกล้ๆในรีสอร์ทละกัน



Appetizer เรียกน้ำย่อย >>> โรตีกล้วยใส่ไข่ราดช็อคโกแลต
555 มันใช่ไหม ใครเคยมาเสม็ดจะรู้ว่าของว่างที่หาทานง่ายสุดคือ "โรตี"
มีรถเข็นขายโรตีเรียงรายอยู่ทุกหน้าหาด เก๋ดีเนอะใครเป็นคนเข็นมาขายที่เสม็ดคนแรกหว่า?



เมนูง่ายๆแบบได้ใจความ "ต้มยำน้ำข้น" ใส่กุ้งกะปลา <<< เปรี้ยว แซ่บ
เมนูทานเล่นกินเพลินๆ "ผักชุบแป้งทอด" ผักมาซะครบเลย
หอมใหญ่ ข้าวโพดอ่อน แครอท ถั่วลันเตา ฯลฯ



เมนูต่อมา "ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน" มะพร้าวอ่อนมว๊ากกกกมาสดๆ
รสชาติห่อหมกกลมกล่อมกำลังดีไม่ค่อยเผ็ด ใส่ปลา กุ้ง และหมึก
ขอบอกว่าให้กุ้งเยอะไปไหนกินไปเป็นสิบกว่าตัวรวมกะในต้มยำไม่หมดซะที 555



ได้ซีฟู้ดไปหลายเมนูละจัดเนื้อสัตว์อย่างอื่นบ้างดีกว่า
กับ "ผัดโป๊ยเซียนหมู" โป๊ยเป็นภาษาจีนแปลว่า 8
ผัดโป๊ยเซียนก็คือผัดวุ้นเส้นใส่ผักแปดอย่าง
รสชาติกลมกล่อมดีจังแต่ไม่ไดันับว่าผักครบแปดอย่างไม๊ อิอิ



เมนูสุดท้ายอันนี้เด็ดโฮกกกกกกก อย่าได้แคร์มาทะเลไม่จำเป็นต้องสั่งแต่อาหารทะเล
"ยำ(ลาบ)ไก่ทอด" สุดยอดอ้ะ ไก่ทอดมาร้อนๆหนังกรอบๆราดด้วยน้ำยำแบบลาบ
รสชาติกลมกล่อมมาก เผ็ดแซ่บกำลังนัว ใครมาลองสั่งทานกันนะเค้าเชียร์ ชูป้ายไฟ 555 Smiley



อาหารห้าอย่างทานกันไปสี่คนสิริรวมราคาออกมา 820 บาทเท่านั้น
เทียบกะราคาอาหารปกติก็จัดว่าไม่แพงแล้วแต่นี่มาทานบนเกาะด้วยนะจัดให้ว่าถูกเลย
ปริมาณแต่ละจานนี่ให้มาแบบกลัวไม่อิ่มกินกุ้งกันจนเหนื่อยกะว่ามื้อหน้าไม่เอากุ้งละ 555
จบไปหนึ่งวันกับชีวิตชาวเกาะอะไรจะชิลขนาดนี้หนังท้องตึงหนังตาหย่อนหลับเป็นตาย Smiley



เพิ่งดูรูปอาหารมื้อเย็นกันไปมาต่อกันด้วยอาหารมื้อเช้า 555
มื้อเช้าที่นี่จะรวมอยู่กับค่าห้องพักหรือใครพักที่อื่นอยากมาแจมคิดหัวละ 200 บาทฮะ
เป็นอาหารบุฟเฟ่ต์ที่ครบองค์มาก
บริการตั้งแต่ 7-10 โมงเช้า
มีอเมริกันเบรคฟาสต์ อาหารไทย นม ขนมปัง ฯลฯ
วันนี้เค้าหม่ำสปาเก็ตตี้ขอบอกว่าแจ่มอร่อยมั่กๆ และที่เรคคอมเมนต์แบบสุดๆ
มาแล้วควรกินคือวาฟเฟิลและแพนเค้กราดน้ำผึ้งอัดหนักจัดเต็ม
เค้าบอกว่ามื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญกินเข้าไปเถอะไม่อ้วน ฮี่ๆ Smiley



อยู่เกาะวันๆนี่อ้วนชัวร์เพราะจบมื้อเช้าไปนั่งๆนอนๆได้ไม่นานก็มื้อเที่ยงละ
เที่ยงนี้ทานตามสั่งในรีสอร์ทเหมือนเดิม เค้าสั่ง "ผัดไทหมูห่อไข่" มาซะอลัง
คือไข่ที่ห่ออ้ะเยอะมากเยอะยิ่งกว่าเส้นผัดไท สงสัยเลยว่าใช้ไข่ไปกี่ฟอง ?
รสชาติเข้มข้นมาก มีความเก๋ตรงที่ผัดไทใส่ถั่วฝักยาวและมีเครื่องเคียงเป็นสัปปะรดนี่หล่ะ



และอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดเวลามาอ่าววงเดือนคือ "ส้มตำวิน"
ที่นี่จะมีแม่ค้าหาบเร่ขายส้มตำโดยใส่เสื้อแบบวินมอไซต์ !!!
เค้าจะแบ่งกันว่าเขตนี้วินไหนขาย เริ่ดเนอะ วินที่สั่งวันนี้เสื้อกั๊กสีฟ้า
เลขวินจำไม่ได้ 16 หรือ 17 นี่หล่ะ ตำปูรสโค่ดนัว สีสันสวยงาม
พริกแลไม่เยอะนะแต่บอกเลย เผ็ดมว๊ากกกกกปากเบิร์น แต่อร่อย จบ.



กินเสร็จได้เวลาออกกำลังกายละ ป๊ากะน้องสาวลงไปว่ายน้ำ
ส่วนเค้ากะแม่นอนอืดริมสระ แอร๊ยยยย555  Smiley
สระที่นี่หันหน้าออกทะเลเลยวิวดี วันนี้ลมเย็นเป็นใจไม่มีแดด



มื้อเย็นวันนี้ขอพาครอบครัวไปเจอแสงสีนิดนึงฝั่งหาดทรายแก้ว
จากอ่าววงเดือนเราสามารถแจ้งให้ทางโรงแรมเรียกรถแท็กซี่ของเกาะได้ค่ะ
รถที่นี่จะมีแบบเดียวเป็นรถเปิดประทุนคันสีเขียวแบบนี้ อิอิ
ค่ารถจากอ่าววงเดือนไปฝั่งทรายแก้วเหมาคันไปกลับอยู่ที่ 400-500 บาทฮับ



ทางในเกาะตอนนี้เริ่มมีการเทถนนคอนกรีตบ้างแล้วจ้า มีเป็นระยะๆ
ดีกว่าสมัยก่อนที่มามาก แต่คืนก่อนฝนตกเลยมีจุดแฉะๆบ้าง
ตรงแถวอ่าวไผ่ยังคงเป็นหลุมบ่อตามเดิมแต่ก็เป็นสีสันการเดินทางดีนะ 555
ใช้เวลาในการนั่งรถหรูเปิดประทุนของเราไปประมาณ 15 นาทีจ้า



เค้าขอให้รถไปหย่อนไว้ตรงจุดพระอภัยมณีและนางเงือก
แอบไปฉีดกลูต้ากันมาแน่เลยผิวขาวซีดเชียว 555
ฝั่งทรายแก้ววันนี้น้ำขึ้นสูงมาก หน้าหาดน้ำใสเช่นกันไม่มีคราบน้ำมันฮับ



และมื้อเย็นวันนี้ขอฝากท้องไว้ที่ "ร้านเจี๊ยบ" อีกหนึ่งร้านชื่อดังของเกาะเสม็ด
เป็นร้านโปรดที่เค้าว่าบรรยากาศดีที่นั่งสบาย แนะนำให้มาทานกันมื้อเย็นลมดีมากก



และนี่คือเหตุผลของการมาร้านเจี๊ยบของเค้า
มาเสม็ดทีไรไม่ว่าจะพักหาดไหนก็ต้องลงทุนเหมารถมาร้านเจี๊ยบ
เพราะเมนู "ซี่โครงหมูอบเบียร์" นี่เลยยย !!! ที่สุดอ้ะ
เป็นซี่โครงหมูที่ตุ๋นให้เนื้อนิ่มก่อนแล้วราดมาด้วยซอสบาร์บีคิวสูตรเฉพาะ
ไม่รู้เค้าไปอบเบียร์ที่ขั้นตอนไหน 555 เอาว่ารสชาติแหล่มมาก
 ถือแทะกันคนละซี่เพลิดเพลินสุดๆ เสิร์ฟมากับหอมใหญ่ทอด อรั๊ยยยฟิน Smiley
เค้าลืมดูว่าราคาเท่าไหร่ มาทีไรก็กินทุกทีจำได้ว่าไม่แพงประมาณสามสี่ร้อยไม่เกินฮะ



ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการขนงานมานั่งทำชิลๆที่ Tempo Cafe & Bar
มุมบาร์เล็กๆของวงเดือนรีสอร์ท ที่เค้าชอบเอาคอมมานั่งเขียนงานนู่นนี่นั่น
ตอนนี้ก็นั่งเขียนบล็อคอยู่ ณ จุดนี้ ลมทะเลตอนกลางคืน เสียงคลื่นสาดคลอๆ
แถมด้วย Mojito หนึ่งแก้วที่นั่งละเลียดดื่มมาตั้งแต่สามทุ่ม เขียนงานพลิ้วขึ้นเยอะ 555
ปั่นบล็อคนี้เสร็จเที่ยงคืนพอดี ขอลาไปนอนก่อนนะค้า
พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วไม่อยากไปเลย ไม่เป็นไรอีกไม่นานเราก็จะแวะมาใหม่
แล้วเจอกันน๊า Samed I Smiley You.




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2556    
Last Update : 18 มีนาคม 2557 13:34:32 น.
Counter : 32240 Pageviews.  

หาดทราย สายลม แสงแดด ฟินสุดพลังที่ "เกาะมันนอกรีสอร์ท จ.ระยอง"

สวัสดีค่ากลับมาพบกันที่หมวดพาเที่ยวซึ่งไม่ค่อยว่างเขียน แหะๆ
หนึ่งสาเหตุที่ไม่ค่อยได้เขียนเพราะไปทีถ่ายรูปมาเยอะมว๊ากกกเรียบเรียงไม่ถูกกันเลยทีเดียว
สำหรับบล็อคนี้จะพาไปเที่ยวเกาะ ให้ดูฟ้าสีครามน้ำสีเขียวบรรยากาศดีเว่อร์กัน
ณ เกาะมันนอก จ.ระยอง ซึ่งห่างจากกรุงเทพแค่นิดเดียวประมาณ 180 กม.
ใช้เวลาขับรถแค่สองชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้วจ้า ยิ่งทรายเป็นคนจันทบุรี
ระยองนี่เป็นทางผ่านต้องกลับบ้านอยู่แล้ว แต่เสียดายมากที่ไม่เคยมา
การมาครั้งแรกทำให้รู้ว่าใกล้ๆบ้านมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สุดยอดอยู่มาติดตามชมกันเลยจ้า



เกาะมันนอกเป็นเกาะขนาดเล็กตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง
บนเกาะมีรีสอร์ทอยู่แห่งเดียว ต้องนั่งเรือไปจากท่าเรือแหลมตาล

>>>แผนที่ท่าเรือแหลมตาล Click<<<

ที่ท่าเรือจะมีบริการรับจอดรถคิดเหมาราคาคันละ 100 บาทจ้า



ขึ้นเรือแล้วจ้า เรือไปเกาะมีรอบเดียวตอนบ่ายโมง
ใช้เวลาในการนั่งเรือใหญ่ไปเกาะประมาณ 45 นาทีชิลๆ



มองเห็นเกาะมันนอกแล้วเย้ๆ แต่ชายหาดที่เกาะเป็นหาดตื้นไม่มีท่าเรือ
เราจะต้องทำการเปลี่ยนไปขึ้นเรือเล็กในรูปเพื่อนั่งไปลงที่เกาะค่ะ



บ๊าย บาย เรือใหญ่ลำที่เรานั่งมา



ลงเรือปุ๊บเห็นน้ำใสๆก็แชะภาพปั๊บ น้ำทะเลที่เกาะใส๊ ใส เป็นสีเขียวอ่อนๆตะลึงๆๆ Smiley
เกาะเป็นพื้นที่กองทัพเรือขนาดเกาะมีพื้นที่ 95 ไร่ สามารถเดินรอบได้ด้วยเวลาแค่หนึ่งชม.จ้า
บนเกาะมันนอกมีที่พักเพียงหนึ่งแห่ง คือ

---------------------------------------------------------------------------------
"เกาะมันนอกรีสอร์ท : Mun Nork Island Resort"
Smiley //www.munnorkislandresort.com
Smiley
---------------------------------------------------------------------------------

ซึ่งการมาพักผ่อนที่เกาะมันนอกจะคิดราคาเหมาแบบรวมอาหารและที่พัก
เพราะบนเกาะจะไม่มีร้านอาหาร หรือร้านค้าใดๆนอกจากรีสอร์ทค่ะ
รายละเอียดราคาแพ็คเก็จเข้าไปชมได้ในเว็ปค่า >>>Click<<<

***ที่เกาะจะปั่นน้ำไฟใช้เองซึ่งเค้าจะมีช่วงพัก
ปิดเครื่องปั่นไฟตอนเวลา 9.00 - 13.00 น.จ้า




ทรายไปช่วงปลายเดือนพฤษภาเป็นช่วงที่เริ่มเข้าหน้าฝน
แต่โชคดี๊ โชคดี วันที่ไปเกาะฟ้าใสกริ๊ง แดดแรงเว่อร์ๆๆๆ



Welcome Drink เป็นน้ำแดงมะนาวปั่นชื่นใจดับร้อนดีนักแล



ไปดูห้องพักเค้ากัน เค้าพักห้อง J5 เป็นวิลล่าริมหาด
วิวสวยสุด บรรยากาศดีสุด แนะนำว่าให้พักห้องนี้ด้วย
เพราะจะมีระเบียงยื่นลงไปหน้าหาดค่า ระเบียงยื่นลงหาดจะมีแค่บางห้องเน่อ
----------------------------------------------
ราคาบ้านพักปรับอากาศ วิลล่า J   
2 วัน 1 คืน (รวมอาหาร 3 มื้อ) 5,390 บาท
3 วัน 2 คืน
(รวมอาหาร 6 มื้อ) 7,590 บาท
----------------------------------------------


***ที่รีสอร์ทมีไดร์เป่าผมแต่ไม่มีผ้าเช็ดตัวและ
เครื่องใช้ในห้องน้ำ
อย่างสบู่ แชมพู ยาสีฟันให้นะค๊า
ต้องเตรียมมาเองอันนี้ห้ามลืมโดยเด็ดขาด !!!




เปิดเข้าไปหันซ้ายจะเจอตั่งไว้ให้เกลือกกลิ้งนั่งเล่นนอนเล่นได้ตามอัธยาศัย



ด้านขวาจะเป็นเตียงนอน ห้องเป็นห้องปรับอากาศแต่มีพัดลมให้ด้วยจ้า
ที่นี่เน้นให้เราอยู่กับธรรมชาติ ไม่มีทีวี ตู้เย็น ในห้องพักนะคะ



เดินตรงเข้าไปจะเจออ่างล้างหน้าให้สองฝั่งเลย จะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้ อิอิ



ถ่ายจากด้านนอกริมหาดเข้าไปจะเห็นห้องอาบน้ำและห้องน้ำ
เซะซี่เว่อร์ๆๆ ฝั่งห้องอาบน้ำเป็นกระจกใสเลย ฮี่ๆ
ส่วนฝั่งห้องน้ำจะเป็นกระจกฝ้าครึ่งนึง แต่ไม่ต้องตกใจ
มีม่านไม้กั้นด้านนอกด้วยไม่ใช่มีแค่นี้นะคร๊า 555



ที่ระเบียงมีโซนอาบน้ำแบบเอาท์ดอร์ด้วยอาบไปดูวิวทะเลไปกริ๊บกริ๊ว Smiley



วิลล่าห้อง J5 แจ่มสุดๆมีระเบียงยื่นไปหน้าหาดด้วย
ใครไปแนะนำจริงๆจองห้องนี้โลดดดดดค่า



ถ่ายจากหาดเข้าไป เห็นป่ะหล่าห้องเค้าเป็นห้องพิเศษ
ห้องอื่นไม่มีระเบียงยื่นออกมาน๊า อิอิ



หาดหน้าวิลล่าเลยยยน้ำใสกริ๊งๆๆๆๆ
สู้ทะเลใต้ได้เลยอ้ะขอบอก เริ่ดจริงๆ



มาถึงก็ต้องมาถ่ายกับไอคอนของเกาะมันนอก
"นกยูง" นั่นเองจ้า เหตุเกิดขึ้นเพราะเจ้าของเกาะนำมาปล่อยไว้หนึ่งคู่
หลังจากนั้นเจ้านกยูงก็แพร่พันธุ์อาศัยอยู่บนเกาะราวกับเป็นบ้าน
สนิทกับนักท่องเที่ยวเชื่องคนทุกตัว เดินไปเดินมาไม่ได้กลัวคนเล้ยยย



นกยูงตัวผู้รำแพนหางโชว์ด้วยสีขนเค้าสวยจนไม่น่าเชื่อเนอะว่าเกิดจากธรรมชาติสร้าง



วิ่งเล่นริมหาดหนุกหนานแดดเปรี้ยงแต่หาได้แคร์ไม่
ร้อนๆแบบนี้แนะนำให้หม่ำน้ำมะพร้าว ไม่รู้ว่าที่เกาะรับมะพร้าวมาจากไหน
อยู่เกาะสามวันซัดไปหลายลูก น้ำมะพร้าวหวานหอม อาหย่อยยยย Smiley



มาทะเลขอแอบเซะซีซักนิด กลับมาคล้ำไปสองเฉดเลย แหะๆ



ถ่ายคู่กะมะเหมียวประจำเกาะเป็นเหมียวแม่ลูกตัวเมียทั้งคู่
เค้าเจอแต่เหมียวตัวแม่ ซึ่งเค้าจะตาเสียข้างนึง เชื่องคนลูบๆเล่นได้จ้า



เดินลงไปด้านหน้ารีสอร์ทกัน ทางเดินจะแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่
ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีมาแต่เดิม รีสอร์ทจะไม่ทำการตัดต้นไม้ใหญ่ที่มีบนเกาะ
แต่จะทำการปลูกแซมเพิ่มเข้าไปด้วยจ้า บรรยากาศเลยร่มรื่นอากาศดีมากๆ



เดี๋ยวเราจะหม่ำข้าวกันตรงจุดรับรองด้านหน้ารีสอร์ท



นั่งรอข้าวเย็น 555 มื้อเย็นจะเสิร์ฟประมาณหกโมงจ้า
ตอนเย็นลมทะเลพัดมาโชยๆนั่งดูวิวดูพระอาทิตย์ค่อยๆลับเพลินจริงจัง
ลมทะเลที่นี่เค้าว่ามันไม่เหนะหนะไม่ทำให้เหนียวตัวจริงๆนะ



ที่มาของภาพนั่งชิลด้านบน ช่างภาพเราทุ่มเท อิอิ



วันแรกเสียดายมีเมฆพระอาทิตย์ลับไปกะเมฆไม่ตกน้ำ
ได้เวลาหม่ำข้าวพอดีไปดูมื้อเย็นกันๆ



หน้าตาของอาหารที่มากับแพ็คเกจ ขอชมพ่อครัวเลยว่าอาหารอร่อยถูกปากทุกอย่าง
ผัดผักรวมกุ้งสด ปลาทอดราดพริก ต้มยำทะเล และยำทะเลรวมมิตร
โดยเฉพาะ "ผัดผัก" ความกรอบของผัก รสชาติของน้ำที่ผัดมันโดนง่ะ กินหมดขอเติมทุกมื้อ 555
คือทรายเป็นคนจันท์อาหารทะเลกินบ่อยอยู่แล้วเลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่
แต่คอนเฟิร์มให้เรื่องความสดให้ว่าหมึก กุ้ง ปู ปลา เค้าสดเนื้อหวานกรอบทุกสิ่งจริงๆค่ะ
อาหารในแพ็คเกจจะได้ตามนี้ทานหมดขอเติมได้ด้วยจ้า เค้าเติมผัดผักนั่งกินเล่นจนหนำใจ



ส่วนอาหารทะเลปิ้งย่างจะต้องสั่งเพิ่มต่างหากนะคะ
ราคาคิดตามน้ำหนัก สามารถโทรสั่งที่เกาะล่วงหน้าไว้ได้เลยค่ะ
ทางเกาะมีแหล่งซื้อประจำที่สดจริงสาวจันท์คอนเฟิร์ม มื้อนี้ฟินกับปูทะเลที่สุด
ขนาดทรายเป็นคนจันท์ยังหาปูทะเลธรรมชาติตัวใหญ่ๆเนื้อแน่นๆแบบนี้ยากเลยจ้า
น้ำจิ้มซีฟู้ดของที่นี่ หรือภาษาถิ่นคนจันท์อย่างทรายเรียกว่า "น้ำพริกเกลือ" เผ็ดแซ่บเลยค้าบ



หนังท้องตึงหนังตาหย่อน คืนแรกที่เกาะมันนอกบอกเลยว่าฟิน Smiley
คืนที่ทรายไปเพิ่งผ่านวันพระใหญ่มาหมาดๆพระจันทร์ดวงโตสาดแสงสวยมาก
นั่งถ่ายจากระเบียงชมวิวหน้าห้อง สาบานได้ว่านี่คือแสงจันทร์ไม่เคยเห็นฟ้าสว่างขนาดนี้มาก่อน
อิ่มบรรยากาศ อิ่มท้อง อิ่มใจ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ



สวัสดีเช้าวันที่สองค่า ตอนเช้าฝนตกเบาๆเลยหลับเพลินตื่นมาเลยเวลามื้อเช้าไปแล้ว แหะๆ
ทรายเลยมานั่งเล่นริมหาดแทน มื้อเช้าจะมีประมาณเจ็ดโมงถึงเกือบสิบโมง
ไปสืบมาว่าวันที่ทรายพลาดคือ ต้มกุ้งใส่ข้าว ไม่ใช่ข้าวต้มกุ้งนะเพราะเจอแต่กุ้งหาข้าวไม่เจอ 555
เดี๋ยวรอบหน้าต้องขอมาลองซะหน่อยว่าต้มกุ้งใส่ข้าวของที่นี่เป็นยังไง



น้ำใสราวกับกระจก ช่วงตอนกลางวันจะเป็นช่วงน้ำลง
ฝั่งหาดหน้าห้องพักทรายเป็นทรายละเอียดแต่จะมีซากปะการังปนอยู่ด้วยเดินต้องระวังนะคะ



มาดูมื้อเที่ยงกันและเมนูที่เฝ้ารอก็มาสมใจ ผัดผัก 555
เที่ยงนี้ซัด ไข่ลูกเขย ไก่ต้มฟัก คะน้าหมูกรอบ และกุ้ง&หมึกผัดกระเพราจ้า
หมึกที่นี่หวานกรอบไม่เหนียวเลย นี่แหละที่สิ่งแสดงความสด
และตามฟอร์มขอเติมผัดผักไปสองรอบ ตลกตัวเองฟินกะผัดผัก 555



กินอิ่มแล้วต้องออกกำลังกายเอ้าโดดๆๆๆ
ทริปนี้เป็นทริปที่โชคดีจริงฝนตกตอนเช้าๆ
ทำให้อากาศตลอดวันแจ่มใส ฟ้าเป็นฟ้า ได้ผิวแทนกันเลย อิอิ



พิสูจน์ความใสของน้ำทะเลที่นี่กันด้วยภาพนี้ Smiley



เดินเล่นชมบ้านพักหลังอื่น มีห้องพักแบบหลังใหญ่สำหรับไปกันเป็นครอบครัว
หรือเพื่อนๆไปลั้นลากันเป็นกลุ่มๆด้วยจ้า



แอบส่องในห้องพักมาให้ชมสักนิด



มีห้องพักพิเศษ 2 ห้องด้วยที่เค้าจะกันไว้ให้สำหรับพาน้องหมาไปพักได้
ซึ่งต้องโทรแจ้งล่วงหน้านะคะว่าจะพาน้องหมาไป มีโควต้าไว้ให้แค่สองห้องนี้จ้า



ได้เวลาออกกำลังกายด้วยการเดินรอบเกาะกันใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงจ้า
เดินไปถ่ายรูปเล่นไป ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้สวยอลังมากกก
แอบกระซิบว่าใช้ถ่ายแบบแฟชั่นบ่อยๆเลยมุมนี้ อิอิ



ด้านล่างเป็นกองหินขนมปัง เค้าบอกว่าหน้าตามันเหมือนขนมปังปอนด์ เหมือนป่าวหว่า??



อีกฝั่งของเกาะชอบมุมด้านนี้เป็นหินๆแอ่งๆน้ำเป็นเวิ้งๆเค้าชอบสวยเน๊อ



เย้ๆครบรอบเกาะแล้ว ไม่ได้ออกกำลังกายนานแอบเหนื่อยแฮ่กๆ
เพราะเดินกันตอนบ่ายสองแดดกำลังได้ที่เล้ยยยย
หมดแรงกลับไปสลบกันอยู่ที่ห้อง กลิ้งเกลืองอยู่ระเบียงหน้าห้องรอหม่ำมื้อเย็น อิอิ



พระอาทิตย์ตกถ่ายซิลลูเอตกันเอาๆ ตั้งกล้องแล้ววิ่งภาพสวยโดนใจเลย



แสงอาทิตย์ลับฟ้าแล้วแสดงเวลาว่าเราพร้อมสำหรับมื้อเย็น555



มื้อเย็นจัดไปหนักๆ อาหารในแพ็คเกจเย็นนี้
ปลาทอดกระเทียม ยำวุ้นเส้น ต้มยำน้ำใสทะเลรวมมิตร
ไก่ทอด และกุ้งผัดดอกกระหล่ำ(ขอเติมตามคาด 555)



และอาหารพิเศษที่ไม่อยู่ในแพ็คเกจ กุ้งเผา กะปลาหมึกย่าง
หมดเรียบทั้งสองจาน ความสดเต็มสิบ หมึกที่นี่กรอบหวานทุกมื้อเยี่ยมง่ะ
กุ้งเผาก็แน่นหวานกรอบเช่นกันที่สำคัญมันกุ้งเต็มหัว
ห้ามคิดถึงคอเรสเตอรอลที่จะเพิ่มเลย 555
กินอิ่มนอนหลับ ราตรีสวัสดิ์คืนที่สอง ณ เกาะมันนอกจ้า



Good Morning Smiley
สวัสดียามเช้า ณ เวลาตีห้าครึ่ง ที่เกาะมันนอก
ฝนกำลังจะหยุดโปรยปรายแค่เบาๆ ฟ้าสวยตะลึง Smiley



แสงเช้าอีกซักหนึ่งรูป นั่งมองแสงอาทิตย์ค่อยๆขึ้นจนฟ้าสาง
อากาศเย็นๆสดชื่น สูดหายใจได้เต็มปอด ฮร้าาาาา



มื้อเช้าวันสุดท้ายบนเกาะข้าวต้มกุ๊ยเสิร์ฟพร้อม ไข่เค็ม ไชโป๊วผัดไข่
ยำผักกาดกระป๋อง และหมูทอดกรอบๆหวานๆเค็มๆอันนี้เด็ดสุดๆๆๆ !!!



นอกจากอาหารเซ็ตหลักแล้วมื้อเช้าจะมีชา กาแฟ โอวัลติน แบบบริการตัวเองให้ด้วยจ้า
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเค้าที่เกาะ โฮๆไม่อยากกลับ หม่ำมื้อเช้าเสร็จก็ต้องกลับไปเก็บกระเป๋า
เพราะเรือขากลับจะมารับเราตอนบ่ายสามโมง



เก็บของเดินเล่นแป๊บๆก็มื้อเที่ยงอีกแล้ว มาหม่ำกันต่อมื้อสุดท้ายของเราบนเกาะ เศร้าเลย
มื้อเที่ยงวันนี้ กุ้งผัดน้ำพริกเผา ไข่เจียว กระดูกหมูต้มไชเท้า กุ้ง&หมึกผัดเค็มโรยกระเทียม อาหย่อย



ภาพปิดท้ายกับวิวสวยๆก่อนบ๊าย บายโบกมือลาเกาะมันนอก
ฟ้าสวยตั้งแต่วันที่มาจนวันที่กลับจริงๆ ลัคกี้ที่สุด

ปล.ภาพในทริปนี้ถ่ายด้วยกล้อง Sony NEX-F3
และ Nikon D300 + Sigma 10-12 + Nikkor 85 mm + Tamron 17-50 จ้า

-------------------------------------------------------------------

ครั้งแรกกับเกาะมันนอก จ.ระยอง ของเค้าบอกเลยว่าประทับใจที่สุด
เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการตัดขาดจากโลกภายนอก
มาใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ แต่ไม่ต้องห่วงมีสัญญาณโทรศัพท์จ้า
ราคาแพ็คเกจที่เห็นอาจจะรู้สึกว่าแพงแต่เชื่อเลยขอให้ได้มาสักครั้ง
จะรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับความสุขที่ได้รับเป็นความรู้สึกทางใจที่อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ
ขอบคุณพี่ฉัตรและพี่ตั้มมากๆที่ชวนหนูมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆในครั้งนี้
สัญญาว่ากลับมาอีกแน่นอนค่ะ วางแผนแล้วว่าจะพาป๊ากับแม่มาเที่ยวกัน
เจอกันรอบหน้าน๊าเกาะมันนอก จุ๊ฟๆ Smiley




 

Create Date : 05 มิถุนายน 2556    
Last Update : 6 มิถุนายน 2556 0:22:11 น.
Counter : 17910 Pageviews.  

Review [Part 2 : ภาคจบ] : แต่งตัวอย่างไรไปเที่ยวเกาหลีหน้าหนาวตอนอากาศติดลบ

สืบเนื่องมากจาก

Review [Part 1] : แต่งตัวอย่างไรไปเที่ยวเกาหลีหน้าหนาวตอนอากาศติดลบ

มาต่อ [Part 2 : ภาคจบ] กันจ้า

----------------------------------------------------------------------------

[
DAY 3] :
[-1] ~ 3 องศาเซลเซียส




อากาศเย็นลงเบาๆอีกหนึ่งองศา อากาศวันที่สามประมาณ [-1] ~ 3 องศาจ้า
แต่ที่เจอทั้งวันมันคือ -1 ไม่ใช่ 3 ตามพยากรณ์อากาศอ่าซิ Smiley

1. Uniqlo [Heattech] : เสื้อกล้ามสีชมพูแอบใส่ซ้ำอีกแล้ว 555
2.
Uniqlo [Heattech] : เสื้อแขนยาวสีเนื้อ (สอยจาก Uniqlo ในเมียงดงราคารู้สึกจะ 400.-)
3.
เสื้อลองจอนสีดำแบบหนาแนบเนื้อสำหรับอากาศติดลบ (สอยจากแพลตตินั่มชั้นหนึ่งฝั่งขวามสุดคนขายเป็นผู้หญิงแขกขาวมาเป็นชุดพร้อมกางเกง 800.-จ้า)
4. เสื้อสเว็ตเตอร์ตัวโคร่งสีครีม เหลือง ส้ม (สอยมาจากสยาม 400.-)

5.เสื้อแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาล (เค้าถ่ายรูปผิดแหละในรูปเป็นเสื้อโค้ทแต่จริงๆใส่แค่เสื้อแจ็คเก็ตจ้า)
6. กางเกงสเตย์ Leena Infrared
7. Uniqlo [Heattech] : เลกกิ้งเนื้อบางสีดำ (สอยจาก Uniqlo ในเมียงดงราคาประมาณ 300.-)
8. กางเกงลองจอนสีดำแนบเนื้อสำหรับอากาศติดลบ (สอยจากแพลตตินั่มมาเป็นชุดพร้อมเสื้อตัวด้านบน)
9. ถุงเท้านุ่มๆยาวแค่ข้อเท้าใส่ซ้อนสองคู่ (สอยจากเมียงดงคู่ละ 45 บาทเท่านั่น !!)



จากรูปที่ถ่ายด้านบนเค้าถ่ายเสื้อมาผิดตัว ใส่จริงคือเสื้อแจ็คเก็ตหนังตัวเดียวกับวันแรกจ้า
ส่วนรองเท้าสอยมาใหม่จากเมียงดง อิอิ เหลือคู่เดียว Sale เหลือประมาณคู่ละ 600-700 บาท



อากาศ -1 แต่ไม่มีฝนวันนี้สำหรับเค้าโอเคเลย
ลั้นลาได้อยู่ แต่แอบเย็นมือนิดนึงไม่มีถุงมือมา
อาศัยดึงแขนเสื้อออกมาให้ยาวๆคลุมมือกะซุกมือในกระเป๋าช่วยได้จ้า

----------------------------------------------------------------------------

[DAY 4] : [-11] ~ [-7] องศาเซลเซียส



เทพธิดาพยากรณ์คาดว่าวันรุ่งขึ้นต้องหนาวขึ้นอีก
เลยไปอยเลกกิ้ง Uniqlo Heattech แบบผ้า Knitted เตรียมไว้อีกสองคู่
ผ้าไม่หนาแบบลองจอนใส่แล้วไม่เทอะทะดี ราคาคู่ละประมาณ 300.- จ้า




และก็มาถึงวันสุดท้ายขอทริปนี้ในเกาหมี ซึ่งอากาศเย็นลงฮวบฮาบเหมือนแกล้งกัน
[-11] ~ [-7] องศา Smiley Smiley Smiley ได้หนาวแบบสุดขั้วหัวใจกันเมื่อถึงวันกลับวันนี้จัดเต็มตามนี้จ้า

1. Uniqlo [Heattech] : เสื้อแขนยาวสีดำ (สอยจาก Uniqlo ในเมียงดงราคารู้สึกจะ 400.-)
2.
Uniqlo [Heattech] : เสื้อแขนยาวสีเนื้อ (สอยจาก Uniqlo ในเมียงดงราคารู้สึกจะ 400.-)
3.
เสื้อ Fleece จาก Uniqlo ผ้า Fleece ทำจากโพลีเอสเตอร์มีลักษณ์เป็นขนสั้นๆเนื้อผ้านุ่มๆไว้ใส่เป็น Middle Layer ให้ความอบอุ่นได้ดีจ้า (สอยจาก Uniqlo เมียงดง มีสีให้เลือกเยอะเว่อร์มีทุกเฉด Sale พอดีเหลือตัวละ 9,900 won เอง หรือประมาณ 270 บาท แจ่มมาก !!!)
4. เสื้อสเว็ตเตอร์ตัวโคร่งสีเหลืองมัสตาร์ท (สอยมาจากเมียงดง Sale ตัวละ 10,000 won ประมาณ 300 บาท)
5.เสื้อโอเวอร์โค้ดขนเป็ดสีชมพูอมส้มหนานุ่มมีฮู้ด (สอยมาจากเมียงดง กรี้ดมากกก Sale 50% เหลือราคาประมาณ 45,000 won ประมาณ 1,300 บาท หนามากนุ่มมากและอุ่นมากกกก)
6. กางเกงสเตย์ Leena X-seamless (แบรนด์ให้มาเป็นรุ่นที่ช่วยเผาผลาญเวลาเราเดินเยอะๆ ตัวนี้จะบางกว่ารุ่น Infrared จ้า)
7. Uniqlo [Heattech] : เลกกิ้งสีดำ 3 ตัวมีแบบเนื้อบาง และเนื้อไหมพรม ใส่ซ้อนกันไปเลยผ้าไม่หนาเหมือนลองจอนแต่กันหนาวได้ดีจ้า (สอยจาก Uniqlo ในเมียงดงราคาประมาณ 300.-)
8. ถุงเท้านุ่มๆยาวแค่ข้อเท้าใส่ซ้อนสองคู่ (สอยจากเมียงดงคู่ละ 45 บาทเท่านั่น !!)
9. ถุงมือหนานุ่มมีเชือกห้อยคอ (สอยจากเมียงดงคู่ละ 10,000 won จริงๆเป็นถุงมือเด็กแหละแต่เค้ามือเล็กใส่ได้พอดี 555 อุ่นแค่พอประมาณไม่อุ่นเท่าถุงมือขนเป็ดแต่ก็ดีกว่าไม่ใส่จ้า)



อากาศวันสุดท้ายเฉลี่ยตอนกลางวันจะอยู่ที่ -8 องศาชิลๆ (เหรอ !!!)
หนาวหงั่กๆพอควรเลยค่า แต่ว่าเราใส่มาหนาพอเลยยังลั้นลาได้
แต่หูแอบแข็งเวลาลืมเอาฮู้ดขึ้นมาคลุม ส่วนถุงมือช่วยได้ 40% เย็นบ้างก็ทนได้จ้า
ถ่ายคู่กับคุณอลิสไกด์สาวชาวเกาหมีที่น่าร๊ากกกกสุดๆดูแลเราดีมาก
คุณอลิสใส่มิดชิดจัดเต็มยิ่งกว่าเค้าอีกอ้ะ 555



กระโดดๆให้ร่างกายอบอุ่น อิอิ
แอบเห็นกันชิมิ รองเท้าใหม่อีกแล้ว 555 ก็เค้าบ้ารองเท้าอ้ะ
คู่นี้สอยจากเมียงดงข้างในเป็นขนนิ่มๆ 500 กว่าบาทเองง่ะ หน้ามืดตามัวสอยมาซะ
เค้าว่าใส่เลกกิ้ง Heattch ของ Uniqlo แล้วมันแนบเนื้อแม้จะใส่สามชั้น
ก็ยังไม่ทำให้ขาดูตันเท่ากับการใส่ลองจอนหนึ่งชั้นเลย ใส่เท่านี้ก็เย็นขานิดๆแต่โอเค
แต่ถ้าคนขี้หนาวจริงๆแนะนำว่าใส่ Heattch ตามด้วยลองจอน
แล้วทับด้วย Heattech อีกชั้นอยู่ชัวร์จ้า Smiley



ปิดท้ายบ๊าย บาย ไปด้วยภาพนี้ หมูพ่นควัน -8 องศา @SEOUL
หวังว่าบล็อคนี้จะเป็นแนวทางให้สาวๆ
ในการแต่งตัวไปท้าลมหนาวแบบติดลบกันได้นะค๊า

ขอบคุณค่า

Smiley XOXO Smiley




 

Create Date : 29 มกราคม 2556    
Last Update : 29 มกราคม 2556 20:29:05 น.
Counter : 23037 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]




..........ชื่อ "ทราย" นะค๊า นามแฝงที่ใช้ก็มี SaRaY และก็ Mhunoiii (หมูน้อย) ค่า สนใจการถ่ายภาพ กะการแต่งหน้า จากเป็นงานอดิเรกจะกลายเป็นงานประจำอยู่แล้ว 555 เลยอยากจะทำบลอคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มานะค๊า ได้มากบ้างน้อยบ้าง มั่วๆกันปายยยย อิอิ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิดไม่ว่าการลอกเลียนแบบ
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพและข้อความใน
http://www.mhunoiii.bloggang.com แห่งนี้ไปใช้
ทั้งโดยเผยแพร่ หรือเพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด

ปล.ห้ามมิให้นำภาพใดๆจากในบล็อคไปใช้เพื่อการขายของโดยเด็ดขาดนะคะ !!!

---------------------------------------------------------

hits
New Comments
Friends' blogs
[Add SaRaY's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.