Review : KIEHL'S Iris Extract Activating Treatment Essence เอสเซ้นส์ฟื้นฟูผิวจากความร่วงโรยแห่งวัย
กระแสเอสเซ้นส์น้ำตบๆบอกเลยว่ามาแรงมากจัดเต็มมากันทุกแบรนด์ และในที่สุดหนึ่งในแบรนด์สุดเลิฟของเค้าก็มีเอสเซ้นส์แล้ว เย้ๆ นั่นก็คือแบรนด์ KIEHL'S : คีลส์ แบรนด์เก่าแก่จากนิวยอร์ค ที่พัฒนามาจากร้านยามีประวัติยาวนานมากว่า 160 ปี
โดยเอสเซนส์ตัวแรกของเค้าเน้นตอบโจทย์สำหรับคนที่กำลังประสบปัญหา ผิวที่ร่วงโรย ดูหยาบกร้าน สูญเสียความเปล่งปลั่งเนื่องจากอายุที่มากขึ้น! อืม....จากวัยของเค้าแล้วจัดว่าตอบโจทย์ ไม่เห่อเท่าไหร่แต่ก็แค่ลองใช้ทันทีที่ได้มา555 เปิดตัวเอสเซ้นส์ตัวแรกของแบรนด์ขนาดนี้จะน่าสนใจอย่างไรไปชมรีวิวกันเลยจ้า
KIEHL'S Iris Extract Activating Treatment Essence
---------------------------------------------------------------------
เอสเซ้นส์บำรุงผิวเพื่อผิวดูเปล่งปลั่ง ลดเลือนริ้วรอย และพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
ขนาด 200 มล. ราคา 2,000 บาท
มีวางจำหน่ายแล้วที่เคาท์เตอร์คีลส์ทุกสาขา
***ขาช้อปออนไลน์คุ้มกว่าบอกเลย เพราะเลื่อนไปท้ายรีวิวเค้ามีโค้ดส่วนลดมาแจกด้วย!!!
คุณสมบัติหลักของเอสเซ้นส์ตัวนี้พรีเซนต์ในเรื่องของ"ความเปล่งปลั่ง" ซึ่งแปรผกผันไปตามวัย......คำว่าแก่พูดเบาๆก็เจ็บ กระซิกๆ แต่นี่คือความจริงที่ผิวเราจะดูเปล่งปลั่งน้อยลงเมื่อวัยเพิ่มขึ้น
เหตุเพราะสมัยเอ๊าะๆผิวเรามีการเรียงตัวของเคราติน, คอลลาเจน, เมลานิน อย่างเป็นระเบียบสวยงาม เปรียบเหมือนกระจกเรียบๆ ทำให้ผิวกระจายแสงได้ดี ผิวจึงดูบริ๊งไบร์ทเปล่งปลั่งสวยงาม
แต่เมื่ออายุมากขึ้นระดับความความชุ่มชื้นของผิวก็จะลดลง เนื่องจากเคราตินและคอลลาเจนเริ่มเสื่อมสภาพ ร่ายกายผลิตได้น้อยลง ทำให้ประสิทธิภาพการอุ้มน้ำของผิวลดลง ผิวจึงขาดความชุ่มชื่นและแห้งลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราการผลัดเซลล์ใหม่ลดลง และการทำงานของเซลล์ผิวชั้นนอกลดลง ส่งผลให้เกิดเป็นริ้วรอย ผิวไม่เนียนเรียบสม่ำเสมอ เปรียบง่ายๆว่าเมื่อกระจกไม่เรียบการสะท้อนแสงของผิวจึงลดลง ทำให้ผิวดูหมองคล้ำไม่เปล่งปลั่งเหมือนสมัยเรายังเอ๊าะๆนั่นเอง
ส่วนผสมหลักที่เป็นตัวชูโรงบอกชัดเจนอยู่ในชื่อนั่นก็คือ "Iris Extract" ซึ่งแน่นอนว่าต้องได้จากดอกไม้สีม่วงแสนสวยดอกไอริสนั่นเอง แต่เค้าไม่ได้เอาดอกมาสกัดแต่ใช้ส่วนที่เป็นแหล่งสะสมสารอาหารทั้งหมดนั่นก็คือราก ซึ่งได้มาเป็นสารสกัดจากรากไอริสฟลอเรนตินา (Iris Florentina Root Extract)
ที่มีความพิเศษตรงที่.....
ปลูกในแถบเมดิเตอเรเนียน และบานเพียงปีละ 3 ครั้ง เก็บเกี่ยวด้วยมือตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง ผ่านกระบวนการสกัดที่นุ่มนวล เพื่อให้ได้สารสกัด ที่ยังคงอุดมด้วยสารอาหารความเข้มข้นสูง อุดมด้วย ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวและชะลอความร่วงโรยของผิว
มาดูส่วนผสมคร่าวๆกัน.....ส่วนผสมหลักๆที่ใส่มามากสุดคือสารให้ความชุ่มชื่น อย่าง Glycol และ Glycerin แต่พอเลื่อนมาเจออันดับ 5 อาจทำให้หลายคนชะงัก นั่นก็คือ Alcohol Denat. หรือแอลกอฮอล์ในกลุ่มระเหยง่าย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะกังวลว่าจะทำให้ผิวแห้งหรือแพ้ง่าย จึงอยากชี้แจงในจุดนี้ให้ฟังกันสักนิดว่าแท้จริงแล้ว แอลกอฮอล์ในสกินแคร์ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด!
----------------------------------------------------------------------------------
แต่เดิมนั้นส่วนใหญ่เราจะเชื่อต่อๆกันมาว่าสกินแคร์ตัวไหนมีแอลกอฮอล์คือไม่ดี มีโอกาสที่จะแพ้สูง ซึ่งเอาจริงๆแล้วคนแพ้แอลกอฮอล์น้อยมากกกกก และแอลกอฮอล์ก็ผสมอยู่ในสกินแคร์เกือบ 90% ในท้องตลาด เพราะเป็นตัวทำละลายที่ทำให้เท็กซ์เจอร์โดนใจคนใช้คือซึมไวไม่เหนอะหนะ ถ้าจะเลือกสกินแคร์ที่ปราศจากน้องแอลอย่างสิ้นเชิงจึงเรียกว่าหาได้ยากสุดๆ
แต่ในความจริงแล้วน้องแอลจะมีผลต่อผิวเราก็ต่อเมื่อมีปริมาณมากเกินไปเท่านั้นเอง เนื่องจากตัวมันเองระเหยไวจึงทำให้น้ำในผิวเราระเหยออกไปด้วย เมื่อผิวขาดความชุ่มชื่นจึงส่งผลให้ผิวอ่อนแอลงและระคายเคืองง่ายขึ้น สรุปว่าปัญหาเกิดเมื่อผิวขาดความชุ่มชื่น ไม่ใช่เพราะน้องแอลไปทำให้ผิวแพ้หรือระคายเคือง
เพราะฉะนั้นถ้าในส่วนผสมไม่ได้มีแอลกอฮอล์มากเกินไป คือไม่ได้มีมาในอันดับต้นๆของส่วนผสม (ลำดับ 1-3) และมีส่วนผสมอื่นๆที่ให้ความชุ่มชื่นมาด้วยก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อผิวเรา สิ่งสำคัญสุดของการใช้สกินแคร์ที่มีแอลกอฮอล์ก็คือการเติมความชุ่มชื่น ถ้าเราบาลานซ์ความชุ่มชื่นผิวได้ดี มีการใช้มอยส์เจอร์ควบคู่ แอลกอฮอล์ในสกินแคร์ก็ไม่สามารถทำให้ผิวเราอ่อนแอลงได้ แต่ดีซะอีกที่ได้ใช้สกินแคร์ที่เท็กซ์เจอร์สบายผิวไม่เหนะหนะเหมาะกับอากาศบ้านเราจ้า
----------------------------------------------------------------------------------
จบเรื่องน้องแอลกอฮอล์เนอะใครกังวลอยู่จะได้สบายใจ เพราะเอสเซนส์ตัวนี้จัดสารให้ความชุ่มชื่นประโคมมามากมาย ดังนั้นแอลกอฮอล์ที่ใส่มาจึงไม่ได้มีผลที่ทำให้ผิวแห้งลง แต่อย่างไรก็ตามแนะนำว่าควรใช้มอยส์เจอร์ที่ให้ความชุ่มชื่นควบคู่ไปด้วยฮะ
ส่วนผสมตัวชูโรงตัวแรกที่ใส่มาโดยอยู่ลำดับกลางๆของส่วนผสม คือ Lipo Hydroxy Acid หรือ LHA ตามในส่วนผสมคือ Capryloyl Salicylic Acid ซึ่งก็คืออนุพันธ์ของ Salicylic Acid (BHA) ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพสาเหตุความหมองคล้ำอย่างอ่อนโยน เนื่องละลายได้ดีในไขมันจึงกระจายตัวบนผิวชั้นนอกสุดได้ทั่วถึงกว่า ทำให้เข้าถึงเซลล์ผิวเสื่อมสภาพได้ตรงจุด นอกจาก LHA ก็ยังมี AHA อย่าง Citric Acid ใส่มาด้วย แต่อยู่ในส่วนผสมแทบจะท้ายสุดจึงไม่น่ามีผลเท่าไหร่ โดยส่วนตัวเค้าผิวแห้งปกติจะไม่ค่อยใช้สกินแคร์ที่ใส่สารผลัดเซลล์ผิว แต่ใช้ตัวนี้ได้ไม่รู้สึกอะไรไม่มีอาการแสบๆหรือยิบๆแต่อย่างใด คาดว่าไม่ได้ใส่มาเยอะมาก น่าจะแค่ช่วยกระตุ้นให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติของเราทำงานได้ดีขึ้นฮะ
ตัวชูโรงตัวที่สองที่เกริ่นไปแล้วคือสารสกัดจากรากดอกไอริส ตามในส่วนผสมได้แก่ Iris Florentina/Iris Florentina Root Extract ตามคุณสมบัติที่แบรนด์แจ้งมาคือช่วยในการชะลอความร่วงโรยและช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ถนอมคุณภาพผิว ให้ผิวแน่นกระชับ และช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยยังประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับความชุ่มชื้นในผิวชั้นนอก พร้อมปรับปรุงการทำหน้าที่ของปราการคุ้มกันผิว เพื่อให้กักเก็บความชุ่มชื้นไว้นานขึ้น รวมถึงอุดมด้วยฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
ตัวชูโรงตัวสุดท้ายคือ Sodium Hyaluronate อันนี้คุ้นกันอยู่แล้วคือสารช่วยอุ้มน้ำทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น เมื่อผิวชุ่มชื่นผิวจึงดูอิ่มฟู ริ้วรอยตื้นๆจึงดูจางลงนั่นเอง
***ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน แต่มีแอลกอฮอล์และน้ำหอมจ้า เรื่องน้ำหอมใครยังงงๆเลื่อนไปอ่านที่ร่ายไว้ให้ฟังเน่อ
ลักษณะบรรจุภัณฑ์เป็นขวดพลาสติกใสสีม่วง จึงป้องกันการเสื่อมจากแสงได้ไม่ค่อยดี ควรวางไว้ในจุดที่ไม่โดนแสงสาดตรงๆนะฮะ แต่เอาจริงๆต่อให้ขวดทึบแสงก็ต้องเก็บไม่ให้โดนแสงอยู่ดีเนอะ เพราะมันไม่ได้เสื่อมแค่โดนแสงแต่ก็เสื่อมด้วยความร้อนได้อยู่ดี
เนื้อและกลิ่นของผลิตภัณฑ์
เนื้อเอสเซนส์ใสแจ๋วเหมือนน้ำเปล่า แต่มีความหนืดมากว่า เมื่อสัมผัสไปบนผิวจะรู้สึกหนึบๆเล็กน้อย แต่ตบเบาๆก็จะซึมผิวได้หมด หลังทาสัมผัสได้เลยว่าผิวจะชุ่มชื่นและนุ่มขึ้นโดยไม่เหนอะหนะ แต่ให้ฟิลเหมือนมีฟิลม์บางๆเคลือบผิวไว้ ไม่ทำให้รู้สึกว่าผิวแห้ง มีกลิ่นหอมดอกไม้ค่อนข้างชัดมีกลิ่นแอลกอฮอล์เจืออยู่เล็กน้อย แต่โดยรวมเค้าใช้แล้วชอบกลิ่นนะเป็นดอกไม้ที่ไม่หวานมากออกแนวเฟรชๆดี
วิธีและขั้นตอนการใช้
ใช้เป็นขั้นตอนในการบำรุงขั้นตอนแรกหลังการล้างหน้า หรือหลังการใช้โทนเนอร์ โดยเทใส่ฝ่ามือเค้าเองใช้ประมาณเกือบ 1 เหรียญห้า กะๆเอาตามขนาดหน้าเนอะ ประกอบสองมือเข้าด้วยกันให้เอสเซนส์กระจายตัวทั่วฝ่ามือ แล้วทำการตบๆกดๆลงที่หน้า เน้นว่าเบาๆมือนะจ๊ะ ตบแรงไม่ได้ช่วยให้ซึมไวขึ้น ค่อยๆตบไปบนผิวเบาๆตั้งแต่แก้ม หน้าผาก คาง อย่าลืมที่คอด้วยนะฮะ! ทำไปจนกว่าเอสเซนส์จะซึมลงผิวหมด แล้วจึงบำรุงเสต็ปอื่นต่อไปตามชอบ โดยคุณสมบัติของเอสเซนส์ตัวนี้นอกจากช่วยบำรุงแล้ว ยังช่วยให้สกินแคร์ตัวอื่นทำงานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แนะนำให้ใช้ทุกวันเช้า-เย็น
เอสเซนส์ตัวนี้สามารถใช้ร่วมกับเอสเซนส์ตัวอื่นๆได้ไม่ต้องกังวลว่าจะซับซ้อน เพราะส่วนที่เป็นคีย์หลักของเอสเซนส์แต่ละตัวต่างกันให้การบำรุงคนละจุด เราจึงสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์จับคู่สกินแคร์ใช้ร่วมกันได้ตามชอบ โดยเทคนิคการเรียงลำดับง่ายๆคือสกินแคร์ตัวไหนเนื้อเหลวกว่าให้ทาก่อนจ้า
ความรู้สึกหลังทดลองใช้
เค้าใช้เอสเซนส์ตัวนี้เช้า-เย็นต่อเนื่องมาประมาณ 2 สัปดาห์กว่าๆ ส่วนตัวคือชอบฟิลหลังทาที่สัมผัสได้เลยว่าผิวชุ่มชื่นขึ้น ใครกังวลเรื่องแอลกอฮอล์ตัดไปได้เลยสาวผิวแห้งคอนเฟิร์มให้ว่าชุ่มจริง ผิวหลังทาเอสเซนส์จะรู้สึกชุ่มๆ จับแล้วจะให้สัมผัสที่นุ่มขึ้น
เมื่อทาสกินแคร์ขั้นอื่นต่อจะรู้สึกได้ว่าสกินแคร์ซึมได้ไว นอกจากสัมผัสหลังการใช้ที่เค้าชอบแล้วยังติดใจตรงกลิ่น ทาแล้วได้ฟิลอโรมาดี มีกลิ่นติดที่ผิวอ่อนๆให้ความรู้สึกเฟรชดี แต่ใครผิวระคายเคืองง่ายแนะนำให้เทสป้ายตรงหลังใบหูซัก 24-48 ชม.ก่อนก็ดีนะฮะ
แต่ในส่วนของผลลัพธ์ เค้าเองทาบำรุงสม่ำเสมอทาหลายตัวด้วย ประกอบกับลองใช้ได้ไม่นานก็ยากที่จะตอบเรื่องความเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าวัดกันแค่ฟิลหลังทาก็จัดว่าเป็นเอสเซนส์ที่เท็กซ์เจอร์ดี เน้นในเรื่องการเติมความชุ่มชื่นโดยที่ไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะ สามารถนำไปมิกซ์ใช้กับสกินแคร์ตัวเดิมๆที่เรามีอยู่ได้ง่าย ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มระหว่างวันจึงใช้ได้ทุกสภาพผิวจ้า
***ใครกังวลเรื่องจะแพ้หรือจะระคายเคืองไหม สามารถเข้าไปที่เคาน์เตอร์หรือช็อปคีลส์ทุกสาขา เพื่อขอผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองมาลองก่อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายน้า
ปิดท้ายนี้มีส่วนลดมาฝากกันด้วย ใครกำลังเล็งผลิตภัณฑ์ของคีลส์และอยากสอย KIEHL'S Iris Extract Activating Treatment Essence ตัวนี้ แนะนำให้เข้าไปช้อปปิ้งออนไลน์ เลยจ้าที่
โดยก่อนจะจ่ายเงินให้ใส่ Promotion Code
IRISMHUNOIII (ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด)
ก็รับส่วนลดไปเลยทันที 10% (เมื่อช้อปปิ้ง Iris Essence คู่กับผลิตภัณฑ์ใดๆก็ได้) ใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1-15 พฤษภาคม 2558 นี้นะคร้าบ!!!
------------------------------------------------------------------------------------------
Disclaimer : Sponsored Content by KIEHL'S Thailand
Create Date : 17 เมษายน 2558 |
Last Update : 20 เมษายน 2558 15:57:35 น. |
|
2 comments
|
Counter : 14771 Pageviews. |
|
|