'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

~ แม่ผมอยากกินสัปปะรด วรรณกรรมเยาวชนจีน โดย "เฉินสู่กวง"





“แม่ผมอยากกินสัปปะรด”
เฉินสู่กวง / เขียน
อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี / แปล
สนพ.สถาพรบุ้กส์ (พิมพ์ครั้งแรก มี.ค. 2552)

จากปกหลัง :


เด็กชายวัย 12 ขวบคนหนึ่ง ออกเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิต
เพื่อทำความหวังสุดท้ายของแม่ให้เป็นจริง...นั่นคือการได้กินสับปะรด

ความยากลำบากของเด็กชายไม่ได้อยู่ที่การฝ่าหิมะอันหนาวเหน็บออกไปสืบหาร้านผลไม้
ซึ่งทั้งเมืองมีอยู่ร้านเดียวที่มีสับปะรดจำหน่าย
แต่อยู่ที่การเผชิญหน้ากับพ่อบังเกิดเกล้า และหญิงผู้เป็น ‘มือที่สาม’
ต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก
และสถานการณ์ที่เขาต้องเลือก ระหว่างศักดิ์ศรีกับความจำเป็น

แม่ผมอยากกินสับปะรดดำเนินเรื่องด้วยภาษาที่กระชับ
ฉายให้เห็นภาพการ ‘เติบโต’ ทางกายและใจของเด็กชายคนหนึ่ง
ซึ่งเป็นตัวแทนของเยาวชนทั่วไป
เป็นสะพานแห่งการสื่อสารเชื่อมโยงความเข้าใจระหว่างครอบครัวและสังคม






เรื่องย่อ(ย่อเอง)

ในวันปิดเทอมฤดูหนาว เฟินเถียนกลับบ้านด้วยหัวใจพองโตเพราะเขาสอบได้ที่หนึ่ง ...
แต่เมื่อกลับถึงบ้านเขาก็ต้องสลดเพราะพบว่าแม่ของเขานอนป่วยหนักจนลุกไม่ขึ้น
แม่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย...
แม่เพ้อว่าอยากกินสับปะรด เพราะพ่อของเขาชอบกิน…
พ่อกับแม่แยกทางกันเมื่อสามปีก่อน แต่ดูเหมือนแม่จะยังคงผูกพันกับพ่อ...จึงได้ร่ำร้องอยากกินของที่พ่อชอบ

เฟินเถียนไม่รู้จักกระทั่งว่าสับปะรดหน้าตาเป็นอย่างไร
แต่เขาก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าเขาจะเข้าเมืองไปซื้อสับปะรดลูกโต ๆ ให้แม่ให้ได้

เมื่อไปถึงตัวอำเภอ เขาพบร้านขายสับปะรดที่มีอยู่ร้านเดียว...
แต่เงินที่เขามีติดตัวมาไม่พอกับราคาสับปะรดแม้เพียงลูกเล็ก ๆ ลูกเดียว
แม้เขาจะอ้อนวอนขอลดราคา แม่ค้าสับปะรดก็ไม่ยอม...

เขาจึงตัดสินใจไปหาพ่อ...แต่เขากลับพบกับความไม่ใยดีจากพ่อจนเขาจุกในอก...

ซ้ำร้าย...เขาได้พบกับแม่เลี้ยง...ผู้หญิงที่ขโมยพ่อไปจากแม่และเขา...
ซึ่งโชคชะตาเล่นตลก หล่อนผู้นั้นกลับกลายเป็นแม่ค้าขายสับปะรดคนใจดำนั่นเอง…

เช่นนี้แล้ว แม่ของเด็กน้อยจะได้กินสับปะรดไหมหนอ...

......................

หลังอ่าน...

หนังสือเล่มบาง ๆ อ่านง่าย แต่สะท้อนสะเทือนใจค่ะ

เรื่องราวบอกเล่าผ่านเฟินเถียน เด็กน้อยวัยเพียง 12 ขวบ หากแต่ฉลาดเฉลียวและช่างคิดนักหนา…

ชอบตรงที่เขาไม่ได้คร่ำครวญอะไรมากมายกับความทุกข์ยากในชีวิต
แต่กลับบอกเล่าด้วยน้ำเสียงที่เรียบเรื่อย
มีแทรกด้วยทัศนคติในเชิงบวกเสียด้วยซ้ำในบางตอน...
แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะทางอารมณ์ของเด็กชายที่มีอยู่เต็มเปี่ยม สมวัย...

แถมยังหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตนอย่างร้ายทีเดียว

จบได้อบอุ่น แต่ออกขมนิด ๆ ปร่าหน่อย ๆ ค่ะ


*หนังสือเล่มนี้ได้รับเป็นรางวัลจากการเล่นเกมเมื่อซีซั่นก่อนนู้นค่ะ
ขอบคุณผู้แปล(คุณอนุรักษ์ หรือล็อกอิน Beer87นั่นเอง) ที่เอื้อเฟื้อรางวัลและขอบคุณที่แปลงานดี ๆ อย่างนี้ให้ได้อ่านกันค่ะ






***เชิญเลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่... ~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ ค่ะ










 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 15:43:04 น.
Counter : 2010 Pageviews.  

หนังสือเด็กสามเล่ม จากสามชาติ (เก็บตกจาก เหมันต์ขยันอ่าน)



น่าขอบคุณเกมท้าอ่านที่ผ่าน ๆ มาที่ทำให้มีหนังสือค้างสต็อคไว้อัพบล็อกอยู่เรื่อย ๆ แหะ ๆ

ตอนนี้เขากำลังประลองอ่านกันอย่างสนุกสนานในห้องสมุดพันทิพ... *
จนได้แชมป์ประจำเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านไปแล้วเรียบร้อย
แต่แม่ไก่ยังคงต้วมเตี้ยมเก็บตกของเก่าอยู่ไม่จบไม่สิ้นค่ะ ...
ก็อย่างที่เคยบอก...ไม่อยากให้บล็อกร้างอ่ะค่ะ


บล็อกนี้ขอนำเสนอวรรณกรรมเยาวชนสามเล่ม จากสามชาติที่ใช้อ่านตอบโจทย์ข้อที่ว่าด้วย...ให้อ่านหนังสือสามเล่ม จากสามสัญชาติ โดยดูจากสัญชาติของผู้แต่ง

เล่มแรก...

"ซองดรีน"
อูแกตต์ การีแยร์ (ฝรั่งเศส)
วรรณประไพ /แปล
สนพ.เรจีนา (มี.ค. 2531)



เรื่องเล่าของเด็กหญิงตัวน้อย ที่แสนบริสุทธิ์และสดใส...
การแสดงออกของเด็ก ๆ นั้นเป็นไปด้วยความจริงใจ ไม่เสแสร้ง
ซองดรีนเป็นเด็กช่างคิดช่างฝัน ช่างเปรียบเทียบ...
ดูแต่เวลาที่เธอพูดถึงพ่อของเธอสิ...

"บางวันพ่อเป็นสีฟ้า...
ฟ้าครามเหมือนทะเลในฤดูร้อน
หากแต่สงบเงียบ พ่อจะอุ้มซองดรีนให้นั่งอยู่บนตัก


วันที่คุณพ่อเป็นสีดำล้วน
เราจะเดาได้ทุกอย่างเมื่อได้ยินเสียงพ่อมาถึง
"โครม" เสียงกระแทกของประตูรถ...


หลังจากนั้นเกือบทุกวันพ่อจะเป็นสีชมพู
พ่อจะกอดทุก ๆ คน พ่อเล่าเรื่องตลกมากมาย...


ยิ่งกว่านี้พ่อยังมีสีอื่นอีกมาก...

สีเขียวเมื่ออากาศแจ่มใส
พ่อจะสมัครใจวุ่นอยู่กับงานตกแต่งสวน...


เมื่อพ่อเป็นสีส้ม พ่อจะหัวเราะเสียงดังมาก ๆ
พ่อทำทุกอย่างเสียงดัง...

เมื่อพ่อกลายเป็นสีขาว เป็นสีที่น่ารังเกียจที่สุด
พ่อจะเดินผ่านผู้คนเหมือนมองไม่เห็นใครเลย

บางครั้งพ่อก็กลายเป็นสีม่วงเมื่อพ่อรู้สึกโศกเศร้านิดหน่อย..."

ซองดรีนน่ารักไหมล่ะ?

เล่มนี้ชอบภาพปกมาก น่ารักดี





เล่มที่สอง...

"ส้มสีม่วง"
ผู้แต่ง : ดาวกระจาย (อีกนามปากกาหนึ่งของ"ดวงตะวัน" - ไทย)
สำนักพิมพ์ : อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ฯ

(หนังสือรางวัลยอดเยี่ยมนายอินทร์อวอร์ด ประเภทวรรณกรรมเยาวชน ประจำปี 2544)

จากสำนักพิมพ์ :


"ส้มสีม่วง" เป็นวรรณกรรมที่ทำให้ผู้อ่านตระหนักในคุณค่าของจินตนาการ
ความฝันว่าหากปราศจากความฝันแล้วไซร้
ชีวิตมนุษย์จะแห้งแล้วหยาบกระด้าง ไร้สีสัน ไร้จุดหมาย ไร้อารมณ์ และไร้สุขเพียงใด

ลุงเทิด จ้อย และแก้ม จึงผนึกกำลังร่วมกันต่อสู้กับ "กองทัพปราบฝัน"
จนเอาชนะได้ในที่สุด
แม้ไม่ใช่ชัยชนะเบ็ดเสร็จ เพราะภารกิจของนักเขียนในการสร้างฝันเพื่อสู้กับ "กองทัพปราบฝัน" ยังคงต้องดำเนินต่อไปอีกตราบนานเท่านาน

การใช้ลีลาการเขียนแบบแฟนตาซีทำให้วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้
มีตัวละครและเหตุการณ์มหัศจรรย์ไกลเกินจริงอย่างสนุกสนาน
ผู้เขียนพาผู้อ่านทะลุขอบโลกแห่งความจริงออกไปสู่อาณาจักรความฝันที่เวิ้งว้างไร้ขอบเขต
แต่กลับเป็นการผจญภัยที่กระตุ้นประสบการณ์ทางอารมณ์ของผู้อ่านได้
ไม่สิ้นสุด แม้จะปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือลงไปแล้ว


*****


ชอบค่ะ...
ผู้เขียนเข้าใจสร้างสรรค์ตัวละครที่ทำให้คนอ่านคล้อยตาม

อย่างบรรดากองทัพปราบฝันทั้งหลายนั่น...
ส่วนตัวเจอมาเพียบ และสู้มันไม่ได้เอาเสียเลย
เช่น... นายพลขี้เกียจ ตัวเป็นขน...
ท่านผู้เฒ่า อย่าเสี่ยง ไม่เปลี่ยนแปลง...
นายช่าง ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร...
เหล่านักรบ ผัดวัน ประกันพรุ่ง,
หงุดหงิด งุ่นง่าน...ฯลฯ

ก็ได้แต่ภาวนาให้เด็ก ๆ (รุ่นหลัง) ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง
ร่วมกันปราบบรรดากองทัพปราบฝันข้างบนนั้นให้สำเร็จด้วยเถิ้ด...






เล่มที่สาม...

"เรื่องเล่าจากดาวพิลึก"
ผู้เขียน : แอนดรี สไน แมกนาซัน (ไอซ์แลนด์)
ผู้แปล เจนจิรา เสรีโยธิน
มูลนิธิดำรงชัยธรรม(มี.ค. 2546)



โปรยปกหลัง: (เรื่องย่อ)


บนอวกาศอันไกลโพ้น...มีดาวพิลึกดวงหนึ่งซึ่งมีแต่ประชากรเด็ก ๆ
เป็นโลกที่ไม่มีกฏเกณฑ์ใด ๆ
เด็กทุกคนอยากเล่นเวลาไหนก็เล่น อยากนอนเวลาไหนก็นอน

แต่แล้ววันหนึ่ง กู้ดเดย์ - ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์ปรากฏตัวขึ้น
เขาสอนให้เด็ก ๆ บินไปในป่าลึกและท้องฟ้ากว้างใหญ่
เป็นการผจญภัยที่สนุกสนาน และอันตรายเกินกว่าที่เด็กคนใดจะคาดถึง
ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามานั้น...
ต้องแลกด้วยวัยเยาว์ของเด็ก ๆ



*****

เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่สอดแทรกแนวคิดเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมไว้ในเรื่องอย่างกลมกลืน
ผ่านจินตนาการที่สร้างสรรค์ในเชิงเทพนิยาย...

ให้แง่คิดในเรื่องของความแตกต่างของความคิดและมุมมอง
ระหว่างเด็ก -ผู้ใหญ่
ความดี - ความชั่ว
ความจริงใจและความหลอกลวง
ความสว่างสดใสและความมืดมน

.....

ซึ่งในที่สุด...เรื่องราวก็จบลงด้วยความสุขอย่างที่เทพนิยายทั้งหลายควรจะเป็น
อ่านเพลิน ๆ ตามประสาคนรักหนังสือเด็กค่ะ

หนังสือของมูลนิธิดำรงชัยธรรมเป็นหนังสือที่แม่ไก่จะหยิบมาอ่านอย่างค่อนข้างมั่นใจในเนื้อหาและคุณภาพการแปลว่า...ไม่ค่อยจะผิดหวังค่ะ

หยิบมาอัพบล็อกเป็นประหนึ่งบันทึกการอ่านของตัวเองด้วย...
ว่าเล่มนี้ๆ อ่านแล้วจ้า...


ปกหนังสือทั้งสามเล่มค่ะ




***เชิญเลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่... ~ สารบัญหนังสือในบล็อก ~ ค่ะ






 

Create Date : 03 ธันวาคม 2553    
Last Update : 3 ธันวาคม 2553 12:33:30 น.
Counter : 1249 Pageviews.  

~ ภาพผ่านกระจกหม่นมัว - Through a Glass Darkly By Yostein Gorder






ภาพผ่านกระจกหม่นมัว - Through a Glass Darkly
ผู้เเต่ง : โยสไตน์ กอร์เดอร์
ผู้แปล/เรียบเรียง : วนุศ
สํานักพิมพ์ : มูลนิธิโกมลคีมทอง(พิมพ์ครั้งแรก เมษายน ๒๕๔๓)



ปกหลัง :


เอเรี่ยลหัวเราะ...

"เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่เข้าร่วมการเเข่งขันกับพวกนักวิชาการที่เอาจริงเอาจังอย่างนั้นหรอก
พวกเขาเชื่อว่าความลับทั้งหมดของธรรมชาติ สามารถล่วงรู้ได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เเละกล้องดูดาว
เเล้วก็เชื่อเฉพาะสิ่งที่ตวงวัดได้

เเต่พวกเขาเข้าใจเพียงเเค่ส่วนเดียว...
พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเขามองสิ่งต่างๆ ผ่านกระจกที่หม่นมัว
เป็นไปไม่ได้ที่จะกะประมาณเทวดาสักองค์
ทั้งการเฝ้าดูผ่านเลนส์กล้องจุลทรรศน์ ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
สิ่งที่ได้ก็คือ เธอเพียงเเต่เห็นภาพสะท้อนของตัวเองชัดขึ้นเท่านั้น..."






เนื้อหาโดยย่อ :

ซีซิเลีย เด็กหญิงตัวน้อยป่วยเป็นโรคที่ไม่อาจรักษาได้
ในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนที่เธอจะจากไป พระเจ้าได้ส่งเอเรียล เทวดาองค์น้อยให้มาอยู่เป็นเพื่อน
เอเรี่ยลเป็นเทวดาขี้เล่นที่อยู่ไม่สุข
เขาได้พาซีซิเลียท่องไปในโลกแห่งจินตนาการ และ ท้าทายให้เธอคิด ในเรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน
เกี่ยวกับเทวดาบนดวงจันทร์ เกี่ยวกับอาดัมและอีฟ และเด็กเกิดใหม่นับร้อยที่หลุดลอยจากแขนเสื้อของพระเจ้า

ซึ่งทำให้ซีซิเลียตระหนักถึงความมหัศจรรย์และคุณค่าของการมีชีวิตอยู่
แทนการมองโลกอย่างหดหู่สิ้นหวัง และดำรงอยู่อย่างไร้ความหมาย รอวันตายที่กำลังคืบใกล้เข้ามาทุกขณะ
เธอได้เรียนรู้ว่า ชีวิตเป็นพรจากสวรรค์ และสวรรค์ก็เป็นสิ่งเดียวกับพระเจ้านั่นเอง

การที่ผู้คนไม่สามารถมองเห็นสวรรค์หรือรู้จักกับพระผู้เป็นเจ้านั้น
เป็นเพราะคนส่วนใหญ่มองโลกและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว...ผ่านกระจกที่หม่นมัว เท่านั้น







หลังอ่าน...

เรื่องราวน่ารักดีค่ะ แฝงปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้ง แต่ไม่ยากจนเกินเข้าใจ...
ชอบมาก ๆ ตรงที่เทวดาตัวน้อยเองก็อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับความรู้สึกของ"ชีวิต" ที่เป็นเนื้อหนัง
ความรู้สึกร้อน-หนาว หรือรสชาติของสิ่งต่าง ๆ
(เพราะเทวดาไม่มีเลือดเนื้อตัวตนเหมือนมนุษย์ จึงขาดความรู้สึกส่วนนี้ไป)

เรื่องราวที่ดำเนินไปจึงเหมือนกับเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันระหว่างเด็กหญิงช่างคิดคนหนึ่งกับเทวดา(เด็ก)ที่กระตือรือล้น จนเหมือนคนอยู่ไม่สุข...

รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ไม่น่าจะเป็นวรรณกรรมเยาวชน ตรงที่มีร่องรอยของการเสียดสีมนุษย์อยู่ประปราย...
(ซึ่งเมื่อเรายอมรับความจริงเสียได้ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดนัก)
และแฝงแง่คิดทางปรัชญาและศาสนาไว้หลายบทหลายตอนทีเดียว
เพียงแต่ดำเนินเรื่องผ่านเด็กหญิงกับเทวดาเด็กเท่านั้น...ทำให้ถูกจัดไว้ในกลุ่มหนังสือเด็ก...

ส่วนตัวคิดว่า...หนังสือเล่มนี้ น่าอ่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ






เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับผู้เขียนจากวิกิพีเดียค่ะ

*โยสไตน์ กอร์เดอร์ (Jostein Gaarder) เป็นนักเขียนชาวนอร์เวย์ และเป็นเจ้าของผลงานชื่อดังหลายเล่ม ทั้งนวนิยาย เรื่องสั้น และหนังสือสำหรับเด็ก
กอร์เดอร์มักจะเขียนงานจากมุมมองของเด็กที่สำรวจและมองเห็นความอัศจรรย์ของโลก
งานหลายชิ้นของเขาเป็นงานเขียนแบบเรื่องซ้อนเรื่อง (Metafiction)

ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของกอร์เดอร์คือโลกของโซฟี ซึ่งเป็นนวนิยายเกี่ยวกับประวัติความคิดทางปรัชญา
โดยงานชิ้นนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ถึง 53 ภาษา และมียิดพิมพ์มากกว่า 30 ล้านเล่ม



**หนังสือเล่มนี้อ่านตอบโจทย์ HHR ข้อที่ว่าด้วยหนังสือจากนักเขียนโปรดของเพื่อน โยสไตน์ กอร์เดอร์เป็นนักเขียนคนโปรดคุณกำจายค่ะ






 

Create Date : 04 สิงหาคม 2553    
Last Update : 4 สิงหาคม 2553 11:18:53 น.
Counter : 2293 Pageviews.  

~ ถึงลุงหมูที่แสนรัก - The Pigman ~ วรรณกรรมเยาวชนเก่าเก็บ โดย พอล ซินเดล(Paul Zindel)





" ถึงลุงหมูที่แสนรัก - The Pigman"
ผู้แต่ง พอล ซินเดล (Paul Zindel)
ผู้แปล หางนกยูง
สนพ.ดอกหญ้า (พ.ย. ๒๕๒๕)


เรื่องราวโดยสังเขป :
(จะเรียกว่าเรื่องย่อคงไม่ได้ เพราะค่อนข้างยาว...แหะ ๆ )


วรรณกรรมเยาวชนสะท้อนปัญหาสังคมวัยรุ่นอเมริกัน
ดำเนินเรื่องผ่านบทบันทึกของเด็กวัยรุ่นหญิง -ชายสองคน...
ลอร์เรน กับจอห์น...นักเรียนชั้นปีที่สอง(น่าจะม.5กระมัง)ของโรงเรียนไฮสคูลแห่งหนึ่ง

ทั้งคู่สลับกันเล่าเรื่องราวของพวกเขาบทเว้นบท...
ถึงเรื่องราวที่พวกเขาบังเอิญได้ไปรู้จักกับลุงหมู - แองเจโล พิกเนตี้
ชายชราผู้ว้าเหว่และขี้เหงาคนหนึ่งเข้า

มันเริ่มต้นเมื่อพวกเขาและเพื่อน ๆ คิดเกมโทรศัพท์ขึ้น
โดยสุ่มเลือกเบอร์โทรศัพท์ใครก็ได้ที่ไม่รู้จักขึ้นมาแล้วพนันกันว่า
ใครจะสามารถชวนเจ้าของเบอร์นั้นคุยได้นานที่สุด

แล้วลอร์เรนก็เลือกเบอร์ของลุงหมู แองเจโล พิกเนตี้...
เธอแนะนำตัวกับเขาว่าเธอโทรมาจากมูลนิธิแห่งหนึ่ง ต้องการรับบริจาคเงินเพื่อการกุศล - -
แน่ล่ะ เป็นเรื่องที่เธอกุขึ้น แต่การณ์กลับเป็นว่าคุณพิกเนตี้กลับชวนเธอคุยอย่างสนิทสนม
แถมเล่าเรื่องตลกให้เธอฟังอย่างกระตือรือร้น
และรับปากว่าจะบริจาคเงินให้กับมูลนิธิของเธอถึงสิบเหรียญ โดยนัดให้เธอไปรับเงินได้ที่บ้านของเขา

ตอนแรกลอร์เรนไม่คิดจะไปรับเงินนั้นหรอก...แต่จอห์นรบเร้าให้ไป
เธอขัดเขาไม่ได้จึงไปที่บ้านของลุงหมู
พวกเขาได้พบ ได้รู้จักและทั้งสามคนก็สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว

ลุงหมูมีอะไรหลายอย่างที่พ่อแม่จอห์นไม่มีให้เขา นั่นคือความอบอุ่นและความเป็นเพื่อน
และเขายังมีความเข้าใจอย่างมากมายให้กับลอร์เรน...ชนิดที่เธอไม่เคยได้รับจากแม่ของเธอ

ที่สำคัญ ลุงหมูมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม...
และลุงหมูก็ไม่โกรธพวกเขาที่มาหลอกลวง หลอกเอาเงินจากลุงหมูด้วย...

ลุงหมูอยู่บ้านตามลำพัง แกบอกพวกเขาว่าภรรยาของแกไปต่างเมือง
แต่พวกเขามาค้นพบภายหลังว่าที่แท้ภรรยาของลุงหมูเสียชีวิตไปแล้ว
แต่แกรับไม่ได้จึงมีพฤติกรรมแปลก ๆ และอ้างว่าภรรยาไม่อยู่บ้าน...

ลุงหมูมีตุ๊กตารูปหมูสะสมไว้มากมาย และมีเรื่องเล่าตลก ๆ มีเกมเด็ด ๆ ไว้เล่นกับพวกเขา
ลุงหมูชวนพวกเขาไปสวนสัตว์ด้วย และแนะนำให้พวกเขารู้จักกับเจ้าโบโบ
- เจ้าลิงบาบูนที่ลุงหมูยึดเป็นเพื่อน และซื้อถั่วไปเลี้ยงมันเสมอ ๆ

...............

วันหนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังเล่นกันอยู่อย่างออกรส
ลุงหมูก็เกิดอาการหัวใจวายกระทันหัน ดีที่พวกเขาเรียกรถพยาบาลมาช่วยไว้ทัน
เด็ก ๆ ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นตกใจ....

ในระหว่างที่ลุงหมูยังนอนอยู่โรงพยาบาลนั้น
จอห์นกับลอร์เรนก็เกิดความคิด จัดปาร์ตี้ขึ้นในบ้านของลุงหมู
เขาเชิญเพื่อน ๆ วัยรุ่นมามากมาย พวกเขาสนุกกันสุดเหวี่ยง
ลอร์เรนกับเพื่อนเผลอไปเอาชุดสวย ๆ ของภรรยาลุงหมูมาสวมใส่และทำมันขาด
เพื่อนตัวร้ายของจอห์นก็ทำตุ๊กตารูปหมูตัวโปรดของลุงหมูแตก

................

เพื่อนบ้านทนพฤติกรรมของเด็ก ๆ พวกนี้ไม่ไหวจึงแจ้งตำรวจ
จังหวะนั้นลุงหมูก็ออกจากโรงพยาบาลกลับมาพอดี...เด็ก ๆ ทั้งหมดแตกกระเจิง

วันถัดมา ลอร์เรนกับจอห์นก็กล้า ๆ กลัว ๆ โทรศัพท์ไปขอโทษลุงหมู และชวนแกไปสวนสัตว์อีกครั้ง

พวกเขาไม่คิดว่าแกจะรับปาก...
แต่...เมื่อพวกเขาไปรออยู่ที่สวนสัตว์ ลุงหมูก็มาหาพวกเขาจริง ๆ
ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปด้วยดีอยู่แล้วเชียว...

แต่เมื่อพวกเขาไปถึงกรงเจ้าโบโบและพบว่ามันหายไป
เมื่อถามคนดูแลที่นั่นเขาก็ตอบอย่างไม่แยแสว่า...เจ้าบาบูนตายแล้ว !

.............

คงเดากันได้นะคะว่าลุงหมูจะเป็นยังไง...?
แกช็อคและเสียชีวิตอยู่ในบ้านลิงนั่นเอง ต่อหน้าต่อตาจอห์นกับลอร์เรน...!!!







ไปเจอหนังสือเก่าเก็บเล่มนี้ในลังหนังสือเก่าค่ะ
อ่านคำนำคนแปลแล้วรู้สึกสนใจ จึงหยิบมาอ่านทั้งเล่ม
แล้วก็บอกตัวเองว่าเจอแล้ว "เพชรในตม" เพราะถึงจะเป็นเรื่องราวที่สะท้อนปัญหาเด็กฮาร์ดรุ่นเก่า
แต่ปมและประเด็นที่ผู้เขียนต้องการสื่อยังคงเป็นปมปัญหาร่วมสมัยที่คนเป็นพ่อแม่ และลูก ๆ ยังจะต้องเผชิญ
และร่วมกันแก้ไขฝ่าฟันไปด้วยกัน...
ด้วยความรักและเข้าใจ

ชอบวิธีเล่าเรื่องมาก ๆ แสดงให้เห็นถึงความเข้าอกเข้าใจวัยรุ่นของผู้เขียนเป็นอย่างดี
ขณะที่อ่านบันทึกของลอร์เรนกับจอห์นในแต่ละบท แทบจะไม่รู้สึกเลยว่าเป็นคนเดียวกันเขียน
พวกเขาผลัดกันเล่าเรื่องด้วยถ้อยสำนวนและน้ำเสียงที่แตกต่างกันค่อนข้างจะสิ้นเชิง
แต่ด้วยความที่มันเป็นเรื่องเดียวกัน...เรื่องราวจึงต่อเนื่องและสอดคล้องกันไป...
ในสองมุมมอง

ท้ายเล่มมีบทสัมภาษณ์ผู้เขียนถึงแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเล่มนี้ เขาบอกว่าอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครในเรื่องส่วนใหญ่เขาก็ได้มาจากตัวเองนั่นเอง ...

"...นิยายมันก็เหมือนกับความฝันนั่นแหละครับ...สิ่งที่น่าพิศวงที่สุดที่คุณเรียนรู้เกี่ยวกับความฝันก็คือ คนแต่ละคนหรือของแต่ละสิ่งในความฝันของคุณนั้นก็คือการขยายตัวทางอารมณ์ของตัวคุณนั่นเอง...
ในฝันนั้น เราเป็นผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก สัตว์ สิ่งของ..."


**หนังสือเล่มนี้อ่านเพื่อตอบโจทย์ HHR ข้อ 15-7 เพชรในตม: หนังสือที่อ่านแล้วคิดว่าดีเลิศหรือปลาบปลื้มมากๆ แต่ไม่เป็นที่รู้จักหรือไม่ค่อยมีคนพูดถึงค่ะ









 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 30 กรกฎาคม 2553 12:59:43 น.
Counter : 1525 Pageviews.  

เก็บตกจาก RRR & WWR (หนังสือเด็ก)



จขบ.เป็นคนชอบอ่านหนังสือเด็ก...(สงสัยวัยกลับ )
ในการร่วมเล่นเกมทั้ง RRR และ WWR ที่ผ่านไป หนังสือที่เลือกตอบโจทย์จึงจะเป็นหนังสือเด็กเสียเป็นส่วนใหญ่

บล็อกนี้ขอรวบรวมหนังสือเด็กที่อ่าน ๆ ไปมาไว้ในที่เดียวกันซักสี่ซ้าห้าเล่มแล้วกันค่ะ

เริ่มที่เล่มแรกเลย...

เล่มนี้ย้อนกลับไปตั้งแต่เกมซีซั่นแรก RRR ค่ะ ตอบโจทย์หนังสือผลงาน(แปลหรือเขียน)ของบล็อกเกอร์ในบล็อกแก็งค์

Hoot - ปฏิบัติการพิทักษ์ฮูก



ผู้เขียน คาร์ล ไฮยาซัน (Carl Hiaasen)
ผู้แปล มณฑารัตน์ ทรงเผ่า
จัดพิมพ์โดย สนพ.มติชน (ก.ย. ๒๕๔๖)


เรื่องย่อ (จากคำนำสนพ.) :

เพราะเด็กผู้ไม่ใส่รองเท้า และวิ่งเร็วปานลมกรดคนนั้นที่ "รอย" บังเอิญมองเห็นจากหน้าต่างรถรับส่งของโรงเรียนในเช้าวันหนึ่ง กระตุกความกระหายใคร่รู้ของเด็กบ้านนอกจากมอนทานาซึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในฟลอริด้าไม่นาน
ความพยายามที่จะไขปริศนาของเด็กนักวิ่งผู้ไม่ใส่รองเท้าและไม่มีเป้สะพายหลัง
นำพารอยเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์สลับซับซ้อนน่าพิศวง และการผจญภัยตื่นเต้นสนุกสนาน...

ในขณะเดียวกันกับที่มิตรภาพจากน้ำใจอันดีงามก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละน้อย

โปรยปกหลัง

เรื่องราวเชิงเสียดสี สนุกสนานจาก Carl Hiaasen
เมื่อเด็กใหม่อย่างรอยตัดสินใจผนึกกำลังกับบีทริซยอดอึด และเด็กชายลึกลับฉายามุลเล็ต ฟิงเกอร์ส เพื่อร่วมปฏิบัติการกำจัดและขัดขวางบริษัทอันธพาลจอมละโมบ... โดยมีเป้าหมายคือการพิทักษ์ไว้ซึ่งอาณาจักรของเหล่านกฮูกโพรง...
รับประกันความสนุกสนานด้วยรางวัล Newbery Medal ระดับ Honour Book ประจำปี ๒๐๐๓ จากสมาคมห้องสมุดอเมริกัน


************


เป็นวรรณกรรมเยาวชนค่ะ แต่มีกลิ่นอายของการประชดประชันเสียดสีอยู่เต็มไปหมด
ส่วนตัวยังไม่เคยอ่านงานเขียนของนักเขียนคนนี้มาก่อน แต่เท่าที่ดูจากประวัติย่อ ๆ
ในหนังสือเขาบอกว่าไฮยาซันเคยเป็นนักข่าวและเขียนนิยายแนวเสียดสีสังคมมาก่อน
(ทำเอาอยากอ่านเล่มอื่น ๆ ของเขาขึ้นมาติดหมัดทีเดียว)

เล่มนี้เป็นวรรณกรรมเยาวชนเล่มแรกของเขา
ซึ่งประเด็นที่เขาต้องการจะสื่อและย้ำก็คือการปลูกฝังเรื่องของจิตสำนึกเกี่ยวกับการการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม...
ที่ดีที่สุดควรจะเริ่มต้นที่เด็ก ๆ นั่นเอง

อ่านสนุกค่ะ คนแปลแปลด้วยสำนวนที่ลื่นไหล ได้อารมณ์ขำ ๆ คัน ๆ ดี






เล่มที่สอง...

"ลินลาน่ารัก"



ผู้แต่ง : ว.วินิจฉัยกุล
ผู้พิมพ์(เล่มนี้) : สนพ.ต้นอ้อ (พิมพ์ครั้งที่ ๓)



(อีกเล่มที่ตกค้างมาตั้งแต่ RRR เล่มนี้ใช้ตอบโจทย์ว่าด้วยนิยายที่เสริมสร้างทัศนคติ สร้างครอบครัวให้อบอุ่นค่ะ)

"ลินลาน่ารัก" วรรณกรรมเยาวชนจากปลายปากกาของว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทหนังสือบันเทิงคดีสำหรับเด็กก่อนวัยรุ่น จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๓๕
และยังเป็นวรรณกรรมที่ประทับใจผู้อ่านทุกวัยอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน


เรื่องย่อ (ย่อเอง)

เมื่อพ่อกับแม่ของลินลาเสียชีวิตลง เด็กหญิงจึงต้องเข้ามาอยู่ในการปกครองของคุณน้าสุมาลิน น้องสาวคนเดียวของคุณวิมาลา - -แม่ของเธอ โดยที่ในตอนแรกนั้น คุณน้าสุมาลินมีท่าทีราวกับว่าต้องจำใจรับอุปการะเด็กหญิง ด้วยเห็นว่าเป็นภาระ และเจ้าหล่อนอาจจะเข้ามาทำลายความสงบเงียบในชีวิตของเธอเข้า

ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของลินลาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก และเช่นเดียวกับชีวิตของคุณน้าสุมาลิน
ลินลาได้นำมาซึ่งความร่าเริงสดใสให้กับทุกๆ คนรอบข้าง
แต่ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ไม่มหัศจรรย์เท่ากับการที่ คุณน้าผู้เคร่งครัด เข้มงวด ทั้งยังเก็บตัวไม่สุงสิงสมาคมกับผู้ใด กลายเป็นหญิงสาว ใจดีมีเมตตา และรักเด็ก...

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลานสาวคนเดียวของเธอ...
ที่สำคัญที่สุด ลินลายังกลายเป็นผู้มาเปิดดวงตาดวงใจของน้าสาว ช่วยทลายกำแพงที่เธอได้ก่อขึ้นล้อมรอบตัวเอง...จนสามารถประสานรอยร้าวและความบาดหมางในใจที่เธอเฝ้าเก็บงำมาเนิ่นนาน...
ก่อเกิดเป็นความรักความเข้าใจที่เบ่งบานขึ้นแทน

แต่ทว่า...ชีวิตคือความไม่แน่นอน ลินลาต้องประสบเคราะห์กรรมอันเลวร้ายอย่างไม่คาดฝัน...แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงยืดมั่นในคำสอนของผู้เป็นบิดา โดยพยายามมองสิ่งต่าง ๆ ในแง่มุมที่ดีอยู่เสมอ...และยิ้มรับกับปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชื่นบาน

"เกมดีใจ"ของเธอดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผลทุกครั้งที่เธอนำมันมาใช้


************


น่ารักดีค่ะ อ่านแล้วได้กลิ่นอายของ "เจ้าหญิงน้อย" ของฟรานเซส ฮอดจ์สันเบอร์เน็ตต์อยู่กรุ่น ๆ
แต่ก็ได้อารมณ์แบบไทย ๆ ตรงที่มีเรื่องรักโรแมนติกนิด ๆ ระหว่างคุณน้าผู้เย็นชา
กับคุณลุงเชาวน์ผู้ใจดีแทรกแซมเข้ามาให้ได้รู้สึกว่าไม่เด็กจนเกินไป

ขออนุญาตคัดตอนหนึ่งในหนังสือเพื่อจะตอบโจทย์ว่านิยายเด็กเรื่องนี้เสริมสร้างทัศนคติได้อย่างไรค่ะ

"...ความทุกข์สอนให้เราอดทน เข้มแข็ง
แล้ววันหนึ่งเมื่อเราพ้นจากความทุกข์นั้นไปได้ เราก็จะเกิดสติปัญญามองเห็นความผิดพลาดของเรา
หรือไม่ก็เป็นช่องทางให้เราเห็นอกเห็นใจคนอื่น..."


ชวนอ่านค่ะและวคุณจะพบคำตอบว่า ทำไม ลินลาจึงน่ารัก!






เล่มที่สาม...

"แล้วเราก็เป็นเพื่อนกัน"



วรรณกรรมเยาวชนแปลจากเรื่อง Jennifer, Hecate, Macbeth, William Mckinley, and Me, Elizabeth
ผู้เขียน อี.แอล.โคนิกสเบิร์ก (E.L.Konigsberg)
ผู้แปล คีรินทร์
ผู้พิมพ์ : แพรวเยาวชน(ครั้งแรก ก.พ. ๒๕๔๔)



เรื่องย่อ : เอลิซาเบธและเจนนิเฟอร์ชอบเล่นคนเดียว เดินไปโรงเรียนคนเดียว
ไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ลึก ๆ แล้วทั้งคู่ต่างต้องการเพื่อน...
เมื่อได้มาเจอกัน ทั้งคู่ต่างพยายามทำให้อีกฝ่ายยอมรับตนเป็นเพื่อน...

เจนนิเฟอร์ใช้เวทมนตร์คาถาของแม่มด เพื่อจะได้อยู่เหนือกว่า และที่สำคัญ เพื่อให้เอลิซาเบ็ธยอมรับเป็นเพื่อน
ขณะที่เอลิซาเบ็ธใช้วิธียอมอ่อนข้อให้ทุกประการ ไม่ว่าเจนนิเฟอร์จะให้ทำอะไร แปลก พิสดารขนาดไหน เอลิซาเบ็ธก็ทำให้ทุกอย่าง
เพื่อจะได้เป็นแม่มดฝึกหัดกับเขาบ้าง และที่สำคัญ เพื่อจะได้มีเพื่อนอย่างเจนนิเฟอร์อยู่เคียงข้าง

แต่ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้ว่า ไม่มีเวทมนตร์ใดสามารถเสกเพื่อนได้
มีแต่การยอมรับตัวตนของกันและกัน และลดทิฐิในตัวเองลงมาเท่านั้น...


***********


เรื่องราวน่ารัก ๆ ของเด็กหญิงสองคน...ที่ "หิวเพื่อน"มากกว่าคุ้กกี้...
การดำเนินเรื่องผ่านการบอกเล่าของ "หนู" หรือเอลิซาเบธ ที่ปิ๊งเจนนิเฟอร์ทันทีที่ได้พบ....
แม้ฝ่ายนั้นจะมีพฤติกรรมที่แสนจะแปลกประหลาดพิสดาร
และมักจะทำตัวแปลกแยกจากนักเรียนคนอื่น ๆ ในโรงเรียนขนาดไหนก็ตาม...
โดยเฉพาะเมื่อเจ้าหล่อนประกาศตัวว่าตัวเองเป็นแม่มด...เอลิซาเบธก็เชื่อ
และพร้อมจะปฏิบัติตามคำแนะนำของเจนนิเฟอร์เพื่อเป็นแม่มดฝึกหัดกับเขาบ้าง....

เป็นวรรณกรรมว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่เกิดขึ้นได้จริงในชีวิตของเด็กๆ
หลายๆ ปัญหาอาจตรงกับที่เด็กๆ กำลังประสบอยู่
ตัวอย่างและวิธีการแก้ปัญหาของเด็กๆ ในเรื่องอาจช่วยให้เด็กๆ มองเห็นทางออก
และเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยมีอารมณ์ขันที่แทรกไว้ตลอดเรื่อง
ทำให้รู้สึกว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรง


อ้อ...เล่มนี้ใช้ตอบโจทย์ WWR ข้อ 5-9.หนังสือที่มีเนื้อหาสื่อถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อน (จะเป็นคนกับคน สัตว์กับสัตว์ หรือคนกับสัตว์ก็ได้)ค่ะ





เล่มที่สี่...

"ก็ราโมนาซะอย่าง ตอน ปฏิบัติการช่วยพ่อ"
Ramona and Her Father




ผู้เขียน บีเวอร์ลี่ เคลียร์รี่ - Beverly Cleary
ผู้แปล "หนินอู"
สนพ.สายไหม(พ.ค. 2530)



โปรยปกหลัง

ราโมนาอายุ 7 ขวบ
ยังคงวุ่นวายยุ่งเหยิง
แต่ก็ไม่ใช่จะไร้ความคิด
ผู้ใหญ่ไม่รู้หรอกว่า
เด็ก ๆ ก็เป็นห่วงบ่วงใยผู้ใหญ่เหมือนกัน

****

เรื่องราวของสาวน้อยราโมนาในเล่มนี้....
(เป็นเล่มที่สี่ของทั้งชุดซึ่งมีอยู่ประมาณ 9 เล่ม ...ไม่แน่ใจนัก)
เป็นตอนที่เธอเพิ่งเรียนหนังสืออยู่แค่ชั้นประถมสองเอง
แต่เธอก็มีปัญหาหนักอกที่ต้องแก้ไขเสียแล้ว
เริ่มตั้งแต่พ่อของเธอต้องตกงาน ทำให้บรรยากาศวันรับเงินเดือนของพ่อที่เคยมีความสุขต้องเซ็งไปถนัด...
ราโมนาอยากช่วยพ่อกับแม่หาเงิน...เธอมีโครงการมากมายอยู่ในหัว อย่างงานถ่ายโฆษณาก็น่าจะมีรายได้ดี...
เธอต้องฝึกฝนอย่างหนักและต้องทำตัวให้เป็นจุดเด่นเผื่อจะมีแมวมองมาสะดุดตามั่ง....

แถมเมื่อพ่อเครียดพ่อก็สูบบุหรี่จัดมากจนเธอกับบีซัส พี่สาวคนเดียวของเธอต้องช่วยกันรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่ในบ้าน
เป็นเหตุให้พ่อเคือง...หาว่าเธอทำตัวจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง
มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย...ก็เธอไม่อยากให้ปอดของพ่อดำ และไม่สบายไปนี่นา...
แล้วไหนจะงานวันคริสต์มาสที่โรงเรียนที่บีซัสจะได้เล่นละครเป็นมารี...
แต่เธอไม่ได้รับบทบาทอะไรเลย...
ได้ไงล่ะ.........


***********

เรื่องราวน่ารัก ๆ ของราโมนา ควิมบี้ตอนนี้เป็นตอนที่เพิ่งได้อ่านค่ะ
หลังจากคุ้ยหาหนังสือมานาน เพิ่งไปเจอซุกอยู่ในกล่องหนังสือเก่าเก็บ
ในตอนนี้ดูเหมือนราโมนาจะโตขึ้นมาก
แต่ยังคงช่างคิดช่างฝันช่างจินตนาการเหมือนเดิม...
อ่านแล้วอมยิ้ม สบายใจ


เล่มนี้อ่านตอบโจทย์ 10-13. เสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราเป็นวันเด็กแห่งชาติ มารับฟังเสียงของเด็ก ๆ บ้างดีไหม อ่านหนังสือ 1 เล่มที่เขียนโดยเด็กอายุต่ำกว่า 18 ค่ะ





เล่มที่ห้า...

"ซองดรีน"



อูแกตต์ การีแยร์ (ฝรั่งเศส)
วรรณประไพ /แปล
สนพ.เรจีนา (มี.ค. 2531)


เรื่องเล่าของเด็กหญิงตัวน้อย ที่แสนบริสุทธิ์และสดใส...
การแสดงออกของเด็ก ๆ นั้นเป็นไปด้วยความจริงใจ ไม่เสแสร้ง
ซองดรีนเป็นเด็กช่างคิดช่างฝัน ช่างเปรียบเทียบ...
ดูแต่เวลาที่เธอพูดถึงพ่อของเธอสิ...

"บางวันพ่อเป็นสีฟ้า ฟ้าครามเหมือนทะเลในฤดูร้อน หากแต่สงบเงียบ พ่อจะอุ้มซองดรีนให้นั่งอยู่บนตัก

วันที่คุณพ่อเป็นสีดำล้วน เราจะเดาได้ทุกอย่างเมื่อได้ยินเสียงพ่อมาถึง "โครม" เสียงกระแทกของประตูรถ...

หลังจากนั้นเกือบทุกวันพ่อจะเป็นสีชมพู พ่อจะกอดทุก ๆ คน พ่อเล่าเรื่องตลกมากมาย...

ยิ่งกว่านี้พ่อยังมีสีอื่นอีกมาก...
สีเขียวเมื่ออากาศแจ่มใสพ่อจะสมัครใจวุ่นอยู่กับงานตกแต่งสวน...
เมื่อพ่อเป็นสีส้ม พ่อจะหัวเราะเสียงดังมาก ๆ พ่อทำทุกอย่างเสียงดัง...

เมื่อพ่อกลายเป็นสีขาว เป็นสีที่น่ารังเกียจที่สุด
พ่อจะเดินผ่านผู้คนเหมือนมองไม่เห็นใครเลย

บางครั้งพ่อก็กลายเป็นสีม่วงเมื่อพ่อรู้สึกโศกเศร้านิดหน่อย..."


ซองดรีนน่ารักไหมล่ะ






เล่มที่หก...

"ส้มสีม่วง"



ผู้เขียน : ดาวกระจาย (อีกนามปากกาหนึ่งของ"ดวงตะวัน")
สำนักพิมพ์ : อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ฯ

(รางวัลยอดเยี่ยม ประเภทวรรณกรรมเยาวชน ประจำปี 2544)



จากสำนักพิมพ์:

"ส้มสีม่วง"
เป็นวรรณกรรมที่ทำให้ผู้อ่านตระหนักในคุณค่าของจินตนาการความฝันว่าหากปราศจากความฝันแล้วไซร้
ชีวิตมนุษย์จะแห้งแล้วหยาบกระด้าง ไร้สีสัน ไร้จุดหมาย ไร้อารมณ์ และไร้สุขเพียงใด
ลุงเทิด จ้อย และแก้ม จึงผนึกกำลังร่วมกันต่อสู้กับ "กองทัพปราบฝัน" จนเอาชนะได้ในที่สุด
แม้ไม่ใช่ชัยชนะเบ็ดเสร็จ เพราะภารกิจของนักเขียนในการสร้างฝันเพื่อสู้กับ "กองทัพปราบฝัน"
ยังคงต้องดำเนินต่อไปอีกตราบนานเท่านาน

การใช้ลีลาการเขียนแบบแฟนตาซีทำให้วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้มีตัวละครและเหตุการณ์มหัศจรรย์ไกลเกินจริงอย่างสนุกสนาน
ผู้เขียนพาผู้อ่านทะลุขอบโลกแห่งความจริงออกไปสู่อาณาจักรความฝันที่เวิ้งว้างไร้ขอบเขต
แต่กลับเป็นการผจญภัยที่กระตุ้นประสบการณ์ทางอารมณ์ของผู้อ่านได้ไม่สิ้นสุด แม้จะปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือลงไปแล้ว


**********

ชอบค่ะ...
ผู้เขียนเข้าใจสร้างสรรค์ตัวละครที่ทำให้คนอ่านคล้อยตาม อย่างบรรดากองทัพปราบฝันทั้งหลายนั่น...
ส่วนตัวเจอมาเพียบ และสู้มันไม่ได้เอาเสียเลย
อย่าง... นายพลขี้เกียจ ตัวเป็นขน...ท่านผู้เฒ่า อย่าเสี่ยง ไม่เปลี่ยนแปลง ...นายช่าง ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร...เหล่านักรบ ผัดวัน ประกันพรุ่ง, หงุดหงิด งุ่นง่าน...ฯลฯ
ก็ได้แต่ภาวนาให้เด็ก ๆ (รุ่นหลัง) ทั้งในเรื่องและนอกเรื่องปราบบรรดากองทัพปราบฝันข้างบนนั้นให้สำเร็จด้วยเถิ้ด...







เล่มที่เจ็ด...(เล่มสุดท้ายในเซ็ทนี้)

"เรื่องเล่าจากดาวพิลึก"



ผู้เขียน : แอนดรี สไน แมกนาซัน (ไอซ์แลนด์)
ผู้แปล เจนจิรา เสรีโยธิน
มูลนิธิดำรงชัยธรรม(มี.ค. 2546)


โปรยปกหลัง: (เรื่องย่อ)

บนอวกาศอันไกลโพ้น...มีดาวพิลึกดวงหนึ่งซึ่งมีแต่ประชากรเด็ก ๆ
เป็นโลกที่ไม่มีกฏเกณฑ์ใด ๆ
เด็กทุกคนอยากเล่นเวลาไหนก็เล่น อยากนอนเวลาไหนก็นอน
.
แต่แล้ววันหนึ่ง กู้ดเดย์ - ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์ปรากฏตัวขึ้น
เขาสอนให้เด็ก ๆ บินไปในป่าลึกและท้องฟ้ากว้างใหญ่
เป็นการผจญภัยที่สนุกสนาน และอันตรายเกินกว่าที่เด็กคนใดจะคาดถึง
ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามานั้น...
ต้องแลกด้วยวัยเยาว์ของเด็ก ๆ


*********


เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่สอดแทรกแนวคิดเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้ในเรื่องอย่างกลมกลืน
ผ่านจินตนาการที่สร้างสรรค์ในเชิงเทพนิยาย...
ให้แง่คิดในเรื่องของความแตกต่างระหว่างเด็ก -ผู้ใหญ่
ความดี - ความชั่ว
ความจริงใจและความหลอกลวง
ความสว่งสดใสและความมืดมน
....

ซึ่งในที่สุด...เรื่องราวก็จบลงด้วยความสุขอย่างที่เทพนิยายทั้งหลายควรจะเป็น
อ่านเพลิน ๆ ตามประสาคนรักหนังสือเด็กค่ะ


สามเล่มหลังนี้อ่านตอบโจทย์หนังสือสามสัญชาติค่ะ ข้อ 20-5. อ่านหนังสือรวม 3 เล่ม จากคนละประเทศ นับจากสัญชาติคนแต่ง จะเป็นฉบับแปลหรือไม่แปลก็ได้








รวมเบ็ดเสร็จเจ็ดเล่ม แต่ยังไม่หมดค่ะ มีบางเล่มบางเรื่องที่อยากจะเขียนถึงเยอะ ๆ ก็เลยยังไม่นำมารวมไว้ตรงนี้

โปรดสังเกตว่าหนังสือที่จขบ.เลือกอ่าน...ที่ถึงแม้จะเป็นหนังสือเด็ก...ล้วนแต่มีอายุอานาม น่าจะพอ ๆ กับคนอ่านเลย แหะ ๆ ...

เล่นง่ายเสียจริง-จริ๊ง !







 

Create Date : 03 มีนาคม 2553    
Last Update : 4 มีนาคม 2553 10:09:52 น.
Counter : 2135 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.