ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
<<
มกราคม 2556
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
20 มกราคม 2556
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
...ผมขอสารภาพว่าชีวิตนี้นอกเสียจากเรื่องของความรักแล้ว เรื่องอื่นผมคงไม่อาจจดจำมาเล่าขานกับเขาได้...
บทที่ ๑
ผมขอสารภาพว่าชีวิตนี้นอกเสียจากความรักแล้ว เรื่องอื่นผมคงไม่อาจจดจำมาเล่าขานกับเขาได้ ยิ่งเรื่องราวที่ออกจะซับซ้อนสูงส่งเป็นที่นิยมกันตอนนี้ด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งไม่เคยใส่ใจใฝ่รู้มาเลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาถ้าจะมีบางสิ่งตกผลึกในความทรงจำของผมอยู่บ้าง ก็เห็นจะไม่แคล้วเรื่องราวความรัก ความสุข และความเศร้าที่เกิดจากพิษรักเท่านั้น ที่ผมพอจะรับรู้และได้สัมผัสลึกซึ้งกับเขาบ้าง
โดยเฉพาะเรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งรักที่มิอาจลบออกจากความทรงจำได้เลย
เที่ยง วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๑๙
ในขณะที่ พี่สงัด ไอ้หมึก ไอ้พริ้ง เพื่อนชาวเหมืองสองสามคนกำลังง่วนกันอยู่กับการล้างแร่ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำเหมืองดีบุกแบบเหมืองป่า ก่อนจะนำไปขายที่ร้านรับซื้อแร่ดีบุกในตลาดตะกั่วป่าวันพรุ่งนี้ ผมซึ่งรับหน้าที่จัดเตรียมสิ่งของสำหรับเซ่นไหว้ขอบคุณเจ้าที่เจ้าทางอยู่ที่ทับนอน ก็ได้จัดการกับสิ่งเหล่านั้นจนเสร็จหมดแล้ว เพราะจะว่าไป, มันก็ไม่มีอะไรมาก โดยเฉพาะแป้งข้าวเหนียวที่จะเอามาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดนิ้วก้อย แล้วคลุกเคล้ากับสีผสมอาหารและต้มให้สุก เพื่อจะทำขนมแดงขนมขาวเตรียมไว้ในถาดสำหรับเซ่นไหว้นั้น หญิงหมอนน้องสาวของสาวบัวม่ายสาวผู้อาภัพของผมได้จัดการแทนผมเสร็จแล้ว หน้าที่ของผมจึงมีเพียงแต่เชือดคอไก่ที่ไปจับมาจากทับลุงทองลวกน้ำร้อนถอนขน ซึ่งบัดนี้ผมก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ตอนที่หญิงหมอนนำของเซ่นไหว้ที่เธอเตรียมไว้ในถาดสำรับมาให้ที่ทับนอนของผมนั้น พอผมเห็นใบหน้าของเธอ ผมก็รู้สึกเศร้ารันทดขึ้นมาทันที เพราะถ้าหากเวลานี้ผมยังมีสาวบัวอยู่ด้วย คนที่จะนำของพวกนี้มาให้ผมจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้นอกจากหล่อน...
ใบหน้าที่อาบเอิบรอยยิ้มของสาวบัวซึ่งปรากฏขึ้นในมโนนึก ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบที่อกข้างซ้าย
เจ็บจนยากที่จะฝืนบังคับมิให้หยาดน้ำตาแห่งความคิดถึงไหลรินออกมา แม้ว่าผลของมันจะพลอยลุกลามไปสู่ดวงใจน้อย ๆ ของหญิงหมอนที่เพิ่งฝ่าแดดร้อนมาถึงอย่างช่วยไม่ได้ก็ตาม...
หญิงหมอนวางถาดเครื่องเซ่นไหว้ลงบนแคร่ไม้ไผ่หน้าทับนอนของผมแล้วยืนนิ่ง เบือนหน้าไปทางเนินเขาสูงเบื้องทิศตะวันออก คล้ายพยายามจะหลบซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอให้พ้นไปจากสายตาของผม
แต่ไม่สำเร็จ !
"หมอน"
ผมตรงเข้าจับแขนและดึงร่างที่งามอ่อนช้อยดุจนางหงส์ของหญิงสาวมาสวมกอด ก่อนจะร่ำไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
แม่สาวน้อยใจเด็ดกว่าชายอกสามศอกอย่างผม
ในขณะที่ผมกอดรัดตัวเธอและร่ำไห้ออกมา เธอเพียงแค่ปล่อยให้หยาดน้ำอุ่น ๆ จากดวงตาหยดลงบนแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าของผมเท่านั้น จะสะอึกสะอื้นคร่ำครวญเหมือนอย่างผมสักนิดไม่มี
"ผมขอโทษนะหมอน ขอโทษที่ไม่อาจปกป้องชีวิตพี่สาวของเธอได้"
"อย่าคิดมากไปเลยนุ้ย ตราบใดที่ฉันยังไม่เห็นศพพี่บัว ฉันจะไม่คิดว่าพี่สาวของฉันได้ตายจากฉันไปแล้วจริง ๆ "
"หมอน เธอคิดอย่างนั้นจริงหรือ" ผมคลายอ้อมแขนเปลี่ยนมาจับไหล่สองข้างของเธอบีบเบา ๆ " ถ้างั้น ต่อไปผมก็จะพยายามคิดอย่างหมอนเหมือนกัน คิดว่าสักวันผมคงจะต้องเจอสาวบัว และ...เราสองคนจะต้องได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีก"
หญิงสาวที่ยืนเม้มปากอดกลั้นความปวดร้าวอยู่ตรงหน้า พยักหน้าเนิบนาบ ปล่อยให้หยาดน้ำใส ๆ จากดวงตาไหลรินลงมาสองข้างแก้มเป็นทางอย่างน่าสงสาร
หลังเหตุการณ์เศร้าสลดอันเนื่องมาจากการปิดล้อมสังหารหมู่นักศึกษา และประชาชนผู้บริสุทธิ์บางส่วนภายในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยน้ำมือเจ้าหน้าที่ของรัฐและกลุ่มชนบ้าคลั่งกลุ่มหนึ่ง เมื่อตอนค่อนรุ่งของวันคืนที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ผ่านไปสามวัน ผมก็เก็บเสื้อผ้าในห้องเช่าโบกมือลากรุงเทพฯ กลับคืนปักษ์ใต้บ้านเกิดเมืองนอน โดยไม่ลืมไปกราบลาเถ้าแก่ร้านทำบล็อกพิมพ์ที่วงเวียนใหญ่-ฝั่งธนบุรี ที่ซึ่งผมเคยทำงานอย่างมีความสุขอยู่ที่นั่นชั่วระยะหนึ่ง แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ผมก็ไม่อาจลืมคุณความดีของเฒ่าแก่เจ้าของร้าน พร้อมทั้งเฮียเส้งกับเจ๊หงส์บุตรชายและบุตรสาวของท่านได้
จะว่าไปแล้วกรุงเทพฯสำหรับผมเวลานั้น ถ้าจะมีอดีตที่ดีงามให้รำลึกกับเขาบ้าง ก็น่าจะมีอยู่แค่นี้ นอกนั้นเป็นความเศร้ารันทดแทบทั้งสิ้น ยิ่งเหตุการณ์ตอนออกค้นหาม่ายสาวคู่ชีวิตของผม ไม่ว่าขณะที่กำลังเกิดการชุลมุนเข่นฆ่าผู้ที่ปราศจากหนทางต่อสู้อย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากสัตว์ร้ายกระหายเลือดของเหล่าเดรัจฉานในคราบมนุษย์ตอนค่อนรุ่งของวันนั้น หรือขณะออกตระเวนสืบหาร่องรอยการสูญหายของหล่อนไปตามสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะตามโรงพักทุกแห่งในกรุงเทพฯก็ตาม ทุก ๆ ย่างก้าวของผมช่างเต็มไปด้วยความปวดร้าวทรมาน
สืบเนื่องจากความผิดพลาดกับการศึกษาของผมที่วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช จนทำให้ต้องยื่นใบลาลาออก แล้วผมกับสาวบัวก็วางแผนกันว่าจะขึ้นไปแก้ตัวกับเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งที่กรุงเทพฯ ผมกะจะให้หล่อนเรียนต่อในหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียน หรือที่นิยมเรียกกันว่า " ศึกษาผู้ใหญ่" ซึ่งคนที่พลาดโอกาสเล่าเรียนในระบบมาแต่แรกในสมัยนั้นนิยมสมัครเรียนกันมาก แต่ทว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๑๙ กระทั่งบานปลายเลยเถิดมาถึงเช้าวันที่ ๖ ก็ดับความหวังของผมหมดสิ้น และที่สำคัญผมต้องมาสูญเสียหญิงม่ายสุดที่รักไปกับเหตุการณ์นั้นด้วย แล้วอย่างนี้จะให้ผมมีกะจิตกะใจที่ไหนมาคิดเรียนหนังสืออีก
ลาทีกรุงเทพฯ
ชีวิตนี้ผมไม่คิดจะเรียนต่ออีกแล้ว ถึงฐานะทางบ้านของผมจะไม่ร่ำรวย แต่พ่อแม่ของผมก็ทำสวนทำไร่เลี้ยงชีพและเลี้ยงผมมาตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ไม่อดตาย แถมยังส่งเสียให้ผมได้มีโอกาสเล่าเรียนหนังสือเพื่อให้ผมได้สุขสบายในอนาคตอีกต่างหาก เพียงแต่ผมมันไม่เอาไหนเสียเอง
ต่อไปนี้ผมจะกลับไปช่วยท่านทำสวน และจะไม่คิดล้างผลาญเงินทองของท่านอีกแล้ว
เรื่องการศึกษาเล่าเรียนเห็นทีจะต้องพอกันแค่นี้ ผมจะไม่คิดเรียนต่ออีกเด็ดขาด
และผมก็นับถือตนเองว่าเป็นคนจริงจังและยึดมั่นต่อสัจจะที่ให้ไว้กับตนอีกด้วย
เรื่องที่ต้องอาศัยการศึกษาเพื่อความสุขสบายในอนาคต จึงต้องอวสานลงเพียงนั้น-อย่างช่วยไม่ได้
ผมกลับถึงบ้านที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ในตอนเช้ามืดของวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๙
หลังจากก้าวเท้าลงจากรถ บ.ข.ส. สีส้ม ที่ปากซอย และสาวเท้ามุ่งหน้าเดินกลับบ้าน ตลอดเส้นทางที่ย่างเท้าไปบนพื้นลูกรัง สองข้างทางที่ผมกำลังเดินฝ่าไปนั้นคือม่านหมอกขาวหนาทึบดุจสำลีเปียกน้ำแผ่ปกคลุมไปทั่ว
เวลานั้นทุกสิ่งอย่างที่ปรากฏอยู่รอบด้านดูเหมือนจะยังสงบนิ่งอยู่ภายในม่านหมอกอันหนาทึบนี้จนหมดสิ้น ทุกบ้านเรือนยังคงปิดประตูเงียบ อากาศอันหนาวเย็นในยามเช้าที่ห่อหุ้มสัมผัสกายผมอยู่ในขณะนั้น ทำให้จิตใจของผมเย็นยะเยือกจนสั่นไหวไปด้วย...
ขาไป เราไปกันสองคน แต่พอตอนขากลับ ผมกลับหอบเสื้อผ้าย้อนมาเพียงคนเดียว
อนิจจา นี่มันอะไรกัน!
ทำไมโลกถึงได้โหดร้ายกับผมอย่างนี้
"โธ่...บัวเอ๋ย ไม่น่าเลยลูก" แม่ของผมร่ำไห้สะอึกสะอื้น "ไข่นุ้ยถ้าไม่อ่อนเพลียจนเกินไป วันนี้ลูกต้องรีบนำข่าวนี้ไปบอกกับพ่อแม่ของเขาเสียนะลูก ส่วนเรื่องอื่นค่อยคิดค่อยแก้ไขกันทีหลัง แต่เรื่องการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของหญิงบัวสำคัญต่อพ่อแม่ของเขามาก ลูกจะมัวชักช้าโอ้เอ้ไม่ได้ ลูกเข้าใจไหม"
"ครับแม่..."
ผมพยักหน้ากับแม่อย่างคนจิตใจเลื่อนลอย กระทั่งหันไปสบตากับพ่อซึ่งมองจ้องผมตาละห้อยอยู่ก่อนแล้ว
เราสองพ่อลูกไม่ได้พูดจาอะไรกัน แต่ผมก็รู้ว่าสายตาของพ่อที่จ้องมานั้นช่างเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสงสาร โชคดีเหลือเกินที่น้องสาวของผมทั้งสองไปนอนค้างที่บ้านย่า ถ้าไม่อย่างนั้นป่านนี้บ้านเราคงตื่นระงมไปด้วยเสียงร่ำไห้ของพวกเธออย่างแน่นอน เพราะว่าเธอทั้งสองดูเหมือนจะรักใคร่ชอบพอกับอดีตว่าที่พี่สะใภ้คนนั้นมาก
เมื่อปีก่อนโน้น-ตอนที่ผมยังเรียนครูอยู่ที่วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช ปิดเทอมปลายปีแรกผมเข้าไปทำเหมืองแร่ดีบุกในป่ากับเพื่อน ๆ ของผมเพื่อหารายได้พิเศษ กระทั่งได้รู้จักชอบพอกับสาวบัว-ม่ายสาวผู้อาภัพ และต่อมาหล่อนก็ได้สนิทสนมกับน้องสาวของผมเป็นอย่างมาก พวกเราเคยชวนกันไปเที่ยวตลาดตะกั่วป่า ม่ายสาวซื้อแหวนทองคำวงเล็ก ๆ มอบให้เป็นที่ระลึกแก่น้องสาวทั้งสองของผมคนละวง ซึ่งแม้จะเป็นความคิดที่ใสซื่อจนแม่ของผมอ่านความนัยแห่งการผู้มิตรของหล่อนได้ แถมยังฝากถ้อยค้ำเหน็บแนมหล่อนมากับผม แต่ทว่าท้ายที่สุดแม่ของผมก็ยอมรับหล่อนเป็นว่าที่สะใภ้ด้วยความเต็มใจยิ่ง เพราะสิ่งที่หล่อนมอบให้ครอบครัวของเรานั้นคือดวงใจใสซื่อและความซื่อสัตย์ภักดีของหล่อนที่มีต่อผมนั่นเอง ครั้นมาถึงวันนี้ แม่ของผมก็ได้แสดงความอาลัยอาวรณ์ต่อการสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยของหล่อนจนปรากฏชัดแจ้งในใจผมแล้ว
และนี่ก็คือ น้ำจิตน้ำใจที่แท้จริงของแม่ผมที่มีต่อหล่อนนั่นเอง
ขณะจัดข้าวของที่จำเป็นใส่เป้ให้ผมเป็นเสบียงยังชีพในป่า แม่ผมร่ำไห้จนตาบวมแดงทั้งสองข้าง เพราะแม่รู้ว่าเมื่อผมได้เหยียบย่างเข้าไปในป่าแห่งนั้นแล้ว ผมย่อมจะไม่คิดกลับออกมาอยู่ที่บ้านกับท่านในเร็ววันอย่างแน่นอน อย่างน้อยผมก็คงจะต้องอยู่ที่นั่นเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดของแผลใจให้มันบรรเทาเบาบางลงเสียก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงจะไม่มีกะจิตกะใจที่จะกลับมาทำสวนที่บ้านด้วยกันกับท่านหรอก
"ถ้าทับนอนหลังโน้นคับแคบนอนกันไม่จุ นุ้ยจะมาพักอยู่กับเราที่ทับหลังนี้เหมือนก่อนก็ได้นะลูก" ป้าพัว อดีตว่าที่แม่ยายผม พูดขึ้นวันแรกที่ผมเดินทางกลับมาเหยียบผืนป่าแห่งนี้
"ขอบคุณครับป้า" ผมพูดกับแกเบา ๆ ขณะหันไปมองระเบียงฟากไม้ไผ่ตรงที่ผมเคยนอนอยู่กับสาวบัวลูกสาวของแกแทบทุกคืน... "แต่ตอนนี้ผมคงจะพักที่นี่ไม่ได้หรอกครับ... เอ่อ-คือว่า--ผมไม่ได้คิดรังเกียจอะไรหรอกนะครับ ผมยังรักและนับถือป้ากับลุงทองเป็นเสมือนพ่อแม่ของผมเหมือนเดิม เพียงแต่ผมรู้สึกใจหาย ถ้าต่อไปนี้ผมจะต้องนอนอยู่ตรงนั้นคนเดียว"
"ช่างเขาเถอะแม่" หญิงหมอนส่งเสียงมาจากในครัว "ให้พี่นุ้ยเขาไปคลุกคลีอยู่กับเพื่อนเสียก่อนนะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องคิดมาก ยิ่งตอนนี้ดูหน้าตาของเขาเข้าสิ-เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากไม่ผิดเลย"
และนับตั้งแต่วันนั้น ก็ดูเหมือนเวลาพบเจอกันแต่ละครั้ง หญิงหมอนมักมองผมด้วยสายตาแปลก ๆ ซึ่งผมสาบานว่าไม่ได้คุยโม้ หรือคิดเข้าข้างตัวเองอย่างเด็ดขาด
ยิ่งวันนี้เมื่อตอนที่ผมเผลอตัวดึงร่างของเธอมาสวมกอด แทนที่จะเธอตกใจจนตัวสั่นและร้องเอะอะขึ้นมา ทว่าหญิงสาวกลับยืนเฉย ปล่อยให้ผมสวมกอดเรือนร่างอันงดงามของเธอได้ตามอำเภอใจ
เมื่อผมคลายอ้อมแขนแล้วจับไหล่สองข้างของเธอบีบเบา ๆ หญิงสาวผู้มีวงพักตร์ละม้ายกับพี่สาวผู้จากไปก็จ้องประสานสายตาผมคล้ายจะเชื้อเชิญอยู่ในที แม้หยาดน้ำตาของเธอที่ไหลรินลงมาตามร่องแก้มทั้งสองข้างจะชวนให้นึกว่าหล่อนกำลังอยู่ในอารมณ์หวั่นเศร้า แต่ผมกลับมองว่านั่นอาจเป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติของหล่อนก็ได้
แล้วนี่ผมจะทำอย่างไรดี?
" บัวจ๋าผมคิดถึงคุณเหลือเกิน! ทำไมคุณถึงได้ทิ้งผมไป คุณกลับมาหาผมก่อนได้ไหม ก่อนที่อะไร ๆ มันจะบีบคั้นจิตใจผมมากไปกว่านี้... บัวจ๋า-ผมกำลังจะควบคุมความรู้สึกของตนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วนะ"
******************************************
Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 21 มกราคม 2556 17:12:04 น.
3 comments
Counter : 862 Pageviews.
Share
Tweet
โดย:
Tiger day
วันที่: 20 มกราคม 2556 เวลา:10:09:09 น.
แวะมาทักทายวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะคุณหลวงเส
วันนี้มีนิยายบทใหม่ให้อ่าน ไว้รอติดตามอีกนะคะ
ปล.ยังไม่วิจารณ์เยอะ อิอิ ขออ่านไปอีกหลายๆ บทก่อน ท่าทางสนุกค่ะ
โดย:
diamondsky
วันที่: 20 มกราคม 2556 เวลา:23:10:15 น.
ขอบคุณครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 21 มกราคม 2556 เวลา:16:52:53 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com
วันนี้มีนิยายบทใหม่ให้อ่าน ไว้รอติดตามอีกนะคะ
ปล.ยังไม่วิจารณ์เยอะ อิอิ ขออ่านไปอีกหลายๆ บทก่อน ท่าทางสนุกค่ะ