เริ่มต้นที่
Librery @ Orchard ห้องสมุดกลางเมืองสิงคโปร์
ลง MRT สถานี Somerset
แล้วขึ้นมาที่ชั้น 3 ของตึก
Orchard Gateway ห้องสมุดนี้เข้าฟรีได้ทุกคนนะ
ห้องสมุดมี 2 ชั้น คือชั้น 3 และ 4 ตกแต่งด้วยสีโทนขาว ผสมผสานกับสีไม้
ดูเรียบ เท่ ทันสมัย มีมุมเก๋ๆ อยู่หลายจุด
เข้ามาแล้วทำให้นึกถึงบรรยากาศวัยเรียนมหาลัยอีกครั้ง
(แต่ไม่ได้เรียนที่นี่นะ ^^ จินตนาการรำลึกงี้ )
(ซ้าย) มุมสืบค้น / (ขวา) ช่องแบ่งล็อคหมวดหมู่
มุมถ่ายภาพยอดนิยม
มุมนั่งชิลๆ ก็มี
ชั้นไม่ตรง ชั้นจะโค้ง
มุมนี้ก็ดีงาม
ออกแบบดูดี ทันสมัย และไม่รู้สึกเกร็งเวลาเข้ามาใช้งาน
(ซ้าย) ถ้าอยากเป็นส่วนตัวต้องมุมนี้เลย เราก็หาหนังสือมานั่งเปิดแป๊บนึง
(ขวา) มุมเก๋ๆ อีกหนึ่งมุม
ทริปนี้ ภารกิจหลักคือมาดูคอนเสิร์ต
และภารกิจรองนั้นคือการมาดู
TAYLOR SWIFT ERAS -THEMED LIGHT & WATER SHOW ILLUMINATES ที่
Marina Bay Sands (MBS) การแสดงเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม
เวลาประมาณ 2 ทุ่ม และ 3 ทุ่ม (ถ้าผิดขออภัย)
ซึ่งเรามาช่วงนี้ก็จะได้ดูพอดี ดูฟรีด้วยนะ
ซึ่งก่อนหน้านี้เขามีให้ลงทะเบียนเพื่อได้นั่งดูระยะใกล้ชิดแต่ก็หมดอย่างรวดเร็ว
ที่ว่างที่เหลือก็ไม่ใช่วันที่เราอยู่
.
.
.
.
ออกจากห้องสมุดแล้วยังมีเวลาเหลือ
ไปทักทายพี่เมอร์ไลอ้อนกันก่อนจากห้องสมุด
ก็เดินทางมาลงสถานี Raffles Place
บริเวณแม่น้ำสิงคโปร์
ขวาคือโรงแรม
The Fullerton ซ้ายคือ
พิพิธภัณฑ์อารยธรรมเอเชีย (Asian Civilisatios Museum) (บนซ้าย)
Cavenagh Bridge (บนขวา) อุโมงค์ลอดเชื่อมระหว่าง
The Empress Place กับ The Esplande park (ภาพล่าง) The River Merchants ตะล็อกต๊อกแต๊กผ่าน
โรงแรม Fullerton 1 2 3 แชะ! ทุกคนหันออก
The Esplanade Bridge มองฟ้าเริ่มครึ้มอีกแล้ว อย่าตกเลยนะ ฉันจะดูโชว์
แต่ไอเรานะ เดินวนหาทางอยู่ตั้งนาน ดูแผนที่ก็แล้วก็เดินผิดเดินถูก 55
แต่สุดท้ายก็เจอแล้ว
Merlion Park คนเยอะมาก
พื้นที่ตรงลานนั้นต่างคนต่างหามุมถ่ายพร้อมท่าแอ็กชั่นโพสต์เฉพาะตัว
เราเองก็ไม่รอช้าจัดท่าแอ็กชั่น
และด้วยอานิสงส์จากที่ไปถ่ายให้คนอื่น ก็เจอนักท่องเที่ยวใจดีถ่ายให้เราด้วยล่ะ
ร่างพร้อม ใจพร้อม เอ้า แอ็กชั่น! แหงน 180 องศาแบบนี้นี่เขาจะขำไหมนะ 55
ภาพซ้าย : ชื่อภาพคายตะขาบ
ภาพขวา : ชื่อภาพน้ำเข้าหู
ตรงนู้นนนคือ
Anderson Bridge พอเสร็จจากจุดนี้ ก็เดินลัดเลาะริมน้ำเข้าสู่
The Shoppes at Marina Bay Sands โอ้โห ข้างในอลังการงานสร้างดีชะมัด
ซึ่งนอกจาก Water Show แล้ว
ภายในห้างเขามีการจัดแสดง
TAYLOR SWIFT TRAIL อีกด้วย
การจะถ่ายแต่ละจุด คือไม่ใช่เดินไปถึงแล้วแชะๆ ได้เลยนะ
เจ้าหน้าที่บอกต้องเข้าคิว แบบนี้เป็นระเบียบดีนะ ลดปัญหาคนมุงด้วย
เข้ามาถึงเจอเลย
Taylor Swift Butterfly Garden (ขวา)
1989 Televisions ห้างนี้กว้างเอาเรื่องอยู่นะ มาครั้งแรกด้วยแหละเรา
และอยู่ที่นี่ออกมาข้างนอกต้องใช้ map ตลอด แล้วมันก็กินแบตด้วยสิ
ตอนนี้ก็สองจิตสองใจขึ้นมาว่าจะกลับห้องก่อนดีมั้ย
ชาร์จแบตเสร็จค่อยออกมาใหม่ มาดูรอบสองก็ได้
แต่คิดอีกที มันก็จะเหนื่อยเอานะ ตัดสินใจให้แบตสู้ตาย อยู่ต่อ
เลยเดินชมการตกแต่งหน้าร้านตามประสา Interior Designer
คนเยอะมากจริงๆ
มีล่องเรือด้วยนะ
(ซ้าย)
Lover Digital Animation (ขวา) ขึ้นไปชมวิวข้างบนกัน
นี่ขึ้นมาข้างบนแล้ว มีฝนโปรยปรายเม็ดเล็ก
มองเห็นวิวชิงช้าสวรรค์อีกแล้ว ตำนานถ่ายติดตลอดแต่ไม่ได้แวะไป 555
Folklore Piano สั่งผิดชีวิตเปลี่ยน
ท้องร้องแล้วต้องหาอะไรกิน ในศูนย์อาหารนี่แหละ
สั่งเมนู
Nasi Lemak จากร้านนึง
เห็นมีไก่ทอด มีข้าว ไข่ดาว เครื่องเคียง น่าจะอิ่มท้อง
แต่พอรับของมา มันเย็นชืดน่ะ และเราคงไม่ชินกับรสชาติ
สรุปกินได้ไม่หมดจาน อิอิ
ใกล้ได้เวลามาจับจองหาที่ยืนที่ใกล้ที่สุดเท่าที่ได้ท่ามกลางสายฝน
ขอบคุณที่ติดเสื้อกันฝนมาด้วย
ข้างขวาคือร้าน Louis Vitton
แสงสียามราตรี
VIDEO รับชมคลิปโชว์ในเพลง Cruel Summer
เพลงที่เปิดประกอบโชว์การแสดงได้แก่
Cruel Summer , You Belong with Me , Style และ Shake it Off
รวมเวลาประมาณ 14-15 นาที
พอการแสดงจบคนดูก็กรูกันเข้ามาหลบฝนในห้าง
ซึ่งตอนเนี้ยเจ้าหน้าที่เขาก็จะไม่ให้เราหยุดยืนอยู่กับที่ ให้ move move กระจายไป
ก็ดีนะเพราะถ้าไม่มีคนมาบอกก็จะกระจุกออกันอยุ่ตรงนี้แหละ
.
.
.
.
เม้าท์มอย พอออกจาก Marina Bay Sands ใจตั้งใจจะไปกินสะเต๊ะที่
Lau Pa Sat ไปถึงที่หมายแล้วด้วยนะ ฝนก็เพิ่งหยุดตก
แต่เริ่มรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย
บวกกับเมนูที่นี่นั้นเสิร์ฟชุดใหญ่ คนอื่นมากันหลายคน
แต่เรามาคนเดียวอาจจะหลับคาโต๊ะก็ได้ 55
เลยซื้อน้ำ ขนมร้านสะดวกซื้อแล้วตรงกลับที่พัก
ใกล้ถึงที่พักเห็นมีร้านขายข้าวแกงเล็กๆ
คือแถวนั้นเราว่าเป็นอพาร์ตเมนต์แล้วมีข้าวขายข้างล่าง
ก็เลยซื้อข้าวเป็นแบบข้าวผัด
แล้วก็ปลาชุบแป้งทอด (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้)
กลับมากินที่ห้อง ข้าวมันก็เย็นแล้วล่ะ
แต่ยังมีรสมีชาติกว่าเมนูที่กินที่ศูนย์อาหารจานนั้น
.
.
.
.
เรื่องที่ระทึกแล้วคืนนั้นนะจำได้ว่าขณะที่กำลังไถเฟสเล่นอยู่
จู่จู่เฟสบุ้กล่ม!!!! คุณพระ! ตกใจมากอยู่ต่างแดนด้วย
จำรหัสตัวเองไม่ได้อีกถ้าจะลบแอปแล้วกรอกอะไรตอนนั้น
เพื่อนๆ ที่ไทยคุยกันในไลน์ก็เป็นหมด ล่มกันทั่วหน้า (ไอจีด้วยใช่ไหมนะลืมแล้ว)
กว่าจะกลับมาใช้ได้ก็เช้าวันรุ่งขึ้น
ส่องสองเหมียวยามเย็น...นอน
แล้วพบกันใหม่ตอนที่ 6
เที่ยวกันวันเดินทางกลับครับ
คนออกแบบเข้าใจทำเนอะ ชั้นหนังสือไม่ตรง ๆ ทื่อ ๆ ทำให้ดูซอฟท์ลงเยอะเลย
ว่าแต่ชายคนนั้น ... ไกด์เสื้อลายขาวดำ
เมื่อไหร่จะเปิดหน้าคะ อิอิ