ขนมสีสุดแสบ


เคยเขียนไว้หลายครั้งแล้ว ว่าสำหรับเรา ขนมไทยเป็นของทำยาก ต้องใช้หลายอย่างประกอบกัน ทั้งความปราณีต อดทน ใจเย็น และที่สำคัญต้องมีทักษะ

หลายข้อเราไม่ค่อยมีหรอก ยิ่งเรื่องสุดท้ายก็ยิ่งแย่

อะไรก็ตาม ไม่สามารถจะล้มล้างความต้องการอยากทำได้
เหมือนที่เคยคิดว่าขนมไทยนั้นง่าย แต่ที่จริงไม่ง่ายเลย ทำออกมาแล้วจ๋อยไปหลายยก

เข็ดที่ไหนกัน



เมื่อสักเดือน-สองเดือนมาแล้ว สาว ๆ ที่ทำงานเอามะพร้าวกะทิมาแบ่งให้กิน
(ปรกติที่ทำงาน เวลาเขามีขนม ผลไม้อะไร ตอนบ่าย ๆ จะมีคนใจดี แบ่งมาให้หัวหน้าคนนี้กินเสมอ บางทีตอนเช้าไปถึง ก็จะมีจานขนมวางไว้ให้ ไม่ปรากฎที่มา ไม่รู้ว่ามาจากไหน เคยประกาศเอาไว้ว่า ทีหลังจะเอาอะไรมาไว้ให้กิน อย่าลืมจุดธูปด้วยดิ เดี๋ยวกินไม่ได้นะเฟ้ย..)

ตอนนั้นเราเห็นมะพร้าวกะทิก็ทำท่ากิ๊วก๊าว บอกว่าของหายากนะนี่ น้องเค้าเลยสัญญาว่าคราวหน้าไปบ้านจะเอามาฝาก ซึ่งเราเองก็ลืมไปแล้ว

แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ก็ปรากฎว่ามีมะพร้าวกะทิมาวางให้ที่โต๊ะทำงานหนึ่งลูก
แต่คราวนี้รู้ว่ามาจากใคร เลยไปอวยชัยให้พรได้ถูกคน

ที่จริง จะกินเฉย ๆ โรยน้ำตาลแบบที่เคยถามหญิงโอก็ได้นะ แต่มันเรื่องน้อยไปหน่อย
เลยหาเรื่องทำทับทิมกรอบมะพร้าวกะทิซะเลย ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ค่อยจะมีฝีมือ



ทั้งนี้ เป็นการเอามาให้ดูเฉย ๆ ใครใคร่ทำกรุณาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้มีความสามารถมากกว่านี้นะจ๊ะ
แต่ก็จะบอกคร่าว ๆ ว่าเราทำอะไรลงไปบ้าง

ส่วนผสม

แห้ว..ไม่ใช่อาการคนทำ แต่เป็นแห้วกระป๋องค่ะ
แป้งมัน ปริมาณพอเหมาะสมกับแห้ว
สีผสมอาหาร เราใช้สีแดงสตรอเบอรี่ แดงจริงแดงจัง
กะทิกล่อง
น้ำตาลทราย
มะพร้าวกะทิ


วิธีทำ

- เราใช้แห้วกระป๋อง นำมาหั่นเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋า น้ำในกระป๋องไม่ใช้ค่ะ




- นี่ไง มะพร้าวกะทิ ตัวต้นเรื่อง




- ใช้ช้อนตักเนื้อมะพร้าวออกมาไว้ก่อน ใครจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้บ้าง โปรดแนะนำ ข้าพเจ้าทำตามอำเภอน้ำใจตัวเอง ไม่มีใครแนะนำทั้งสิ้น




- ผสมน้ำกับสีผสมอาหารที่ต้องการใช้ให้ได้ความเข้มตามต้องการ แล้วนำแห้วที่หั่นแล้วลงไปแช่ ใช้เวลาสัก 10 นาทีก็พอ
เราเองประโคมสีลงไปอย่างเมามันมาก ประมาณว่าอยากได้สีทับทิมสยามสีแดงสุด ๆ

ดูซะก่อน แดงน่ากลัวจริงวุ้ย




- เมื่อแช่จนหนำใจแล้ว นำแห้วออกจากน้ำที่แช่ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ แล้วใส่แป้งมันลงไปเคล้าให้ทั่ว ให้แป้งเคลือบทุก ๆ แห้ว







- ระหว่างรอแห้วแช่น้ำสี ไปทำน้ำเชื่อมเตรียมไว้สำหรับไว้พักตัวทับทิม น้ำเชื่อมนี้ไม่ต้องเข้มข้นมากค่ะ
เราใช้น้ำตาลทรายไม่ฟอกสีคะ






- จากนั้นก็นำกะทิตั้งไฟอ่อน ๆ คิดว่าบางคนเขาอาจจะทำน้ำเชื่อมเข้มข้นต่างหาก แต่ด้วยความขยันน้อยของเรา เลยใส่น้ำตาลลงไปในกะทิเลย ให้ได้ความหวานประมาณนึง ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ตั้งไฟพอให้น้ำตาลละลายและกะทิร้อนก็พอค่ะ




- ตั้งกระทะใส่น้ำเตรียมลวกทับทิม พร้อมกับเตรียมชามอ่างอีกใบใส่น้ำเย็นเอาไว้ด้วยค่ะ




- พอน้ำเดือด ลดไฟลงเป็นปานกลาง โปรยเม็ดทับทิมของเราลงไปในกระทะ ใส่ทีละน้อยนะคะ เดี๋ยวมันจะติดกันเป็นกระจุกนะเออ
เมื่อทับทิมสุก มันจะลอยขึ้นมาเองค่ะ ปล่อยไว้สักแป๊บนึงค่อยช้อนขึ้นไปใส่ในชามอ่างน้ำเย็นที่เตรียมไว้




- เมื่อเม็ดทับทิมในชามอ่างเย็นตัวลง ก็ช้อนออกสะเด็ดน้ำ ย้ายไปใส่ในหม้อน้ำเชื่อมไว้ค่ะ




- สำหรับมะพร้าวกะทิ ถ้าใครจะกินเลย ก็หั่น ๆ ใส่รวมลงไปตอนกินได้เลย แต่เนื่องจากเราทำน้ำเชื่อมสำหรับแช่ตัวทับทิมไว้เยอะเกิน และยังไม่ได้เสิร์ฟ กลัวมะพร้าวกะทิจะมีอันเป็นไปซะก่อน เลยหั่น ๆ มะพร้าว ใส่ลงไปต้มในน้ำเชื่อมอ่อน ๆ ที่แบ่งออกมาจากที่แช่ตัวทับทิม ต้มพอให้เดือดไว้สักนิด




- ได้เวลากินแล้ว ตักเสิร์ฟด้วยการใส่ตัวทับทิม มะพร้าวกะทิ พร้อมกับน้ำเชื่อมที่แช่เอาไว้ เติมน้ำแข็งและกะทิ ชิมดูให้ได้รสที่อยากจะกิน
(ความขี้เกียจของคนทำ เครื่องไสน้ำแข็งก็มีนะ แต่ไม่ได้เอาออกมาใช้ โปรดอย่าเลียนแบบ)





สีสันคัลเลอร์ฟูลเหลือจะพรรณนา ทีแดงของตัวทับทิมสยามของแรา ทำให้น้ำกะทิกลายเป็นสีชมพูไปเลยแหละ ฮ่า ๆๆ




- หาความงามไม่ค่อยจะเจอ แต่ก็อยากจะอัพบล็อก




ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ได้ทำในส่ิงที่อยากจะทำ และอยากจะกิน ถามว่าอร่อยมากไหม ก็คงตอบได้เต็มปากว่า ..พอแหลกล่าย.. ดีกว่าตกกระไดเอาหน้าลง..ประมาณนั้นแหละค่ะ

คงเพราะเราไม่ได้ทำน้ำเชื่อมเข้มข้นมาไว้เติม กะทิก็ไม่หวานมาก เติมน้ำแข็งแล้วก็เลยจืด ๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครบ่นอะไร ..

กินกันอยู่สองคนค่ะ


แต่ที่อยากจะเขียน มากกว่าการอัพบล็อกขนมหน้าตาพิลึกนี้ คือ อยากจะขอบคุณเพื่อน ๆ ทุก ๆ คน ที่แวะเวียนเข้ามาถามไถ่ เยี่ยมเยียนกันทุกวัน เพราะเราเล่าให้ฟังถึงอาการไม่สบายไปเมื่อบล็อกที่แล้ว

ไปหาหมอแล้ว และเข้าใจเอาเองว่าจะต้องใช้มากกว่ายาในการที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้น คือการปรับระบบความคิด และปล่อยวางบางเรื่อง ทั้งนี้ ก็ต้องเริ่มต้นที่ยาก่อน

ที่ได้มากกว่าการไปหาหมอ และให้ผลดีกับเรา คงจะเป็นน้ำใจและความห่วงใยจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน ที่ทำให้เรามีกำลังใจ และมองว่าชีวิตนี้ ยังมีสิ่งสวยงาม คนที่น่ารักมาก ๆ ที่มีใจให้กัน ส่วนมากไม่เคยเจอหน้าหรือพูดคุยได้ยินเสียงกันด้วย

แล้วอย่างนี้ จะไม่รีบกลับมาหายป่วยได้ยังไงกัน..

ขอขอบพระคุณ ขอบคุณ และขอให้เพื่อน ๆ มีสุขภาพที่ดี ทั้งสุขภาพกายใจ ทุก ๆ คนและครอบครัวนะคะ

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาใช้เวลา ณ ที่นี้ด้วยกันค่ะ

Create Date : 11 กรกฎาคม 2555
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 20:12:24 น.		102 comments
Counter : 18344 Pageviews.
Share Tweet