มีรายการน่าสนใจเฉพาะสาขาที่เดอะแจส รามอินทรา มาในรูปแบบเหมือนหนังสือพิมพ์ให้อ่านเล่นเหมือนกำลังนั่งในร้านน้ำชาที่ฮ่องกง จิบชา กินของว่างและอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วยยังไงยังงั้น
พูดถึงคอนเซ็ปท์ของร้าน ก็ต้องเขียนถึงแนวทางการออกแบบร้าน ที่ยึดแนวคิดร้านน้ำชาดั้งเดิมของฮ่องกง
ใช้วัสดุและรูปแบบที่ทำให้หวนระลึกถึงความหลังสมัยร้านน้ำชาในห้องแถวยุคเก่าได้เป็นอย่างดี
แนวคิดเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการออกแบบ ถ้ามีแนวคิดที่ชัดเจนและสามารถสื่อออกมาได้ดี
ก็ให้ผลในด้านทัศนียภาพ บรรยากาศที่น่าสนใจ และที่เป็นผลพลอยได้คือ น่าจะอยู่ในงบประมาณที่เหมาะสม นั่นคือไม่แพง
อันนี้น่าจะผสมกับแนวคิดครัวเปิดโชว์ของงานร้านอาหารยุคใหม่เข้ามาด้วย แต่ก็ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่มีชีวิตชีวา และดูสะอาดตา
พื้น โต๊ะ เก้าอี้ ล้วนแต่ใช้วัสดุที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในสมัยนั้น ถึงจะไม่ใช่ของเก่าจริง แต่ก็เป็นการนำเอาแนวดีไซน์แบบยุคนั้นมาใช้
มุมด้านซ้ายจะทำเลียนแแบบร้านห้องแถวสมัยก่อน ที่จะมองเห็นบันไดขึ้น "เล่าเต๊ง" ของอาคาร
วางโต๊ะอาหารขนานไปกับความลึกของร้าน ด้านติดผนังก็ทำเป็นแบบบูธ ได้ทั้งความเป็นส่วนตัวและการประหยัดพื้นที่
อีกด้านก็วางเซ็ทโต๊ะเก้าอี้เรียงราย เหมือนร้านอาหารสมัยก่อน
มีมุมขายขนมจำพวกเบเกอรี่ หรืออีกทีคือพวกขนมปังหน้าต่าง ๆ ที่มีความพิเศษเป็นสูตรเฉพาะของร้านนี้
มีที่นั่งให้สั่งขนมกินกับน้ำชา กาแฟได้ ส่วนนี้ถูกแบ่งด้วยบานประตูเหล็กยืดแบบห้องแถวสมัยก่อน ดูน่ารัก
มุมขายขนมพร้อมที่ให้สั่งมานั่งกิน เรียบง่าย แต่ดูสงบ สะอาดตา
มีบันหลากชนิดให้เลือกชิม เช่น ขนมปังสับปะรดสไตล์ฮ่องกง ที่ไม่มีส่วนผสมของสับปะรดแต่อย่างใด
เป็นขนมปังบันโบราณที่ทำกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1960
เปลือกด้านบนทำด้วยโดว์คุ้กกี้ พออบออกมาจะเป็นลายตารางเหมือนเปลือกสับปะรด หอมนุ่ม
มีให้สั่งแบบเป็นเซ็ท เสิร์ฟกับเนยและชานม กินเพลินลืมอ้วนกันเลยทีเดียว
ในอีกด้านของร้าน ตรงข้ามกับมุมขายขนม เป็นร้านกาแฟเลียนแบบเพิงขายกาแฟสมัยก่อน
มีเก้าอี้ไม้หน้าตาน่ารักให้นั่งซดกาแฟร้อนๆ หน้าร้าน ..
นึกภาพว่าคนมานั่งดื่มกาแฟน่าจะนุ่งกางเกงแพรปังลิ้น เวลานั่งกิน ต้องนั่งชันเข่าขึ้นมาข้างนึงด้วยนะ
ถึงจะได้บรรยากาศของแท้
เนื่องจากเดอะแกงค์มากันหลายคน น้องๆที่จัดการเรื่องสถานที่และเป็นผู้เชิญ
เลือกห้องมาเฟียให้ ประมาณว่าสำหรับบรรดาแก๊งสเตอร์เอาไว้ประชุมวางแผนครองเมือง
เข้าไป เจอหัวหน้าแก๊งค์คนงามนั่งศึกษาลายแทงอยู่
พร้อมด้วยสมุนระดับหัวหน้าสองสาว
ครบองค์ประชุม เริ่มสั่งอาหารกัน
วันที่ไปอากาศเย็น เป็นประวัติการณ์ของกรุงเทพเลยทีเดียว
เราเริ่มด้วยการสั่งชามะนาวร้อนๆ มาจิบ
รสฝาดน้อยๆของชาหอมๆ ผสมกับมะนาวฝานทำให้ชุ่มคอ และเป็นการเรียกน้ำย่อยที่ดี
แต่ก็มีคนไม่กลัวความหนาว สั่ง smoothie ตัวนี้ ส่วนผสมน่าสนใจเพราะมันคือสมูทธี่มะพร้าวผสมน้ำมะม่วง
คนเขียนไม่ได้ชิมค่ะ
อาหารกินเล่นจานแรกคือเกี๋ยวกุ้งทอด ดูหน้าตาดี จานนี้เราไม่ได้ชิมค่ะ แพ้กุ้ง แฮ่ะๆ
จานนี้หน้าตาสะสวย เกี๊ยวหมูใส่กุ้งในซอสเปรี้ยว เสิร์ฟมาบนผักกวางตุ้งไต้หวันลวก
จานนี้เราชอบ เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เนื้อผัดแห้ง ปรกติชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากกว่าข้าวอยู่แล้ว
จานนี้รสชาดดี ผัดได้แห้งกำลังดี ไม่มัน ถ้าคนกินรสจัดอาจจะต้องเติมอะไรเพิ่ม
อาหารกินเล่นจานต่อมา คือน่องเป็ดทอด ใช้ส่วนน่องของเป็ดเอาไปทำให้สุก
แล้วอบกรอบก่อนนำมาเสิร์ฟคู่กับผักลวก
จานสลัดไก่ทอดครีมซอส น่าจะเป็นจานที่เด็กๆ หลายคนชอบกิน
เพราะมีปีกบนทอดกรอบๆ เสิร์ฟมาพร้อมเฟรนช์ฟรายและสลัด
อย่างที่บอก ว่าเราเป็นคนชอบกินก๋วยเตี๋ยวและอาหารเส้นๆ มากกว่าข้าว
เมนูนี้เป็นข้อยกเว้น ข้าวไก่อบในซอสโปรตุกีส
เป็นข้าวสวยคลุกเคล้ากับซอส นำไปอบอีกรอบก่อนเสิร์ฟ
รสชาดนุ่มนวล หอมกลิ่นผงกระหรี่อ่อน ๆ ตัวข้าวเป็นเม็ดสวยพอดี อร่อยค่ะ
จานผัก ง่ายๆ แต่กินเล่นก็ได้ กินจริงก็ดี ถั่วฝักยาวผัดหมู
ฟังดูไม่มีอะไร แต่ส่วนที่ผัดอยู่ด้วยคือหนำเลี้ยบ หรือมะกอกดองของจีน หอมๆ
จานนี้ ทุกคนที่ไปด้วยยกมือให้เป็นจานเด่น หน้าตาธรรมดาแต่รสชาดและสัมผัสไม่ธรรมดา
มันคือเต้าหู้ทอดสไตล์แชร์แมน บาย เชฟแมน
จานนี้น่าจะเป็น signature dish ของร้านได้ เพราะกรอบอร่อย กินเพลินมากค่ะ
อาหารกินเล่นอีกจาน คือ มะเขือยาวชุบไข่ทอดโรยหน้าด้วยหมูหยอง
ฟังตรงไปตรงมา ชื่อบอกส่วนผสมเหมือนอาหารตะวันตก
แต่เป็น combination ที่อร่อยและไม่ตะวันตกเลย
จานนี้เป็นข้าวผัดประจำตระกูล เอ๊ย ข้าวผัดประจำร้านอาหารสไตล์ฮ่องกง ข้าวผัดหยางโจว
เราไม่ได้ชิมค่ะ เพราะมัวแต่ไปหลงเสน่ห์ข้าวอบโปรตุกีส
จานนี้ คือปลาทอดราดซอสเสฉวน เนื้อปลาชุบแป้งและเกล็ดขนมปังป่นทอดกรอบนอก
ด้านในนุ่ม มาบนซอสแบบเสฉวน เปรี้ยวๆ หวานๆ เผ็ดน้อยๆ
แค่ติดปลายลิ้น เป็นอีกจานที่หน้าตาสะสวย แต่ต้องรับประทานตอนร้อน ๆ จะยิ่งอร่อยค่ะ
มาร้านสไตล์ฮ่องกง ต้องลองชิมเป็ดย่าง หมูแดง หมูกรอบนะคะ
ร้านนี้ทำหมูแดงนุ่มใช้ได้ ไม่หวานมาก เป็ดย่างก็รสนุ่มๆ ไม่จัดมาก
ของหวานที่ CHAIRMAN BY CHEFMAN มีหลายเมนูที่น่าลอง
นี่คือ พุดดิ้งครีมมี่มะม่วง ท้อปด้วยไอศครีมและส้มโอ
เนื้อพุดดิ้งนุ่มนวลอร่อย มีรสเปรี้ยวๆของส้มโอ และเย็นฉ่ำด้วยไอศครีม กินเพลินมากค่ะ
เมนูนี้หน้าตาน่ารัก ฟังชื่อเหมือนอาหารคาว มันคือก๋วยเตี๋ยวคลุกมะม่วง
เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เห็นคือวุ้นมะพร้าวทำเป็นเส้น อยู่ในซอสมะม่วงรสชาดหอมๆ หวานๆ
ถ้าใครเป็นแฟนมะม่วงน้ำดอกไม้ หรือมะม่วงสุก คงไม่ข้ามขนมหวานจานนี้แน่นอน
พุดดิ้งมะม่วง เนื้อพุดดิ้งเข้มข้น มีเนื้อมะม่วงสุกพร้อมด้วยซอสมะม่วงหอมๆ ราดมาให้ด้วย
นอกจากพุดดิ้ง ที่ร้านมีคัสตาร์ดให้เลือก เป็นคัสตาร์ดมะม่วงหรือ Mango Custard กับคัสตาร์ดคาราเมล
ขนมที่ CHAIRMAN BY CHEFMAN เสิร์ฟมาขนาดค่อนข้างใหญ่
ถ้าไปกันหลายคน สั่งมาหลายๆ อย่างแล้วแบ่งกันชิมจะดีมากค่ะ
คาราเมลคัสตาร์ด ขนมเบสิคที่ใคร ๆ ก็ชอบ
เนื่องจากวันที่ไปชิม เราเป็นชนกลุ่มใหญ่ในร้าน จึงได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งในห้องพิเศษ
สำหรับมาเฟียจีน
เหมือนมานั่งวางแผนการจะครองเมือง
ถ่ายภาพกับบรรดามาเฟียหน่อย
ก่อนจะกลับก็รวมพลชักภาพเป็นที่ระทึกันซักหน่อย
ใครเป็นใครดูกันเองนะค้า
โปรดสังเกตุ costume หนาวสุดๆ ค่า
เอาเมนูของที่ร้าน CHAIRMAN BY CHEFMAN มาฝากค่ะ บางเมนูจะมีเฉพาะที่ CHAIRMAN BY CHEFMAN@THE JAS RAMINDRA เท่านั้นนะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติมของสาขาที่ตั้ง CHAIRMAN BY CHEFMAN
The EmQuartier
ห้องหมายเลข QBB-12 ชั้น B
651 ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ วัฒนา
กทม 10110 โทร. 02-261-0426
The JAS@Ramintra
ห้องหมายเลข A220 ชั้น 2
ถนนลาดปลาเค้า บางเขน รามอินทรา
เปิดทุกวัน 11.00 21.00
โทร. 02-041-8330
Empire Tower
ห้องหมายเลข M2-02 ชั้น M2
1 ถนนสาธร ยานนาวา
โทร. 02-167-0068
Athenee Tower
ห้องหมายเลข A,B,C ชั้น G
63 ถนนวิทยุ ลุมพิณี ปทุมวัน โทร. 02-168-8866
Riverside Plaza
257 ถนนเจริญนคร สำเหร่ ธนบุรี
(จะเปิดบริการเร็วๆ นี้)
.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
พบสุข มอญดี
ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารและการตลาดองค์กร กลุ่มห้องอาหารเชฟแมนกรุ๊ป โทร. 089 204 2584
อีเมล์: popsook.m@chefmangroup.com
จัดเป็นร้านอาหาร น้ำชา กาแฟอีกร้านที่มีสไตล์น่าสนใจ เหมาะกับคนที่อยากจะไปนั่งกินน้ำชากาแฟ
แต่ไม่อยากเจอแต่ขนมเค้ก หรือขนมหวานแบบเบเกอรี่อย่างเดียว
มีอาหารจานเล็กจานน้อยมากอย่างให้เลือก ไปกันเป็นครอบครัวก็ดีค่ะ เพราะสั่งได้หลายอย่าง
ถ้าใครผ่านไปลองแวะดูนะคะ
อย่างที่บอก กินอะไร กินที่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่ากับไปกับใครค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการได้พบผู้คนที่คุณรักนะคะ
ขอบคุณที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่นี้เสมอมา
ใช่แล้วค่ะ กินอะไรไม่สำคัญเท่ากับกินกับใครเนาะคุณโส่ย
เรายังคั่งค้างกันอยู่หลายร้านนะคะ ทั้งไก่ย่างกลางเมือง พิชช๋าเตาฟืน (หรือเปล่า) เป็ดย่าง renaissance แล้วก็เพลิน วิภาวดี ด้วยนะคะ
ปล.หน้ามันโย้เย้อ่ะคุณโส่ย แต่ละบรรทัดยาวมากจ้ะ