จับสังขยาใส่ฟักทอง

เคยทำส่งการบ้านคุณโอไปแล้ว กับสังขยาฟักทอง
เมนูนี้เป็นสังขยาในฟักทอง เวอร์ชั่นดองเค็มมาเรียบร้อย..
เพราะทำไว้ตั้งแต่หลังตรุษจีน แต่ลืมไป

จนพักนี้หมดมุข และโดนเด็กแซว (น้องหนึ่ง..ฮื่ม ๆๆ) ว่ากระหรี่ปั๊บบล็อกที่แล้วหมดไปนานโข เลยต้องหาทางออก ค้นไปมา เจอเจ้าขนมนี้ ดีใจสุดแสน

ฟักทองที่ได้มาลูกกระจิ๊ด สีส้มแปร๊ด หน้าตาน่ารักดี เลยอยากทำแก้มือ ที่เคยทำสังขยาฟักทองลูกใหญ่โตมาก แล้วนึ่งนานไฟแรงจนได้ฟักทองแตกถล่มทลายมาหนึ่งใบ

คราวนี้ประมาณว่า ถ้าเสีย ก็ยังลูกเล็ก ๆ พอเอาไปซ่อนได้ อิอิ




เราว่า สังขยาฟักทอง หรือจะเรียกฟักทองสังขยานี้ เป็นภูมิปัญญาชาวไทยจริง ๆ นะ นอกเหนือจากสังขยาที่มาจากคัสตาร์ดของฝรั่ง ซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่เมืองไทย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และโดนแปลงสัญชาติเรียบร้อย คิดว่ายังถูกคนไทยช่างประดิษฐ์พลิกแพลง เอามาใส่ในลูกฟักทอง ได้กินทั้งขนมอร่อย และได้โชว์ฝีมือแกะสลักของคนทำด้วย

แต่เราทำไม่เป็นนะ งานแกะสลักนี่น่ะ เกินความอุตสาหะของเรา

ส่วนผสมจ้า

ตามที่เราใช้นะคะ จะได้ฟักทองลูกเล็ก ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 8" หนึ่งลูก กับเทใส่ถาดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ขนาด 6X6" อีกหนึงใบ

ฟักทอง 1 ผล
ไข่ไก่ (รอบนี้ไม่มีไข่เป็ด)#0 5 ฟอง
กะทิ 250 ml.
น้ำตาลโตนด 120 กรัม
ดอกเกลือ 1/2 ช้อนชา
ใบเคย หนึ่งกำมือ



วิธีทำแสนง่าย

มันง่ายมาก ๆ นะ คิดว่าทุกคนต้องทำได้อยู่แล้ว แต่อยากบอก
- ล้างฟักทองให้สะอาด ตัดด้านบนเปิดทำเป็นฝาออก แยกเก็บไว้ ควักไส้(ฟังน่าหวาดเสียวนิดนึงนะ) และเมล็ดออกให้หมด ล้างด้วยน้ำเกลือให้สะอาดอีกครั้ง ผึ่งให้เแห้ง




- ตอกไข่ใส่ชามผสมใบใหญ่หน่อย ตามด้วยใบเตยฉีกเป็นเส้น ขยำให้ไข่กระจายตัว ฟูเล็กน้อย



- ตามด้วยกะทิ ดอกเกลือ และน้ำตาลโตนด ที่ขูดให้เป็นฝอยก่อน จะละลายง่ายกว่าบิใส่ลงไปทั้งก้อนใหญ่ แบบที่เคยพลาดมาแล้ว แบบนั้นจะต้องไล่บี้น้ำตาลให้ละลายให้หมดในส่วนผสมของไข่และกะทิลื่น ๆ ยากและเกิดความเครียดเล็กน้อยขณะทำ

- ระหว่างนี้เตรียมลังถึงตั้งน้ำให้เดือด ใส่น้ำเยอะหน่อยเพราะต้องใช้เวลานึ่งค่อนข้างนาน ถ้าต้องหยุดเติมน้ำฟักทองอาจจะแตกได้นะคะ

- เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี กรองด้วยกระชอนตาห่าง ๆ อีกครั้ง เทสังขยาใส่ลงในฟักทองที่เตรียมไว้พอเกือบเต็ม

-

ประมาณนี้


- นำไปนึ่งในลังถึงที่น้ำเดือดแล้ว ลดไฟลงให้เป็นไฟอ่อน เพราะอยากได้สังขยาเนื้อเนียนไม่ฟู ใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง ฝาฟักทองที่ทำเตรียมไว้ ใส่ลงไปนึ่งด้วยนะคะ

- ครบเวลา และเมือแน่ใจว่าฟักทองสุกแล้ว นำออกมาพักให้เย็น เคยอ่านมา ว่าถ้าเปิดฝาดูตอนฟักทองยังไม่สุกดี อาจจะทำให้ฟักทองแตกได้ เราว่าถ้านึ่งไฟไม่แรงมากก็น่าจะพอแอบดูได้นะคะ




ส่วนสังขยาที่เหลือ เทใส่ถาดเล็ก ๆ ไปหยิบเผือกที่เตรียมไว้จะทำเผือกหิมะมาซอยบาง ๆ โรยหน้าหน่อยนึง พอให้มีจริต




สุกแล้วทั้งสองอย่าง ที่บอกว่าเปิดฝาดูได้ เพราะเราเอาสังขยาเผือกถาดจิ๋วนี้ออกมาก่อนค่ะ ก่อนที่มันจะเหี่ยวมากไปกว่านี้



- เสิร์ฟอุ่น ๆได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรรอให้เย็นสนิทก่อนค่ะ เพราะสังขยาอาจจะแตกกระจายได้ถ้าตัดขณะที่ร้อน ๆ แช่เย็นก่อนกินก็อร่อยนะ

เราใส่สังขยาเยอะไปหรือเปล่านะ ฝามันปิดไม่ลง แต่ก็พยายามแปะเอาไว้ค่ะ ไหน ๆ ก็ทำมาแล้ว




ปิดฝาไม่ค่อยอยู่ วางไว้ข้าง ๆ ละกันเนอะ



สีสันสะใจมากค่ะ



ถึงเนื้อฟักทองพันธุ์นี้ เราว่าสู้ฟักทองแบบผิวขรุขระมาก ๆ ไม่ได้ แต่ก็เนื้อหวานดี เนื้อไม่หนามาก และขนาดลูกก็กำลังกะทัดรัด เหมาะสำหรับการเสิร์ฟพอดีคน ...แว๊ก..ไม่ใช่ค่ะ คือมันเหมาะสำหรับทำแล้วแบ่งกันหมดภายในหนึ่งมื้อ ไม่ต้องเหลือเก็บ ที่ว่างในตู้เย็นมีค่ายิ่งสำหรับเรา



ได้ขนมทำง่าย ๆ กินง่าย เพราะเรากินสังขยาในฟักทองนี้คนเดียวเกินครึ่งลูก เป็นขนมแบบไทยที่กินได้เยอะที่สุดแล้วสำหรับเรา ซึ่งปรกติกินขนมแบบนี้ไม่ค่อยได้เยอะ

สังขยาที่ได้ในลูกฟักทอง จะเนื้อเนียนนุ่ม ไม่หวานจัด ถ้าใครชอบหวานกว่านี้ เพิ่มน้ำตาลได้อีกนะคะ ปรับสัดส่วนได้ตามชอบ เสน่ห์ของขนมไทยอยู่ตรงนี้ด้วยแหละนะ พลิกแพลง ปรับเปลี่ยนได้พอสมควร เปิดโอกาสให้คนทำได้เล่นสนุก ทำตามไอเดียของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง

ขอบคุณคุณโอ แห่งบ้านเนินน้ำสำหรับสูตรสังขยา และคำแนะนำดี ๆ ในการทำขนมไทยที่ให้เราพอทำขนมไทย ๆ เป็นบ้าง

ขอให้มีความสุข และสนุกสนานกับการทำขนมในบ้านทุก ๆ ครั้ง
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่ตรงนี้ค่ะ

Create Date : 06 มีนาคม 2555
Last Update : 6 มีนาคม 2555 19:40:58 น.		43 comments
Counter : 6552 Pageviews.
Share Tweet