และแล้วก็มาถึงมหากาพย์ตอนจบ เที่ยวฟุคุชิมะด้วยตัวเองจนได้ค่ะ
7 วัน 6 คืนเราทำรีวิวแบ่งเป็นวันๆ รวมได้ 7 ตอนด้วยกัน
คงทำให้หลายคนที่เข้ามาอ่านรีวิว กระตุ้นความอยากออกไปท่องญี่ปุ่นช่วงใบไม้เปลียนสีกัน
เผื่อปีหน้าใครตามรอย เอามาลงรีวิวแล้วชวนเรามาดูรีวิวด้วยนะคะ
เราจะได้ชักดิ้นชักงอด้วยความริษยากันต่อไป 555
จากที่คาดการณ์ช่วงฤดูกาลใบไม้เปลียนสีที่พีคสุด
จากหลายๆ เวป หลายสำนัก ใบไม้จะแดงแต่ละพื้นที่ไม่พร้อมกันโดยจังหวัดที่อยู่บนเขา หรือพื้นที่สูงกว่าจะแดงก่อน
เช่นนิกโกะ และหากถามถึงจังหวัดฟุคุชิมะที่เราปักหลักเที่ยวในเวลานี้ ช่วงที่เราไปคือ
26 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายนค่ะ ถือว่าเป็นช่วงที่พีคสุดในหลายๆ พื้นที่ของฟุคุชิมะแล้วล่ะ
> Autumn Fukushima < Day 6 วัดไม้สุดคลาสิควัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple + ตามถ่ายรถไฟมุมมหาชน Tadami Line
เช้าวันที่ 6 หลังจากทานมื้อเช้า แล้วเซลฟี่กับเพื่อนๆ ที่พักเรียวกัง ก็แยกกันออกเดินทางกันต่อค่ะ
วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเช่ารถยนต์ขับท่องเที่ยวกันเอง
เป้าหมายวันนี้ที่เราจะไปคือ ไปดูใบไม้เปลียนสีสวยๆ ที่วัดไม้โบราณสุดคลาสสิค วัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple
และตามล่าถ่ายรถไฟ Tadami Line อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสุดฮิตของ ฟุคุชิมะ ที่ใครมาเยือนต้องไป !!
ออกเดินทางไปวัด พร้อมเตรียมค่าทางด่วนไว้ในมือ 560 เยน
หากเดินทางด้วยรถไฟเริ่มต้นที่ Aizu Wakamatsu ต่อรถไฟสาย JR Tadami Line มาลงที่สถานี Aizu Yanaizu (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)
เมื่อออกจากสถานี ให้เดินไปทางซ้ายตรงไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงวัด Enzoji
เข้ามาภายในบริเวณพื้นที่ของวัดแล้วเริ่มแปลกตากับสิ่งปลูกสร้างที่อยู่รอบๆวัด
จะเป็นศาลาไม้เก่าแก่บ้าง แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายในนะคะ
พร้อมทั้ง มีแท่นหินหลวงพ่อโคโบะ ไดชิเป็นผู้แกะสลักรูปปั้นโคคุโซะ โบสัตสึ
และมอบให้พระชื่อว่าโทคุอิตสึ ไดชิ ผู้สร้างและตั้งชื่อวัดเอ็นโซ-จิเพื่อเป็นเกียรติ
ช่วงที่เราไปแน่นอนค่ะว่า พีคสุดขีดของใบไม้เปลี่ยนสีรอบๆ วัดสีสันเยอะมาก
ต้องถ่ายรูปเล่นกันหน่อย ระหว่างอยู่ในบริเวณ วัดเอ็นโซจิ Enzoji
ช่วงเวลาทำการ
9:00 ถึง 17:00 (เดือนธันวาคม กุมภาพันธ์ ปิดทำการเวลา 16:30, เดือนพฤษภาคม สิงหาคม ปิดทำการเวลา 17:30
เมเปิ้ลเหลืองแดงเต็มต้นในวัดนี้เยอะมากกกกก
สมใจล่ะกับข่วงใบไม้เปลียนสี ที่มาถูกที่ ถูกเวลา ย่อมสวยงามแบบนี้น่ะเองเนอะ ^^
เดินเข้ามาในพื้นที่ของ วัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple ใกล้เข้ามากันเรื่อยๆ ค่ะ
จะเจอเจดีย์หรือศาลาเก่าแก่สไตล์ญี่ปุ่น (เราเรียกไม่ถูก) 555 ตั้งเป็นจุดๆ รายรอบทั่วไป
โดยมีศาลาตั้งคร่อมอ่างน้ำดื่มด้วย โดยมีความเชื่อว่า ใครก็ตามมาดื่มน้ำภายใน วัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple นี้
จะช่วยบรรเทาและ รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ส่วนเราได้แต่มองเฉยๆ ไม่กล้าตักดื่มค่ะ ดูแต่ตาจริงจิ้งงงง
และตรงหน้านี่แหละคือวัดไม้โบราณสุดคลาดสิค วัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple
หลังใหญ่เด่นสง่า ไม้ทั้งหลัง ที่มีอายุมากกว่า 1,300 ปี !!
เดินดูความงามและลวดลายรอบๆ ตัววัด ดูขลังๆ เก่าแก่ดีเหมือนกันนะคะ
ยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้ได้นานขนาดนี้ แต่ดูได้แค่ภายนอกค่ะ ภายในห้ามถ่ายรูป !!
วัดเอนโซจิ (Enzoji) เป็นวัดเก่าแก่ที่ ถูกก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ. 807 โดยนักบวชชื่อ Tokuichi Daishi แห่งเมือง Aizu
จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือโถงระเบียงของอาคารหลักที่ตั้งอยู่บนหน้าผาขนาดใหญ่
เดิมทีระเบียงนี้สร้างมาจากไม้ แต่ช่วงหลังได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนเป็นคอนกรีตเพื่อความแข็งแรง และปลอดภัย
แต่ส่วนอื่น ๆ ในวัดก็ยังคงไว้เป็นไม้เช่นเดิม และเมื่อเทียบขนาดกับวัดอื่นๆแล้ว พื้นที่วัดนี้จัดว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดฟุคุชิมะเลยนะคะ
ไฮไลท์หนึ่งของวัดอยู่ตรงระเบียงที่มองเห็นวิวเบื้องหน้านี่แหละค่า สะพานสองข้างฝั่ง งามจับใจ
ในเมื่อสะพานสีแดงตรงหน้ามันยั่วใจดีนัก เราจึงพากันเดินลงมาสำรวจกันต่ออย่างใกล้ๆ 555
พร้อมลมหนาวที่พัดมาอย่างต่อเนื่อง ดีนะวันนี้เตรียมพร้อมทั้งลองจอน ขนเป็ด และเสื้อโค๊ตแดงหนา 3 ชั้น
อ้อ วันนี้มีผ้าพันคอถักสีแดงด้วย สวยไปอีก อิอิ
เดินข้ามมาอยู่ฝั่งตรงข้ามของ วัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple กันแล้วค่ะ
จะได้เห็นชัดๆ ว่า วัดไม้โบราณสุดคลาสิคแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินหน้าผานั้นเป็นอย่างไร
ตอนอยู่บนวัดมีวัวแดงยักษ์ขนาดนี้ด้วยเราไม่ได้ถ่ายมา แต่บอกว่า รอบๆ วัดก็มีเยอะเหมือนกัน หารู้ไม่ว่า นั่นคือ
วัดเอนโซจิ ยังเป็นต้นกำเนิน อะคาเบโกะ (Akabeko) น้องวัวแดงผู้โด่งดังนั่นเอง คราวนี้ก็ถึงบางอ้อแล้วค่ะ
รู้จักวัวแต่งโดดเด่นตั้งแต่วันแรงที่มาถึงเมือง ไอสึ แต่มารู้ต้นกำเนินวัวแดงวันสุดท้ายพอดี 555
เห็นว่าเป็นมาคอสที่ขายดิบขายดี ถึงขั้นติดท็อปเบสท์เซลเลอร์ ในภูมิภาค Aizu-Wakamatsu กันเลยทีเดียว
ตามตำนานคือ ในสมัยแรกเริ่มที่มีการก่อสร้างวัดเอนโซจิขึ้นมา ชาวบ้านยะไนสุได้ใช้วัวแดงจำนวนหนึ่ ง
เป็นพาหนะเพื่อใช้ในการขนไม้ขึ้นไปบนยอดเขา เมื่อวัดได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว วัวเหล่านั้น ก็ไม่ยอมจากวัดไปไหน
จนต่อมาวัวเหล่านั้นจึงได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดีต่อเทพเจ้า และถูกขนานนามว่า Akabeko (Aka หมายถึงสีแดง, Beko หมายถึงวัว)
ต่อมาน้องวัวแดงเหล่านี้ก็ถูกพัฒนาเป็นของเล่นยอดนิยม โดยมีลักษณะเป็นตุ๊กตากระดาษ(Paper Mache)
จุดเด่นอยู่ที่หัวสามารถขยับด๊อกแด๊กไปมาได้ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของภูมิภาคไอสึไปในที่สุด
ไม่ได้ขยับแค่หัวอย่างเดียวนะคะ ยังเมีเสียงเพลงมาด้วยเวลาไปเขย่าหัวจ้าาา
ระหวางทางที่ไปเดินเล่นกันที่สะพานสีแดงเจอวิวข้างทาง
ดอกสวยๆ ก็อดที่จะเก็บภาพแนวฟรุ๊งฟริ๊งมาอวดกันไม่ได้
กลับมาที่เดิมเราจะผ่านร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
พร้อมตัวมาคอสวัวแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง Aizu-Wakamatsu ที่นี่เยอะมาก
รวมทั้งร้านขนมมันจู (Manjyu) ซึ่งเป็นขนมที่มีลักษณะกลม ๆ ข้างในเป็นใส้ถั่วบดหรือมันเทศ
และก็ถึงบางอ้ออีกแล้วค่ะ ขนมนี้เป็นขนมขึ้นชื่อของเมืองไอสึด้วยเช่นกัน
และเราก็ซื้อมาเมื่อสองวันก่อนจากเจดีย์ไม้โบราณนั้นแหละ มันอร่อยมากกกกกก
เพิ่งมารู้จักชื่อตอนเที่ยววันสุดท้ายนี่เอง 555
แต่ยังไงก็ไม่เสียหลายเนอะ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อยจ้า
และก่อนออกจาก วัดเอ็นโซจิ Enzoji Temple ระหว่างเดินกลับมาที่รถ
ยังเจอกับใบไม้เปลี่ยนสีของวัดอีกฝั่ง
จนอดไม่ได้ที่จะตามไปเก็บภาพกันอีกรอบ
Autumn Fukushima
大きないちょうが紅葉して美しい黄色になる ใบไม้เปลี่ยนสีอร่ามตาที่ฟุคุชิมะ
พิกัดต่อไป สถานที่สุดท้ายของทริปแล้วจ้าาาา เย้ !!
นั่นคือการได้มีโอกาสขึ้นไปถ่ายรูปรถไฟสาย Tadami Line ระหว่างเดินทางออกจากวัดนั้น ยังได้ขับผ่านสะพานสีแดงที่เรามาเดินเล่นด้วย
เราใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น ก็มาถึงที่จอดรถของ Tadami Line ที่เป็นร้านอาหารและขายของที่ระลึกด้วย
ขากลับเรามาซื้อแอบเปิ้ลถุงบิ๊กเบิิ้ม 500 เยนจากที่นี่ไปด้วย หวานกรอบคุ้มค่ามาก
แต่บอกเลยว่า การที่จะมาดู รถไฟสายทาดามิ (Tadami Line) นั้น
เราจะมาดูแค่สะพานอย่างเดียวก็กระไรอยู่ใช่ไหม !!
ทุกคนที่มาคือหวังค่ะหวังที่จะได้เก็บภาพช็อตเด็ดคือมีรถไฟสีเขียววิ่งผ่ากลางลำสะพานนี้ด้วย
นั่นจะเป็นภาพที่ลงตัวและไฮไลท์ที่สวยที่สุดของ Tadami Line แห่งนี้แล้ว
ซึ่งจุดชมสะพาน หรือมุมมหาชนที่นักท่องเที่ยวหรือตากล้องส่วนใหญ่ที่มาตั้งกล้องถ่ายรูปนั้น ต้องเดินขึ้นไปบนเนินเขาค่ะ
ทางเดินจะยิ่งแคบๆ และลื่นๆ หน่อย ยิ่งตอนเรามาหลังฝนตกวันหนึ่ง
ทางก็ลื่นไปด้วยโคลนเยอะเหมือนกันนะ
จุดพิกัดถ่ายรูปจะมีอยู่ 3 จุดไล่ระดับกันไปค่ะ ส่วนมากคนจะไปออกันอยู่บนสุดกันเกือบหมด
เราขึ้นไปบนสุดมาแล้ว และคิดว่ามาปักหลักอยู่ชั้นแรกดีกว่า เพื่อรอเวลาที่รถไฟจะวิ่งผ่านเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น
และแล้ว เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ทุกสรรพสิ่งเงียบกันหมด ราวกับกลั้นหายใจกัน
ตาจับจ้องเล็งไปที่สะพาน จับกล้องใครกล้องมัน มือรัวยิงกับปุ่มช้ตเตอร์รัวๆ
นี่ๆ เราก็ได้จับจังหวะได้เหมือนกันนะเออ อิอิ
รถไฟสายทาดามิ (Tadami Line) เป็นรถไฟของ East Japan Railway Company (JR East)
เชื่อมต่อกันระหว่างสถานี Aizu-Wakamatsu จังหวัดฟุคุชิมะ และสถานี Koide จังหวัดนีงะตะ
เส้นทางรถไฟสายนี้ มีชื่อเสียงมากเรื่องวิวที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงหิมะ และใบไม้เปลี่ยนสี
เรียกได้ว่าถ้ามีการจัดอันดับความสวยงามของทิวทัศน์ รถไฟสายนี้มักจะอยู่ในอันดับต้นๆ เสมอค่ะ
และผู้ที่ผ่านการรอคอย และเฝ้ารอจังหวะที่รถไฟจะผ่านมาเท่านั้นถึงจะจับภาพช็อตนี้ได้
โดยต้องศึกษาตารางรถไฟกันไว้ค่ะว่าจะมีรถไฟวิ่งผ่านกันเวลาไหนบ้าง
เวลาที่รถไฟวิ่งผ่านคือ
6:03 /7:22 / 7:39 / 9:04 / 9:17 / 13:05 / 14:22 / 15:59 / 18:13
เวลาที่เราถ่ายคือ รอบบ่ายโมงค่ะ
เมื่อสำเร็จผลถ่ายเส้นทางรถไฟมาแล้ว ก็มาฉลองชัยกันด้วย มาม่า !!
ใช่ค่ะมาม่าญี่ปุ่นอร่อยมากกกก 555 นี่เป็นข้าวมื้อเที่ยงของเรานะ ซื้อกินกันข้างทางร้านสะดวกซื้อนีแ่หละค่า
จากนั้นได้เวลาใกล้บ่ายสองกว่า เราก็ออกเดินทางกันต่อ เพราะจะไปดักรอถ่ายรถไฟอีกขบวนหนึ่ง
ที่จะผ่านในยังสะพานแห่งนี้อีกฝั่งหนึ่ง และมาเกือบเวลาฉิวเฉียดที่รถไฟจะมาถึง
จนเราต้องรีบกินไอติมที่ซื้อมาจากร้านให้หมดในทันทีพร้อมกับถือกล้องวิ่งออกไปจากรถ
แต่ลืมไปว่า เราใช้กล้องตัวเดียวกับที่ถ่ายจุดแรกซึ่งมันระยะไกลๆ และเป็นกล้องติดเลนส์เทเลซูมค่ะ
แต่ตอนนี้เราอยู่ในระยะที่ใกล้ไง ภาพที่ได้จึงแบบใกล้ชิดมาก
อ่ะ ได้มาอีกแล้วจ้าาาาา
เมื่อสำเร็จตามประสงค์กับการตามถ่ายรถไฟสุดคลาสสิคของฟุคุชิมะได้ถึง 2 ขบวน ก็เตรียมตัวกลับกันค่ะ
ระหว่างทาง เจอที่สวยๆ ก็จอดลงถ่ายรูปกันหน่อย
เวลานี้คือรีแลกซ์สบายๆ กันแล้ว หมดภารกิจกิจกับเป้าหมายหลักของวันนี้เรียบร้อย
ยังมีเวลาเหลือพอที่จะเข้า Shop UNIQLO ช้อปปิ้งเสื้อผ้ากันต่อ ที่ญี่ปุ่นราคาถูกกว่าไทยมากกกก
ชนิดที่ว่า มากกว่า ครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ ยิ่งซื้อช่วงที่จัดโปรโมชั่นก็โคตรคุ้ม
ตามด้วยร้าน 100 เยน 555 สารพัดไปเหมาของฝากเข้าร้าน 100 เยนในเมือง Aizu-Wakamatsu นี่แหละคุ้มๆ
ตามด้วย Dinner ปิดท้ายทริปประจำวันนี้ด้วยการเข้าร้านปิ้งย่าง (ร้านเดิมอีกล่ะ)
คราวนี้มากินกันสองคนหมดไป 4740 เยน (1422 บาท) รีบกินและทำเวลาสุดๆ
เพราะเราต้องเอารถเช่าไปคืนให้ทันเวลา 19.00 น. และก็สามารถทำเวลาคืนได้แบบเป๊ะๆ
จากนั้นก็เดินฝ่าความมืดและความหนาวเย็นกลับเรียวกังกันในระยะทาง 1.5 โล
จัดกระเป๋า พักผ่อน เตรียมเดินทางกลับสู่ Thailand ในวันรุ่งขึ้น
ฟุคุชิมะทริปในครั้งนี้ถือเป็นการไปเยือนญี่ปุ่นของเราเป็นครั้งแรกด้วยนะคะ แต่เป็นครั้งแรกทีเลือกไปได้ถูกช่วง ถูกเวลาอีกด้วย
จึงได้ความงามของใบไม้เปลียนสีกลับมา และไม่แปลกใจเลยที่มีคนบอกว่า มาญ๊่ปุ่น ครั้งเดียวไม่เคยพอจริงๆ เห็นด้วยค่าาาา
ส่่วนใครพลาดรีวิวตอนอื่นๆ ของทริปฟุคุชิมะ เลือกตามอ่านได้ที่ลิงค์นี้เลยค่า
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Review Food Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
Close To Heaven Review Food Blog ดู Blog
mambymam Music Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
อุ้มสี Topical Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Review Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
เสื้อแดงสะพายกล้อง ว้าววววโดนใจพี่มากเลยน้องริน ชอบสุดๆๆ