วันก่อนได้ดูช่อง National Geographic เป็นสารคดีเกี่ยวกับพระถังซำจั๋ง เห็นความพยายามของท่านในการเดินทางไปหาพระไตรปิฎกถึงอินเดีย ฝ่าฟันสารพัดอุปสรรค์ เดินทางหลายพันกิโล ผ่านทะเลทรายและสารพัดศัตรู ด้วยเท้าและม้า เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความตั้งใจและความพยายามสูงส่งจริงๆ
พระถังซำจั๋ง มีตัวตนจริงเมื่อ 1,300 กว่าปีที่แล้ว โดยได้ฉายานามหลังจากออกบวชว่า เสวียนจั้ง (玄奘; ค.ศ.600-665)* พระเสวียนจั้ง ดำรงชีวิตอยู่ใน ช่วงปลายราชวงศ์สุยถึงช่วงต้นราชวงศ์ถัง ท่าน มีนามเดิมว่า เฉินอี (陈袆) เกิดที่ลั่วโจว (洛州; ปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน) ในครอบครัวที่บิดาเคร่งครัดลัทธิขงจื๊อมาก ท่านมีพี่น้องรวม 5 คน โดยท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง
พออายุได้สิบขวบ บิดาของท่านก็เสียชีวิตตามมารดาที่เสียชีวิตไปก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากชีวิตวัยเด็กอันลำบาก แต่ด้วยความเฉลียวฉลาด สนใจการศึกษาเรียนรู้ และความใฝ่ในธรรมะ พี่ชายของท่านสังเกตเห็นว่าน้องชายพอมีหัวทางศาสนาจึงฝากน้องไว้ศึกษาธรรมะที่วัดจิ้งถู่ (净土寺) ในนครลั่วหยาง พออายุได้ 13 ปี จึงบรรพชาเข้าสู่ร่มกาสวพัสตร์
ต่อมาเมื่อราชวงศ์สุยถึงจุดสิ้นสุด บ้านเมืองวุ่นวาย ท่านจำต้องย้ายสถานที่จำวัดจากนครลั่วหยาง ไปยังฉางอาน (ซีอานปัจจุบัน) แต่ด้วยความวุ่นวายในการแย่งชิงบัลลังก์ในนครหลวงทำให้ไม่เหมาะที่จะจำวัด ท่านและพี่ชายจึงมุ่งลงใต้ย้ายไปยังนครเฉิงตู
ต่อมาเมื่อบ้านเมืองสงบแล้ว พระเสวียนจั้งจึงตั้งใจว่าก็ย้ายกลับมาจำวัดที่นครฉางอานอันเป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางของศาสนาพุทธในจีนขณะนั้น เพื่อเสาะหาพระอาจารย์ที่มีความรู้ลึกซึ้งในพระธรรม และฝากตัวเข้าศึกษาด้วย
ในประเทศจีนขณะนั้น ด้วยความที่ศาสนาพุทธ ได้เดินทางจากประเทศอินเดียผ่านเส้นทางสายไหมอันทุรกันดาร เข้ามาตั้งแต่สมัยฮั่นตะวันออก (东汉; ค.ศ.25-220) เวลาผ่านมาถึงสมัยถังรวม 500 กว่าปีแล้ว การตีความพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็แตกแขนงออกไปเป็นหลากแนวทางหลายสำนัก เมื่อ พระเสวียนจั้งศึกษาพระคัมภีร์จนแตกฉานมากขึ้นก็บังเกิดข้อสงสัยขึ้นมากมาย แต่เมื่อหาคำตอบแล้วกลับพบว่า แต่ละสำนัก ต่างก็ตีความไปคนละทิศละทาง
ดังนั้นท่านจึงเกิดข้อสันนิษฐานขึ้นว่าการแปล พระไตรปิฎกจากต้นฉบับมาเป็นภาษาจีนนั้นอาจทำให้ความดั้งเดิมในพระไตรปิฎกคลาดเคลื่อน และตัดสินใจว่า จะต้องเดินทางย้อนไปยังดินแดนอันเป็นต้นธารกำเนิดของศาสนาพุทธ ซึ่งก็คือ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน เพื่อศึกษาพระไตรปิฎกฉบับดั้งเดิมและคัดลอกนำกลับมายังแผ่นดินจีนให้ได้
อย่างไรก็ตามการเดินทางออกจาก มหานครฉางอานในช่วงที่สงคราม การเปลี่ยนราชวงศ์เพิ่งสงบ และเกิดการแย่งบัลลังก์กันในราชสำนักนั้นกลับมิใช่เรื่องง่ายแต่ประการใด โดยเฉพาะในปี ค.ศ.627 อันเป็นปีแรกที่ หลี่ซื่อหมิน (李世民) เพิ่งแย่งบัลลังก์มาจากพี่ชายหลี่เจี้ยนเฉิง (李建成) และขึ้นครองราชย์แทนหลี่ยวน (李渊) ผู้พ่อได้สำเร็จ
ด้วยความที่แผ่นดินจีนในขณะนั้นยังไม่มีเสถียรภาพ องค์ฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินจึงควบคุมการเดินทางเข้าออกนครฉางอานอย่างเข้มงวด ทั้งนี้เมื่อ พระเสวียนจั้ง ได้ขออนุญาตเดินทางออกจากฉางอานไปยังอินเดีย (เหมือนกับขอพาสปอร์ตในปัจจุบัน) ถึง 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ ท่านจึงแอบลักลอบเดินทางออกจากฉางอานโดยผิดกฎหมาย
ในท่อนนี้ ซูหยุนกล่าวว่า "สำหรับรายละเอียดของการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกของพระเสวียนจั้ง ชาวจีนทั่วไปที่อ่าน ไซอิ๋ว กันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ต่างก็คิดเช่นเดียวกันว่า พระเสวียนจั้งได้รับพระบัญชาการองค์ฮ่องเต้ถังไท่จง (หลี่ซื่อหมิน) ให้เดินทางไปยังตะวันตกเพื่อนำพระไตรปิฎกกลับมาเป็นมิ่งขวัญให้กับบ้านเมือง
"ทุกคนที่เคยอ่าน ไซอิ๋ว ต่างจินตนาการภาพกันว่า พระเสวียนจั้งถือโองการจากฮ่องเต้ในมือ เดินทางออกจากประตูเมืองฉางอานอย่างองอาจ โดยองค์ฮ่องเต้เองก็เดินทางออกจากเมืองมาส่งอย่างสมเกียรติถึง 10 ลี้ เมื่อถึงเวลาต่างฝ่ายต่างโบกไม้โบกมือกล่าวลาทั้งน้ำตา ..... ในความเป็นจริงแล้ว พระเสวียนจั้งต้องเดินทางในเวลาค่ำคืนออกจากนครฉางอาน เพื่อหลบหลีกการไล่ล่าของทหารตรวจคนเข้าเมือง .... เดินทางอย่างโดดเดี่ยว"
เรื่องจริง พระเสวียนจั้ง (หรือ พระถังซำจั๋งในไซอิ๋ว) มิได้มีเงินถุงเงินถังจากราชสำนักเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปอัญเชิญไตรปิฎกถึงอินเดีย มิได้มีผู้ช่วยเหลือเป็น เห้งเจีย ตือโป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามอุปสรรคที่ท่านต้องประสบพบนั้นกลับมิได้ลดน้อยไปกว่า เรื่องราวที่วรรณกรรมระบุแม้แต่น้อย
ท่านเสวียนจั้ง เพียงมี ความศรัทธาต่อศาสนาพุทธ เป็นเข็มทิศ เป็นแรงผลักดันให้เท้าก้าวเดิน ฝ่าฟันข้ามดินแดนอันแห้งแล้งมุ่งไปยังจุดหมายข้างหน้าที่สายตามิอาจมองเห็น ....
หมายเหตุ :
*ปีเกิดและมรณภาพของพระเสวียนจั้ง นั้นหลายตำราระบุว่า คือ ค.ศ.602-664 อย่างไรก็ตาม ซูหยุนได้ระบุไว้ในหนังสือหมื่นลี้ไร้เมฆ (万里无云) ว่าจริงๆ แล้วประวัติศาสตร์ส่วนนี้ระบุไว้ไม่แน่ชัด แต่จากการค้นคว้าและคำนวณแล้ว ตัวเธอเห็นว่า น่าจะเป็น ค.ศ.600-665 มากกว่า เนื่องจากบทความนี้กล่าวถึงการเดินทางของซูหยุน ข้อมูลนี้ผมจึงอ้างอิงตามผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
**ระยะเวลา และ ขั้นตอนการเดินทางออกจากฉางอานไปยังอินเดียของ พระเสวียนจั้งนั้น ผมก็ขออ้างอิงตามหนังสือหมื่นลี้ไร้เมฆ (万里无云) เช่นกัน
อ้างอิงจาก :
- หนังสือว่านหลี่อู๋หยุน (万里无云:Ten Thousand Miles Without a Cloud) โดย ซูหยุน (书云) สำนักพิมพ์จิงจี้รื่อเป้า (经济日报出版社)
- หนังสือ 世界文化史故事大系中国卷 โดย จูอี้เฟย และ หลี่รุ่นซิน (朱一飞,李润新) สำนักพิมพ์ 上海外语教育出版社
ข้อมูลจาก //www.manager.co.th
ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้