ฤดูผสมพันธุ์ของสถาบันอุดมศึกษา

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฤดูฝนอันยาวนานของประเทศป่าฝนนะครับ..

ช่วงนี้ก็ระวังจะเดี้ยงกันด้วยนะ เพราะไปไหนมาไหนก็ให้ได้เปียกโชกกันซะแทบทุกครั้งไป.. เมื่อวานผมก็ออกอาการเจ็บคอ คงเพราะได้เจอฝนอยู่หลายรอบ และพอได้เห็นคนไอแค๊กๆ ในหลายๆ ที่ มันเลยเกิดแรงบันดาลใจหรือไงก็ไม่รู้... แต่ตอนนี้ปกติดีแล้วละ นั่งอมอมยิ้มอยู่

พูดถึงฤดูฝนนี่ก็เหมือนเป็นฤดูผสมพันธุ์ของสัตว์ต่างๆ เลยนะครับ (ยกเว้นมนุษย์).. เวลาฝนตกทีไร ปลาที่บ้านผมมันก็มักจะมีอะไรกัน และได้เห็นปลาเล็กปลาน้อยว่ายน้ำเล่นกันให้น่ารักดีจัง.. โชคร้ายหน่อยที่พักหลังผมลืมให้อาหารปลามันบ่อยๆ มันเลยรับประทานกันเอง ตามแบบอย่างปลาเล็กกินปลาใหญ่...

เคยไปสวนสัตว์ตอนฝนตกเหมือนกัน ผ่านกรงของเต่า โอ้ว แม่เจ้า เต่าที่ดูช้าๆ เซื่องซึม แต่พอเวลาพี่แกแสดงบทรักนี่ กระดองกระแทกกันดังสนั่น (โปรดจินตนาการตาม) หรือจะเป็นม้าแคระที่ตอนเด็กๆ เคยไปเที่ยวห้างพาต้า (เก่าโคตร) ม้ามันเห็นฝนตกเท่านั้นแหละ กระโดดขี่กันใหญ่ ไม่รู้ว่าอยากเป็นคนขี่ม้าบ้างหรืออย่างไร..

เอาเป็นว่าฤดูนี้ถือเป็นฤดูผสมพันธุ์ของเหล่าสรรพสัตว์ในโลกานี้เลยก็แล้วกันนะครับ.. แต่ที่ผมสังเกตเห็นตอนนี้ก็คือว่า นอกเหนือจากสัตว์ต่างๆ แล้ว หากมองกันให้ดีๆ แล้ว สถาบันอุดมศึกษาหลายๆ แห่งก็เข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์กับนักศึกษาอยู่เหมือนกัน.. ยังไงกันหรือนี่...

ด้วยความเคารพนะครับ... อันนี้เป็นการมองในเชิงเปรียบเทียบ คือว่าเวลาสัตว์โลกจะผสมพันธุ์หรือดึงดูดเพศตรงข้ามเนี่ย มันจะพยายามแสดงความสดใส ทำตัวใหญ่เกินจริง แผ่แผงคอ ลำแพนหาง ทำสีสดใส ทำเสียงดัง ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อให้เพศตรงข้ามเกิดความรู้สึกประทับใจ... (เช่นเดียวกับคนนั่นแหละ)..

และในช่วงที่วงการศึกษาของเรามีการแข่งขันกันสูง เหล่าสถาบันต่างๆ ก็ต้องพยายามงัดกลยุทธต่างๆ มาหลอกล่อให้เด็กมัธยมเข้าศึกษาต่อในสถาบันของตน เฉกเช่นเดียวกับการสร้างภาพของสัตว์โลก สถาบันต่างๆ ก็จะแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูดี สังเกตได้จากโฆษณาที่ช่วงนี้มีให้เห็นกันเยอะในหลายๆ สื่อ มีการประชาสัมพันธ์กันในหลายรูปแบบ...

ในหลายๆ สถาบันจะเอารูป นศ.ที่ดูน่ารักมาขึ้นปกเพื่อดึงดูดเหล่าวัยรุ่นให้เข้าเรียน เอากิจกรรมนอกเหนือจากการเรียนมาแสดงให้ดู เพื่อให้เด็กรู้สึกไม่อึดอัดว่าจะมีแต่การเรียน สร้างตึกและอาคารสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่เกินจริง ประชาสัมพันธ์ถึงคุณงามความดีต่างๆ ที่เด็กในสถาบันได้รับรางวัลต่างๆ มาให้คนได้รับรู้ จะได้รู้สึกถึงความอลังการของสถาบันนั้นๆ...

โดยในความเป็นจริงแล้วนั้น การจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้ มากกว่าครึ่งเกิดจากตัวตนของเด็กมัธยมเองเป็นหลัก ในทุกสถาบันจะประกอบไปด้วยคนหลากหลายรูปแบบที่คิดจะเอาถ่าน และคิดจะเอาอย่างอื่น..

แต่ด้วยว่าระบบทุนนิยมทำให้สถาบันต้องมีการแข่งขันกันสูงเพื่อให้เด็กเลือกที่จะเข้าเรียนในสถาบันของตน ก็คงไม่แปลกที่จะต้องโฆษณากันให้มันดูดีสดใสน่ารัก ส่วนเด็กจะดีได้หรือไม่นั้น อยู่ที่จะมันจะขวนขวายเก็บอะไรจากที่เหล่านั้นได้บ้าง..

และสิ่งสำคัญที่ติดอยู่ในใจคนไทยแต่งโบราณที่เป็นปัญหาหลักเลยก็คือ ความเป็นสถาบันนิยม ความบ้าในสายเลือด บ้าในนามสกุล หลงในยี่ห้อ จนทำให้เวลาจะรับคนเข้าทำงาน หลายๆ ที่จะต้องผ่าเลือดออกมาดู ..ว่าเลือดคุณไหลเป็นสีอะไร..

หากปราศจากสถาบันนิยมในความรู้สึกแล้ว คงไม่ต้องมานั่งโฆษณาสร้างภาพกันให้เหนื่อยมากนัก เพราะคงไม่รู้สึกว่าต้องเข้าสถาบันไหน เพราะที่ไหนก็สร้างคนดีคนเก่งได้ทั้งนั้น... อันนี้อยู่ที่ตัวบุคคล หาใช่สถาบันไม่

Create Date : 21 พฤษภาคม 2549 Last Update : 21 พฤษภาคม 2549 16:34:05 น. Counter : 1052 Pageviews.		13 comments
Share Tweet