ฤดูหนาวอันหฤโหดของกรุงเทพมาถึงแล้วนะครับ ความโหดของฤดูหนาวของเมืองหลวงแห่งสยามประเทศนี้ดุเดือดตรงที่ว่ามันมักจะมาสั้นเสียจนน่าถีบ... ว่าแต่ว่า ด้วยความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้ก็ทำให้หลายๆ คนเดี้ยงกันไปเป็นแถวๆ..
ฮัดชิ่ว..
ช่วงนี้ผมเหมือนโดนลงโทษบ่อยๆ เวลากลับบ้านจากที่ทำงานแถวรังสิต... โดยส่วนใหญ่ผมจะออกจากที่ทำงานประมาณ 17.00 น. และเดินทางเข้าศูนย์กลางของเมืองหลวง.. แต่พักนี้เหมือนมันมีอุปสรรค์ทำให้รถทุกคันต้องหยุด.. แน่นิ่ง ติดสนิท เผาน้ำมันเล่นบนโทล์เวย์โดยมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเต็มยศยืนทำตัวเป็นอุปกรณ์กั้นยานพาหนะทั้งปวงที่เดินทางมาจากตอนเหนือของกรุงเทพฯ
เวลารถติดแบบนี้นี่ใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ นะครับ มองย้อนกลับหลังไปก็คงไม่ใช่เล่นๆ.. อาจยาวไปถึงอยุธยาโน่น.. จนบางทีต้องมานั่งนึกว่า เอ.. ประเทศนี้เขายังแบ่งชนชั้นวรรณะต่ำสูงกันอยู่หรือนี่.. หรือเขาตัดถนนกันไม่ดี หรือเราไม่ควรเดินทางในเวลานี้.. แล้วก็น่าจะมีบางคนที่ไม่เคยเข้าใจเวลาคนพูดว่ารถมันติดมากๆ
แล้วไอ้ภาวะโลกร้อนอะไรที่ชอบพูดๆ กันนี่ รู้กันบ้างไม๊ว่าตอนรถโดนกักบริเวณแบบนี้เขาเผาน้ำมันไปเท่าไหร่.. คงเป็นหลักล้านบาทได้ไม๊นะครับคำนวนดูเล่นๆ..
หลุดจากรถติด30นาทีบนโทล์เวย์เข้าเมืองมาเจอระบบรถติดอีกรูปแบบนึง.. เป็นแบบที่ถนนมีน้อยแต่รถมีมากเกินไป ระบบถนนกรุงเทพไม่ดีต้องแย่งกันใช้.. สุดท้ายเข้าใจได้ว่าถนนเป็นสถานที่ไม่กี่แห่งที่คนจนและคนรวยได้มาอยู่ร่วมกันและมีชะตากรรมร่วมกัน.. หาที่แบบนี้คงไม่ได้ตามโรงแรมหรู ห้างสรรพสินค้ากลางเมือง หรือหมูกระทะรอบนอกนะครับ.... หรือนี่คือประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หาใช้ศักดินานิยมที่เพิ่งได้พานพบแถวดอนเมืองโทล์เวย์
สรุปแล้วลาออกหางานใหม่ที่นั่งรถไฟฟ้าไปทำงานได้ดีกว่าไม๊ จะได้ไม่ต้องมีการกักรถให้ติดเพื่อรอใครเดินทางผ่าน และเลิกสนใจว่าวันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนฝนตกรถติดมีงานมีพลุมีรับปริญญามีเทศกาลมีหยุดยาว ฯลฯ
ว่าแต่ว่า เรามีระบอบการปกครองแบบไหนกันนะครับนี่
ถ้าเป็นประชาธิปไตย ทำไมเราต้องเลือกกลุ่มคนที่เราก็รู้ว่ามันชอบ
ระบำเข้ามาบริหารประเทศนะ..
ฮา
ต่อไปนี้ให้พกกาแฟและเครื่องต้มไว้ในรถ
เวลารถติดให้ลองมองไปที่รถคันใกล้เคียง
เผื่อเจอสาวออฟฟิศสุดเซ็กซี่ หรือหนุ่มกรุงช่างเจรจา
ก็ถือกาแฟไปชวนเค้าสนทนา
บางทีความร้อนจากการเผาน้ำมัน
จะทำให้กาแฟเดือดเร็วขึ้น
และชีวิตซู่ซ่า
ฮา