เคยกันบ้างไม๊ครับ... สมัยเด็กๆ เคยนั่งดูการ์ตูนแล้วพ่อแม่มาตักเตือนว่า มันเป็นสิ่งไร้สาระ หรือหนังหุ่นเหล็กญี่ปุ่นที่ผู้ใหญ่มักเดินมาประชดว่ามันก็แค่หุ่นกระป๋องหาใช่เรื่องจริงไม่... หรือหนังอวกาศที่ผู้ใหญ่ในอดีตบอกว่ามันไม่ประเทืองปัญญา ดูแล้วมอมเมา... หรือแม้แต่การ์ตูนซึบาสะที่สมัยสิบกว่าปีก่อนที่ได้อ่านก็แอบนินทากันเสมอว่าพวกญึ่ปุ่นแม่งเว่อร์ มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก......
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกจากน้ำมือมนุษย์นั้นล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการมาก่อนทั้งนั้นตั้งแต่อดีตกาล ดังที่คนเคยกล่าวว่า ศิลปะนำวิทยาศาสตร์ นั่นก็เพราะว่าจินตนาการเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ที่คนเราคิดกันขึ้นมา แล้วค่อยๆ ใช้ความสามารถ การเรียนรู้ และเทคโนโลยีมาพัฒนาจนไปถึงจุดที่จินตนาการก้าวนำหน้าไปก่อนแล้ว
หลายๆ ครั้งคำพูดที่ผู้ใหญ่ว่ากล่าวเด็กในการเสพการ์ตูนหรือหนังที่เกินจริงในอดีตนั้นมันเป็นการปิดกั้นจินตนาการของเด็กๆ ในบ้านเมืองของเราจนเราเลือกที่จะจมปลักอยู่กับสิ่งที่เรามีและหลายครั้งหลายครามันทำให้เราไม่มีการพัฒนาในหลายๆ ด้าน
พอดีวันนี้ได้สนทนากับเพื่อนท่านหนึ่งถึงวันเวลาที่ผ่านไปแสนรวดเร็ว ไม่กี่ปีก็จะถึงปี 2029 ที่จะมีคนเหล็กออกมาเพ่นพ่านแล้วสินะ (จากเรื่อง Terminator คนเหล็ก 2029) .. แต่พูดถึงปี 2001 ก็ผ่านมาได้ 5 ปีแล้ว แต่เราก็ยังเดินทางท่องไปในจักรวาลไม่ได้เหมือนในหนัง 2001 space odyssey กันซักที.. แล้วหุ่นยนตร์จะเกิดขึ้นได้อย่างในหนังรึเปล่า
- มือถือที่เราใช้ๆ กันอยู่ก็เริ่มจากจินตนาการในหนังอวกาศ
- จรวดที่พุ่งแหวกอากาศออกไปนอกโลกก็เกิดจากนิยายวิทยาศาสตร์
- หุ่นยนตร์ในอุตสาหกรรมก็เกิดจากจินตนาการที่เคยยังไม่เป็นจริง
- หุ่นยนตร์เสมือนมนุษย์หรือหุ่นยนตร์สัตว์เลี้ยงก็เคยเป็นแค่หนังการ์ตูนที่พ่อแม่เรากล่าวหาว่าไร้สาระ
- ตอนนี้มีหุ่นยนตร์ที่สามารถต่อตัวกันเอง (แบบในหนังหุ่นยนตร์เหล็กสมัยก่อน) เพื่อช่วยเหลือกู้ภัยแล้ว
- ไมโครเวฟ ทีวีขนาดบาง เครื่องเล่น mp3 ฯลฯ สารพัดสารพันล้วนเริ่มต้นจากจินตนาการทั้งนั้น
- อันนี้ไม่เกี่ยวกับเทคโนฯ แต่ทีมฟุตบอลญี่ปุ่นก็ไปบอลโลกได้เพราะจินตนาการและความตั้งมั่นของพวกเขาจากการ์ตูนที่ดูไร้สาระในสายตาพวกเรา
และเพราะการขาดจินตนาการทำให้บ้านเมืองของเรายังต้องซื้อเทคโนโลยีจากต่างชาติเสมอ ซึ่งเราเองก็ไม่ค่อยจะแคร์ซักเท่าไหร่ว่าใครเป็นคนคิด ขอแค่ว่าเราสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็เป็นพอ จนถึงวันนี้เราก็ไม่ค่อยจะคิดว่าวิทยาศาสตร์มันสำคัญสักเท่าไหร่ และจะหานักประดิษฐ์หรือนักวิจัยในบ้านเรานั้นคงยากพอๆ กับการหาหมีแพนด้าในป่าเมืองไทยเลยละมั้ง....
นอกเหนือจากขาดจินตนาการแล้ว เรายังเป็นประเทศที่แปลกๆ ที่พอใครตั้งใจทำอะไรซักหน่อยก็มักจะมีคนมาพูดว่า จะคิดมากไปทำไม จะเรียนวิทย์ไปทำไม ทำอะไรเว่อร์ๆ ไปทำไม ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกเลิกคิดเหอะ... เป็นต้น
แต่จะบอกว่าคนไทยขาดจินตนาการไปเลยคงไม่ได้
เพราะเราก็ยังจินตนาการลวดลายบางอย่างเป็นเลขได้ หรือจินตนาการว่าเห็นผี หรือแม้แต่จินตนาการว่ามีมนุษย์ต่างดาวบุกในรูปแบบของแผ่นลดไข้..
จินตนาการมันออกแนวไศยศาสตร์ไปหน่อยก็คงไม่ว่ากันนะครับ..
ฮาๆ แบบน้ำตาไหล(ในความงมงาย)กันบ้าง ก็เพลินดีครับ..
คนไทยเรามีจิตนาการกว้างไกลครับ มีมากกว่าสามมิติ มีมากกว่าจักรวาลที่เห็น มีหลายภพหลายภูมิ ฮิๆๆๆ
เมืองไทยเราไม่แล้งจินตนาการหรอกครับ