(ภาพล่าง) แอสโตรด่างสีเข้มโทนม่วง-ส้ม-ดำ จะแพงกว่าด่างเหลือง
เพราะวิธีการขยายพันธุ์แล้วออกมาเป็นสีนี้ยากกว่า โตช้ากว่าสีอื่น
ราคาจึงค่อนข้างสูง
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
(2) กิ๊กโก๊ะ
หรือเรียกอีกอย่างว่า เต่า
บางต้นมีลักษณะคล้ายกระดองเต่าให้เห็นชัดเจน
บางต้นมีรอยเป็นบั้งตรงสันพูให้เห็น
จขบ.ชอบเต่าเป็นพิเศษ เจอที่ไหนถ้าราคาไม่แรงมักจะอดใจที่จะซื้อมาไม่ได้
ชอบมากกว่าวีและด่าง โออิโบะก็ชอบแต่หาที่ถูกใจไม่ค่อยได้
ที่บ้านสะสมไว้อย่างละต้นสองต้นเท่าที่ปัจจัยและจังหวะอำนวย
เจอสวยถูกใจราคารับได้ก็ซื้อมาเลี้ยงลุ้นเอา
บางทีซื้อมายังไม่เห็นเป็นบั้ง เลี้ยงให้โตหน่อยบั้งโผล่มาให้เห็นก็ถือว่าโชคดีไป
อย่างต้นแฝดรูปด้านล่างซ้ายบน ซื้อมายกพอร์ตเต็มกระถาง ไม่รู้ว่าได้แฝดติดมาด้วย
เลี้ยงโตมาหน่อยก็จับแยกกระถาง เลี้ยงไปเลี้ยงมาส่องดูอีกที
อ้าว..มีบั้งด้วย กลายเป็นแฝดกิ๊กโก๊ะเฉยเลย
พี่เจ้าของสวนที่ตลาดคำเที่ยงสอนเคล็บลับให้สังเกตุแอสโตร
ว่าต้นไหนมีเปอร์เซ็นต์พัฒนาไปเป็นกิ๊กโก๊ะตอนโต
ให้ดูร่องระหว่างสันพูจะไม่ตรงแหน่ว
ก็เริ่มสังเกต บางทีตอนต้นเล็กดูไม่ออก เป็นแค่แอสโตรธรรมดา
โตมาอีกหน่อย จู่ ๆ ก็มีพูแทรกบ้าง มีรอยบั้งเกิดใหม่บ้าง ร่องพูเริ่มไม่ตรงบ้าง
บางต้นมีลุ้นเป็นคริสตาต้าด้วย ก็จะเก็บไว้ไม่ให้ใคร
(3) ฟุคุเรียว & 5 พู
6 พู 7 พู
แอสโตร 5 พู ก็มีไว้ให้รู้ว่ามี เป็นอีกหนึ่งชนิดที่นักสะสมต้องมีเก็บไว้
ยิ่งเป็น 5 พู ฟุคุเรียวด้วย ก็จะมีราคาสูงขึ้นไปอีก
ก็มีไว้อย่างละต้นสองต้น พอละ
บางทีก็ 6 พูบ้าง 7 พูบ้าง เป็นสี่เหลี่ยมคางหมู ก็เก็บไว้
เพราะแอสโตรปกติทั่วไปจะมี 8 พู
อย่างต้น ล่างซ้าย ตอนเลี้ยงมาเป็นนูดัมธรรมดาทั่วไปราคาหลักสิบ
เลี้ยงจนโตขนาดไซส์แม่พันธุ์ จู่ ๆ พูแทรกก็โผล่มาให้เห็น
เกือบจะยกให้เพื่อนไปหลายที เลยต้องเก็บไว้
ล่างขวา ซื้อมาตอนโตเห็นพูแทรกเล็ก ๆ พูเดียว เหมือนแม่ค้าไม่เห็น
ซื้อมาในราคา 30 บาท ตอนนี้มีพูแทรกทุกพู อิอิ
ฟุคุเรียวบางต้นก็ต้องลุ้นเอาค่ะ
(4) วีไทป์
วีไทป์ เป็นอะไรที่แอสโตรเลิฟเวอร์ใฝ่ฝันจะต้องมีสักต้น
เหมือนแมมมิลลาเรียเลิฟเวอร์จะต้องมีขนแกะ อิชิวาเรียก็ต้องมีลาวอ้าย
เป็นเหมือนท็อปไฟว์ของแต่ละสายพันธ์ที่นักสะสมต้องมี
ด้วยราคาค่าตัวสูงกว่าชนิดอื่นในสายพันธุ์เดียวกัน
แม้ราคาไม่เท่ากับยิมโนด่างบางต้นที่ราคาหลายพันบางต้นหลายหมื่น
ถ้าเป็นวีสวย ๆ ก็หลายพัน ทำเอามือสั่นได้เลยทีเดียว
จขบ.ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ใฝ่ฝันอยากจะมี "วี" ไว้ครอบครองสักต้น
แต่ด้วยราคาที่สูงเกินเอื้อม ทำให้ต้องซื้อต้นจิ๋วเท่าปลายปากกามาเลี้ยง
ต้นจิ๋วแค่นี้ไม่มีคนขายหรอกค่ะ ต้องใช้วิธีซื้อลูกแอสโตรยกพอร์ต
เลือกมีวีไทป์ติดมาด้วย บางทีก็ลุ้นเอาว่าจะได้วีติดมามั้ย บวกลบคูณหารไม่คุ้มเท่าไหร่
แต่ด้วยความที่อยากได้วีมาเลี้ยงในราคาที่แตะได้ก็ต้องยอม
เลยได้วีต้นจิ๋วมาที่ออกลายให้เห็น 3 ต้น แยกออกมาเลี้ยงเดี่ยว
มีพี่ที่สนิทกันแนะนำให้ระวังเรื่องการให้น้ำ เพราะบอบบางช้ำเน่าง่าย
ส่วนพอร์ตที่หัวเท่าปลายไม้ขีดไฟที่เหลือก็ต้องลุ้นกันต่อไป ว่าจะได้วีติดมากี่ต้น
:: :: :: ::
ส่วนรูปล่างขวาบน เป็น มิราเคิล นี่ก็ผลพวงจากซื้อลูกแอสโตรยกพอร์ตเช่นกัน
พอโตมาก็จับแยกกระถางเลี้ยงเดียว ลุ้นดูว่าโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว
จะเอวกิ่วมีส่วนเว้าส่วนโค้งเหมือนปลาดาวแค่ไหน
(ภาพล่าง) ตัวอย่าง แอสโตร วี
Credit : แคคตัสจาก แสงดาวไม้หนาม ขอขอบคุณเพื่อนหนูที่เอื้อเฟื้อภาพมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
(5) นูดัม
เป็นแอสโตรที่ใคร ๆ เห็นก็จะต้องหลงใหลในความน่ารักตะมุตะมิ
ด้วยลักษณะที่มีพื้นผิวสีเขียวล้วน ไม่มีลวดลายสีขาวกระจายตามลำต้นเหมือนคาบูโตะ
แต่มีตุ่มหนามปุยสีขาวตามสันพูตัดกับสีของลำต้น ทำให้ดูน่ารักน่าชัง
ถ้ามีตุ่มหนามสีขาวใหญ่พิเศษ เรียกว่า โออิโบะ (รูปล่างแถวบนขวาสุด)
ยิ่งตุ่มหนามสีขาวปุยใหญ่มากเท่าไหร่ ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
(6) คาบูโตะ
คาบูโตะ เป็นชื่อเรียกแอสโตรทั่วไป นอกเหนือจากที่มีลักษณะที่บอกไว้ด้านบน
คาบูโตะ ราคาจะไปแพง ราคาหลักสิบถึงหลักร้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดและลวดลายของแต่ละต้น
มีลวดลายสีขาวตามลำต้น บางต้นมีทั้งลวดลายและตุ่มหนามสีขาวตามสันพู
แต่ถ้ามีลวดลายสีขาวหนา ปกคลุมพื้นผิวลำต้นมากเหมือนหิมะปกคลุม
เรียกว่า ซุปเปอร์คาบูโตะ ราคาก็จะสูงกว่าคาบูโตะทั่วไป
คาบูโตะขนาดไซส์แม่พันธุ์ข้างล่างนี้ ได้เป็นของฝากจากเพื่อนที่ทำสวนแคคตัส
ได้ของฟรีก็ต้องโฆษณาให้เพื่อนหน่อยเนอะ^^
คาบูโตะหกต้นด้านล่างนี้ เป็นต้นเก่าแก่ที่เลี้ยงไว้นานตั้งแต่เริ่มเลี้ยง
บางต้นให้ดอกแล้ว บางต้นยังไม่ให้ดอก บางต้นเกือบตายหัวหายไปครึ่ง กว่าจะฟื้นคืนชีพ
เนื้องอกออกมาเป็นหัวกลม ๆ ได้ก็ใช้เวลาปีกว่า
จะทิ้งก็ทิ้งไม่ลง ก็ต้องปลุกปล้ำเอาจนกลับมาสวยเหมือนเดิม
เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ ราสนิม เป็น ศัตรูตัวฉกาจของแอสโตร ก็รบราฆ่าฟันกันไปเป็นระยะ
เอาอยู่ก็มักจะทิ้งรอยแผลไว้ให้ดูต่างหน้ากว่าจะเลือนหายก็ใช้เวลานาน
ภาพล่างนี้ เป็นตัวอย่างของแอสโตร ซุปเปอร์คาบูโตะ
จขบ.ถ่ายมาจาก ร้านสวนนัดกัน ที่ตลาดคำเที่ยง มาประกอบเผื่อให้บล็อกสมบูรณ์ขึ้น
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
(7) แอสโตรหน้าตาแปลก
ลักษณะเด่นของแอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส จะแตกต่างจากแคคตัสส่วนใหญ่
คือ ไม่มีหนาม มีลวดลายสีขาวตามลำต้นและตุ่มหนามจะเป็นสีขาวปุยแตกต่างกันออกไป
เวลาผสมเกสร ทำให้ได้ลวดลายหน้าตาแต่ละคนแตกต่างกัน
เวลาที่เจอแอสโตร หน้าตาแปลก ๆ เหมือนฟักทองมั้ง มีลวดลายสีขาวแปลกตา
ที่ไม่เหมือนคาบูโตะทั่วไป ก็จะเก็บมาเลี้ยงไว้ดูความแตกต่างตอนโต
อย่างรูปล่างซ้ายสุด ตอนเล็กสีเขียวล้วนไม่มีตุ่มหนาม ไม่มีบั้ง
เลี้ยงมาได้ปีกว่า บั้งเริ่มขึ้น พูแทรกฟุคุเรียวเริ่มมา
หน้าตาเปลี่ยนไปเรื่อย มีลุ้นเป็นฟุคุริว
(8) แอสโตร ดอกชิน หรือ ชินโชวะ
ชินแดง ชินชมพู ชินเหลือง
และอื่น ๆ
แอสโตรถ้ายังไม่ดอกให้เห็นจะดูยากมาก ต้องรอเค้าดอกถึงจะรู้
จขบ.ใช้วิธีลัด ขอให้พี่เจ้าของสวนนัดกันที่ตลาดคำเที่ยง เก็บไว้ให้อย่างละต้น
พอดอกพี่เค้าทำเครื่องหมายไว้ให้เรียบร้อยว่าต้นนี้ดอกชินสีอะไร
เลยได้มาเก็บไว้อย่างละต้น สมใจ^^
เอาเป็นว่า.. สะสมทั้งชนิดความแตกต่างของลวดลายลำต้น
และชนิดของดอก ทั้งดอกชินและดอกธรรมดา และสีของดอก ของมันต้องมีเนอะ^^
ดอกทีทันถ่ายรูปไว้บ้างไม่ทันบ้าง บางต้นทันผสมพันธุ์ติดบ้างไม่ติดบ้าง
ติดฝักก็ยกฝักให้เพื่อนไปลองเพาะ เพราะบ้านไม่มีที่จะวางแล้ว แบ่งปันไว้สายพันธุ์อื่นด้วย
(ภาพล่าง) ตัวอย่างดอกของแอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส และ ไมริโอสติกมา
จากสวนนัดกัด ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
ไหน ๆ ก็รู้จัก แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส แล้ว
ขอพูดถึงแอสโตรไฟตัมอีกสัก 3-4 ชนิดละกันค่ะ ได้แก่
1.แอสโตรไฟตัม ไมริโอสติกมา หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ไมริโอ
มีลักษณะเหมือน หมวกสังฆราช เป็นทรงกระบอกสูง สีเขียว ส่วนใหญ่จะมี 5 พู
ไม่มีหนามแต่มีตุ่มหนามกลางสันพูเล็กๆ บางต้นมีจุดกระจายทั่วลำต้น บางต้นไม่มีเป็นสีเขียวล้วน
มีชื่อเรียกแต่ละชนิดเหมือนกับแอสทีเรียส แต่ไม่เยอะเท่า
มีทั้ง กิ๊กโก๊ะ ฟุคุริว และออนซุกะ ขอไม่เจาะลึกละในแต่ละชนิดนะคะ
เพราะที่สะสมไว้มีไม่เยอะเหมือนแอสทีเรียส ส่วนตัวชอบ 4 พู
2.แอสโตรไฟตัม แคปริคอร์น หรือ แคปริคอร์น
เป็นแอสโตรไฟตัม ชนิดมีหนาม อายุน้อยจะไม่มีหนามจะมีหนามตอนโต
ส่วนจะมี 8 พู สันพูแหลม และร่องระหว่างพูค่อนข้างลึก
มีเลี้ยงไว้ 2-3 ต้นค่ะ ทั้งต้นเล็กและต้นใหญ่
เอารูปมาให้ดูปน ๆ กันไป ทั้งไมริโอและแคปริคอร์น ให้ดอกเป็นสีเหลือง
จขบ.เลี้ยงไว้ไม่ค่อยเยอะอย่างละนิดหน่อย
(ภาพล่าง) แอสโตรไฟตัม แคปริคอร์น
จขบ.ถ่ายจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
3.แอสโตรไฟตัม คาปุทเมดูเซ หรือ คาปุท
คาปุท เป็นแอสโตรไฟตัม เพิ่งค้นพบใหม่ล่าสุดในธรรมชาติ
ที่มีลักษณะแตกต่างจากแอสโตรชนิดอื่น ให้ดอกสีเหลือง นิยมเอามากราฟจะโตเร็ว
ที่บ้านเลี้ยงไว้ต้นหนึ่งค่ะ ยังไม่เคยเห็นดอก
ส่วนภาพล่างนี้ ถ่ายมาจากร้านสวนนัดกัน ที่ตลาดคำเที่ยง เชียงใหม่
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
4. แอสโตร กิ่ง
แอสโตรกิ่ง เป็นแอสโตรที่เพิ่งรู้จักในปี 2561 นี้ ไล่ ๆ กับคาปุท
และมีไว้ครอบครองล่าสุดมา 1 ต้น ราคาหลักร้อย
ไม่แน่ใจว่ามีชื่อเรียกทางการว่ายังไง
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
การขยายพันธุ์แอสโตร ส่วนใหญ่จะขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด
การเพาะเมล็ดจะได้ลูกที่ออกมาหน้าตาแตกต่างกันออกไปหลากหลายกว่าการแยกหน่อ
วิธีการแยกหน่อจะได้ต้นใกล้เคียงกับต้นแม่มากที่สุด
การผสมเกสรควรทำในวันที่ดอกบานวันแรก โอกาศที่ติดฝักมีมากกว่า
เมล็ดแอสโตรเพาะขึ้นง่ายมาก เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ก็งอกต้นอ่อนสีเขียวออกมาให้เห็นแล้ว
ถ้ายังไม่มีเวลาเพาะให้ล้างเมล็ดแล้วผึ่งให้แห้ง จากนั้นนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นในช่องแช่ผัก
แต่ไม่ควรจะเกิน 2-3 เดือน เพราะจะทำให้คุณภาพของเมล็ดลดน้อยลง
อีกอย่างแอสโตรเป็นสายพันธุ์ที่ให้หน่อยาก จากประสบการณ์ก็ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก
นอกจากบางต้นจะมีพลังในการขยายพันธุ์ก็จะแตกหน่อให้เห็น
ถ้าหน่อโตสามารถเด็ดเอามากราฟบนตอได้
(ข้อมูลจากพี่นัสพี่เต๋า สวนนัดกัน)
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
(ภาพล่าง) ตัวอย่างแอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส มีลักษณะเป็น คริสตาต้า
Credit : แคคตัสจาก สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง จ.เชียงใหม่
สรุป แคคตัสสายพันธุ์แอสโตรไฟตัม ทั้งแอสทีเรียสและไมริโอสติกมาและอื่น ๆ ที่มี
นับรวมลูกเล็กเด็กแดงและทารกแล้วละก็ น่าจะมีราว ๆ ร้อยกว่าต้น
สะสมเองบ้าง ได้จากที่เพื่อนให้มาบ้าง
ที่มีก็แบ่งปันให้พี่น้องผองเพื่อนไปก็เยอะ เลือกเก็บเฉพาะที่ตัวเองชอบและอยากสะสม
เนื่องจากมีที่เลี้ยงไม่เยอะ อย่างที่เห็นในบล็อกนี้ นั่นแหละค่ะ
บอกพิกัดแหล่งความรู้ ความเคลื่อนไหวของราคา
และแนวโน้มของความนิยมแอสโตร
จขบ.ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่ได้มีโอกาสเจอและคุยกันบ้าง
ตามงานแคคตัสและน้องเค้าเป็นกรรมการจัดงานอยู่
คุณฮิวเป็นเจ้าของสวนแคคตัสใหญ่ที่เชียงใหม่
และเน้นพัฒนาสายพันธุ์แอสโตไฟตัม แอสทีเรียส โดยเฉพาะ
สนใจอยากได้ไปสะสม สอบถามทาง inbox ได้เลยค่ะ
ส่วนแหล่ง shopping online ที่ จขบ.สิงอยู่
ไว้ดูความเคลื่อนไหวของแคคตัส ทั้งราคาและหลากหลายสายพันธุ์แปลกตา
สองกลุ่มนี้เป็นแหล่งความรู้ ทำให้เราได้รู้จักแคคตัสสายพันธุ์ต่าง ๆ มากมายในโลกใบนี้
ถ้าเราขยายพันธุ์แคคตัสที่เลี้ยงไว้เยอะ สามารถนำมาขายในสองห้องนี้ได้
จขบ.เป็นทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย(บ้าง) ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก
เวลาเข้าไปส่องดูทำให้รู้ชื่อสายพันธุ์แคคตัสที่หลากหลาย ทั้งไทยและไม้นำเข้า
และก็รู้ว่าปัจจุบันนี้ความนิยมแคคตัสเป็นยังไง ราคากลางของแต่ละชนิดแต่ละพันธ์เท่าไหร่
อย่างน้อยเวลาเราซื้อจะได้ไม่ถูกใครหลอกเอาค่ะ
ขอบขอบคุณพิเศษ
พี่นัส พี่เต๋า : สวนนัดกัน ตลาดคำเที่ยง
จ.เชียงใหม่
ที่คอยให้คำแนะนำและเคล็ดลับในการเลี้ยงแอสโตรและอื่น ๆ
ตลอดจนสอนวิธีการดูแล ขยายพันธุ์ และอนุญาตให้ถ่ายรูปมาลงบล็อกในวันนี้
สวนนัดกัน จำหน่วยแคคตัส ไม้อวบน้ำ กระถางและวัสดุปลูกทุกวัน
มีทั้งต้นและเมล็ด ใครผ่านไปแถวนั้นไปอุดหนุนกันได้ค่า
ไว้ค่อย ๆ ละเลียดอ่านนะคะ