ช่วงปี 57-58 พายายมาอยู่ในเมืองบ่อย
ชวนยายตลอด แต่ต้นปี 58 ยายตกลงใจยอมมาในเมืองบ่อยขึ้น
พายายไปหาหมอ พายายไปวัดทำบุญไหว้พระ พายายไปที่ยายอยากจะไป
ไม่ก็ไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านเกิดที่สะเมิงกับบ้านในเมือง
ช่วงกลางปี 58 ยายเริ่มไม่สบายถี่ขึ้น
ก็ยังหวังว่าเป็นเรื่องปกติของคนเฒ่าคนแก่วัยเกือบ 90 ปี
หวังว่ายายจะอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรลูกหลานนานๆ
จนกระทั่งมาถึงปลายเดือนต.ค.58 ยายเริ่มลุกไม่ไหว เดินไม่ได้
ทุกคนตัดสินใจพายายไปรักษาตัวที่ รพ.ในตัวอำเภอ
อาการทรงกับทรุด ไม่ดีขึ้น
แต่ลูกหลานทุกคน ไม่อยากให้ยายเจ็บอีกแล้ว
ไม่อยากเห็นยายต้องทรมานกับสายระโยงระยางอีก
..และยายอยากกลับบ้าน
ทุกคน เห็นพ้องต้องกันพายายกลับบ้าน
ช่วงระหว่างที่ยายกลับไปอยู่บ้าน
ยายเริ่มกินน้อยลง พูดน้อยลง อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
ลูกหลาน ญาติพี่น้อง มาเยี่ยมทุกวัน วันละหลายสิบคน
ผลัดคอยเฝ้าคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ช่วงระหว่างนี้เอง ต้องขึ้น-ลงบ้านเกิดที่สะเมิง
เกือบทุกวัน เช้าไป-บ่ายกลับ เพราะต้องมาดูแลร้านในเมืองต่อ
ช่วงขึ้นสะเมิง ก็จะฝากร้านพี่สะใภ้ดูให้
ช่วงระหว่างที่อยู่ในเมือง จะผวาเสียงโทรศัพท์ตลอดเวลา
กลัวได้ยินเสียงโทรศัพท์จากทางบ้านที่สุด
เวลานอนก็หวาดผวาเสียงโทรศัพท์ที่(จะ)ดังขึ้นกลางดึก
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวเสียงโทรศัพท์ขนาดนี้
..กลัวที่จะได้ยินข่าวร้าย
..กลัวที่จะไม่ทันเห็นใจยาย
..กลัวการยอมรับความจริง
ช่วงระหว่างไป ๆ มา ๆ ทุกคนเริ่มทำใจ
ทุกคนยอมรับการตัดสินใจที่เลือกแนวทางรักษายาย
ทุกคนทำดีที่สุด และเชื่อว่ายายต้องการแบบนี้
ในที่สุด..ยายก็จากไปวันที่ 17 พ.ย.58 ด้วยโรคชรา อายุ 90 ปี
จากไปด้วยความสงบ ห้อมล้อมด้วยลูกหลาน
ทุกคนทันได้เห็นใจยาย ได้กราบขออโหสิกรรมยาย
และส่งยายสู่สวรรค์ตามประเพณี
ปิดท้ายด้วยภาพ หลานยาย ณ บ้านยาย
หลานยายมี 5 คน ญ ทั้งหมด จขบ.เป็นหลานคนแรกของยาย
(ในรูปขาดหลานคนที่สองไปคนหนึ่ง)
เราก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกันค่ะ
ยิ่งถ้ามีคนเจ็บหรือป่วยนอนอยู่ที่โรงพยาบาล
จะเป็นอะไรที่เราไม่อยากได้ยินเลย
เพราะมักเป็นข่าวร้ายเสมอ