แม่เลี้ยง เอาคืน แจ้งจับ หนุ่ม 3 ข้อหารวด ด้านเจ้าตัวซัดกลับหลาน ดึง เข็ม มายุ่งทำไม?
หนุ่ม เหวอ แม่เลี้ยง แท็กทีม อา ประกาศฟ้องกลับ 3 ข้อหารวด ทั้งแจ้งความเท็จและยักยอกทรัพย์ เจ้าตัวเมินมั่นใจในหลักฐานที่มี พร้อมโต้ ยังไม่ได้ขายพระฤาษีกินอย่างที่บ้านใหญ่กล่าวหา แต่ที่ไม่ได้นำมาแสดงต่อหน้าศาลเพราะมีขนาดใหญ่ ทำให้ลำบากในการเคลื่อนย้าย ส่วนความคืบหน้าคดียังตกลงกันไม่ได้ ศาลนัดอีกที 25 มิ.ย. ถึงกับงง หลังรู้ข่าวบ้านใหญ่ดึงกิ๊กเก่า เข็ม มาเป็นพยานปากสำคัญ
ล้มเหลวเป็นครั้งที่สอง สำหรับการไกล่เกลี่ยในคดีที่ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแม่เลี้ยง นางวิมลรัตน์ กำเนิดพลอย และ นายอัคระ พี่ชายต่างมารดา ต่อศาลแพ่งธนบุรี เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนผู้จัดการมรดกและจัดแบ่งมรดกของบิดา นายประกอบ เนื่องจากที่คู่กรณีไม่ยอมแบ่งมรดกในส่วนที่ตนสมควรจะได้ ซ้ำยังโอนทรัพย์สินบางอย่างไปเป็นของทายาทคนอื่นและบุคคลอื่น รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดร่วม 100 ล้าน
ความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้(27 พ.ค.) ที่ศาลแพ่งธนบุรี หลังจากศาลนัดให้ทั้งสองฝ่าย นำบัญชีมรดกทั้งหมดมาแจกแจงให้ทางศาลได้รับรู้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนของการไกล่เกลี่ยต่อไป แต่ผลปรากฏว่าก็ล้มเหลวเป็นครั้งที่สอง เนื่องจากตกลงกันไม่ได้
ซึ่งทางฝ่ายของแม่เลี้ยงก็ถึงกับแสดงความไม่พอใจ ที่หนุ่มไม่ยอมนำพระฤาษีหนึ่งในสมบัติที่อยู่ในส่วนของมรดกมาแสดงต่อศาล ตามที่มีการตกลงกันไว้เมื่อครั้งที่แล้ว พร้อมกับประกาศเอาเรื่องหนุ่มกลับ ด้วยการแจ้งความจับหนุ่มในข้อหาแจ้งความเท็จ และข้อหายักยอกทรัพย์ หากยังไม่ยอมนำพระฤาษีออกมาแสดง ซึ่งงานนี้ก็ทำเอาหนุ่มถึงกับเหวอเลยทีเดียว
ณ ตอนนี้ที่ถูกสัมภาษณ์ ก็ไม่รู้จะลงเอยยังไง ศาลท่านก็พยายามจะไกล่เกลี่ย แต่เพราะติดขัดเรื่องของการตกลง เพื่อจะประนีประนอม มีการแบ่งทรัพย์อย่างชัดเจน ทางผมเองก็ได้มีการเรียกร้องทรัพย์ไปส่วนนึง ก็น่าจะเป็นลักษณะที่ดินที่จังหวัดชุมพร เพื่อที่จะให้เรื่องราวจบลงอย่างดีที่สุด ผมยื่นข้อเสนอไปว่าจะขอซื้อที่ดินที่ชุมพร ซึ่งเป็นที่ดินในส่วนมรดกจำนวน 26 ไร่ เป็นเงิน 5 ล้านบาท แต่ทางโน้นขอกลับไปคิดดูก่อน
ส่วนกรณีที่ทางบ้านใหญ่ แย้งว่า ที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะว่าหนุ่มไม่ยอมเอาฤาษีมาแสดงในชั้นศาล ตามที่ตกลงกันไว้ หนุ่มอธิบายว่า....
จริงๆ อันนี้เป็นสิทธิ์ของทางโน้น ที่จะพูด ผมเองก็ไม่รู้็จะพูดยังไงแล้ว เพราะว่าเมื่อนัดที่แล้ว ตอนที่มาไกล่เกลี่ยกันก็ได้มีการพูดกันอยู่แล้วว่าให้เอาพระมา แต่ปัญหาตรงไหนที่ใหญ่เกินไป ก็ไม่จำเป็นต้องเอามา อันนี้คือทางศาลท่านบอกกับผม แต่ทางเขาเองก็เอามาไม่ครบเหมือนกัน ผมเองก็เอามาไม่ครบเหมือนกัน
ก็จะมีฤาษี ก็องค์ใหญ่อยู่เหมือนกันเลยไม่ได้เอามา ปรากฏว่าพอทางฝ่ายเขารู้ว่าผมไม่ได้เอามา เขาก็เลยโกรธ แต่สิ่งที่ผมโชว์ไปให้ดู ก็คือผมเองก็ได้ถ่ายคลิปมาให้ดูแล้ว(ถ่ายภาพวีดีโอที่ยืนยันว่าฤาษียังอยู่ที่บ้าน) ผมได้ถูกทางเขาว่า ว่าผมเอาไปขายแล้วเหรอ ซึ่งจริงๆ แล้วผมยังไม่ได้เอาไปขาย แล้วทางเขาก็ไม่ฟังผมเลย ผมก็พยายามจะอธิบาย แต่สิ่งที่ผมโชว์ไปให้ดู ผมเองก็ได้ถ่ายเป็นคลิปวีดีโอ จริงๆ แล้วผมมีสิ่งที่จะยืนยัน ก็คือคลิปวีดีโอที่ผมถ่ายส่งไปให้กับทางไทยรัฐ ลงวันที่ 27 พ.ค. 2552
ยืนยันว่าฤาษียังอยู่ที่บ้านผมครับ(เอาคลิปขึ้นมาเปิดให้ดู) ผมก็ไม่รู้ยังไงเลย ผมก็ไม่รู้จะพูดต่อยังไงเหมือนกัน เพราะผมเองก็บริสุทธิ์ใจ และได้ยืนยันกับทางศาลแล้วว่า ฤาษียังอยู่ผมยังไม่ได้เอาไปขาย แล้วก็ได้นำแถลงศาลไปแล้วว่า เป็นของกองกลาง เป็นของทรัพย์มรดก ถ้าเกิดว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่จะยืนยันเป็นของตัวเอง ก็คือต้องมีการนำสืบกันต่อไป
อ้างเหตุผลที่ไม่นำฤาษีมาแจงต่อหน้าศาลตามที่เคยตกลงกันไว้เพราะมีขนาดใหญ่
พระมันใหญ่มาก ฤาษีองค์ใหญ่มากอยู่ที่บ้านผมเอง อย่างที่บอกแหละครับ ต้องฟังเหตุผลผมด้วย
ที่มา //www.manager.co.th