รีวิวสายการบิน Bangkok Airways เส้นทางกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (BKK-CNX)
สวัสดีค่าช่วงนี้มาสายท่องเที่ยวรัว ๆ นะคะ จำได้ว่าพึ่งรีวิวเชียงใหม่จบไปไม่นาน นี่ไปเชียงใหม่อีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ดองหล่ะ รีบ ๆ รีวิวจะได้ไม่ลิม แฮร่ Blog นี้จะเป็นการรีวิวการเดินทางด้วยสายการบิน Bangkok Airways นะคะ เป็นครั้งแรกของเราเลยที่เดินทางด้วยสายการบินนี้ อยากนั่งมานานหล่ะ เพราะเป็นสายการบินที่ให้บริการแบบ Full - Service มีทั้งเลานจ์ , อาหาร , โหลดกระเป๋าได้ฟรี เต็มที่แบบนี้ราคาตั๋วก็สูงอยู่ไม่ใช่น้อย
แต่เราจองช่วงราคาโปรโมชั่นเมื่อเดือนม.ค. 61 ค่า (จองล่วงหน้า 3 เดือน) เบ็ดเสร็จรวมค่าภาษีแล้วได้มาในราคาไป-กลับ 2,400 บ. ก็ตกเที่ยวละ 1,200 บ./คน จัดว่าถูกมากเพราะคราวก่อนไปโลว์คอสก็คนละ 1,070 บ.ละ
สำหรับสายการบิน Bangkok Airways จะขึ้นที่สุวรรณภูมินะคะ ในประเทศชั้น 2 เคาน์เตอร์เช็คอินจะอยู่ตรง Gate 3 Row F
ครั้งนี้ได้อัพเกรดเป็นแบบ Premier ก็จะเช็คอินตรงเคาน์เตอร์นี้ เป็นแถวพิเศษไม่ต้องรอนาน
เพิ่มน้ำหนักสัมภาระได้มากขึ้น โหลดกระเป๋าจะได้ Tag VIP เวลาถึงที่หมายปลายทาง กระเป๋าเราจะโหลดขึ้นมาที่สายพานก่อนใคร ๆ
โหลดกระเป๋า , เช็คอิน , ได้ตั๋วแล้ว ดูเวลา ดู Gate ให้ดี ๆ แล้วเดินตัวปลิวไปที่ Lounge กันเลยค่า ใครบินกับสายการบินนี้อย่าลืมเผื่อเวลา ไม่งั้นไม่ได้นั่ง Lounge นะจ๊ะ ปล.ตั๋วประทับตรา BRC คือสามารถใช้ Blue Ribbon Club ได้นั่นเอง
Lounge จะอยู่แถว ๆ Gate A เดินตามป้ายไปได้เลยค่ะ
Boutique Lounge ห้องรับรองของผู้โดยสารสายการบิน Bangkok Airways ในประเทศ
ส่วน Blue Ribbon Club ของผู้โดยสารในประเทศจะอยู่ถัดไปอีกนิดนึง
ตรงข้ามกับ Gate A3 ที่เราจะขึ้นเครื่องพอดี
ท่านที่สามารถใช้เลานจ์ Blue Ribbon Club คือ - สมาชิก FlyerBonus แบบ Premier - ลูกค้า AIS Serenade (Platinum , Gold) - ผู้ถือบัตรเครดิต Thanachart Black Diamond อาจจะมีบัตรอื่น ๆ อีกลองสอบถามกับสายการบินดูนะคะ เรายกมาเฉพาะที่มีป้ายแสดงไว้ค่า
ยื่น Boarding Pass เพื่อเข้าใช้บริการได้เลย
บรรยากาศด้านในหรูหรา ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าสบายตา มีมุมให้เลือกนั่งหลากหลาย
มีเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้นวดกันเพลิน ๆ ด้วยนะ เสียดายไม่มีเวลา ไม่งั้นคงได้ลอง
มีหนังสือให้หยิบอ่านกันด้วยทั้งหนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่าง ๆ
มีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตให้ใช้ด้วย ส่วนที่จอเป็นตารางบินของแต่ละสายการบิน
ตอนเค้ามาเค้าจะให้ไวไฟมาด้วย ใช้ได้ยาว ๆ 3 ชม.ค่า
มาดูไลน์อาหารว่างกันบ้าง
อาหารจะเยอะหลากหลายกว่าฝั่งเลานจ์ปกติ มีทั้งแซนวิช , มินิเบอร์เกอร์ , ครัวซองค์ , เค้กมะตูม , อาลัว , กล้วยหอม , เค้ก
มุมนี้ต้องห้ามพลาดข้าวต้มมัด , ขนมใส่ไส้ , ขนมเทียน
ขนมจีบ , ซาลาเปา
สแนคทานเล่นอย่างป็อปคอร์น , ขนมนางเล็ดก็มีค่ะ
พัฟไส้ต่าง ๆ อยู่ในตู้อบร้อน ๆ เครื่องดื่มมีให้เลือกหลากหลายทั้งน้ำเปล่า , กาแฟเย็น , ช็อคโกแลตเย็น
กาแฟสด , น้ำสมุนไพร
เบียร์และไวน์สั่งกับพนักงานได้เลยค่า
Blue Ribbon Club จะพิเศษตรงที่มีอาหารร้อนเสิร์ฟด้วย มีให้เลือก 2 เมนู คือ เกี๊ยวกุ้งและข้าวต้มบะกุ๊ดเต๋
เกี๊ยวกุ้งลูกโต ๆ ซดร้อน ๆ อร่อย
ข้าวต้มบะกุ๊ดเต๋ของพี่เต้ย รสเข้มข้น ถ้ากินเกี๊ยวน้ำก่อนชามนี้จะเค็มไปเลย
ซาลาเปาก็ดีนะคะ แป้งนุ่มนิ่ม ขนมจีบไม่ได้ชิม ข้าวต้มมัด , ขนมใส่ไส้ , ขนมเทียนอร่อยทุกอย่าง
แซนวิชชอบตรงที่พันพลาสติกแร๊ปไว้ไม่โดนลม ขนมปังไม่แห้ง กินคู่กับลาเต้ร้อนหอม ๆ ตื่นเลยค่า
อาลัวสีสวย ๆ หวาน ๆ
น้ำใบข้าวนี่ได้คลอโรฟิลด์เต็ม ๆ 555 ใครไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียวอย่ากด แต่เรากินได้สบาย ๆ อิอิ
พามาดูห้องน้ำหน่อย มีอยู่ 2 ห้อง สะอาดสะอ้าน
อีก 1 ห้องเป็นห้องอาบน้ำ ใครที่เดินทางไกล ๆ อยากอาบน้ำให้สบายตัว ก็สามารถมาใช้บริการได้ แต่พวกผ้าขนหนูอะไรนี่น่าจะต้องเตรียมมาเองค่า
ถึงเวลาก็ไปที่ Gate กันเลยค่ะ เกต์นี้จะเป็น Bus Gate เค้าจะเรียกก่อนเวลาบินค่อนข้างนาน บิน 8.00 น. Boarding Time 7.20 น. เราไม่รู้ว่าครั้งไหนจะได้ Bus Gate เพราะฉะนั้นมาสนามบินเร็ว ๆ ดีที่สุด เผื่อเวลาอย่างน้อย 2 ชม.ค่า แบบ Premier ก็จะได้ขึ้นเครื่องก่อนนะคะ ส่วนเราเป็น Bus Gate ก็ได้ขึ้นรถก่อน
ไฟลท์นี้เป็นเครื่อง A320
ที่นั่งเป็นแบบ 3-3 ได้นั่งแถวหน้า ๆ สบายเลยไม่ต้องเดินไกล
ที่นั่งกว้างขวาง เหลือที่ให้ยืดขาเพียบ เข่าไม่ติดเบาะนะ
พร้อมบินแล้วค่ะ
มีนิตยสาร และคู่มือให้อ่านเพลิน ๆ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบุคคลิกดูดีทุกคนเลย เราชอบเสียงประกาศบนไฟล์ทนี้มาก เสียงนุ่มอย่างกับคนอ่านสปอตของสายการบิน
อาหารบนเครื่องมีทั้งจานหลัก , น้ำดื่ม , ชา-กาแฟ-น้ำผลไม้ จานหลักวันนั้นเสิร์ฟข้าวผัดกุ้ง ชอบตรงที่อาหารอุ่นร้อนก่อนเสิร์ฟ ส่วนน้ำส้มก็แช่มาเย็นเจี๊ยบชื่นใจ ขนมเป็นเมนูพิเศษประจำเดือนเมษายน เดือนที่ครบรอบ 50 ปีของสายการบิน เป็นคุกกี้นิ่มสีฟ้าโรยหน้าด้วยไอซิ่ง
ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม.ก็แลนดิ้งที่สนามบินเชียงใหม่ ไปรับกระเป๋าที่สายพานกันเลย คนมุงตรึม
แต่กระเป๋าเรามาก่อนใคร ดีงาม
วาร์ปมาที่ขากลับกันเลยนะคะ เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินเชียงใหม่มี 4 ช่อง Bangkok Airways จะอยู่ช่อง 56 - 59 Premier Member 1 ช่อง และ Economy Class 3 ช่อง
Flight PG218 เป็น Bus Gate เช่นกัน เผื่อเวลามาที่สนามบิน 2 ชม.เช่นเคยค่า
Lounge จะอยู่ที่ชั้น 2 ด้านใน ๆ เดินไกลนิดนึงนะคะ
ด้านซ้ายเป็น Boutique Lounge
ทางขวาเป็น Blue Ribbon Club
ไลน์ของว่าง และเครื่องดื่มก็จะคล้าย ๆ กับที่สุวรรณภูมิ มีขนมมีของว่างให้เลือกทานหลายอย่าง พลาดไม่ได้ก็ข้าวต้มมัดเช่นเคยค่า
เมนูเครื่องดื่ม และเมนูร้อน เกี๊ยวน้ำ , บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสั่งได้ทั้งวัน , ข้าวต้มบะกุ๊ดเต๋ เสิร์ฟ 5.00 - 10.00 น. บะหมี่เป็ดย่างโฟร์ซีซั่น เสิร์ฟ 10.00 - 22.00 น.
ลองเกี๊ยวน้ำไปแล้วคราวนี้ขอลองบะหมี่เป็ดย่างโฟร์ซีซั่นละกัน จานใหญ่มาเลย รสชาติใช้ได้ เส้นนิ่มไปนิด ชอบแข็งกว่านี้
ของว่างต่าง ๆ อิ่มตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่องเลย
ชามะนาวเย็นชื่นใจ
นั่งชิลล์ ๆ ไป อย่านั่งเพลินจนลืมดู Boarding Time นะคะ อยู่ใน Lounge จะไม่มีประกาศเรียกขึ้นเครื่องเหมือนอยู่หน้า Gate ค่า
Wi-Fi ฟรีเช่นเคย
ขากลับเดินทางกับน้อง Guilin ที่นั่งเป็นแบบ 3-3 เช่นเดียวกับขามา
อาหารขากลับเป็นหมี่ผัด แค่ชิม ๆ ไปหน่อยเพราะอิ่มตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเครื่องแล้ว ส่วนเครื่องดื่มและขนมเหมือนขามาค่ะ
ถึงสุวรรณภูมิตรงเวลาไม่ดีเลย์ ไปรับกระเป๋าก็ได้ก่อนใครเหมือนขาไปนะคะ ครั้งแรกกับ Bangkok Airways เราประทับใจมาก ๆ ค่ะ ใครไม่เคยบินกับสายการบินนี้จัดไปค่า แล้วจะติดใจ แนะนำให้ซื้อช่วงราคาโปรโมชั่นนะคะ ในประเทศแค่พันนิด ๆ แต่บริการจัดเต็มสุด ๆ โหลดกระเป๋าฟรี มีเลานจ์ให้ใช้ มีอาหารมีเครื่องดื่มบริการบนเครื่อง จองผ่านเว็บก็ง่ายไม่มีค่าบริการตัดบัตรเครดิตอีก เดินทางครั้งต่อไป อย่าลืมนึกถึง Bangkok Airways นะค้า
Create Date : 04 พฤษภาคม 2561 |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2561 9:27:36 น. |
|
23 comments
|
Counter : 6889 Pageviews. |
|
|