10 วิธี ตั้งสติ ก่อนสตาร์ทอารมณ์โกรธ
ปัจจุบันข่าวคราวทางหน้าหนังสือพิมพ์ในแต่ละวันที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บ พิการ หรือสูญเสียชีวิต อันมีสาเหตุมาจากการไม่สามารถยับยั้งควบคุมอารมณ์โกรธของผู้คนในสังคม มีความถี่และความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ
การสูญเสียดังกล่าว ไม่ได้จำกัดขอบเขตเฉพาะผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์เท่านั้น ยังส่งผลกระทบถึง ความเป็นอยู่ และสภาพจิตใจของสมาชิกครอบครัวที่ต้องพบกับความสูญเสีย ซึ่งหลายครั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะไม่สามารถหยุดอารมณ์ชั่ววูบของผู้กระทำได้ ซึ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถระงับอารมณ์โกรธของตนลงได้ มีอารมณ์ที่เยือกเย็นลงอีกสักนิด ความสูญเสียต่างๆ ก็คงไม่เกิดขึ้น
น.พ. ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย ได้ให้ความเห็นกับเรื่องดังกล่าวว่า “การรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง และสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม เป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ต้องได้รับการฝึกฝน สาเหตุหลักที่ทำให้คนเราเกิดอารมณ์โกรธ นอกเหนือจากแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ ครอบครัว และการสูญเสียการควบคุมอารมณ์ชั่วขณะ อันเนื่องมาจากการใช้เหล้าหรือสารเสพติดแล้วก็คือ เรื่องบุคลิกภาพ อันเป็นผลมาจากการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัว ซึ่งในปัจจุบันสถาบันครอบครัวของไทยมีความอ่อนแอลงทุกวัน เวลาและความใกล้ชิดที่มีให้กันน้อยกว่าในอดีต ในขณะที่ตัวอย่างการแก้ปัญหาโดยใช้ความรุนแรงในสังคม มีให้เห็นบ่อยมากขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา แนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการลดการนำเสนอข่าวสาร ภาพยนตร์หรือเกมส์ ที่ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาโดยใช้ความรุนแรง และการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับสถาบันครอบครัว ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ควรถูกหยิบยกมาใช้” จิตแพทย์ผู้คร่ำหวอดกับการดูแลสุขภาพจิตให้กับเด็ก และครอบครัวมายาวนาน กล่าว
การเลี้ยงดูเด็กให้เจริญเติบโตมีสุขภาพกาย ใจ ที่แข็งแรง เป็นงานสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตมนุษย์ ต้องใช้เวลา ต้องการทั้งความรู้ ความเข้าใจ และความอดทนของผู้เลี้ยงดูเป็นอย่างมาก ช่วงอายุของเด็กที่มีความสำคัญที่สุดต่อพัฒนาการของบุคลิกภาพ ได้แก่ ช่วงอายุ 0-6 ขวบ เพราะเป็นช่วงที่เด็กจะเรียนรู้เรื่องการวางใจผู้อื่น รับรู้และซึมซับบุคลิกภาพจากคนใกล้ชิด โดยเฉพาะจากผู้เลี้ยงดู การฝึกเด็กให้รู้จักคอย การเห็นอกเห็นใจ การเคารพสิทธิผู้อื่น การรู้จักแพ้ รู้จักชนะ จะมีส่วนช่วยในการฝึกทักษะการควบคุมอารมณ์ของเด็ก คุณหมอยังได้กล่าวฝากถึงพ่อแม่ในวันนี้ว่า “หากเราเลี้ยงดูเด็กให้เป็นผู้ที่มีทั้ง ไอคิว อีคิวที่ดี คนที่อยู่ใกล้ชิดและสังคมก็จะพลอยมีความสุขไปด้วย ความก้าวร้าวของเด็ก เมื่อมีพัฒนาการขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นได้ยาก เพราะสมาชิกในครอบครัวต่างเป็นเบ้าหลอมสำคัญยิ่ง และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เขา”
การมุ่งหวังที่จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี มีคุณภาพ เป็นความตั้งใจของพ่อแม่ทุกคนในทุกยุคทุกสมัย แต่ก็ยังมีพ่อแม่อีกจำนวนมาก ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านอารมณ์ และจิตใจของเด็ก ในแต่ละช่วงวัย รวมทั้งเทคนิคการเลี้ยงดู แก้ปัญหาที่เหมาะสม ซึ่งมีผลทำให้เด็กมีสุขภาพจิตและบุคลิกภาพที่ไม่แข็งแรง ไม่สามารถเผชิญปัญหาในชีวิตและขาดการจัดการที่ดี ที่สามารถแก้ไขเหตุการณ์ให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ นอกจากนี้ บรรยากาศภายในครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญ ครอบครัวที่อบอุ่นจะช่วยให้เด็กมีความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจ สามารถมองเห็นข้อดีของตนเอง สามารถภาคภูมิใจในคุณค่าของตนเอง รวมทั้งสามารถมองเห็นข้อดีของผู้อื่นได้
ครอบครัวที่มีแต่ความยุ่งเหยิง ทะเลาะเบาะแว้งใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา เด็กที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ก็จะซึมซับวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรง เช่นเดียวกัน
การป้องกันปัญหาการไม่สามารถยับยั้งอารมณ์โกรธได้ สามารถทำได้ด้วยวิธีการหลายอย่างประกอบกัน เริ่มตั้งแต่การบริหารจิตใจ โดยการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลมหายใจทุกวันตามแต่โอกาสจะอำนวย เพื่อลดความคลายเครียดไม่ให้สะสม ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอารมณ์โกรธได้ง่าย รวมทั้งฝึกสังเกตให้รู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง เตือนตัวเองได้ นอกจากนี้ การศึกษาหาความรู้ทางด้านสุขภาพจิต การปรับวิธีคิด วิธีมองโลก วิธีมองปัญหา จะช่วยให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น มีทางเลือกในการแก้ไขปัญหามากขึ้น มีความยืดหยุ่นในการดำเนินชีวิตและโอกาสเกิดความเครียดน้อยลง
สำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าขณะเผชิญเหตุการณ์ที่ทำให้โกรธนั้น น.พ.ไกรสิทธิ์ ได้ให้หลักปฏิบัติ 10 ประการ ที่พึงนำไปใช้ เพื่อระงับความโกรธแบบสั่งได้ดั่งใจไว้ ดังนี้
1. พยายามสังเกตตัวเองให้รู้เท่าทันอารมณ์ตนเองว่ากำลังจะโกรธ
2. เตือนตนเองว่า การโกรธ คือ การเผาตัวเอง ทำลายสุขภาพตัวเอง
3. ชะลออารมณ์โกรธ โดยการเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการนับ 1-10 หายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
4. พยายามออกจากสถานที่ยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธนั้น เพื่อไปสงบสติอารมณ์
5. เตือนตนเองว่า เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ดังใจเรา
6. เตือนตนเองว่า คนเราแตกต่างกัน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แม้แต่ตัวเราเองก็มีข้อบกพร่อง
7. เตือนตนเอง ให้มองเห็นข้อดีของผู้อื่น และความดีของเขาในอดีตที่ผ่านมา
8. ฝึกคิดฝึกมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในด้านบวก
9. ฝึกให้อภัยและปล่อยวาง
10. ถ้าแก้ปัญหาด้วยตนเองไม่ได้ ควรขอคำปรึกษาจากคนที่มีประสบการณ์ไว้ใจได้ ในบางครั้ง ถ้าปัญหารุนแรงมากอาจจะจำเป็นต้องปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด
จากหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงมอบให้กับพสกนิกรชาวไทย เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากและใช้ได้ตลอดไปทุกยุคทุกสมัย ถ้าผู้คนนำมายึดปฏิบัติก็จะทำให้มีชีวิตที่ปลอดภัยและสงบสุข นพ.ไกรสิทธิ์ ให้ความเห็นสนับสนุนอย่างเต็มที่ แล้วให้ทัศนะว่า ”การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่คาดหวังสูงเกินจริง ไม่ทำอะไรเกินกำลังของตน สามารถพึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ จะช่วยลดความกดดันในชีวิตไปได้อย่างมาก มีเวลาผ่อนคลาย ครอบครัวมีเวลาให้กันมากขึ้น ความสัมพันธ์ดีไม่หงุดหงิดหรือขัดแย้งง่าย สามารถเอื้อเฟื้อเพื่อแผ่สิ่งที่ตนมีอยู่ให้กับผู้อื่นได้ ช่วยลดการยึดติด ปล่อยวางได้ง่ายขึ้น เหล่านี้เองจะเป็นการป้องกันและแก้ไข ปัญหาในชีวิตได้เกือบทุกปัญหาไม่ใช่เฉพาะเรื่องอารมณ์โกรธเท่านั้น”
คุณหมอกล่าวทิ้งท้ายไว้ได้อย่างน่าคิด และสมควรนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันของทุกคนอย่างเร็วพลัน เพื่อวันที่ดีที่สุด จะเป็นของเราในทุกๆ วัน หากใครยังต้องพึ่งคำปรึกษาจากจิตแพทย์ ก็อย่ารีรอ
ที่มา //www.newswit.com
Create Date : 02 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2552 21:30:57 น. |
Counter : 1428 Pageviews. |
|
|
|