ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
.♣..♥ ๐๐๐ ภาคสาม บท ๑๒ ...♥ ♣.

หลังจากที่หยุดบท ๑๒-๑๔ ไว้ชั่วขณะที่ หน้าเว็บพันทิป
ข้าพเจ้าเริ่มพอมีเวลาทบทวน ความควรไม่ควร เห็นแก่คนที่ยังอยู่
และคนที่ล่วงลับไปแล้ว ดูว่า หากท่านยังอยู่ ข้าพเจ้าจะพูดถึง
ท่านอย่างไร อย่างเมตตา กรุณา หรือไม่...?

ข้าพเจ้าอาจจะมีจิตใจเคืองอย่างปุถุชนธรรมดาหลงเหลืออยู่
แต่ ความอาฆาตโกรธแค้น อย่างที่เคยมีเกิดขึ้นบ้างบางเวลาในขณะ
ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น...ได้สงบลงไปมาก เพราะภาพระยะหลังที่ได้
เห็นคือคนสูงอายุ คนชรา ที่น่าสงสารคนหนึ่ง...ซึ่งจางพิษสงลงมาก
แต่กระนั้นก็ดี ได้ทิ้งรอยแผลไว้ในหัวใจและ ชีวิตของข้าพเจ้าอย่าง
ยาวนาน
ข้าพเจ้าจึงเริ่มเขียนทั้งตอน ๑๕ -๑๖ ต่อไป ..ด้วยการ
ตรวจสอบวิเคราะห์ตัวเอง ว่าสิ่งทึ่ตัวเองเขียนนี้ เขียนไปเพียงเพื่อ
ความสะใจ หรือเพื่ออะไร ...

ไม่ใช่ดอกท่าน
หากจะต้องเขียนเกี่ยวกับท่านผู้มีอิทธิพลต่อชีวิตมาอย่างมาก
ในแง่ที่ทำให้ข้าพเจ้า มองตัวเองในแง่ลบมาหลายสิบปี...กับการที่ได้
อะไรหลายอย่างในชีวิต ชั่งน้ำหนักแล้ว คนหัวดื้อหัวรั้นอย่างข้าพเจ้า
สมควรได้รับบทเรียนชีวิต ..อย่างนั้น..


.♣..♥ Novel . Myland



Create Date : 28 มีนาคม 2551
Last Update : 28 มิถุนายน 2551 6:03:23 น. 3 comments
Counter : 690 Pageviews.  
 
 
 
 
บทที่ ๑๒
ฟ้าสร้างทางชีวิต...


วันนั้นเป็นวันเสาร์ และ นิคกี้ ก็
จะได้หยุดในวันอาทิตย์ พอกินข้าวเสร็จนั่งดูทีวีกันอยู่ เขา
ก็ชวนข้าพเจ้าว่าไปฟังเพลงกันดีไหม ? ข้าพเจ้าก็นึก
สนุกว่า ดีสิ จึงไปอาบน้ำ แต่งตัว จำได้ว่า นุ่งกางเกง
ยืดสามส่วนสีดำ เสื้อตัวในสีแดง และ เสื้อคลุมสีดำ พอ
แต่งตัวเสร็จก็ฝากฝัง ลูกแซนดี้ ไว้กับคนเลี้ยง

ตอนขึ้นรถเขาไปกันสองคนตอนนั้น เพิ่งรู้สึกตัว
ว่า "ออกเดท" ขึ้นมากระทันหัน ทั้ง ๆที่เคยคิดว่าเขา
เป็นเพื่อนมาตลอด นึกแปลกใจความรู้สึกที่กระทบ
อารมณ์นั้นขึ้นมา...หรือเพราะเดินไปตลาด เหมือนครอบครัว
หรือเพราะอะไร ?

นิคกี้พาข้าพเจ้าไปฟังเพลงที่แถวถนนเกษร
ซึ่งเป็นถิ่นที่ข้าพเจ้าชอบไปอยู่แล้ว แต่โดยปกตินั้นชอบ
ไปตอนเช้า คือไปนั่งกินอาหารที่ร้านลิตเติ้ลโฮมเบเกอรี่
ระหว่างที่ไปทำงานแถวเพลินจิตกับ ถนนวิทยุ
ช่วงที่ฟังเพลงกันอยู่ นิคกี้ ก็ฉุดมือข้าพเจ้า
ให้ลุกออกไปเต้นรำจังหวะเร็ว ๆ หลายเพลง ครั้นถึง
จังหวะสโลว์ เขาก็ดึงตัวข้าพเจ้าเข้าไปเต้นจนชิด อย่าง
ช้า ๆ เนิบนาบ และอบอุ่น...
อบอุ่นน่าจะเป็นความรู้สึกทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามีกับเขา...

เวลาไม่กี่ชั่วโมงในคืนนั้น สัมผัสอบอุ่น
ของเขา ความอาทรจากความอยากรู้อยากเห็นเรื่องชีวิต
ส่วนตัว และ ความห่วงใยที่เขาเทให้ทำให้การจากกันใน
คืนนั้น เปลี่ยนข้าพเจ้าจากเพื่อนคนหนึ่งกลายเป็นผู้หญิง
ที่เขารักไปได้ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาตลอดหลายปีที่ได้
เคยรู้จักกันมา มีแต่เพื่อนของนิคกี้ สองคน ที่แวะเวียน
มาจีบ มารักข้าพเจ้า แต่เขาเป็นฝ่ายที่ถอยห่างไป

บัดนั้น ช่วงเวลาวันเดียว ว้นเสาร์ ของการเดิน
ทางผ่านความจอแจตลาดนัดสนามหลวง ไปเดินดูซื้อ
กับข้าวของแห้งที่ตลาด และ ไปชมภาพเขียน ไปกิน
ข้าวอย่างเป็นกันเองที่บ้าน ตลอดจน ใช้เวลาฟังเพลง
เต้นรำไม่กี่ชั่วโมง
เขากล้าเอ่ยปากบอกรักข้าพเจ้า
ความในใจที่เขาเก็บไว้ซอกลึกหลั่งไหลออกมาไม่รู้จบ

เมื่อส่งข้าพเจ้ากลับที่พัก นิคกี้จับมือข้าพเจ้า
ไว้แน่น เขาพร่ำบอกว่าไม่อยากจากข้าพเจ้าเลย ไม่
อยากกลับบ้านเลย เมื่อไหร่จะพบกันใหม่และ ถามว่า
ทำไมข้าพเจ้าไม่กลับไปอยู่กับคุณแม่เหมือนเดิม

" ไปแล้วจะไปทำงานยังไงล่ะ "
ข้าพเจ้าขมวดคิ้ว นิคกี้หยุดไปนิดหนึ่ง แล้วก็พูดว่า
" ก็นิคไปรับไง ไปรับที่บ้าน ไปส่งให้ "
"จริงน่ะ อยู่ตั้งเอกมัย ไปส่งสีลมเหรอ "
"จริง ..จะไปรับที่บ้านให้แต่เช้า ไปส่งสีลม แล้ว
ก็ไปทำงาน เย็นจะไปรับด้วย "
...เงียบ.. ข้าพเจ้ากำลังสงสัยว่าเขาพูดจริงหรือพูด
เล่น..จึงถามต่อไปว่า
"อ้าว..แล้วลูกแซนดี้จะทำอย่างไร...ลูกเรียน
อยู่ในซอยฝั่งตรงข้าม"
" ก็ไปหาใหม่สิ ..ข้างที่ทำงาน หรือ ว่าข้าง
บ้านคุณแม่ไง .."
"โอ๊ย ไว้คิดทีหลัง..พูดเรื่องนี้แล้วเดี๋ยวปวด
หัว.."
ข้าพเจ้าดึงมือออกมา จะลงจากรถ เขาก็คว้าตัวข้าพเจ้าไป
กอดไว้แน่นอีกที
"เอ้ย ...ปล่อย เดี๋ยวใครเห็น โอ๊ย "
ข้าพเจ้าเปิดประตูกระโดดลงจากรถ โบกมือให้
เขาซึ่งเคลื่อนรถออกไป วิ่งกลับขึ้นไปที่ห้อง ดูลูกสาว
ที่นอนหลับซุกอยู่กับคนเลี้ยง...ลูบผมลูกคิดอยู่แต่ว่า
หากกลับไปบ้านคุณแม่ ลูกจะไปโรงเรียนที่ไหน ...กลับไป
ครั้งนี้คุณแม่จะคิดอะไรกับข้าพเจ้าอีกหนอ..

ชีวิตของข้าพเจ้านี้มันช่างยิ่งกว่านิยาย มันช่าง
เหมือนบททดสอบจิตใจอะไรสักอย่าง เหมือนยื่นความ
จริงมาให้ กลายเป็นความเท็จ แล้ว ก็ยื่นความฝ้นมาให้
จนดูเสมือนความจริง มันช่างดูเป็นมายา ข้าพเจ้ามี
บทเรียนชีวิตมาพอแล้ว..ไม่คิดอยากจะผูกมัดตัวเองกับ
ความรักความใคร่ของใครสักคน

ใจหวนไปคิดถึงเพื่อนชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่
ที่อเมริการัฐเดียวกับนิคกี้ ซึ่งนาน ๆ จะกลับมาเมืองไทย
ที และ ทุกครั้งที่กลับมาก็จะนัดเจอกับข้าพเจ้า หนสุดท้าย
ยังมาเล่นกีตาร์ให้ฟังและ เล่นเพลง "เย้า" ข้าพเจ้า ด้วยเพลงนี้

Desperado....

" You'd better let somebody love you...
before it's too late...."

เขามักแว้บมาหาและถามข้าพเจ้าเสมอว่า..
"คุณรักใครหรือยัง..แต่คุณไม่รักผมเลยนี่นา..
คุณน่าจะรู้จักรักใครสักคน อย่าถมตัวเองไว้กับความหลัง
สิ ทิกกี้ "

ข้าพเจ้ารู้จักว่า ความรักคือน้ำตาอันเปียกชุ่ม
หมอนทุกคืน ทุกวัน...ข้าพเจ้าไม่คิดอยากจะรักใคร ไม่
เลย..

: tiki_ทิกิ - [ 21 มี.ค. 51 04:53:31 ]




~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

บทที่ ๑๒
ฟ้าสร้างทางชีวิต...
( ต่อ )

วันอาทิตย์ผ่านไป และ วันจันทร์ก็มาถึง
ช่วงเวลาหนึ่งที่ข้าพเจ้าคุยอยู่กับลูกน้องในห้อง เสียงโทร
ศัพท์ที่โต๊ะก็ดังขึ้น เป็นธรรมดาที่จะมีใครต่อใคร
โทรฯหาตลอดวัน ไม่ลูกค้าก็เจ้านาย ไม่ก็ เพื่อนเก่า ไม่ก็
คนรู้จักอื่น ๆ
แต่ครั้งนี้ เป็นนิคกี้ ที่โทรฯ มาเพื่อจะบอกว่า
เขาวาดรูปไว้หนึ่งใบ
" รูปอะไร..." ข้าพเจ้าถามไปยิ้มไป
" รูปแซนดี้ ...คิดถึงแต่หน้าแซนดี้ "
ข้าพเจ้าฟังเขาบรรยายต่อไปถึงความรู้สึกคิดถึง
ว่า ไม่รู้เป็นไร ห่วงแต่แซนดี้ และ อยากให้ข้าพเจ้ากลับ
ไปอยู่บ้านกับคุณแม่ และว่า วันศุกร์จะมารับข้าพเจ้าที่ทำ
งาน

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตามประสาแวด
วงธุรกิจ งานหนักและยุ่งเหยิงเหมือนทุก ๆ วัน เย็นลง ก็
ต้องรีบขึ้นรถเมล์กลับที่พัก ยังดีที่คนเลี้ยงลูกข้าพเจ้าเป็น
คนขยันทำอาหาร อย่างน้อยกลับไปก็เดินผ่านซอยเข้า
ไปซื้ออาหารอย่างสองอย่าง ติดมือไปด้วย ช่วงหลัง ๆ นั้น
ตอนเย็นไม่ต้องไปรับลูกอย่างเดิม เพราะมีรถตู้ของ
โรงเรียนมาส่งที่ที่พัก และ เช้ารถตู้นั้นก็มารับมีครูและ
เด็กดูแลของโรงเรียนมาส่งให้ถึงหน้าประตูบ้าน

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ไม่เท่าไหร่ นิคกี้ ก็กลายมาเป็นคนที่โผล่มาหา
บ่อยขึ้น มาดูแลรับข้าพเจ้าไปโน่นนี่ และ เป็นคนที่
ข้าพเจ้าพาเข้าไปรับลูกที่บ้านพักผู้อำนวยการโรงเรียน
เพื่อขอลาลูกออกจากโรงเรียน เพราะข้าพเจ้าตกลงใจ
จะกลับไปอยู่บ้านคุณแม่แล้ว และ นิคกี้จะไปรับส่ง
ข้าพเจ้าเอง

ท่านผู้อำนวยการเอ่ยปากบอกเสียดายลูก
อย่างมาก แต่ก็ต้องตัดใจ ท่านดูข้าพเจ้าอุ้มลูกออกไป
โบกมือลา ท่านอาลัยมาก ลูกจะสองขวบอยู่แล้วกำลัง
น่ารัก

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เมื่อกลับไปอยู่ที่ห้องเดิมของข้าพเจ้า ที่บ้านคุณแม่..

จากนั้น ยังไม่ทันหกโมงเช้าดี นิคกี้ก็จะไปเคาะ
กระจกข้าง ห้องนอนข้าพเจ้าที่บ้านคุณแม่ ปลุกให้ตื่น
ส่วนลูกแซนดี้ก็จะไปอยู่เนิร์สเซอรี่แถวบ้านคุณแม่ พัก
หนึ่งก่อน เพื่อจะดูว่าจะอยู่โรงเรียนอนุบาลที่ไหนต่อไป
เขาขับรถขึ้นทางด่วนไปส่งข้าพเจ้าที่ทำงานจริง ๆ ตาม
ที่เขาพูดไว้ และ เย็นก็ขับไปนั่งรออยู่ที่ใต้ถุนตืกที่ถนน
คอนแวนต์ รอจนกว่าข้าพเจ้าจะเลิกประชุมลงมาที่รถ
ไปส่งข้าพเจ้าที่บ้าน แวะทักทายลูก
สวัสดีคุณแม่ แล้วก็ลากลับบ้าน ...
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ดู ๆ ก็น่าจะเป็นไปด้วยดีอย่างราบรื่น และ ก็เริ่มมี
การพูดคุยว่า จะแต่งงานกันดีไหม จะต้องทำอย่างไร
บ้าง เขาก็พูดเองว่าจะไปพาคุณพ่อคุณแม่เขามาพูดจาขอ
กับคุณแม่.. อันที่จริง คุณแม่กับข้าพเจ้าคุยกันอยู่แล้ว
" คุณแม่คะ ถ้าหนูจะแต่งงานใหม่ จะเป็นพี่
ทหารหรือนิคกี้ดีคะ "
พี่ทหารนั้นหมายถึงนายพันท่านหนึ่งที่ชอบข้าพเจ้า
มาเกือบสองปี และ เคยบ้าบิ่นมาขอข้าพเจ้ากับคุณแม่มา
แล้วด้วยซึ่งคุณแม่ก็เคยบอกเขาไปว่าไม่ขัด หากจะดูแล
ข้าพเจ้าอย่างดี
ข้าพเจ้าเคยไปให้ท่านอาจารย์ที่วัดชนะ ฯ ท่าน
ผูกดวงให้ แล้วจะไปจัดงานแต่งงานที่ สโมสรกองทัพบก
มาแล้ว แต่ ครั้นทราบว่า เขายังไม่ได้หย่ากับภรรยาเขา
อย่างที่มาบอกคุณแม่ข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าจึงยกเลิกการ
แต่งงานนั้น และไม่ยอมพูดถึงเรื่องจะแต่งงานกับ"พี่
ทหาร" อีกในเดือนสองเดือนนั้น ทั้ง ๆที่ทาง"พี่ทหาร"ก็
งอนง้อข้าพเจ้าอยู่ ว่า เขาเลิกกับภรรยาเขาแล้วจริง ๆ
แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อถือคำพูดของเขาแล้ว และข้าพเจ้าก็
ยังไม่ยอมแต่งด้วยในช่วงนั้น

จนเมื่อนิคกี้ก้าวเข้ามาในชีวิต และ แสดงเจตน์
จำนงว่าจะแต่งงานด้วย นั้นแหละ ทำให้ข้าพเจ้าต้องคิด
หนัก
คุณแม่ตอบว่า

" แม่ว่า ลูกหัวแข็ง แข็งกับแข็งอยู่กันลำบาก ลูก
คงไม่ยอมแพ้พี่เขาแน่ ๆ แต่ นิคกี้อ่อนเดือนกว่าสามเดือน
อ่อนกว่าน่าจะอยู่กับลูกได้นะ "

ข้าพเจ้าก็กำหนดในใจไว้อย่างนั้น ยิ่งเขาเข้ากับ
ลูกได้อย่างดี กับที่บ้านพี่น้องข้าพเจ้าเขาก็รู้จักกันมานาน
ใจก็เอนเอียงมาทางเขา แต่วันหนึ่งเราก็ทะเลาะกันอีก
แล้ว เขาถามว่า ข้าพเจ้ารักเขาไหม ข้าพเจ้าก็ตอบว่า
โธ่ จนอย่างนี้จะถามอะไรอีก คนอย่างข้าพเจ้าถ้าว่า
จะแต่งงานด้วย ก็คือแต่ง เขาก็โกรธที่ข้าพเจ้าไม่ตอบว่า
รักหรือไม่ ก็ผลุนผลันขับรถออกไปเลย นั้นหรือ
คือการเจรจาขอแต่งงาน ?
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:10:22:40 น.  

 
 
 
บทที่ ๑๒
ฟ้าสร้างทางชีวิต... ( ต่อ )


แต่ในที่สุด วันหนึ่งเขาก็พาคุณพ่อคุณแม่เขามา
แต่แทนที่ท่านทั้งสองจะมาพูดกับคุณแม่ว่าจะให้แต่งงาน

คุณแม่เขากลับมาพูดว่า ให้รอไปก่อน เพราะยังไม่ได้
ปลูกบ้านให้ จะต้องปลูกบ้านเสียก่อน ถึงจะแต่ง

ข้างฝ่ายคุณแม่ และ ข้าพเจ้าได้ไปถามพระ
อาจารย์ที่วัดมาแล้ว ท่านดูดวงให้แล้วบอกว่า หากไม่
แต่งงานกันในเดือนธันวาคม ปีนั้นแล้ว ไม่มีดวงจะแต่งกัน
ทางฝ่ายคุณแม่ข้าพเจ้าก็ยืนยันว่าเด็กสองคนนี้เขาฃรักกัน
เขาจะแต่งงานกัน ทางฝ่ายคุณแม่เขาก็คัดง้างว่า
หากจะแต่งงานกันจริง เขาจะไม่ออกเงินให้เลย และหาก
จะแต่งกันจริง ก็ต้องทำเงียบ ๆ ห้ามจัดงานแต่งงานใหญ่
โตไม่ให้ออกคาร์ดบอกใคร ทำนองว่าอายที่จะมีสะไภ้
อย่างข้าพเจ้า
ข้างคุณแม่ข้าพเจ้านั้น ตอนนั้นโกรธมาก จึงพูดไปว่า
ทางเราจะออกค่าแต่งงานกันทั้งหมด และ จะจัดงาน
อย่างใหญ่โตเพราะคุณพ่อคุณแม่ก็เป็นคนมีสกุลรุนชาติ
และมีตำแหน่งแห่งที่ทำงานเป็นคนมีฐานะ และลูกสาว
ท่านนั้น ก็ทำงานมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีมีสังคม มี
สมาคมที่ดี ซึ่งจะจัดงานละ และ แต่งแล้วนิคกี้ก็จะมา
อยู่ที่บ้านนี้เลย

ข้าพเจ้านั้นอ่อนใจจนไม่อยากจะแต่งกับใครทั้ง
นั้น แต่เห็นคุณแม่ท่านหวังมากอยากให้แต่ง รู้ว่าท่านผิด
หวังเรื่องข้าพเจ้าจะแต่งไม่แต่งนี้มาสองสามหนแล้ว ก็
เลย ไปปรึกษาวันเดือนปี อะไรละเอียดกับพระอาจารย์
ด้วยกันกับนิคกี้ อีกครั้ง
ซึ่งครั้งนี้ ท่านให้ฤกษ์มาว่า
ต้นเดือนธันวาคม ปี ๒๕๒๔ นั้น ฤกษ์สองโมง
เช้าให้ข้าพเจ้าไปจดทะเบียนที่อำเภอเลย แล้วไปเลี้ยง
เพลที่วัด ให้ส่งตัวเข้าหอกันกี่ทุ่มก็ว่ากันไป
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

พออีกสองสัปดาห์ถัดไป ก็เป็นฤกษ์งานเลี้ยงแต่งงาน
ข้าพเจ้าเลือกสมาคมนิสิตเก่าเป็นที่จัดงาน ก็ตกลง
กันตามนั้นและทางฝ่ายข้าพเจ้าเป็นฝ่ายจ่ายทั้งหมด - ก็
เงินเดือนก็มากกว่ากันกว่าสองเท่า และ ทางฝ่ายคุณแม่
ก็ยินดีจะจัดให้ - ใช่..เราจะเอาชนะกันแค่นั้น..!!!

: tiki_ทิกิ - [ 21 มี.ค. 51 04:54:32 ]



~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
บทที่ ๑๒
ฟ้าสร้างทางชีวิต... ( ต่อ )



ต้นเดือนธันวาคม นิคกี้มารับแต่เช้ามืด เราขับรถ
ไปอำเภอปากเกร็ดกันสองคน และ จดทะเบียน คุณแม่
เขาเคยสั่งนิคกี้ไว้ก่อนหน้าว่า หากจะไปจดทะเบียนกันนั้น
(อย่างหยามหมิ่นข้าพเจ้าเป็นอันมาก) ..ให้นิคกี้ระบุว่ามี
สินทรัพย์ส่วนตัวเป็นอะไรบ้าง เพราะเกรงว่าข้าพเจ้านั้นจะ
ไปยึดทรัพย์สินอะไรของเขาในภายหลัง)

จำได้ว่า เขาบอกว่า พ่อแม่ไม่รู้ว่าเขาจะไปจด
ทะเบียนกันวันนั้น พอได้ยินคำเช่นนั้น ก็ มองเขาอย่าง
วัดใจกันเลย
ข้าพเจ้านั้น พูดไว้แล้ว อย่างจะเอาชนะว่า หาก
เขาทำตามที่คุณแม่เขาระบุไว้ ข้าพเจ้าจะบอกเหมือนกัน
กับทางการว่า ข้าพเจ้ามีหนี้สินอยู่ห้าแสน และ มีสินทรัพย์
คือ เครื่องประดับส่วนตัวอีกสักหีบหนึ่ง ซึ่งบอกมูลค่าไม่ได้
น่าจะเยอะอยู่ ทั้งมีที่ดินเหมือนกัน

แต่โชคดีที่นิคกี้ไม่ทำตามคุณแม่เขาสั่ง . มิฉะนั้น
วันนั้นมันคงเป็นศึกย่อย ๆ เอาทีเดียว

เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ระบุทรัพย์สินให้เป็นการ
กินแหนงแคลงใจอีกฝ่ายกันแล้ว เช้านั้นข้าพเจ้าจึงเปลี่ยน
นามสกุลไปใช้นามสกุลของ นิคกี้เป็นครั้งแรก ด้วยใจ
ก็เสียดายนามสกุลของตัวเองเป็นยิ่งนักแต่ก็เริ่มรู้สึกสบาย
ใจ ที่เขาไม่ได้ เถรตรงเชื่อแม่เป็นบ้าเป็นหลัง จนจะทำ
อะไรที่อาจจะทำให้เราไข้ขึ้นในวันฤกษ์ดีที่สุดของปี
อย่างที่อาจารย์ท่านดูฤกษ์ให้ไว้

จากนั้น เราทั้งสองก็กลับไปดู คุณพ่อคุณแม่
ของข้าพเจ้าซึ่งท่านว่าจะไปรับ คุณย่าคุณยาย ท่านไป
พรั่งพร้อมหน้าเพื่อจะไปจัดงานทำบุญเลี้ยงเพลกันอย่าง
ง่าย ๆ กันที่วัด โดยที่คุณพ่อคุณแม่เขาไปนั่งหน้าตูมดู
โมโหโกรธา ในขณะที่ญาติข้าพเจ้านั่งยิ้มแย้มดีใจที่หลาน
สาวมีความสุข นึกดูเป็นภาพที่น่าขำ
ข้าพเจ้าให้ลูกน้องซึ่งเป็นตากล้องเก่งมากมา
ช่วยถ่ายภาพให้ทั้งหมดในงาน ภาพในวันนั้นเป็นภาพที่
เป็นธรรมชาติน่ารักดี พระอาจารย์ท่านสวมมงคลให้เรา
ทั้งคู่ และ สวดมนต์ให้เราแต่เพียงองค์เดียว หลังเพล
แล้ว ญาติพี่น้องร่วมรับประทานอาหารที่วัดนั้นเลย

เมื่องานที่วัดฯ เสร็จสิ้นลง ต่างฝ่ายก็ต่าง
ลากลับบ้าน ข้าพเจ้าก็ไปเรื่อง คาร์ด เรื่องเสื้อผ้า งานแต่ง
งานที่จะจัดในอีกสิบสี่วันข้างหน้า ต่อ ไปจนเย็น มองดู
นิคกี้ ซึ่งบัดนั้น ยิ้มแฉ่งเบิกบานใจ สีหน้าเขามีความ
สุขอย่างเห็นชัด แม้จะดูมีความกังวลลึก ๆในใจ

พอกลางคืน พี่ชายและพี่สะไภ้ที่เคารพรักของ
ข้าพเจ้าก็มาทำพิธีนอนบนเตียง โรยดอกกุหลาบ ใบเงิน
ใบทอง แล้วก็ทำพิธีส่งตัว เราทั้งสองเข้าไปนอนที่
ห้อง ส่วนแซนดี้ลูกสาว นั้น คุณแม่ของข้าพเจ้าพาย้าย
ไปนอนกับคุณแม่เป็นการชั่วคราว

ครั้นเวลาตีห้ามาถึง เสียงกริ่งโทรศัพท์หัวเตียง
ก็ดังขึ้น.. ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นด้วยความฉงนว่าใครนะที่โทรฯ
ไปแต่ดึกอย่างนั้น เสียงห้วน ๆ แหบ ๆ ที่ส่งมาเพื่อเรียก
หานิคกี้รับสายนั้นคือ คุณแม่ของเขา. ..เช้าคืนวันแต่งงาน
ของเรา ท่านสั่งให้เขากลับบ้านด่วนเพื่อจะไปรับท่านไป
ตลาด !! เจ้าบ่าวหมาด ๆ ของข้าพเจ้า รีบขับรถออกไป
ดูแลคุณแม่ของเขาทันควัน.. ไม่ทราบว่าท่านกับเขาไป
ตกลงอะไรกัน..แต่เจ้าสาวอย่างข้าพเจ้า แทบจะร้องไห้ใน
เช้านั้น เพราะเจ้าบ่าวหายตัวไปทั้งเช้า ทั้งบ่าย กลับมา
ด้วยความวุ่นวายใจ ส่งเสียงดังเพื่อ ตัดพ้อที่ข้าพเจ้าไม่
เข้าใจเขา และวันรุ่งขึ้นวันอาทิตย์อีกวัน ท่านก็เรียก
ไปอีก ทำเหมือนให้ข้าพเจ้าปั่นป่วนเล่นอย่างนั้น !

เช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ คราวนี้ นิคกี้มาอยู่ที่บ้าน
แล้ว เขาก็ยังต้องปรับตัวอยู่ ส่วนข้าพเจ้าก็วุ่นกับการไป
ลดความอ้วนที่เวิร์ลด์คลับ ราชประสงค์ เดี๋ยววันงานเลี้ยง
ฉลองจะไม่งามและยุ่งกับชุดเสื้อผ้า ดูลองเสื้อ ดูเครื่อง
ประดับ สั่งการเรื่องของชำร่วย สติ๊กเกอร์ เรื่อง พาน
อุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในงานเลี้ยง ฯลฯ ทั้งหมด

ทั้งสัปดาห์เศษ ๆที่เหลือ เราสองคนนำ
การ์ดไปให้ท่านผู้ใหญ่ และ บริษัท ต่างๆที่ข้าพเจ้าไปทำ
งานด้วย ข้างฝ่าย ผู้ใหญ่ที่ท่านหนึ่งที่ทำงาน หนังสือ
พิมพ์ภาษาไทย ซึ่งข้าพเจ้าเคยไปฝึกงานด้วย ก็ลงข่าว
แต่งงานให้ไว้ในกรอบหน้าสังคม พอถึงวันงานเพื่อนๆ
ของเขาถึงกล่าวกันถึงข้าพเจ้าว่า "ดังไม่เบาเหมือนกัน"
ข้าพเจ้าก็อยากจะให้ทั้งประเทศรู้มากกว่านั้นด้วย
นึกแล้วยังขำไม่หาย เลยแจกการ์ดร่อนไปสนุกสนาน
มาก อย่างคำพังเพยที่ว่า ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ ใครอยากให้
ข้าพเจ้าทำอะไร ก็ลองมาห้าม ๆ แล้วจะทำเพื่อเอาชนะ
สำเร็จจนได้ ไม่ลืมแจกเพื่อนก๊วนมหาวิทยาลัยที่ข้าพเจ้า
อยากเข้าไปเรียนนัก ซึ่งเป็นเพื่อน ของพ่อของลูกแซนดี้
ด้วย
ไม่ลืมแจกพวกหนุ่ม ๆ ที่เคยคลั่งข้าพเจ้านักหนา
รวมทั้งที่คิดจะแต่ง และไม่คิดจะแต่งงานทั้งหลายทั้งปวง



บทที่ ๑๒
ฟ้าสร้างทางชีวิต... ( ต่อ )


ครั้นถึงวันงานแต่ง.. ข้าพเจ้านั้น ก็ทำผมอย่าง
งาม ติดช่อดอกไม้ไล่ลงมา ชุดผ้าฟิลิปปินส์สีขาวนวลปัก
ดอกไม้สีฟ้าเปิดไหล่ด้านหนึ่ง ยาวคลุมเข่า สวมถุงน่องสี
ขาว รองเท้าส้นสูงสีขาว ทาเล็บสีแดงแปร๊ด แต่งหน้า
เข้มเพื่อถ่ายรูป
เรียกว่าอะไรที่เรียกว่าเดิ้ร์นๆ ทั้งหลายละมา
รวมที่ตัวข้าพเจ้าในวันนั้นให้สาสมใจ

โฆษกในงานเป็นนักพูดในรุ่นเรียนวิชาวิทยุ
โทรทัศน์ที่กรมประชาสัมพันธ์รุ่นเดียวกับข้าพเจ้า
ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยงดงาม
เรื่องดนตรี ลูกน้องในห้องคนเดิมไปหามาให้เป็นกีตาร์
คลาสสิคชิ้นเดียว ส่วนตากล้องเขาก็หาตากล้องมือโปรฯ
มาให้ข้าพเจ้าหนึ่งคน
ของชำร่วยข้าพเจ้าเป็นคนไปเลือกเซรามิคส์
จากคิดส์เซรามิค ซึ่งเป็นเจ้านายแผนกสร้างสรรค์บริษัท
เก่าที่เพลินจิต แถมเครื่องดื่ม พันช์ ก็ได้มือกิตติมศักดิ์
อย่างคุณลุงท่านหนึ่งซึ่งเป็๋นก๊วนกอล์ฟคุณพ่อมาจัดปรุง
เองให้ ่ข้าพเจ้านั้น นับเป็น "หลานรักพิเศษ " ของคุณลุง
คุณป้าในกรม ฯ ทั้งหลายเพราะเห็นกันมาแต่เล็ก แต่เกิด
กันมาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่

ดังนั้น ในงานนั้น ก็เหมือนการ รวมรุ่นครอบ
ครัวในกรมฯของคุณพ่อไปโดยปริยาย แถมด้วย เพื่อนร่วม
มหาวิทยาลัย และ โรงเรียนเก่าข้าพเจ้าอีกหลายคน แถม
ด้วย พนักงานบริษัทโฆษณาเก่าของข้าพเจ้าสามสี่บริษัท
รวมไปถึงลูกค้าของบริษัทระดับผู้อำนวยการ
แผนกมาร์เก็ตติ้งหลายตำแหน่ง เหล่าบริหารอาวุโสทั้ง
หลายผู้ได้รับเชิญ ท่านก็มากันทั้งนั้น มีบางท่านรุ่นน้อง
สาวคนสนิทคนดังเคยเป็น ครีเอทีฟว์บริษัทเก่าที่ถนน
เพชรบุรีตัดใหม่ แต่ย้ายไปทำงานกับเจ้าสัวบริษัทแผ่น
เสียงชื่อดังเมืองนอกเมืองนาที่มาตั้งในเมืองไทย ก็มา
พร้อมเพื่อนฝูงเป็นฝูง ไหนจะญาติของทั้งสองฝ่าย ก็มา
กันท่วมท้น

พลังในงานเลี้ยงคืนนั้น ส่งผลให้คุณพ่อของ
เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ออกไปจูงมือเต้นระบำในงานเลี้ยง
กัน เพราะดื่มกันได้ที่ ที่รู้สึกโกรธ ๆ เคือง ๆ เพราะฝ่าย
คุณแม่ขวางหูขวางตากัน ก็คลายไป ต่างได้หน้าได้ตากัน
ไป

จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 21 มี.ค. 51 04:55:52 ]
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
บทที่ ๑๒
ฟ้าสร้างทางชีวิต... ( ต่อ )


ข้างฝ่าย เพื่อนเก่าอย่างก๊วนเที่ยวเล่นยามดึก
ของข้าพเจ้า ที่ส่งการ์ดเชิญไว้ ก็แห่กันมาเป็นฝูงเหมือน
กัน มาแซวข้าพเจ้าว่า
"ลูกแซนดี้ไม่มางานด้วยเหรอ " ทำเอา
ข้าพเจ้ายิ้มจนอดหัวเราะไม่ได้ ตอบว่า
"เก็บไปบ้านไว้ก่อน " เรียกเสียงฮาครืน
พวกหนุ่ม ๆที่เคยควงเที่ยวเล่นกันก็มากันมากนัก
กระทบไหล่กัน มองตากันหลิ่วตาให้กัน บางคนมาบอก
ว่า
"ทิกิ ฉันเสียดายเธอจริงๆ "
งานแต่งงานของข้าพเจ้าถือว่าเป็นงานพลิกล็อค
อย่างน่าอัศจรรย์ ก็ด้วยความเด็ดเดี่ยวของคุณแม่และ
ข้าพเจ้าที่อยากจะบอกใครบางคนให้เห็น ' ศักดิ์ศรีของลูก
ผู้หญิงคนหนึ่ง และ บารมีทางฝ่ายเรา' ที่สร้างสมไว้
เพราะญาตินายพลนายพันทั้งหลายของคุณพ่อคุณแม่
ข้าพเจ้าได้มานั่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในโต๊ะทั้งนั้น

และคนที่เคยประกาศไว้ว่า จะจัดงานก็ไม่
ให้ออกการ์ดข้าพเจ้าก็ถือว่าท่านไม่อยากได้การ์ดไปแจก
ญาติท่าน ข้าพเจ้าก็เขียนการ์ดในทำนองนี้ว่า

นางสาว น้ำมนต์...(นามสกุล ).. และ นาย นิคกี้
(นามสกุล)
ขอเรียนเชิญท่านมาเป็นเกียรติในงานเลี้ยงฉลอง
พิธีมงคลสมรส.....

ไม่มีชื่อพ่อชื่อแม่ทั้งสองฝ่ายค่ะ .
..ซึ่งคุณลุงท่านนายพลของข้าพเจ้าท่านบ่นฝากมาว่า
" ดูมันทำ คาร์ดมันไม่มีพ่อไม่มีแม่ "
แต่ช่างมันเถิด ข้าพเจ้าถือว่าท่านมีสิทธิ์จะบ่น จะ
ว่า ก็มัน อย่างนั้นจริง ๆ !!

หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้น พวกเราก็ ขนกล่องของ
ขวัญ กันเป็นขบวน คุณแม่นั้นรับซองหน้าบานกระเป๋าตุง
กันไปเลย เฉพาะลูกค้าอันดับใหญ่ ๆ ของข้าพเจ้าก็มากัน
ครบถ้วน งานนี้เราทำสำเร็จจนกระทั่งคนที่คิดว่า จะเสีย
หน้าอย่างคุณแม่ของเจ้าบ่าว ถึงแก่เชิญญาติสนิทไปที่
บ้านท่าน ท่านลงไปทำข้าวต้มหม้อใหญ่ออกมาเลี้ยง
และ ขอให้ข้าพเจ้าและคุณสามี นอนที่บ้านที่ห้องเดิมของ
เขาที่เขาเคยนอนบ้าง แทนที่เคยนอนบ้านคุณแม่ตัวเอง


คุณพ่อสามี พูดออกมาว่า
"วันนี้ ยอมรับแล้วว่าเป็นลูกสะไภ้ งานคราวก่อนยังไม่รับ "
ท่านพูดตรงดี ข้าพเจ้ายิ้ม เด็กที่บ้านคุณแม่เขา
ที่โผล่หน้ามาแอบดู ต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นคุณสะไภ้ตัวจริง
ของบ้าน..
ด่านนี้ข้าพเจ้าตีแตกไปอีกด่านแล้ว..

แต่ยังไม่รู้ว่า จะมีด่านอะไรรออยู่เบื้องหน้าต่อไป !!

: tiki_ทิกิ - [ 21 มี.ค. 51 04:57:13 ]

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



เชิญตอบข้อความได้ที่นี่ค่ะ

https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=28-03-2008&group=7&gblog=6


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:13:45:15 น.  

 
 
 

บทที่ผ่านมา
(ภาคหนึ่ง บทที่ ๑-๘ )
//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html

(ภาคสอง บทที่ ๙-๑๑ )//topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6439185/W6439185.html

( ภาคสาม.บทที่๑๒.)https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=28-03-2008&group=7&gblog=5

บทที่ ๑๓ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=02-04-2008&group=7&gblog=7

บทที่ ๑๔https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=03-04-2008&group=7&gblog=8

บทที่ ๑๕ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6460129/W6460129.html

บทที่ ๑๖ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/04/W6486792/W6486792.html

บทที่ ๑๗ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/04/W6495102/W6495102.html

บทที่ ๑๘ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6509777/W6509777.html
บทที่ ๑๙ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6524946/W6524946.html
ภาค ๕ บทที่ ๒๐-๒๑ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6540441/W6540441.html
บทที่ ๒๒ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6548246/W6548246.html
บทที่ ๒๓ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6562601/W6562601.html
บทที่ ๒๔ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6571757/W6571757.html
บทที่ ๒๕ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6576289/W6576289.html
บทที่ ๒๖ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6588356/W6588356.html
บทที่ ๒๗ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6593699/W6593699.html
บทที่ ๒๘ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6604614/W6604614.html
บทที่ ๒๙ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6604614/W6604614.html#18
บทที่ ๓๐ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6615598/W6615598.html

ภาคเจ็ด บทที่ ๓๑ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html
บท ๓๒ //www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6633661/W6633661.html
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:11:40:42 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com