ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
♡ ♡ ที่ดินผืนนั้น บทที่ ๓๙. ♡♡ ผ่าทางตัน

ที่ดินผืนนั้น บทที่ผ่านไป
(ภาคหนึ่ง) บท๑-๘ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html
บทที่ ๓๘
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6746820/W6746820.html

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค แปด
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

♡ ♡ ที่ดินผืนนั้น บทที่ ๓๙. ♡♡ ผ่าทางตัน

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%



Create Date : 01 กรกฎาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 18:09:40 น. 13 comments
Counter : 360 Pageviews.  
 
 
 
 
บทที่ ๓๙
ผ่าทางตัน ...

หรือเธอจะฝ่ากำแพง ?



บางบทตอนของชีวิต ซึ่งข้าพเจ้าทำอะไรลงไป
ขอเรียนท่านผู้อ่านที่เคารพรักไว้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้โหดหนัก
หนาสาหัสอะไรสักเท่าไหร่กับคุณสามีอย่างนิคกี้

คนเรานั้นหากต้อนเหยื่อไปจนสุดมุมกำแพง
แล้ว คงจะไม่ยอมให้เหยื่อซึ่งจนตรอกนั้นหันกลับมาแว้งกัด
เอาจมเขี้ยวเป็นแน่แท้

แต่ที่จริงแล้ว ตัวข้าพเจ้านั่นแหละ ซึ่งถูกไล่ต้อน
จนสุดกำแพงจนมิอาจจะกลับตัว ทุบกำแพงสูง หรือ โดด
ข้ามมันออกไป จะปล่อยให้ตัวเองบี้แบน เป็นสัญลักษณ์
ประจำสุสานแห่งผู้แพ้เห็นทีจะไม่ใช่ ดังนั้นทางเลือกของ
ข้าพเจ้า คือหันมาขย้ำคอไอ้คนไล่นั้นให้จมเขี้ยว ฝังไว้ในใจ
ให้สยองขวัญเข็ดเขี้ยวจนตาย

แล้วเมื่อสถานะการณ์ได้ สลับกลับกันไป กลายเป็น
ข้าพเจ้านั่นแหละ ผู้หันไปต้อนเขาไปจนมุมกำแพงเองแล้ว
เขาจะทำฉันใดดี ? ข้าพเจ้าคงไม่โง่พอจะเฆี่ยนตีเหยื่อให้
ตายอย่างน่าสมเพช ดังที่เขาทำกับข้าพเจ้าดอก อย่างน้อย
บทเรียนที่เขาจะได้รับ และ จะต้อง รับบทบาทที่ถูกยัดเยียด
ให้ตามบทที่ข้าพเจ้าวางไว้ให้มันรออยู่ตรงหน้าแล้ว !!

ข้าพเจ้าเข้าไปโอบบ่า นิคกี้ ซึ่งยืนอยู่ ณ ระเบียง
คอนโดของข้าพเจ้า ซึ่งหันไปมองกว้างไกลได้ด้วย
สายตาระดับพาโนรามา จากทิศเหนือ สู่ทิศตะวันออกและทิศ
ใต้ ได้ถ้วนทั่ว ไม่ต้องกังขาดอกว่า สายตาเขากำลังมองไป
ทางทิศที่ "ห้องชุดของเทพธิดาอ๊อสซี่" นั้น ตั้งอยู่

พอกันทีไอ้ความหึง หวง อะไร มันไม่ใช่ ข้าพเจ้า
กำลังยืนอยู่เหนืออารมณ์ขม้ำเหยื่อ กำลังเปลี่ยนเป็น พระ
เจ้าแห่งจักรวาลผู้กำลังอ้าแขนให้ลูกแกะโชกเลือดนั้นเข้ามา
ซบหน้าลงบนตัก เจ้าลูกแกะน้อย ๆ ผู้ขณะนี้ ไม่มีโอกาสจะ
เอาเขาขวิดข้าพเจ้าอีกแล้ว บทเรียนหนักหนาสาหัส เปิด
ทางให้แค่บทบาทเดียว

การเลี้ยงดูอบรมของพ่อแม่นั้น มันฝังเข้าไป
ในจิตวิญญาณของลูก
ในขณะที่ คุณแม่ข้าพเจ้านั้น ถึงจะดุด่าว่ากล่าว
เกรี้ยวกราดตีข้าพเจ้าจนเจ็บเนื้อมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ได้
ฝัง ความซื่อสัตย์ในวิญญาณให้ข้าพเจ้าอย่างลึกซึ้ง แม่สอน
ว่า การพูดคำสัตย์และคำจริง เป็นเสมือนศักดิ์ศรีของผู้มี
เกียรติ การยอมรับความผิด การขอโทษ การขออภัย เป็น
สิ่งที่ "อัศวิน" นั้นต้องกระทำ ถึงแม้นิสัยถาวรของข้าพเจ้านั้น
มันจะไม่มีวันค้อมหัวให้ใครง่าย ๆ แต่สิ่งที่แม่ฝังลึกไว้ในหัวใจ
คือ ต้องคุกเข่าลงยอมรับอาญาโทษหากทำผิด ต้อง
รับผิด

ทว่าในระยะเกือบยี่สิบปีที่ข้าพเจ้ารู้จักนิคกี้
และ ครอบครัวเขามา เห็นวิธี เลี้ยงลูก แบบ "ตบกระดาน" ที่
เขาเลี้ยงมา มันยากที่จะขุดสันดอนของเขาขึ้นมาเรียง
ระเบียบใหม่ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกชนิดที่ลูกล้มเมื่อไหร่ ตบ
กระดานว่า "กระดานนี่มันผิด" ลูกอึเรี่ยราดเมื่อไหร่ชี้ร่องว่า
"ร่องมันเจือกมาอยู่ทำไม " เรียกว่า " ขี้ราดโทษร่อง"
นั้น มันล้วนแต่เป็นสัญลักษณ์ของไอ้ขี้ขลาดตาขาว ไอ้คน
ที่คอยหลบอยู่หลังผ้าถุงแม่ คนที่มันไม่เคยยืดคอขึ้นรับคม
ดาบอาญาใครทั้งนั้น !

ทางที่ข้าพเจ้าเปิดไว้ให้ มันรออยู่ตรงหน้า นั่นคือ
ยัดเยียดข้อหาทั้งหมด ให้เพื่อนเขาไปเสีย ให้ "ไอ้โบ๊ท"
มันรับบาปเต็ม ๆ ข้อหาหลบเมียตัวเอง เอากิ๊กตัวเองมาใส่
ความให้เพื่อนฝูงในสังคมเป็นแพะรับบาป หลบเลี่ยงให้
สังคมมองกลายเป็นว่า สามีข้าพเจ้าไปมั่วกับกิ๊กมันเอง เพื่อ
หลบเมีย ช่างเป็นทางสุดท้ายที่เขาต้องมาสยบอยู่ในอ้อม
แขนพระเจ้าของข้าพเจ้า
บัดนี้เขาจะ ไปติดต่ออ้อล้อกับหล่อนเห็นทีจะลำบาก
เสียแล้ว...จะไปเป็นแพะรับบาปให้เพื่อนเลว ๆ นั้นต่อไปหรือ ?

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:19:55 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๙
ผ่าทางตัน ...

(ต่อ ๑ )


" แม่เข้าใจพ่อ "

ข้าพเจ้าพูดกับเขาเบา ๆ ราวกับเห็นใจเสีย
เต็มประดา ก็ในเมื่อเรื่องมันจะต้องจบลงอย่างนี้ ก็ให้มันจบ
ลงอย่างนี้ แต่มันจะระเบิดใหม่อีกหรือไม่ก็สุดแท้แต่วาระ
อารมณ์ไต้ฝุ่นของข้าพเจ้าจะก่อตัวหวนกลับมาใหม่หรือไม่
เท่านั้น

" เลิกคบไอ้เพื่อนกำมะลอ อย่างนี้เสียทีเถิด มันเอา
กิ๊กมันไปปล่อยไว้ที่เชียงใหม่ ใคร ๆ ก็รู้ นี่มันกลัวเมียจน
ขี้ขึ้นสมอง โยนบาปมาให้นิคขนาดกลายเป็นชู้ไปได้ พ่อก็
ต้องหยุดเสียที ไม่งั้นครอบครัวเราก็จะอับปางไปเหมือน
เพื่อนที่เชียงใหม่ เอาเถอะ เมื่อความมันเปิดออกมาหมด
แล้ว เราก็หยุดเรื่องร้าย ๆ นี้ไว้ หันมาทำชีวิตเราให้ดีเถิด
นะ "

ข้าพเจ้าเขียนบทนี้ให้เขาเล่นซะ ให้ยอมรับมัน
อย่างง่ายดาย ช่างง่ายที่เขาจะฟอกตัวให้ขาวบริสุทธิ์ราวกับ
ไม่เคยแปดเปื้อนเนื้อหนังมังสา "อีหมวย" อย่างที่คุณจอห์น
เรียก มาแต่แรก

วิธีที่จะรับมือกับผู้ถูกกล่าวหานั้น ก็คือยอมรับ
ว่าเขาคือผ้าขาวอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ผู้จิตวิญญาณราวเด็กเล็ก
ซุกซนอันแสนน่ารักและใสสะอาด
นั่นเป็นทางเดียว ในหนทางน่าเศร้าของชีวิตคน
เรา ที่จะต้องยอมรับว่าตนเองน่าจะเป็น แม่ หรือ ป้า หรือ
ยาย ของเขาเสียให้สิ้นเรื่อง ที่จะต้องยอมรับไอ้คนที่ชอบ
แอบปีนหน้าต่างโดดหลังคาลงไปเที่ยวตลาด กลับมาดึกดื่น
เพื่อจะตื่นเต้นที่จะโดน ยาย คอยถือไม้เรียวไว้ตี ไว้ฟาด
หลัง นั่นแหละ เขา ! นิคกี้ !

แต่ทำนองกลับกัน หากข้าพเจ้าต้องเดินทาง
ไปอังกฤษ ต้องเป็นไปตามวิบากแห่งดวงดาวของข้าพเจ้า
เอง

ข้าพเจ้ารึก็มิใช่ลูกคุณหญิงไฮโซอะไร จะได้
ไปหาหนุ่มอื่นร่ำรวยล้นฟ้ามาเป็นเขย ตีข่าวกระฉ่อนไปทั่ว
วงการให้ชาวบ้านชาวช่องลือลั่นว่าบุญมาวาสนาส่ง ทิ้งไอ๊
กร๊วกอะไรที่อยู่ด้วยกันไปเสวยอำนาสวาสนาบุญญาธิการ
สูง มันมิใช่เช่นนั้น

สังคมของข้าพเจ้า จะมีใครไหม ที่จะวางมือลง
มาบนศีรษะของข้าพเจ้า แล้วพูดอย่างเมตตาว่า

" เธอไม่ได้ผิดดอกนะ แต่เธอพลาด พ่อให้อภัย"

ไม่มีดอกท่าน ! ข้าพเจ้าคงจะสิ้นไร้ศักดิ์ศรี
และวิญญาณของตนไปตลอดชาติ และคงเป็นผู้พ่ายแพ้แก่
ชะตาชีวิต ที่ทุกคนจะหันมาเย้ยเยาะ ถากถาง กระทืบซ้ำให้
จมผืนแผ่นดินไปเท่านั้น


ข้าพเจ้าปล่อยให้ชีวิตช่วงนั้น ดำเนินมาอีกไม่
เท่าไหร่ ดูสิงโตหัวพองซึ่งค่อย ๆ หายไปกลายเป็นลูกแกะ
เชื่อง ๆ ได้สักพัก ก็มีวันที่เราทั้งสองจะต้องพบเหตุการณ์
วิบัติทางเศรษฐกิจกันอีกครั้ง


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~


ถึงแม้ว่าเราจะต้องมี สัญญาสงบศึก เพราะนิคกี้
กำลังตกที่นั่งลำบากกับงานที่ทำอย่างที่ว่า คนเราไม่ซื่อกับคู่
ตัวเอง ผลมันจะเกิดกับ หน้าที่การงาน การเงิน

หุ้นส่วนทำอะไรแปลก ๆ หลายอย่าง ในการ
แยกไปซื้อโรงงานเพิ่ม แต่ข้าพเจ้าโต้แย้งไม่ให้เขาไปซื้อ
เราเริ่มแยกตัวออกห่าง จากบริษัทฯ ของเขา ถึงเวลาที่
นิคกี้ และ ข้าพเจ้า ถูกบีบบังคับให้เลิกทำงานกับหุ้นส่วนเดิม
และ กับบริษัทฯ ของเขา ข้าพเจ้าก็เสนอว่า ไปนั่งทำงานที่
คอนโดก็ได้ เพราะตอนนั้นไม่มีใครจะไปอยู่

ลูกสาวเรียนมหาวิทยาลัย จนถึงปีหนึ่งกำลังขึ้นปี
สอง ลูกชาย เรียนมัธยมปลายใกล้จะจบ ตัวเขาต้องเลือก
เอา จะทู่ซี้อยู่บริษัท ฯ เดิมต่อไป หรือจะต่อสู้ใหม่ ในที่สุด
เขาก็ตัดสินใจ ย้ายข้าวของมาคอนโด บอกเลิกสัญญาหุ้น
ส่วนบริษัท ฯ เก่าไป ข้าพเจ้าก็จัดการตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด
ให้เขาหนึ่งห้าง ฯ เพื่อรองรับลูกค้าที่ยังตามนิคกี้มา เพื่อให้
ดำเนินงานตกแต่งอาคารของเขาต่อไป


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~



วันที่กำลังเปลี่ยนแปลงกันนั้น ข้าพเจ้าก็ยัง
เจ็บไม่รู้หายอยู่ ระหว่างนั้น ข้าพเจ้าต้องไปขอน้ำมนต์ใน
บาตรพระสงฆ์ที่ทำพิธีแก้ คุณไสย ที่เขาโดนของทั้งหลายมา
ตัวข้าพเจ้าเอง ก็ต้องไปขอยาหม้อมาต้มกินด้วยเช่นกัน

วันหนึ่ง เขากับข้าพเจ้าจะได้พูดผิดหู อะไรกัน
ขึ้นขณะลูกอยู่ที่คอนโด ทั้งคู่ คุณ สามีข้าพเจ้า ก็วิ่งออกไป
ที่ระเบียง ได้ยินเสียงลูก ล้งเล้ง ตะโกนเรียก
"พ่ออย่า พ่อ "
กันโหวกเหวกลั่นไปหมด ข้าพเจ้าก้าวไปห้องใน
ไปดู ก็เห็นลูกสองคนกำลังยึดเหนี่ยวพ่อเขาไว้เป็นการใหญ่
ตรงริมระเบียง

" พ่อ จะโดดตึกแล้วนะแม่ "
ลูกชาย และ ลูกสาว ดึงแขนพ่อกลับมา ลูกสาวส่ง
เสียงอย่างเหนื่อยหน่ายหัวใจ

ข้าพเจ้าเดินกรายมองหน้าเขา สายตาอันเยียบ
เย็น อย่างโหดร้ายของข้าพเจ้ามองลึกไปในลูกตา นั้น ดึงเขา
เข้ามาหน้าพระพุทธรูป ให้เขานั่งลง ข้าพเจ้ารู้ดีว่า คนอย่าง
เขาคงไม่โดดตึกตายง่าย ๆ ดอก ข้าพเจ้าพูดกับเขาเบา ๆ ว่า

" จะตายทั้งที ทำไมเลือกตายน่าธุเรศนักเล่า ? "

ดูตาเขาสิ ตาไร้สามัญสำนึกอย่างนั้น อะไรที่มัน
กำลังจะทวงชีวิตเขาไปด้วย ไอ้เจ้ากรรมนายเวรตัวไหน
กัน? ไอ้ผีร้ายตัวไหนที่มันเข้าสิงเขาอยู่ ?
เงียบ ... เขาไม่พูดอะไร

" ตกตึกตาย ต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ตัวแหลก หัว
แบะ เลือดไหล สมองไหล น่าธุเรศมั้ย ? ใครที่เขารู้จักพ่อ
เขาต้องเห็นภาพธุเรศของพ่ออย่างนั้นหรือ ?

ขณะ ข้าพเจ้ากำลังบันทึกอยู่นี้ แม้นจะสะใจ จะ
จะธุเรศ สมเพช จะนึกขำเครียด ๆ อย่างว่าก็มี แต่ที่แน่ ๆ
ข้าพเจ้ามันเลือดเย็น เพราะ ตอนนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้สงสาร
เขาเลยสักนิด คิดแต่สมเพช เวทนา รู้ว่าไม่มีทางที่ความ
รู้สึกรักใคร่เทิดทูนบูชามันจะย้อนกลับมาเพื่อเขาอีกแล้ว มัน
มีแต่ว่า ขณะที่กำลังเป็นอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่เพื่อลูก ซึ่งยัง
เรียนไม่จบแล้ว ถ้าข้าพเจ้าไม่ทิ้งเขาไปไกล ๆ
ก็คงเชิญให้เขาทิ้งข้าพเจ้าไปเลยถึงจะสาสมใจ

(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:30:51 น.  

 
 
 


บทที่ ๓๙
ผ่าทางตัน ...

(ต่อ ๒ )

ช่วงก่อนหน้าที่จะแยกตัวออกจากบริษัท ฯ เขา
นั้น ข้าพเจ้าได้ช่วยหาลูกค้าคือญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของ
ข้าพเจ้าเข้าไปให้ที่บริษัท ฯ เก่าเขาด้วย การเข้าไปที่บริษัท ฯ
เขาถี่ขึ้น ข้าพเจ้าจึงมีโอกาส รื้อใบรับรองผู้ถือหุ้น
หนังสือบริคณห์สนธิ รวมเอกสารทั้งหมดมาดู เพราะข้าพเจ้า
เคยประท้วงสามีมาแต่แรกว่าไม่ให้ซื้อตึกที่ทำการที่อยู่ตรง
นั้น อย่างหนึ่ง และ อีกอย่างหนึ่ง คือ ข้าพเจ้าก็ไม่เคยแสดง
เจตนาว่าให้ซื้อโรงงาน

เอกสารเหล่านั้น ได้แสดงข้าพเจ้าและ ภรรยา
หุ้นส่วนอีกสองคนเป็นผู้ถือหุ้นร่วมในบริษัท ฯ เดิม ซึ่งแยก
ออกไปซื้อโรงงาน แต่ใน บริษัทฯ ใหม่ ซึ่งมีหุ้นส่วนใหม่มา
เข้าหุ้นถึง ๔๙ % นั้น ข้าพเจ้ามองเห็นอัตราส่วน ของบริษัทฯ
เก่าซึ่งมาเป็นหุ้นรองที่นี่ โดยมี ชื่อ นิคกี้ เป็นผู้ถือหุ้น คนละ
หนึ่งหุ้น เหมือนหุ้นส่วนอีกสองคนก่อนหน้า

แต่ที่ทำให้ข้าพเจ้าตกตะลึงพรึงเพริด นั่นคือ
สัญญาค้ำประกันตึกที่ทำการบริษัท ฯ เขา กับธนาคารชั้นนำ
แห่งหนึ่ง ณ ถนนสาธร คือ สัญญาที่บอกว่า นิคกี้เป็นผู้ทำ
สัญญาค้ำประกันเงินกู้ บริษัท ฯ เกือบสามล้านบาท ณ ตึกที่
ทำการนี้ และร่วมทำสัญญาค้ำประกันเงินกู้ ให้ โรงงานที่ซื้อ
ใหม่นั้นอีก นอกจากนั้น ข้าพเจ้า ยัง พบ การ"พยายามเซ็น
ลายเซ็น" ให้เหมือนลายเซ็นข้าพเจ้าอยู่ในซองเอกสาร
"คู่ครองยินยอมให้ทำนิติกรรม" นั้นด้วย

ข้าพเจ้าเก็บทุกอย่างนั้นมาหมด นำมาครุ่น
คิด ถึงเหตุการณ์ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น อันมีตั้งแต่
บริษัท ฯ อ้างว่า ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนมาปีกว่า นิคกี้ ต้อง
หาเงินใช้จากเงินที่เก็บจากลูกค้าแต่งบ้านแต่ละรายมาเอง
และ จากลูกค้าซึ่งข้าพเจ้าหาไปให้

ข้าพเจ้าเห็นจดหมายทวงเงินจากธนาคาร อัน
พุ่งตรงมาที่นิคกี้ และ ผู้ร่วมสัญญาอีกหลายฉบับ
สุดที่จะบรรยาย ว่าความอ่อนอกอ่อนใจ ต่อสิ่ง
ที่เป็นไปในวาระนั้นเป็นอย่างไร

นิคกี้ ผู้กำลัง ล่องลอยอยู่บนยอดหอคอยงาช้าง
นั้น ถูกเหล่าหุ้นส่วนนั้นปั่นหัวให้เซ็นเช็คบริษัท ฯ ร่วมกัน
ไปจ่ายอะไรก็ได้ ทั้ง ๆ ที่ตนเอง ก็ไม่เคยรู้เรื่องการเงินสัก
นิด ! แต่เช็คทุกใบที่ร่วมเซ็นไปนั้น ได้ผูกพันอะไรมาบ้าง
เขาไม่เคยรู้เลย

ข้าพเจ้ามองดูเกมซึ่งหุ้นส่วนทั้งหลายได้กระทำ
ไปกับเขา นึกถึงถ้อยคำบางประโยค ซึ่งได้เคยถูกถ่ายทอด
มาที่ข้าพเจ้า นานแล้วว่า หุ้นส่วนเขาขอให้เขาอย่าเลิกกับ
ข้าพเจ้า นึกถึง ท่าทีของเซลเกิร์ลแต่ละคน นึกถึงท่าที
ของพวกลูกน้องสาวเขาแต่ละคน นึกถึงท่าทีที่เขา เดิน
ทางไปประชุมต่างประเทศกับสมาคมวิชาชีพของเขา และ
ประชุมภายในประเทศ แต่ละครั้ง ข้าพเจ้ามองย้อนไปถึงวัน
เวลาเหล่านั้น ที่เขาถูกปั่นหัวให้หลงใหลไปจนโงหัวไม่ขึ้น

ข้าพเจ้าถามเขาวันหนึ่งว่า
"นิค...ถามจริง ๆ นะ ระหว่างหุ้นส่วน กับ ลูก
เมียที่บ้าน นิคเคยคิดอะไรบ้างไหมว่า ..."
"คิดอะไรอีกเล่า วุ่นวายจริง "

เขายังไม่ทิ้งนิสัยพูดอะไรอย่างฉุนเฉียวเกรี้ยว
กราด แม้นว่าจะเพลาลงไปมากนักแล้ว

"ถ้าพ่อตาย ไง ใครจะเป็นคนปิดตา หุ้นส่วน
หรือว่า ลูกเมีย ?"

ข้าพเจ้ามองเขานิ่ง ๆ จนป่านนั้นเขายังไม่รู้
เลยว่า หายนะทั้งหมดทั้งชีวิต หน้าที่การงาน ตลอดจนหลาย
สิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง การถูกตัดเชือก
ออกไปตั้งโรงงาน การนำ หุ้นส่วนคนใหม่เข้ามาถือหุ้นถึง
๔๙ % การที่เขามีหุ้น แค่ ๑ หุ้น มีชื่อข้าพเจ้าเพียง ๑ หุ้น
แต่เรากำลัง ไม่มีเงินกินเงินใช้มาเกือบสองปีแล้วตอนนั้น
เรากำลังถูกธนาคารซึ่งบริษัท ฯ เขาไปค้ำประกันฟ้องร้อง
เรียกเงินค้ำประกัน เรากำลัง ถูกธนาคารที่เราผ่อนตึก
ปทุม ฯ อยู่ ไล่ทวงหนี้ เรากำลังถูก บัตรเครดิตอีกหลาย
ใบ ยื่นโนติ๊สกันเป็นแถว แต่นิคกี้ ยังมีความจงรักภักดีกับ
การถูกหลอกใช้อย่างนั้น อย่างไร้สติ

บุญยังมีที่ลูกค้าพี่น้องเพื่อนฝูงของข้าพเจ้า
อย่างน้อยก็ทำกำไรให้ได้ พอจะมีเงินจ่ายคืนธนาคาร
ค่าตึก และ ค่าคอนโด ช่วงนั้น
(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:39:14 น.  

 
 
 

ขออนุญาต ท่านผู้ติดตามอ่าน ลงไว้เท่านี้ก่อนนะคะ สัปดาห์นี้ยุ่งอยู่
หลายเรื่อง ขอเวลา ทบทวน ข้อความตอนต่อ ของบท ๓๙ นี้ก่อนค่ะ
มีเวลาจะนำลงต่อนะคะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:41:06 น.  

 
 
 
ตามมาอ่านค่ะ..คุณทิกิ
 
 

โดย: teansri วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:04:35 น.  

 
 
 
หวัดดีจ้าคุณทิกิ..สบายดีนะคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:08:00 น.  

 
 
 


แม้ทางตันท่านผ่าไป อาวุโสเคลื่อนไหว ข้าพเจ้าย่อมต้องมา
 
 

โดย: กระบี่ไม้ไผ่ IP: 202.91.18.192 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:19:27 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๙
ผ่าทางตัน ...

(ต่อ ๓ )

วันหนึ่ง ช่วงเวลากลางวัน ในขณะที่ทุกคน
กำลังรับประทานอาหารกลางวันกันอยู่บนชั้น ๓ ของตึกหลัง
นั้น หุ้นส่วนใหม่คนที่ว่าก็เดินขึ้นมา เขาส่งสายตา มองกราด
ไปบนเพดานทั่วตึก ประโยคแรกแห่งการทักทายทุกคนคือ

" เจริญกันจริงนะ สุขีกันจริงนะ เงินจะจ่ายค่าน้ำ
ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ยังไม่มี ดูซิ เปิดไฟมันทุกดวง ใช้น้ำ
ใช้ไฟ ค่าไฟผมต้องจ่ายทุกเดือนอยู่นะนี่ "

ข้าพเจ้าในฐานะ "หุ้นส่วน ๑ หุ้น" และ ผู้ซึ่ง
กำลังหาลูกค้าเข้ามาช่วยบริษัท ฯ เขาอยู่ รู้สึก ข้าวติดคอ
ขึ้นมาทันที ข้าพเจ้าปล่อยให้ทุกคนพูดจาทักทาย อะไรกัน
ตามปกติ รับประทานเสร็จ ข้าพเจ้าก็เข้าไป ดูเอกสาร ที่
โต๊ะซึ่ง นิคกี้ยกให้ข้าพเจ้านั่งข้าง ๆ โต๊ะเขา

เมื่อมีโอกาส ข้าพเจ้าก็ ถามนิคกี้เบา ๆ ว่า
"ทนได้หรือ ให้เขามาว่าอย่างนั้น "
นิคกี้กัดกรามทีหนึ่ง แววตาเหนื่อยหน่ายไร้
ความรู้สึก
"ทนไม่ได้ ก็ต้องทน ทำไงได้ "
เขาพูด ข้าพเจ้าเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขา วาง ชื่อ
ห้าง ลงไปให้เขาดู

"ชื่อนี้พอใจไหม..นิคกี้อินทีเรียร์ดีไซน์ "

เขามองดูลายมือหยุกหยิกของข้าพเจ้า ซึ่ง
พยายามเขียนให้เป็น "โลโก้" บริษัทฯ แล้วมองหน้า
ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ากันเงินส่วนหนึ่งไว้ เพื่อ ที่จะตั้งห้างฯ
ของเราขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น ยังไม่ได้คิดเลย แต่ได้มีที่
ปรึกษาหลายคนแล้ว
แววตาของนิคกี้ตอนนั้น ข้าพเจ้ายอมรับว่า
น่าสงสารจนไม่อาจจะโกรธเคืองอะไรเขาอีกได้ต่อไป เป็น
แววตาของเด็กว้าเหว่ ผู้กำลังต้องการที่พึ่งเป็นอย่างยิ่ง และ
ข้าพเจ้าคือผู้ที่เดินเข้าไปเป็นหลักให้เขาในขณะนั้น

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้าเลือกญาติของนิคกี้ ผู้เป็นรุ่นพี่ใน
คณะบัญชี คณะเดียวกับข้าพเจ้าในกาลก่อน มาเป็นผู้
ดำเนินการ จัดตั้งห้าง และ ทำบัญชีให้ ข้าพเจ้าขับรถไป
ปรึกษาพี่ชายผู้เป็นญาติของเขาว่า จะต้องทำใบลาออกทวง
หุ้นคืนอย่างไร แต่พี่ชายได้ แนะนำว่า ทางที่ดี ให้มัน จบ
ๆ กันไป คือ ทำใบออกให้เป็นเรื่องเป็นราว ทั้งที่ บริษัท ฯ
เก่า และ บริษัท ฯ ใหม่ อีกทั้งให้เขาจัดการหาคนไปเซ็น
สัญญาค้ำประกันกับธนาคารทั้งสองธนาคารใหม่ เสีย ตัว
ข้าพเจ้าเองนั้น ก็ต้อง โทรศัพท์ไปถึงธนาคาร แจ้งให้ทราบ
ว่า ในฐานะภรรยา ซึ่งไม่ได้เป็นผู้เซ็นชื่อรับรองเอกสารทั้ง
หมด เลยสักใบเดียว นั้น ขอแจ้งให้ทราบว่า จะไม่ยอมรับ
พฤติกรรมการนำเข้าธนาคารใด ๆ เพราะข้าพเจ้าไม่ได้เป็น
ผู้ไปเซ็นสัญญาต่าง ๆ เลย ยกเว้น ธนาคารเก่าธนาคาร
หนึ่ง ซึ่ง เมื่อเขากำลังทำการซื้อตึกนั้น ได้ให้ข้าพเจ้าไปเซ็น
กู้ร่วมในฐานะหุ้นส่วนคนหนึ่งเท่านั้น หาได้ต่อเนื่องไปถึงการ
เซ็นค้ำประกันหนี้เป็นการส่วนตัวก็หาไม่

ข้าพเจ้ายอมรับว่า การทำศึกกับคนช่างรู้รอบ
ตัวอย่างหุ้นส่วนเก่าของเขา ผู้ไม่ใช่เพียงทำอะไรลับลมคม
ในขนาดนั้น แต่เป็นที่รู้กันดีว่า มีการ "โกงกันไป โกงกัน
มา " กับหุ้นส่วนสาว เพื่อนนิคกี้ ซึ่งมีภาระดูแล อีกสอง
บริษัทฯก่อนหน้านั้น และ เธอ ก็เล่าให้ข้าพเจ้าฟังถึง
พฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจของหุ้นส่วนใหญ่ ที่ เอารัดเอา
เปรียบเธอทางชั้นเชิงทางการค้ามาตลอด

แต่ในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าต้องไป ร่วมงานกับ
หุ้นส่วนสาวคนเดิม กับอีกสองบริษัทฯ เดิมนั้น ข้าพเจ้า
เพียงไปสังเกตการณ์ในฐานะ ที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกับ
วงการตกแต่งภายในอะไร ได้ไปรู้ว่า เธอสั่งการควบคุม
งานก่อสร้างตกแต่งอย่างไร ได้ไปรู้ว่า เธอมีวิธี ติดต่อทำ
งานกับ Supplyers คือผู้ให้บริการด้านวัสดุตกแต่งอย่างไร
ซึ่งเธอก็ชอบชักชวนให้ข้าพเจ้าไปไหนต่อไหนไปเป็น
เพื่อนเธอ ทั้งอบรมสั่งสอนทั้งภาควิชาการ และ ภาค
ปฏิบัติในระหว่างสามสี่ปีก่อนหน้านั้น ข้าพเจ้าเองก็ยัง
ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเรื่องการเงินการทอง ซึ่งเธอเป็น
ผู้ดูแล ในการควบคุมเซ็นเช็คจ่ายตลอดจนการเดินบัญชี
เข้าออกการเงินทางธนาคารอย่างเป็นระเบียบแบบแผน

อีกทั้งเธอบ่นให้ข้าพเจ้าฟังเสมอว่า ไม่ชอบวิธี
การสั่งจ่ายเงิน กันอย่างไม่รัดกุมของบริษัทฯใหญ่ อัน
อาจจะทำให้เธอเกิดปัญหาได้ แต่ดีที่เธอ มีคุณอาผู้หญิง
ท่านหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชี คอยให้การหนุน
หลัง สั่งสอนให้เธอดำเนินการทางบัญชีอย่างรัดกุมมา
ตลอด และเธอก็ มีปัญหากับหุ้นส่วนใหญ่สองท่านของ
บริษัท ฯ กันมาอยู่ เนือง ๆ ในที่สุดก็ถึงขั้นแตกหัก ปิด
บริษัท ฯอีกสองบริษัท ฯ นั้นไปในไม่ช้า

ข้าพเจ้าผู้ได้รู้เห็นมาตลอด ยังแปลกใจที่ได้ยินคำ
ว่ากล่าว ว่าเธอ "ดำเนินการผิดพลาด " จากปาก บริษัทฯ
ใหญ่ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงปิดปากเงียบไว้ ไม่เอ่ยวิจารณ์ผู้ใด
มาตลอด เพราะไม่ได้รู้เบื้องหลังลึกซึ้งไปกว่านั้น



(ยังมีต่อ )


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:32:26 น.  

 
 
 
คุณ teansri

คุณ : ส้มแช่อิ่ม

คุณ กระบี่ไม้ไผ่

ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมอ่านกระทู้ที่บล็อกนี้นะคะ วันนี้
ต่อได้อีกนิดเดียว หมดเวลาไปช่วงเช้าแล้ว ต้องขอต่อ
ดึก ๆ แล้วกันค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:34:29 น.  

 
 
 
ตอนที่ ๓๙ จนจบ ๔๐ นับเป็นตอนสุดท้ายที่พันทิปอยู่ที่นี่ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6759529/W6759529.html#32
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 5 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:51:03 น.  

 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค แปด

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@
บทที่ ๓๙
ผ่าทางตัน ...
(ต่อ ๔ )
ช่วงนั้น ข้าพเจ้าปรึกษากับอดีตหุ้นส่วนสาวของเขาดังกล่าว ซึ่ง
นับเป็นเพื่อนกับข้าพเจ้าไปแล้ว รวมทั้งคุณแทมมี่ด้วยตลอดมา คุณแทมมี่
พาข้าพเจ้าไป "เฝ้าทรง ร.๕" ณ ซอยแห่งหนึ่งถนนกรุงเทพฯ - นนทบุรี
ข้าพเจ้ามีอะไรก็เข้าไปปรึกษากับคุณแทมมี่ที่นั่น และ รวมทั้ง ไปขอเข้าเฝ้า
เพื่อให้ดูว่า ข้าพเจ้าจะตั้งห้าง ฯ ให้ นิคกี้ได้หรือไม่

ข้าพเจ้าสิ้นไร้ที่พึ่งพาเช่นกัน ที่พึ่งของข้าพเจ้า นอกจากพระ
อาจารย์พระสงฆ์องค์เจ้า ผู้ที่เคยเคารพกันมาแต่เล็กแต่น้อย หรือ พระเกจิ
อาจารย์ซึ่งคุณปุ๋ยเพื่อนเก่าพาไปพบบ่อย ๆ หลายองค์ หรือท่านอาจารย์
ส. ณ บางพลัด ที่เมื่อไหร่ข้าพเจ้าจนมุมนึกอะไรแก้อะไรไม่ได้ ก็ต้องไป
รบกวนท่านเมื่อนั้น ก็ยังมีเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลายผู้สามารถมองอนาคตให้
ข้าพเจ้าได้ อีกหลายสำนัก เพราะตอนนั้น ข้าพเจ้ายอมรับว่า มืดมนต่อ
อนาคตตัวเองและครอบครัว ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจริง ๆ

จำได้ว่า วันแรกซึ่ง คุณ แทมมี่นัดให้ข้าพเจ้าไปที่สำนักทรง
ร. ๕ ของเธอ ข้าพเจ้าไม่ได้เชื่อถืออะไรทั้งนั้น เพียงแต่คุณแทมมี่ บอกให้
ไป เพราะ "ท่านเอ่ยปากเรียกพบ " ข้าพเจ้าก็ ลองไปดูสักหน่อย

บ้านไม้สองชั้นในซอยลึกมาก ที่จอดรถก็หายาก แต่ข้าพเจ้าก็
เข้าไปหาที่จอดจนได้ เดินผ่านกองขยะกองใหญ่หน้าต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง เดินไป
ตามทางซึ่งเป็นปูนซิเมนต์ปูลาดพอให้คนเดินสวนและหลบรถมอเตอร์ไซค์
ได้ เลี้ยวไปเลี้ยวมา ก็ถึงหน้าบ้านไม้สองชั้นหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ประตูรั้ว
เตี้ย ๆ เวลาเข้าไป ต้องก้มศีรษะ ถึงจะ เดินเข้าไปในบริเวณบ้านได้ นับเป็น
อุปเท่ห์เจ้าของบ้านซึ่งต้องให้แขกไปใครมา ต้องค้อมศีรษะเคารพเจ้าที่เจ้า
ทางโดยอัตโนมัติ

ข้าพเจ้าเดินขึ้นไปตามบันไดไม้ซึ่งลั่นเอี๊ยด ๆ เวลาก้าวขึ้น นึก
เปรียบเทียบกับสำนักทรงใหญ่โตหรูหราของท่านอาจารย์ ส. ณ บางพลัด ว่า
ผิดกันลิบลับ นึกค่อนแคะไปในใจว่า หรือเจ้าของบ้านยังหาทุนสร้างบ้านไม่
ได้ (นี่เป็นอุปนิสัยในทางลบของข้าพเจ้า ซึ่งยากจะถอนทัน) แต่แล้ว ตนเอง
ก็ก้าวขึ้นไปถึงหน้าประตูไม้มีช่องกระจกครึ่งบาน มองเข้าไป เห็นร่างหญิง
วัยสักห้าสิบกว่า สวมเสื้อราชปะแตนสีขาวติดกระดุมทอง มีผ้าพาดไหล่สี
ขาว สวมผ้านุ่งโจงกระเบนสีขาว สวมถุงน่องยาวสีขาว ในมือกำล้งสูบซิการ์
เห็นแล้ว ข้าพเจ้าแอบอมยิ้ม ขำ ๆ เสียมิได้ แต่ก็เข้าไป ทำท่าคารวะท่าน
ตามมารยาทไทย แล้วมองหา คุณแทมมี่ผู้กำลังทำหน้าตาลิงโลดใจที่
ข้าพเจ้าโผล่มาทันทรง

ร่างทรงกำลังพูดกับผู้มาสอบถามเรื่องต่าง ๆ อยู่ ครั้นแล้ว ก็หัน
มามองข้าพเจ้าแวบหนึ่ง สายตาประเมิน"ความศรัทธา" ของข้าพเจ้าอยู่
พอแรง แต่แล้วก็หันไปพูดต่อกับผู้มาเฝ้าทรงคนอื่น ข้าพเจ้ากระซิบกับคุณ
แทมมี่ว่า
"ทรงนานหรือยังคะ ?"

ถ้าจะมีผู้หญิงสักคนในโลก ผู้มีจิตประภัสสรบริสุทธิ์ใสแจ๋ว
ข้าพเจ้าคิดว่า คุณแทมมี่นี้คงจะชนะขาดผู้หญิงทุกคนไปหมด นับเป็นผู้หญิง
ซึ่งไม่เคยหึงหวงคุณเสี่ยสามีที่บ้าน แถมร่ำ ๆ ขอออกจากตำแหน่งเพื่อจะได้
ไปอยู่เดียวเปลี่ยวเอกาปฎิบัติธรรมเพียงคนเดียวในบ้านสวนทางนครชัยศรี
เป็นประจำ ที่แปลกก็คือ เธอเคยเป็น คริสตัง มาก่อน แต่ปฏิบัติธรรมเกิน
หน้า ชาวพุทธดั้งเดิมไปหลายขุม ถึงแก่ แค่นึกไปถึงเรื่องอันใด ก็มองเห็น
กระจ่างไปหมด ตอบได้ทุกอย่าง ไม่ต้องไปนั่งสมาธิหัวสั่นหัวคลอนเหมือน
ใครอื่น ที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมา

ขณะนั้น คุณแทมมี่กำลังปลาบปลื้ม ที่ได้นำ "หนึ่งในคนของ
ท่าน" มาเฝ้าท่าน แล้วก็ทำท่า "ยิก ๆ " บอกท่านให้ข้าพเจ้าเข้าเฝ้า

(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:09:04 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๙
ผ่าทางตัน ...
(ต่อ ๕ )
ข้าพเจ้านำเงินสดส่วนหนึ่งใส่ไปในพานครู อันมีดอกไม้ธูปเทียน
และเครื่องหอม คือน้ำอบปรุงตราเจ้าคุณ รวมทั้งทองคำเปลวซึ่งคุณแทมมี่
สั่งให้ข้าพเจ้าไปหาซื้อมาเพื่อประกอบการเข้าเฝ้าด้วย

ท่าน สั่งให้ข้าพเจ้าจุดธูปมากำหนึ่ง แล้วปักตามกระถางธูปหลาย
ใบแล้วให้ว่าพระคาถาไหว้พระรัตนตรัย และ ครูบาอาจารย์ที่นั่นทุกองค์ จากนั้น
ก็ให้ข้าพเจ้าหันไปทางท่าน

ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้เข้าเฝ้าทรงมานานนักแล้ว จะว่าไปก็เป็นเกือบ
สิบปีที่ไม่ค่อยได้เฝ้าใกล้ชิด ไปสำนักอาจารย์ ส. ณ บางพลัด ก็เพียงปีละ
ครั้งสองครั้งจนลืมเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหลายไปเกือบหมด ดังนั้น เมื่อไปนั่งตรง
หน้าร่างใหญ่โตสวมชุดขาวอย่างผู้ชายนั้น ข้าพเจ้าก็เงยหน้ามองรูปฉายของ
พระพุทธเจ้าหลวง ซึ่ง ขยายใหญ่ อยู่ข้างฝาเต็มไปหมดนั้น

ท่านก็ มองผ่านเบื้องบนศีรษะข้าพเจ้าไปเหมือนกัน

" ว่าไง กรมหลวง ฯ เหอ เหอ เหอ เหอ คนเขากราบไหว้บูชา
เจ้ายังกับอะไรดี ไม่เห็นไปอยู่กับเขา มาอยู่กับคนนี้เขาเหรอไง เขาไม่เห็น
จะกราบไหว้บูชาเจ้าเลย "

อีกแล้ว ข้าพเจ้าหวนคิดแปล๊บไปยัง กรมหลวง ฯ องค์ที่เคยเป็น
คดีความเรื่องข้าพเจ้าไม่แก้บนอีก แล้วก็มองหน้าร่างทรง ซึ่งเห็นสายตาท่า
ทางสัพยอกของท่านแล้ว ยิ่งอมยิ้มตามขึ้นไปด้วย เพราะเป็นท่าทีสัพยอก
อย่างผู้ใหญ่ทักเด็ก จริง ๆ หรือว่าท่านจะเป็น ร. ๕ จริง ๆ ซะก็ไม่รู้

"กรมหลวง ? กรมหลวงชุมพรหรือคะ ? "

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงตัวเองโพล่งถามไป ตั้งกี่ปีแล้วเล่า ที่ข้าพเจ้า
ไม่ได้นึกไปถึง พระองค์ท่านเลย ยกเว้นเมื่อเร็ว ๆ นั้นที่ได้ไปฝึกเรียนวิชา
การอาหารที่กรมพลาฯ กองทัพเรือ ได้มีอาจารย์ท่านหนึ่งพาข้าพเจ้าไปกราบ
ศาลกรมหลวง ที่อีกด้านของกรม ฯ และ ยังให้ภาพ และ ให้ข้าพเจ้าเช่า
เหรียญกรมหลวงฯ ซึ่งกองทัพเรือทำไว้ด้วย แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ ไปคิดผูกพัน
อะไรกับท่านเลย

" จะกรมหลวงไหนเล่า ก็กรมหลวงชุมพรนั่นแหละ "

"ท่านมาอยู่กับข้าพเจ้าเหรอคะ มาอยู่เมื่อไหร่คะ "

" ก็เห็นอยู่กับเจ้ามาแต่เกิดนั่นแหละ ไม่เห็นไปอยู่กับใครอื่น "

ข้าพเจ้าคงจะทำท่าขยาด หรือ ทำคอย่นอะไรสักอย่าง ร่าง
ทรง ร.๕ ท่านก็พูดขึ้นว่า

"บูชาองค์ท่านน่ะดีแล้ว เพราะท่านรวยมาก ท่านขี่สำเภาทอง
ค้าขายทั่วน่านน้ำเชียวนะ เจ้าขออะไรท่านก็ให้ คนโปรดนักนี่ "

ร่างทรง หัวเราะชอบอกชอบใจที่" ล้อเล่น" กับกรมหลวงฯ ผ่าน
มากับข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าน่ะ จะไปโปรดอะไรกับท่านมีแต่จะกลัวลานซะเท่า
นั้น เดี๋ยวลูกปืนมาหล่นใส่หน้าห้องอีก จะเอ๋อไม่หาย ได้แต่ยิ้มแหย ๆ เสียว
หลังจัง

" เอ้า ว่าอย่างไร มีเรื่องอะไรมาหาเรา "

ข้าพเจ้าอึกอัก พูดไม่ถูก ไม่รู้จะทูลอะไร ต้องให้คุณแทมมี่
กระทุ้งว่า ถามเรื่องโน้นสิ เรื่องนี้สิ ก็ไม่พ้นเรื่องงานเรื่องเงิน เรื่องบริษัท ฯ
อะไรเหล่านั้น ท่านเงี่ยหูฟังอะไรสักอย่าง แล้วก็ตอบข้าพเจ้าว่า

" เออ จะตั้งห้างหรือ เจ้าจะต้องตั้งได้แน่ ๆ ช่วยเหลือคู่เวรคู่
กรรมเจ้ากันไปเถอะ ลูกยังเล็กกันนัก ยังไม่มีใครเรียนจบเลย น่าสงสารเจ้า
นะ เอ้า เราจะช่วยให้เจ้ามีเงิน เจ้าน่ะ หากไม่มีเงิน ก็ไม่มีความสุขเลย ไป
เถิดไป ต่อไปจะช่วยให้เจ้ามีกินมีใช้ไม่ต้องลำบากหรอก "
"เอ้ามาใกล้ ๆ จะรดน้ำมนต์ให้ "

เมื่อเข้าพเจ้าเข้าไปใกล้ ๆ ท่าน ท่านเป่าศีรษะเข้าพเจ้าไปที
หนึ่ง แล้วก็นำกำก้านมะยม แกว่งในภาชนะใส่น้ำมนต์ตรงหน้า แล้วสะบัดใส่
ศีรษะ ท่องคาถาภาษาบาลี หรือ ภาษาเทพอะไรฟังไม่ถนัดสักหน่อย แล้ว
จึงกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า

" มีอะไร ก็ เข้ามาหา นะ ถ้าลำบากก็โทรศัพท์มา นะ แม่
หญิง บอกเขาหน่อยว่าเบอร์อะไร ให้มาอย่างใด...รู้จักไหว้กรมหลวงฯ ท่าน
บ้างนะ มีอะไรติดขัดก็บอกท่าน ท่านจะช่วยเจ้า "

ข้าพเจ้าก้มลงกราบลา ร่างทรง คุณแทมมี่รับคำท่านร่างทรง
แล้วก็พาข้าพเจ้าออกมาจากที่นั่งใกล้ ๆ ได้

"เสด็จพ่อเมตตาคุณทิกกี้มากนะ " คุณแทมมี่ยิ้มแจ่มใสกับ
ข้าพเจ้า
"มาได้นะคะ ยกเว้นวันพระ ท่านไม่ได้ลง หลัง บ่ายสี่ไปลอง
โทรฯเข้ามาดูนะคะ "

ข้าพเจ้ารับปากไปอย่างนั้น ได้เวลาข้าพเจ้าต้องลากลับ อย่าง
น้อยก็ได้รับความอุ่นใจ และ ให้นึกถึงกรมหลวง ฯ จริงๆ ว่า ท่านมาอยู่กับ
ข้าพเจ้าอย่างนั้นได้อย่างไร จริงหรือว่า อยู่กันมาแต่เกิดเลยเหรอนี่ นึกแล้ว
สยองขวัญแทนพวกอยู่ใกล้ จริง ๆ ถึงว่า แต่ละคนละ ขยาดหวาดหวั่น
ข้าพเจ้าเป็นแถวมาแต่เล็กแต่น้อย เรื่องจะให้อ่อนหวานอ่อนโยนนั้นไม่ค่อย
จะเคยเป็น มีแต่บทบู๊บทเฮี้ยวน่ะถนัดนัก เอ ว่าแต่ข้าพเจ้าไปเกี่ยวอะไรกับ
ท่านนักนะ ? นึกฉงนอยู่ในใจพอประมาณ แล้วก็ขับรถกลับไปที่พัก นั่งครุ่น
คิดอยู่ว่า จะต้องทำป้ายหน้าประตูห้องให้เป็นตรา โลโก้ แล้วก็เลยนึกว่าจะ
ทำด้วยการปักดิ้นเงินดิ้นทอง บนผ้าไหม สีน้ำเงินดีไหม วันนั้น ข้าพเจ้ากลับ
ไปก็ไปนั่งไหว้พระอยู่นาน ทำใจให้สงบเป็นสมาธิ ซึ่งแสนยากมาก ในขณะ
ที่ชีวิตกำลังผันผวนอยู่อย่างนั้น


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
(ยังมีต่อค่ะ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:09:42 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๙
ผ่าทางตัน ...
(ต่อ ๖ )

ใครที่เห็นข้าพเจ้าในระยะนั้น อาจจะเห็นหญิงงามคนหนึ่ง ซึ่งกำลังพยายาม
ลดความอ้วนเพื่อเอาชนะใจชาย ด้วยความตั้งอกตั้งใจอย่างมาก แต่หัวใจนั้น เจ็บช้ำ
ปวดร้าว อกฟกช้ำระกำเหลือเกิน คนที่มันเคยหยิ่งทะนง ว่าตัวเองดีเด่นสูงส่งมีชาติ
ตระกูล พอมีทรัพย์ มีเงิน มีลูกชายกับสามี ฯลฯ ดังที่มั่นใจนักว่า ตัวเองเพียบพร้อม
สามีคงไม่ทิ้ง แต่ไฉน ชีวิตจึงกลับมาเป็นเช่นนี้ไปได้

นิคกี้อาจจะพยายามปฎิบ้ติต่อข้าพเจ้าดีเพื่อให้เหมือนเดิม แต่มันก็ไม่เคย
เป็นเหมือนเดิม ยิ่งนับวัน เขาก็ยิ่งแสดงอาการฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดหลุดออกมาบ่อย ๆ
มันเหมือนชีวิตรักของเราแหลกสลายไปแล้วก็ไม่ปาน ข้าพเจ้าจะให้มันเหมือนเดิม
ม้นเป็นไปได้ยากยิ่ง แต่ในฐานะที่เรากำลังทำห้าง ฯ ขึ้นมา ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ไหนจะต้องไปขนข้าวของจากตึกปทุม มาเพื่อใช้ที่คอนโดเพิ่มขึ้น เพราะนับแต่ว่าจะมา
อยู่มาทำงานที่คอนโดนั้น นิคกี้ ก็ถูกข้าพเจ้าชักจูงใจให้เห็นว่า การเดินทางไปกลับที่
ปทุมฯ คงไม่จำเป็น เพราะเราต้องประหยัดค่าน้ำมัน อีกอย่างหนึ่ง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็อยู่
ในเมือง ไม่ได้จำเป็นต้องเผื่อเรื่องโรงงานทางด้านรังสิตอะไรของเขานั่นอีกแล้ว ก็ไม่
จำเป็นจะต้องไปวุ่นวายกับที่ตึก จึงมีข้าพเจ้าที่ต้องคอยไปทะยอยขนของเท่าที่ขนได้
มา ในช่วงหนึ่งถึงกับต้องไปให้วัดสวนแก้ว ไปขนหนังสือและสิ่งของหลายอย่างที่ทิ้ง
ๆ ไว้ที่นั่นถวายวัดไปเสียก็มี

ชีวิตมันเป็นเช่นนั้น และ ข้าพเจ้าก็ปลงใจ ท่านพระอาจารย์ ส.
ณ วัดเลียบราษฎร์บำรุง ท่านแนะนำว่า

" ก็ไม่ต้องไปคิดว่ามันเป็นสามีเราซี่ คิดว่าเป็นหุ้นส่วน ต้องทำงานด้วย
ก็พอแล้วไง "
คิดแล้วก็ดีเหมือนกัน ถ้าเราต้องการจะให้งานการมั่นคงเพื่อให้เขามีรายได้
มาเลี้ยงดูเรา เราก็ต้องไม่ไปยึดครองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเสียดีกว่า คิดตามอย่างท่าน
พระอาจารย์ ส. ท่านว่า ก็ดี จะได้มีเรื่องน้อยลง ข้าพเจ้าคิดว่า ขืนมีเรื่องกันอีกสักครั้ง
หัวใจของข้าพเจ้าอาจจะไม่ทานทนเรื่องหนัก ๆ ปานนั้นอีกแล้ว


องค์ทรงท่าน ร.๕ ก็แนะนำให้ข้าพเจ้า พาลูกสาวมาอยู่ด้วยกันที่คอนโด
ท่านบอกว่า

" พวกเจ้ามันต่างคนต่างเก่ง ต่างคนต่างดีกันนัก ต่างคนต่างหนึ่ง ให้มา
อยู่ด้วยกันทั้งหมดที่คอนโดเจ้านั่นแหละ แล้วอะไร ๆ ก็จะค่อยดีขึ้นเอง สามีเจ้ามัน
รักใคร่เมตตาลูกสาวเราอยู่ อาศัยบารมีลูกดึงใจเขาคืนมาหน่อยก็จะดีขึ้นนะ ลูกสาว
เราน่ะ เลี้ยงเขาให้ดี อีกหน่อยเขาจะทำเงินให้เราเยอะเชียว "
แต่ไม่ใช่ว่าลูกสาวลูกชายข้าพเจ้าจะศรัทธา ในร่างทรง นี้ ก็หาไม่ เพราะ
พวกเขา เคยได้ไปเฝ้าร่างทรง หลวงพ่อเสือ พระวิรุณหผล เห็นท่านใช้ปากกาเมจิค
จิ้มส้มขึ้นมาเป็นพระเครื่องต่อหน้าเขาสีตามปากกานั้น เป็นอภินิหารชัด ๆ กันมาก็ดี
หรือ เขาเฝ้าทรง องค์พระตรีมูรติ และ พระพรหม ฯ ณ สำนักท่านอาจารยฺ์ ส. ณ
บางพลัด ก็ดี พอมาเห็นบ้านไม้เล็ก ๆ กับร่างทรงเป็นหญิงเช่นนี้ เขาก็ดูไม่ศรัทธา ไม่
ค่อยเชื่อถือ และ ไม่เคยไปถามอะไรกันเป็นครั้งที่สอง ข้าพเจ้าเอง ช่วงที่กำลังตั้งห้างฯ
ต้องเข้าไปสอบถามขอกำลังใจบ่อย เขาก็ปล่อยข้าพเจ้าไปเฝ้าไปถามเอาเอง

ดังนั้น ห้าง "นิคกี้อินทีเรียร์ดีไซน์" นั้นจึงตั้งขึ้นมาในปี พุทธศักราช ๒๕๔๑
และ ข้าพเจ้าก็ได้ทำการประชาสัมพันธ์ ผ่านคอลัมน์ซุบซิบชื่อดังในหน้าหนังสือพิมพ์
หัวเขียว ซึ่งกรุณาใจหาย นำข่าวเล็ก ๆ ว่า นิคกี้ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่นั่น ข้าพเจ้าตัด
เก็บไว้ แปะป้ายไว้ในห้อง หน้าคอนโด

วันที่เราเริ่มเปิดทำการ และ ส่งข่าวทางแฟกซ์ โทรสารฯ ไปยังลูกค้าหลาย
ท่าน มีลูกค้าเจ้าประจำ ซึ่งย้ายตามมาใช้บริการของเรา ได้สั่งให้คนนำกระถางต้นไม้
อะโกลนีมา ชื่อดังเด่นมาให้ถึงหน้าประตูห้อง

อย่างน้อย ไม่ว่า นิคกี้จะ เจ็บปวดอะไรมาสักแค่ไหน แต่อย่างน้อย ห้องเล็ก
ๆ คอนโดชั้นกลาง ซึ่งข้าพเจ้า กัดฟันซื้อมาด้วยเงินขายที่ดินมรดกคุณพ่อ ของข้าพเจ้า
ไป ก็ ช่วยชีวิตเราไว้มาหลายปี...อย่างน้อย ก็เป็นหลักแหล่งการงานให้เขา นั่งทำงานที่
นั่น เขาจะรู้คุณค่าของมันหรือไม่ หรือ เขาจะ รู้สึกอย่างไร เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าทำใจ

ทำใจที่จะไม่ หวีดใส่เขาเหมือนที่เคยทำมาก่อน ทำใจหาอะไรไปทำเป็นกิจ
กรรมเสริมพิเศษ และ อื่น ๆ เพื่อให้สงบปากสงบคำ ไม่ต้องท้าทายกันอย่างที่เป็นมา

อย่างน้อย ท่านพระอาจารย์ ส. ณ วัดชนะสงคราม ท่านก็ให้ข้อคิดดี ๆ ไว้แก่
ข้าพเจ้า เรื่อง การให้ น้ำใจ น้ำคำ น้ำมือ น้ำเย็นแก่คู่ครองเพื่อครองชีวิตกันให้ยืดยาว
ต่อไป ให้ลืมเรื่องบาดหมางน้ำใจกันที่ผ่านมาเสียให้สิ้น เดินหน้าต่อไป อย่างอดทน

(จบบทที่ ๓๙ )


เดี๋ยวจะขึ้นกระทู้ บทจบภาคแรก คือบทที่ ๔๐ เป็นกระทู้ใหม่
นะคะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:10:36 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com