ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
อวสานภาคแรก ♡ ♡ ที่ดินผืนนั้น บทที่ ๔๐. ♡♡ สู้ !!

ที่ดินผืนนั้น บทที่ผ่านไป
(ภาคหนึ่ง) บท๑-๘ //topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2008/03/W6423525/W6423525.html

บทที่ ๓๙และบทจบบทนี้ที่พันทิป บทที่ ๔๐
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6759529/W6759529.html


ขอบคุณทุกน้ำใจที่ได้มาติดตามอ่านค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


Create Date : 06 กรกฎาคม 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2552 23:19:13 น. 13 comments
Counter : 449 Pageviews.  
 
 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค แปด
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@


บทที่ ๔๐
สู้

ระหว่างที่อยู่ที่คอนโดที่ผ่านมา ข้าพเจ้าไม่ได้เคยมีเป้าหมายที่จะ
ทำให้ห้องแค่เกือบหกสิบตารางเมตรนี้ เป็นทั้งที่ทำงานและ ที่พักอย่างนั้น

การมีลูกสาวสุดที่รักมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดด้วย กันกับลูกชาย
และนิคกี้ ก็ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขชุ่มชื่นใจขึ้นอีกนิด หลังจากแห้งแล้งห่าง
หาย แยกกระเด็นกันมาหลายปี

แรก ๆ ก็ขลุกขลักนิดหน่อย แต่แก้ปัญหา ด้วยการ ไปซื้อเตียง
เหล็กสองชั้นมา ให้ลูกชายนอนชั้นบน และ ให้ลูกสาวนอนชั้นล่าง เด็กสอง
คนก็ต้องปรับตัวในการอยู่ร่วมกันอย่างอดทนมากขึ้น

ตัวข้าพเจ้าก็ เก็บเตียงเดี่ยวที่เคยมีให้ห้องนั้น ขึ้นไปเก็บไว้ข้าง
ฝาหลังตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ แล้วใช้ Day Bed ที่สั่งทำมาหลายปี ซึ่งวางอยู่ด้าน
ในห้องด้าน living room นั้น สั่งทำตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก มาตั้งข้างเตียงตั่ง
กลางวันนั้น

โต๊ะอาหารที่ได้ขอยืม โต๊ะไม้มะค่าตัวขนาดเล็กในห้องครัวคุณ
แม่สามีนำมาตั้งได้พอดีข้างส่วนครัวของเรา เป็นทั้งโต๊ะกินอาหาร โต๊ะทำ
งานฝีมือสารพัดอย่างของข้าพเจ้าซึ่งมีกิจกรรมมากมายต่อมา

จัดวางตู้เหล็กเก็บเอกสารวางปลายเตียง วางเครื่องโทรทัศน์ บน
แป้นหมุนได้ที่นั่น และสั่งติด เคเบิ้ลทีวี เพื่อให้นิคกี้ และ ลูก ๆ ดูทีวีต่าง
ประเทศได้ตลอดยี่สิบสี่ ชั่วโมง

จากนั้น ก็ย้ายตู้ช่องเก็บเอกสารขนาดเอสี่ มีลิ้นชักอีกหกชั้นด้านล่าง
สองข้าง ซึ่งสั่งทำมาพร้อม เดย์เบ้ดนั้นมาแต่ต้น มาเป็นสัญลักษณ์ห้องทำ
งานด้านหน้าจัดวาง เข้าข้างฝาด้านหนึ่ง โต๊ะทำงานขนาดเล็กซึ่งมีแต่ต้น ก็
ยกให้นิคกี้ ไว้นั่งทำงาน วางเก้าอี้รับแขกไว้ข้างประตูทางเข้าห้อง ทำโต๊ะ
เล็ก ๆ ให้ข้าพเจ้านั่งวางคอมพิวเตอร์ ทำงานด้านบัญชีการเงินอะไรนิด
หน่อย ด้านหน้าห้อง

ธุรกิจ "นิคกี้อินทีเรียร์ดีไซน์ " ด้านการเขียนแบบออกแบบบ้าน
น้อย ๆ ของเราก็เริ่มดำเนินไป ด้วยลูกค้าซึ่งย้ายตามมาด้วยจากบริษัท ฯ
เดิมและ ลูกค้าใหม่ ๆ อีกสองสามท่าน ผู้เป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชีพเรา
มานับจากนั้น

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

จากคนซึ่งสนใจคอมพิวเตอร์จนเป็นสมาชิกตลอดชีพของสมาคม
คอมพิวเตอร์ มานับสิบกว่าปีแล้วตอนนั้น ช่วงที่ข้าพเจ้าพอมีเงินได้จากการ
ขายที่ดินมรดกคุณพ่อก็นำไปซื้อคอมพิวเตอร์มาตั้งไว้ที่ห้องนั้น ต่อสาย
โทรศัพท์ เข้ากับอินเตอร์เน็ตและ กระตุ้นให้ลูกสาวลูกชายใช้เครื่อง

นับจากที่ข้าพเจ้าได้คอมพิวเตอร์มา นอกจากจะเล่นเกมฝีก
สมอง อย่างพวก puzzles เป็นประจำแล้วก็ฝึกทำ โปรแกรมต่าง ๆ อย่างที่
ได้เคยเรียนมาสิบกว่าปีระหว่างไปลงเรียนกับห้องเรียนวิชาการข้างถนน
แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบ้าง หรือที่ได้เรียนที่คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัย
มหิดล ระหว่างไปเข้าเรียน ภาควิชาการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักวิทยา
ศาสตร์ที่นั่น ข้าพเจ้าไปลงเรียนโปรแกรมจัดหน้าหนังสือ DTP:- Desktop
Publishing พวกโปรแกรม Page Maker , Corel Draw ที่ยังพอจำได้ ก็นำ
มาฝึกทำอะไรอยู่บ้างช่วงนั้น แต่ความที่คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องรุ่นแรก ๆ ใน
วงการอินเตอร์เน็ต ใช้ไปใช้มา ก็มักเจอไวรัสลงป่วนเครื่อง พังกันเป็นตับ

ข้าพเจ้าพอมีเงินอยู่บ้างช่วงนั้น ก็เปลี่ยนมาอีกสักเครื่องสองเครื่อง จนต้อง
พยายามไม่เข้าอินเตอร์เน็ตอยู่พักหนึ่งเหมือนกัน เพราะเครื่องโดนไวรัสหรือ
พวกสปายแวร์อยู่เรื่อย ทุกครั้งที่เปิดไปเข้าเว็บไซต์ที่คนนิยมเข้ากัน ก็มัก
เจออยู่ประจำ


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
(ยังมีต่อค่ะ )

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:30:34 น.  

 
 
 
บทที่ ๔๐ (ต่อ ๑ )
สู้ ..วิ่ง...วิ่ง ไป เผื่ออะไรจะดี

ลูกสาวมีเป้าหมายที่จะเรียนการจัดการการเงินเหมือนอย่างหลาน
สาว ลูกพี่ชายคนโตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ห้ามอย่างไร เพียงแต่ชี้ทาง
เสมอว่าในอนาคตอันใกล้นั้น การเรียนภาคการจัดการไอที จะเป็นที่ต้องการ
ของตลาดมากกว่าวิชาอื่น แต่แม่ตัวดี แซนดี้ผู้แสนดี ก็จะทำจมูกยู่ยี่ว่า

" โอ๊ย ไม่เรียนดอกค่ะ คอมพิวเตอร์อะไรก็ไม่รู้ หนูไม่สนใจ
ดอก แม่ไม่ต้องมาแนะนำให้มาก หนูจะเรียนการเงินค่ะ "


ข้าพเจ้าไม่สนใจคำปฏิเสธดังกล่าว แต่ใช้วิธีพาทั้งสองคนไป
งานแสดงไอที คอมพิวเตอร์ประจำปี ซึ่งจัดที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
คลองเตย พระรามสี่ หลายงาน มีอยู่งานหนึ่ง ไปลงชื่อเป็นสมาชิกรับ
หนังสือ เกี่ยวกับธุรกิจและการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รายปักษ์ ซึ่งจะ
ส่งมาให้ที่คอนโด ทุกสองสัปดาห์ ทำให้ลูกสาว เริ่มสนใจคอมพิวเตอร์ขึ้นมา
บ้าง ยิ่งเธอไปเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งมีเนื้อที่ให้ทำเว็บไซต์ตัวเอง ลูกจึงนำ
ภาพนิสิต เพื่อนฝูงไปลงเว็บซึ่งตัวเองทำขึ้นนั้น


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ช่วงเวลาที่เพิ่งย้ายมาที่คอนโดใหม่ ๆ ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเฉลิม
ฉลองปีใหม่ปีแรก ด้วยการพาลูกชาย นั่งรถไฟฟ้า ฉลองปีใหม่ในปีนั้นพอดี
เราสองคน แม่ลูกขึ้นรถไฟฟ้ากันจากสถานีจตุจักร กันเป็นครั้งแรก ช่วงไม่กี่
นาทีก่อนเวลาเที่ยงคืนปลายทางคือสถานีสยามสแควร์ ระหว่างถึงสถานี
สยามสแควร์ก็เป็นเวลา เที่ยงคืนพอดี พลุกำลังจุดพลุ่งโพลงขึ้นทั่วท้องฟ้า
เสียงโห่ร้องเฮฮา ลั่นสถานี เด็กวัยรุ่นมากหน้าหลายตา กำลังจุดพลุมือเล็ก
ๆ ให้เป็นแสงไฟประกายขึ้นเหนือหัว เราจึงต้อนรับปีใหม่กันบนรถไฟฟ้า ปี
แรกของรถไฟฟ้าในปีนั้นด้วย

พอลงสถานีสยามสแควร์ แล้วก็เดินไปชมการแสดง Count Down
ที่สี่แยกราชประสงค์ หน้า World Trade Center ถ่ายทอดสดทั่วประเทศ
กันที่นั่น จนสักตีหนึ่งกว่า ตีสอง ก็รีบเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าจาก สถานีราช
ดำริ กลับสถานีจตุจักร เพื่อนำรถที่ไปจอดไว้ที่นั่นกลับคอนโด

เป็นช่วงเวลาที่เราสองคนแม่ลูกรู้สึกว่า การอยู่คอนโดในเมืองนี้ก็
เป็นช่วงเวลาที่หาความสุขเล็กน้อยนี้ได้เหมือนกัน ไม่แพ้บ้านหลังใหญ่หลัง
น้อยซึ่งเราได้เคยอยู่กันมาก่อน


นับเป็นการสอนเรื่องการอยู่ในเมืองอย่างชาวเมืองให้ลูกเป็นครั้ง
แรกในปีนั้น ต้อนรับปีใหม่ให้เราสนุกสนานกับชีวิตขึ้นมาอีกนิด


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

เราทุกคนกำลังปรับตัวกับการอยู่ที่คอนโด ลูกสาวจะตื่นแต่เช้า
แต่งตัวชุดนิสิตของเธอ คว้ากระเป๋าแล้วรีบเดิน ออกไปปากซอย ไปขึ้นรถ
เมล์สายที่ผ่านไปทางพหลโยธิน ลงหน้าปากซอยอารี แล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้าซึ่ง
เพิ่งเริ่มมีขึ้นในประเทศไทยในช่วงปีสองปีนั้น ไปลงที่สถานีสยามสแควร์
จากนั้นจะต่อรถบัสของมหาวิทยาลัย หรือ รถเมล์สายอะไรก็ได้ หรือตุ๊ก ๆ
หรือ แท็กซี่ ต่อไปยังมหาวิทยาลัย

ตกเย็น เธอก็จะนั่งรถไฟฟ้ามาลงปากทางสี่แยกสะพานควาย
และเรียกรถตุ๊ก ๆ ซึ่งจอดเรียงรายแถวนั้น ให้พาไปส่งที่ซอย ข้าพเจ้าไม่
ให้เธอนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าซอยมืดค่ำ

ชีวิตการเดินทางในเมืองแต่ละวันก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

ส่วนลูกชายผู้กำลังมีปัญหากับข้าพเจ้าอยู่บ่อย ๆ ก็มักหายหน้า
ไปนอนหอพักเพื่อนหรือบ้านเพื่อน เขายังไม่ค่อยเข้าใจชีวิต หรือ รูปแบบ
ชีวิตของพ่อ และ แม่ของเขานัก ก็มักทำกิริยาฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์กับ
ข้าพเจ้าอยู่เนือง ๆ ข้าพเจ้าปล่อยให้เขาสนใจเกมอินเตอร์เน็ตนอกบ้านอยู่
ไม่นาน ก็ส่งเสริมให้เขาหันมาเล่นเกมที่ห้องคอนโดแทน อย่างน้อย จะได้
เห็นหน้าลูกชาย ไม่หายไปสองวันสามคืน หรือหายไปนานนับสองสามเดือน
ประท้วงแม่อย่างที่ผ่านมา

ในปีถัดมา ลูกชายก็ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยเอกชน ในสาขา
วิชาเดียวกับที่พ่อเขาเรียนและทำงาน ซึ่งเขาก็อยู่บ้าง หายบ้างเป็นปกติที่
ข้าพเจ้าต้องทำใจว่ามีลูกเราเลี้ยงได้แต่ตัว หัวใจเขาเราคงเลี้ยงไม่ได้


~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
(ยังมีต่อค่ะ )
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:30:57 น.  

 
 
 
บทที่ ๔๐ (ต่อ ๒ )
เผื่ออะไรจะดี

การพยายามทำให้ลูกสาวสนใจคอมพิวเตอร์ ก็สำเร็จลงได้
เพราะอินเตอร์เน็ต ทำให้เธอ เรียนรู้อ่านหาความรู้มากขึ้น จนวันหนึ่งซึ่งลูก
จบปีสองเพื่อจะต่อปีสามกำลังจะเลือกภาควิชาอยู่ ก็ตัดสินใจเลือกภาควิชา
บริหารคอมพิวเตอร์แทนการเงินและการจัดการการเงินอย่างที่เธอเคยตั้งเป้า
หมายไว้

ลูกสาวเล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ตัดสินใจก็เพราะคะแนนวิชา
คอมพิวเตอร์นั้น ถึงไม่อ่านอะไร ก็ตอบได้ คล่องแคล่ว คะแนนนำลิ่ว ใน
ขณะที่วิชาการเงินนั้นคะแนนกลับได้ไม่ดีเท่า

ข้าพเจ้าแอบร้องบราโว ไชโย อยู่ในใจ แผนการยัดเยียดวิชา
คอมพิวเตอร์ก็ได้สำเร็จลงแล้ว และข้าพเจ้าก็อาศัยใบบุญลูก เข้าอินเตอร์
เน็ตตามเธอไปเรื่อย ๆได้รู้ได้เห็นอะไรขึ้น

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

เมื่อบริหารจัดการเรื่องการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่ของลูก
ในที่เดียวกันได้เรียบร้อยแล้ว

ช่วงเวลานั้น การหาลูกค้าจากญาติ พี่น้อง และจากพี่ชายคนที่
สองของข้าพเจ้าได้เมตตา ให้ลูกค้าระดับวิทยาลัยครูให้ตกแต่งตึกไอทีทั้ง
หลัง
แต่ความที่นิคกี้นั้น ไม่ค่อยฟังข้าพเจ้าเรื่องการเสนอราคาเท่าไหร่
เห็นเป็นพี่ชายข้าพเจ้าก็ไปคิดราคาถูกมากให้พี่ชายข้าพเจ้าไป ถึงข้าพเจ้า
จะท้วงติงว่า การทำงานเป็นห้าง ฯ นี้ เราจะต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องบัญชีและ
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ตลอดจนภาษีมูลค่าเพิ่มอีกมาก จะไปคิดแค่บวกขึ้นมาก็
จบนั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องคิดในแง่ของการทำงาน การเสียเวลา และ การต้อง
จัดการอื่น ๆ เข้าไปด้วย ไม่ใช่คิดแค่ราคาต้นทุนแล้วจบเลย เขามักลืมไป
ว่า ค่าใช้จ่ายในคอนโดที่ข้าพเจ้าต้องจัดการจ่ายอันมี ค่าผ่อนคอนโด กับ
ธนาคาร ค่าเครื่องอุปกรณ์สำนักงานและ อื่น ๆ

ต่อมาบริษัท ฯ ของพี่ชายเกิดมี บริษัท ฯ ทางไอทีใหญ่พอสมควร
แห่งหนึ่งมาลงหุ้นเพิ่ม งานเสนอการตกแต่งตึกให้วิทยาลัยในราคาพิเศษนั้น
ก็ได้เพิ่มปัญหาเรื่องการคิดเงิน ภาษีซ้ำซ้อนระหว่างบริษัทฯ เล็กกับบริษัทฯ
ใหญ่คือบริษัท ฯ แม่นั้นตามมาให้เป็นปัญหาขึ้นมาเรื่อย ๆ ด้วยข้าพเจ้าเอง ก็
ยังนับว่ามือใหม่ในวงการธุรกิจดังกล่าว

เราต่างเริ่มอยู่กันอย่างแออัดและอึดอัดกันพอสมควร ชวนให้ข้าพเจ้า
ต้องคิดหาหนทางทำอะไรใหม่ ๆ ต่อไป

คุณพ่อสามีเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ และเรียกร้องให้นิคกี้เดินทาง
ออกจากคอนโดไปดูแลท่านสัปดาห์ละหลายวัน ช่วงนั้น ลูกค้าที่เรามีอยู่
ก็เริ่มเรรวนเพราะนิคกี้ต้องหอบเอกสารไปนั่งทำงานที่บ้านของเขา บ่อย
ครั้งขึ้น ยิ่งท่านไปอยู่โรงพยาบาลอยู่พักหนึ่ง เขาก็ไปนั่งดูแลคุณพ่อเขา
ที่นั่นด้วยมากขึ้น


(ยังมีต่อค่ะ )
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

: tiki_ทิกิ - [ 5 ก.ค. 51 05:35:23 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:32:53 น.  

 
 
 
บทที่ ๔๐ (ต่อ ๓ )
เผื่ออะไรจะดี

ระหว่างนั้น ข้าพเจ้ายอมรับว่า ไม่มีรายได้อะไรไปเสียแล้ว หาก
นิคกี้ไม่เขียนแบบให้ลูกค้าใหม่ ๆ เขาก็มัวแต่ยุ่งวุ่นวายเรื่องคุณพ่อเขาป่วย
ไปดูอาการเฝ้าใกล้ชิด ไปคอยรักษาคุณพ่อเขาที่โรงพยาบาลบ้าง ที่บ้าน
บ้าง อยู่อย่างนั้น ก็ต้องทำใจว่า เพราะการเจ็บป่วยของคุณพ่อเขา แบบบ้าน
ต่าง ๆ ที่จะต้องทำ หรือ ลูกค้าใหม่ ๆ ที่จะรับก็ต้องหยุดไว้หมด เพื่อเขาจะ
ได้แสดงความกตัญญูไปดูแลคุณพ่อ และ อาจหมายถึงการไปพบกับคุณ
น้องสาวญาติสนิทของเขา ซึ่งแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนอาการคุณพ่อเขาที่โรง
พยาบาลหลายครั้งด้วย

และอาจหมายถึงเขามีอิสระ ที่จะได้ออกจากคอนโดที่นั่งทำงาน
เสมือนคอกขังเขาไว้จากที่จะได้พบปะใครต่อใครด้วย

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

เวลาไปรับประทานอาหารพบปะเพื่อนเก่าที่โรงเรียนสาธิต ณ
ถนนสามเสน ข้าพเจ้าได้พบเพื่อนเก่า ซึ่งขณะนั้นได้เป็นคุณนายภรรยา
เจ้าของบริษัท ฯ รถยนต์ชื่อดังของประเทศ จากเยอรมัน เธอเล่าให้ฟังว่า
ได้ไปเรียนวิชาการจัดดอกไม้ที่ SIFA จนจบหลักสูตรเป็นปรมาจารย์ด้านการ
จัดดอกไม้ไปแล้ว และต่อด้วยการเขียนสีบนกระเบื้อง และ ไม้ ทั้งได้นัด
แนะให้ข้าพเจ้าลองไปดูหลักสูตรซึ่งเธอกำลังสอนเป็นอาชีพเสริมของเธอ
อยู่

ข้าพเจ้าไปพบเธอสองแห่ง คือที่ สีลม และที่ สุขุมวิท หลังจาก
ดูหลักสูตรการเรียนซึ่งต้องใช้เงินสูงกว่าจะจบคงเป็นแสน ๆ ข้าพเจ้าก็บอก
เธอว่า สนใจอยู่ แต่ฐานะทางบ้านขณะนั้น คงไม่สามารถไปเรียนกับเธอ
ขนาดนั้นได้

ในบางช่วงที่ข้าพเจ้าไปเฝ้าทรงฯ ร.๕ ที่สำนักซึ่งคุณแทมมี่พา
ไป ร่างทรง ก็ได้เคยสอนให้ข้าพเจ้า จีบใบตองทำบายศรี ให้ดู ทำให้
ข้าพเจ้าสนใจวิธีการทำบายศรี ขึ้นมาต่อมา ก็ได้มี บ้าน "ร่าง" อีกคน ซึ่งอยู่
ติดกับบ้านคุณแม่ของข้าพเจ้า น่าจะเป็น ร่างปู่ฤๅษีตาไฟก็ได้ สอนให้
ข้าพเจ้าทำบายศรีอีกเหมือนกัน แต่แบบชาวบ้านหน่อย ข้าพเจ้าก็ได้วิชา
ครพักลักจำนี้มาหัดทำอยู่สักพักเหมือนกัน

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

แต่วันหนึ่งทางชีวิตด้านคหกรรมของข้าพเจ้าก็เปิดขึ้นให้อีก
ครั้ง ขณะที่กำลังนำเครื่องประดับเพชรพลอยของข้าพเจ้า ไปให้ร้านทองที่
บ้านหม้อ ทำความสะอาดและ ชุบทองคำให้ดูดี ระหว่างเดินกลับไปทาง
ปากคลองตลาด เพื่อจะไปซื้อดอกไม้ไว้ไปถวายพระที่บ้าน ก็ได้ไปเห็น
วิทยาลัยอาชีวะศึกษาเสาวภา ติดประกาศไว้ว่า มีวิชาการสอนของโรงเรียน
ผู้ใหญ่ ภาคค่ำที่นั่น ข้าพเจ้าไปหยุดยืนอ่านดู แล้วสนใจวิชาการคหกรรม
หลายวิชา จึงเตรียมเอกสารที่ทางวิทยาลัยฯ ให้นำเข้าไปขอสมัครเรียน
จัดดอกไม้ รอบค่ำ ที่วิทยาลัยอาชีวะเสาวภา ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อยู่ว่าเขาจะ
ให้ข้าพเจ้าเรียนไหม ? เพราะเขามีข้อกำหนดไว้ว่า ให้เป็นแม่บ้าน ที่ไม่มีงาน
ทำ แต่ข้าพเจ้ามีงานทำอยู่แล้ว แถมเป็นเจ้าของกิจการเองเสียด้วย ทว่า
ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ลงสถานที่ทำงานในใบสมัคร คงเขียนว่าเป็นแม่บ้าน อยู่เท่า
นั้น จึงทำให้ได้มีโอกาสเข้าไปเรียนในการศึกษาผู้ใหญ่ภาคค่ำที่วิทยาลัยฯ

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

ใช้เวลาหลายเดือนมากในการเข้าเรียนวิชาชีพ ตั้งแต่ยังไม่รู้
อะไรเรื่องดอกไม้สมัยใหม่ อาจารย์ ท่านผู้ที่สอน วิชาจัดดอกไม้สมัยใหม่
เป็นอาจารย์ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนอาจารย์ผู้ที่สอนวิชาการจัดดอกไม้
ไทย เป็นอาจารย์ผู้ยังอยู่ในวัยยังไม่สูงอายุนัก ซึ่งมักบ่นว่า พวกนักเรียน
ผู้ใหญ่ภาคค่ำนี้ รอบจัดกันทั้งนั้น ท่าทางรู้ไปหมดกันทุกอย่าง ไม่ค่อยเอาใจ
ใส่วิชาการ โดยเฉพาะข้าพเจ้าซึ่งเข้าเรียนสายเป็นประจำ (เอาอีกแล้ว แหะ ๆ )

ก็เส้นทางจากอินทามระสะพานควายไปถึงปากคลองตลาด ม้น
อาจไม่ไกล แต่รถมันติดที่ถนนราชดำเนินเป็นเกือบครึ่งชั่วโมงทุกวัน
ข้าพเจ้าออกจากบ้านสักเกือบบ่ายสามโมง กว่าจะไปถึงก็เกินเวลาหกโมง
เย็นไปแล้ว

(ยังมีต่อค่ะ )
~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:33:28 น.  

 
 
 
บทที่ ๔๐ (ต่อ ๔ )

เราเริ่มเรียนตั้งแต่ การเลือกดอกไม้ การตัดปักดอกไม้แช่น้ำ
ก่อนจัด การเลือกอุปกรณ์ใช้สำหรับทำงาน และ การจัดดอกไม้ ทั้งไทย
และ นานาชาติ ในแต่ละครั้งจะต้องจัดเตรียม วัสดุอุปกรณ์ ต้องมีการเก็บ
เงินกันทุกรอบ แต่ก็ไม่แพงมากมาย ข้าพเจ้าได้มีโอกาสซื้อหาเครื่องมือวัสดุ
อุปกรณ์สำหรับการจัดดอกไม้สารพัดชนิดในช่วงระยะเวลานั้น และถือว่าเป็น
ช่วงเวลาการทำอาชีพที่มีความสุขช่วงหนึ่ง

เราเรียนกันตั้งแต่ จัดแจกันชนิดต่าง ๆ จนถึงการจัดช่อดอกไม้
และ ขั้นสุดท้ายคือการจัดดอกไม้หน้าศพและ พวงหรีด


สำหรับดอกไม้ไทยนั้น ก็ต้องเรียนการ ร้อยมาลัย การทำตุ้มแบบ
ต่าง ๆ การทำอุบะ การทำเครื่องแขวน การทำมาลัยหลายชนิด การทำพานพุ่ม
ดอกไม้ รวมไปถึงการ ทำบายศรีอย่างถูกหลักการด้วย ท่านอาจารย์สอนวิชา
การทำดอกไม้ไทยนี้ ยังสอนร้อยอาลัยดอกเข็มได้งามกระทัดรัดมาก ท่านมีวิธี
การซึ่งคิดขึ้นเอง แปลกอย่างยิ่ง อย่างที่ข้าพเจ้ามิได้พบเห็นที่ไหนมาก่อน

ข้าพเจ้ายังได้มีโอกาสไปพบท่านอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งพิมพ์หนังสือเรื่อง
การจัดดอกไม้ขาย และ ได้รับซื้อหนังสือของท่านมา ไว้ให้พวกเพื่อน ๆ ในห้อง
ได้ นำไปเป็นคู่มือการศึกษา

กว่าจะจบคอร์สก็หลายเดือนเข้าไปแล้ว ข้าพเจ้ายังมีเพื่อนทั้ง
ฐานะ วัยเดียวกันอีกหลายคน แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ น้อง คนหนึ่งซึ่งมีอาชีพ
เป็นภารโรง หรือคนทำความสะอาดห้องในวิทยาลัยนั้นคนหนึ่ง เป็นคนซึ่ง
อาจารย์จะให้ไปเดินหาซื้อของในปากคลองตลาดมาให้พวกเรา น้องคนนี้
รับงานจัดดอกไม้ให้สถาบันหลายแห่ง ในระยะหลังได้ช่วยทำงานด่วน ๆ
ให้ข้าพเจ้าเช่นทำพวงหรีดหรือแจกันหลายแบบให้ข้าพเจ้าด้วย

เรียนไปไม่นาน ต่อมาข้าพเจ้าก็พร้อมจะรับจัดอกไม้ให้ ญาติ
และ เพื่อนๆ


โชคดีของข้าพเจ้า และ นิคกี้ ซึ่งเพื่อนในกลุ่มทำงานกรรมการ
สมาคมวิชาชีพของเขา ได้มาติดต่อให้เขาไปช่วยคุมงานทำงานที่อื่น คือ
บริษัท ฯ เพื่อนเขาทางด้านใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ห้องที่คอนโดของเราก็
ว่างพอมีที่จะจัดดอกไม้ได้เพราะกลางวันไม่มีใครอยู่ นิคกี้อยู่ก็เหมือนไม่อยู่
ไปเสียแล้ว

แจกันแรก ในการประเดิมงานคหกรรมจัดดอกไม้ของข้าพเจ้า
ได้ท่านพระอาจารย์ ส. ณ วัดชนะสงคราม ท่านสั่งให้เอาฤกษ์เอาชัย ให้คิด
เงินท่านด้วย ท่านให้ทำแจกันดอกไม้เพื่อไปมอบให้พระผู้ใหญ่ สองแจกัน
จากนั้นข้าพเจ้าก็มีลูกค้าอื่นเป็นเพื่อนฝูง ญาติผู้คอยสั่งแจกัน และ กระเช้า

ครั้งหนึ่ง ไปแวะหาเพื่อนเก่า รับกระเช้าหวาย และ ฝึกทำกับ
กระดาษสาให้มีฝีมือดีขึ้น โดยนำตัวเอย่างที่ร้านเพื่อนเก่าข้าพเจ้าทำไว้
ตลอดจนงานฝีมือซึ่งหนังสือผู้หญิงหลายเล่มได้ทำเป็นแบบอย่างลงไว้ใน
หน้าการฝืมือเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า

ครั้งหนึ่งก็มีเพื่อนในวงการธุรกิจ บอกให้ไปออกร้าน เคยไปออก
งานที่กระทรวงหนึ่งข้างคลองหลอด นำกระเช้าเล็ก ๆซึ่งทำไว้ไปจำหน่ายที่
นั่น

เพื่อน ๆ ซึ่ง ทราบข่าวก็ช่วยสั่งงานมากันจนถึงให้ทำพวงหรีด
ข้าพเจ้าได้เคยหัดทำระหว่างเดินไปเดินมา หน้าร้านรับทำพวงหรีด ดอกไม้
หน้าวิทยาลัย ก็เดินดูวิธีการเขาไปทั้งหมด นับแต่การ ตัดปักใส่น้ำที่โคน
ดอกไม้ด้วยถุงพลาสติก หรือหลอดพลาสติคเล็ก ๆ การพันเข้ากับ ไม้เสียบ
ลูกชิ้นก่อนปักบนวงฟาง ไปจนถึง เขียนหนังสือบอกป้ายหรีดเอง โรยกาก
เพชรบนกระดาษสีดำ ก็เป็นตามวิธีการที่ผู้ชำนาญแถวร้านหน้าวิทยาลัยนั้น
ทำให้เห็น

ข้าพเจ้าก็ทำเป็นกับเขาเหมือนกัน และ ก็น่าจะทำเป็นอาชีพราย
ได้ได้ดี หากไม่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแผนการชีวิตบางอย่างเข้ามายุ่งเกี่ยวนัก

การจัดทำดอกไม้ โดยเฉพาะพวงหรีด ดู ๆ ก็น่าจะได้ราคาดี แต่
ก็ต้องยุ่งยากเรื่องการส่งหรีด บางที ข้าพเจ้าขับรถ ขึ้นทางด่วน นำไปส่งวัด
ไกล ๆชานเมือง ทางบางนา หรือวัดในซอยเสนานิคมลาดพร้าว หรือ ใกล้ ๆ
ในเมือง อย่างวัดมกุฏกษัตริยาราม ซึ่งครั้งที่ไปส่งนั้นเป็นแขกระดับวีไอพี
เจ้าของงานเห็นป้ายชื่อบนหรีด ถึงแก่มาต้อนรับเชิญข้าพเจ้าเข้าไปในงาน
เพราะคิดว่า คุณผู้หญิงอย่างข้าพเจ้าเป็นท่านเลขาของท่านผู้มีชื่อบนหรีด

ข้าพเจ้าต้องขอตัวขออภัยแทบแย่ว่า เป็นผู้รับจ้างทำหรีดให้ คงเข้าไป
นั่งในงานแทนลูกค้ามิได้ !

ครั้งหนึ่ง ลูกค้าสั่งหรีดส่งวัดธาตุทอง กว่าจะจัดเสร็จก็ตกหกโมง
เย็นเข้าไปแล้ว ข้าพเจ้า แบกหรีดใส่รถแท็กซี่ไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าซอยอารี
และ แบกหรีดนั้นขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสถานีหน้าวัดธาตุทอง เดินเข้าไปส่ง
ทันเวลาทุ่มกว่าให้ลูกค้าประจำท่านนั้นตรงเวลาได้เหมือนกัน

บางครั้ง ก็ต้องใช้วิธี โทรศัพท์สั่งเด็กที่วิทยาลัย ฯ ดังที่ว่า ให้ทำ
อย่างดีเลิศสั่งมอเตอร์ไซค์หน้าวิทยาลัยให้ไปส่งวัดแถวนั้นให้ด้วย แล้วไป
โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารให้เด็กนั้นโดยด่วน หรือ บางทีข้าพเจ้าไปเอง ไป
สั่งงานเอง จ่ายเงินให้เด็กเจ้าหน้าที่วิทยาลัยฯดังว่า ให้หมด ทั้งค่าดอกไม้ ค่า
รถ ค่าแรงเด็ก แล้วข้าพเจ้าก็ขับรถกลับ คอนโด

ครั้งหนึ่ง ท่านลูกค้า ท่านสั่งช่อกุหลาบนอก นับร้อยดอก มูลค่า
หลายพันบาท ข้าพเจ้าก็ต้องวิ่งแน่บไปดูดอกไม้ร้านประจำ ซึ่งดอก
กุหลาบเนเธอร์แลนด์หมดร้าน ต้องรับกุหลาบคุนหมิงไปแทน ดูเหมือนท่าน
จะบ่นฝากมาว่า ไม่งามสมใจเลย !

(ยังมีต่อค่ะ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:33:54 น.  

 
 
 
บทที่ ๔๐ (ต่อ ๕ )
สู้ ...


อย่างที่เรียนให้ทราบแล้วว่า เมื่อนิคกี้ไปยุ่งกับการเจ็บป่วยคุณ
พ่อเขา ไม่นานคุณพ่อเขาก็เสียชีวิตไป นิคกี้ก็กลับมานั่งประจำที่ดังเดิมและ
รู้สึกรำคาญที่ข้าพเจ้าประดิษฐ์ดอกไม้กระเช้า ฯลฯ นั้นเต็มคอนโดไปหมด
จนแทบจะไม่ได้ทำเรื่องอื่น

การทำตัวให้รำคาญแก่กันอยู่เรื่อย ๆ ก็ทำให้ข้าพเจ้า นึกอยาก
จะออกไปให้พ้นหน้าพ้นตา นิคกี้เข้าไปทุกที จึงไปเดินหาแหล่งที่ตัวเองน่า
จะไปนั่งทำงานดอกไม้ได้ไปดูหลายที่ ระหว่างนั้น รายได้ทางวิทยาลัยที่
เราไปรับทำมากำลังรุ่ง ข้าพเจ้ากันเงินที่จะต้องให้ช่างส่วนหนึ่งไว้ในธนาคาร


วันหนึ่งได้สอบถามท่านอาจารย์ ส. ณ บางพลัด ว่าข้าพเจ้าจะไป
เซ้งร้านที่ ตรงตลาด sunday จตุจักรดีไหม ท่านอาจารย์ ก็ค้านทันทีว่า แถว
นั้นทางรถไฟกำลังจะยึดคืน แถมไม่ปลอดภัยข้าพเจ้ากำลังดื้อดึงว่าอยาก
เซ้งที่ที่คนทำเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าเขาจะเซ้ง ท่านอาจารย์ตอบกลับมาอย่าง
ทำให้ข้าพเจ้าขนลุกไปเลยว่า

"เธอจะไปนั่งให้มันมาฆ่าเธอให้ตายหรือทิกกี้ มันเปลี่ยวนะ
กลางวันธรรมดาที่นั่น "

ลองอาจารย์พูดขนาดนี้ ข้าพเจ้าจะรนไปหาที่เสี่ยงตายกระไรได้
แต่แล้ว ท่านก็แนะนำว่า

"เธอลองไปดูที่สี่แยกโรงเรียนเตรียมทหารเก่า สิ สวนลุมไน้ท์
บาซาร์เขากำลังทำที่ให้ค้าขาย ลองไปนะ เธอจะได้มีเงินมีทองใช้ ลองรีบไป
ติดต่อวางเงินดู แต่จำไว้นะ ถ้าเธอเลือกเธอก็เลือกเอง อาจารย์ไม่เกี่ยวนะ
อาจารย์ไม่ได้ให้เธอไปเลือกไปจองนะ แต่อาจารย์ไม่ให้เธอไปทำที่จตุจักร
ไม่ได้เด็ดขาด "

และ นั่นคือ จุดหักเห อีกหนึ่งจุดของชีวิตในช่วงต่อไปของ
ข้าพเจ้า ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตอะไรอีกหลายอย่าง และ จุดดับ จุดบอด อะไรต่อ
ไปอีกมาก ซึ่งข้าพเจ้าถือว่า ม้นจะเป็นเรื่องยาวอีกหลายบทหลายตอน ตาม
วิถีทางซึ่งข้าพเจ้าไปเลือกมาเอง ....อีกมากนัก

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกี่ยวพันอย่างเด่นชัดในระยะนั้นคือเรื่อง เพื่อนสนิท
ของเขา กับมหกรรมเจ็ดร้อยล้าน

ช่วงนั้น นอกจาก นิคกี้จะไปหารายได้เพิ่มให้ห้าง ฯ เพื่อนเก่าคน
หนึ่งของเขา ผู้มีวาทศิลป์อันแรงกล้า คือ คุณ จอห์น เจ้าเก่า ก็มาเป่าหูล่อให้
นิคกี้ทำงาน "โปรเจ็คท์ใหญ่" ให้เรื่องหนึ่ง ทำให้เขาไม่ทำอย่างอื่นเลย มุ่ง
แต่จะไปทำโปรเจ็ค สองสามร้อยล้านของคุณจอห์น ซึ่งต่อมา ก็ขยับราคา
ขึ้นไปกันว่าเป็นถึงระดับ เจ็ดร้อยล้าน นิคกี้หลงกลดึงเพื่อนรุ่นพี่และ ที่เคารพ
นับถืออีกสองสามราย มาร่วมงาน ทำทั้ง Preliminary Process ตลอดจน
แบบลอย MOCK UP รูปแบบตัวตึกทั้งโครงการทั้งโปรเจ็คต์ หากคิดเป็นเงิน
ทอง ค่าวิชาและค่าเสียเวลา ค่าลงทุนกัน ซึ่งเพื่อน ๆ ทั้งหลายเขาได้จ่ายกัน
ไปเฉพาะช่วงนั้น น่าจะหลายแสนบาทแล้วสำหรับค่าทำงานกันถึงสองทีม
แล้ว

แต่นิคกี้ ก็ไม่ได้ฟังคำทัดทานของข้าพเจ้าเลยว่า ต้องเสนอคุณจอห์น
อย่างเป็นมืออาชีพ คือ ทำสัญญา Professional Fee ให้เรียบร้อย ต้องทำ
สัญญาจ่ายค่าธรรมเนียมวิชาชีพกันมาเลย นิคกี้ก็จะเอ่ยแต่ว่า ไม่ต้อง
หรอก ไม่ต้อง คนอย่างคุณจอห์นอย่างไรก็จ่าย

เขาทำกันอยู่ปีกว่าเกือบสองปี ไม่ทำงานอื่น ๆ เลย จากที่เคยมี
รายได้จากลูกค้าเพื่อนฝูงและ ญาติข้าพเจ้าในปีแรกซึ่งเห็นเข้าบัญชีมาหลาย
แสนบาท กลายเป็นในช่วงสองปีนั้นไม่มีเงินเข้า มาเป็นเวลาปีกว่าสองปี
รายได้การขายของจุกจิกของเก่า ของใหม่อะไรของข้าพเจ้ากลายเป็นต้อง
มาแปะให้ทุกคนในครอบครัวมีกินมีใช้ในช่วงนั้น กระเบียดกระเสียรกันจน
ตัวลีบ กินอยู่กันอย่างประหยัดที่สุด เท่าที่จะทำได้หลังจากที่ไปเสียเวลา
กว่าสองปี งก ๆ ยุ่งวุ่นวายจะทำงานให้คุณจอห์น ขนาดหนัก


แล้วไม่ได้อะไรเลย !!!!
ให้คุณจอห์นตอบว่า ลูกค้าเมืองนอกไม่ตกลงโปรเจคท์
แต่ภายหลังคุณจอห์นนั่นแหละที่โทรศัพท์มาถามว่า จะทำโปรเจคท์กัน
ทำไมนิคกี้ไม่หาบริษัทฯ มาตีราคาค่าก่อสร้างแข่งนั้น ได้ยินเสียงนิคกี้พูด
ว่า ม้นต้องเป็นเขาผู้จะต้องเป็นผู้ทำการก่อสร้างให้ เพระที่ทำให้จนมาถึงขั้น
นั้น มันเลยการตีราคาแข่งไปจนหมดแล้ว เพราะเขาทำให้ขนาด Mock Up
แบบละเอียดภายนอกภายในกันหมดแล้ว

สิ่งที่เขาได้มันไม่ใช่เงินแต่เป็น
ความรู้สึกเสียรู้ ถูกหลอก เจ็บใจ มาแทนที่

แต่ก็เป็นบทเรียนที่ดี ที่เขาน่าจะเลิกมองโลกในแง่ดี สนุกสนาน
เฮฮาเล่นเป็นเด็กไม่รู้จักโตเสียที

ต่อ ความเป็นความตายของการไม่มีเงินใช้ ข้าพเจ้าเอง ก็รู้สึก
ดูแคลนคุณจอห์นอย่างมากในระยะนั้น ความน่าเชื่อถือซึ่งเคยมีให้แต่แรก
ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น นึกขอบคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าหลีกพ้นมือมารมา
ได้อย่างหวุดหวิดฉิวเฉียด แค่เห็นนิคกี้ เจ็บอกเจ็บใจที่เสียรู้เพื่อน ทำทุก
อย่างไปประเคนใส่มือให้เขา ข้าพเจ้าก็ขอบคุณที่เวลาและ บทเรียนชีวิตบท
นี้ น่าจะทำให้นิคกี้หยุดความผิดพลาดได้เสียที แต่ก็จะมีอะไรต่อมาอีกซึ่ง
บอกให้รู้ว่า มนุษย์ผู้มีความหลงเป็นเจ้าเรือนอย่างนิคกี้นั้น ไม่เคยเข็ดหลาบ
จำกับอะไรสักที

อย่างไร ข้าพเจ้าก็ได้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่เขามาจนขั้นนี้แล้ว
ชีวิตข้าพเจ้าจะเดินต่อไปทางไหนกันได้ดีกว่านี้เล่า ?

~~~~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ unlogged in IP: 125.25.45.144 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:36:52 น.  

 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค แรก
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

บทที่ ๔๐ (ต่อ ๖ )

ส่งท้ายภาค .....




ข้าพเจ้าขออนุญาตท่านผู้อ่านทุกท่านว่า นิยาย "ที่ดินผืนนั้น"
ภาคแรก ภาคต้น ปฐมวัย สู่ ภาคกลางของชีวิต มัชฌิมวัย อันได้นำเสนอ
ไป ๔๐ ตอน คิดเป็นหน้ากระดาษเอสี่ที่พิมพ์ออกมาดู ก็หนากว่า ๓๔๐ หน้า
เข้าไปแล้ว หากไปทำเป็น พ็อคเก็ตบุ๊คขนาด เอห้า หรือ ครึ่งเอสี่ หรือ
ที่เรียกว่า ๑๖ หน้ายกพิเศษนี้จะหนาไปเกิน ๖๐๐ หน้าขนาดไหนข้าพเจ้า
ยังเดาไม่ถูก แต่จำเป็นต้อง จบภาคต้น อันดำเนินไปสู่ ภาคกลางชีวิต ใน
เรื่อง "ที่ดินผืนนั้น" ไว้เพียงเท่านี้ก่อน


สิ่งที่กำลังทำต่อไป คือ เรียบเรียง ภาคต่อ
ระหว่างภาคกลางของชีวิต หรือ มัชฌิมวัยนี้ ซึ่งกำลังผัน
เข้าสู่ เส้นทาง ภาคปลายอายุของข้าพเจ้า ไม่นานอีก
ไม่กี่ปี ข้าพเจ้าก็ต้องเดินไปสู่ความเป็นคนชรา

หากจะรอไปบันทึกชีพตนเอง กว่าจะอายุ ๗๐ ๘๐
ปี วันนั้น ข้าพเจ้าจะจำทุกอย่างได้อย่างวันนี้หรือไม่ ถือว่า
เป็นปัญหาใหญ่ต่อไปที่จะต้องทำหรือข้าพเจ้าจะได้ดำเนิน
ไปสุ่วาระสุดท้ายของชีวิตก่อนวัยอันควรก็ยังไม่มีใครจะ
ล่วงรู้อนาคตได้

แต่ทั้งนี้ และ ทั้งนั้น ขีวิตข้าพเจ้าอาจเป็น ดั่ง
อุทธาหรณ์ให้แก่แมลงเม่าอีกหลายกองทัพซึ่งกำลังบินเข้า
สู่ กองเพลิง อันฉาบหน้าไว้ด้วย สวนดอกไม้ ผลไม้อันน่า
หฤหรรษ์ ไม่ว่าจะเป็นต้วยเรื่องความหนุ่มฉกรรจ์ ความสาว
อันผลิเปล่งเบ่งบานจนไม่ทันคิดถึงความร่วงโรย หรือ
ความว่องไวอันกำลังถอยกลับลงไปทุกทีไม่วันหนึ่งก็วันใด

ความประมาทของมนุษย์เราก็อาจนำหายนะมาสู่
ชีวิตในแต่ละช่วงเมื่อใดก็ได้ หากเราไม่ระมัดระวัง

และถึงแม้ เราจะระมัดระวังตัวกลัวภัยถึงที่สุด
ปานใด เราคงมิอาจหลีกเร้นให้พ้นกระแสแห่งวิบากคือผล
แห่งกรรมหรือ การกระทำซึ่งเราได้ทำไว้ในอดีตอันผ่าน
ไป ไม่ใกล้ก็ไกล ซึ่งก่อเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเนื่อง อันจะ
ส่งผลให้ชีวิตเราพลิกคว่ำจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเมื่อใด
ก็ได้


ข้าพเจ้าขออนุญาตจบ ภาคแรก ภาคต้น ของ
ชีวิตอันเกี่ยวเนื่องมาแต่ "ที่ดินผืนนั้น " ไว้เพียงเท่านี้ก่อน

หากมีข่าวคราวเกี่ยวกับภาคมัชฌิมวัยสู่ ปัจฉิมวัย
ต่อไปอย่างใด จะได้เรียนให้ทุกท่านทราบ


~~~~~~~~~ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ ~~~~~~~~~~~


จำต้องเขียนว่า
อวสานภาคแรก นี้ได้ ถึงเวลาของมันแล้ว ถึงแม้จะอยาก
เขียนต่อไป ทีละนิดทีละน้อยอย่างไรก็ตาม ก็ขอให้
ข้าพเจ้าได้มีเวลาขัดเกลาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้


เวลากว่าสี่เดือน นับจาก มีนาคม ถึง วันนี้ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ นี้
ได้ทำให้เกิดนวนิยายเรื่องยาวขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่า
ตนเองจะอดทนพอ มีสมาธิพอที่จะเขียนอะไรได้ ต้องขอบคุณระบบการพิมพ์
DTP ซึ่งเราได้จากเทคโนโลยี ต้องขอบคุณ น้ำมิตรน้ำจิตน้ำใจทุกท่านที่นี่
ซึ่งช่วยกล่อมเกลา กระทุ้ง ผลักดันให้ข้าพเจ้าเดินต่อไป เขียนต่อไป แม้น
ว่า เนื้อหาสาระบางอย่างก็เฉียดเส้นหมิ่นเหม่ล่อแหลมอะไรในวงสังคมอยู่
แม้นว่า หลายเรื่องซึ่งบันทึกลงมา สั่นคลอนความมั่นคงภายใน(ครอบครัว)
อันมีลูกชาย และ ลูกสาว ผู้อาจต้องยืนกอดอกมองดูแม่ตนเองด้วยความ
เคืองกันอยู่ อันมี คุณสามี ผู้มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ หลังจากที่ได้
ให้ความเอื้อเอ็นดูมาอีกหลายปี แล้วก็ตาม


ที่จะอดขอบคุณมาก ๆ มิได้ คือ เว็บพันทิป และ หน้านิยาย ซึ่งให้
โอกาสข้าพเจ้า ได้ ถ่ายทอดวิญญาณชีวิต อันเจ็บปวดบ้าง เข้มข้นบ้างลงมาที่ละ
บทละตอน โดยไม่ทำการ ปิดกั้นความคิดอิสระของข้าพเจ้าเลย ที่นี่ เหล่าสมาชิก
ท่านมาติติงของท่านกันเอง สมาชิกผู้ไม่ได้ลงชื่อ ท่านก็ติดตามอ่านของท่านกัน
อยุ่เงียบ ๆ หวังใจว่า เรื่องนี้ของข้าพเจ้า คงไม่ได้ทำความระคายเคืองหมางใจให้
แก่ผู้ใด อย่างน้อย ท่านโปรดได้คิดว่า เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่งจากจินตนาการ
ย้อนหลังของข้าพเจ้าไปเสียเถิด
แต่ ในที่สุด ก็มาถึงวันนี้แล้วจริง ๆ สำหรับ ภาคแรกของเรา



tiki_ทิกิ

บันทึกช่วงเวลาสุดท้าย ณ เวลา ตีห้ากับอีก
๒๗ นาที คืนวันศุกร์ ๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
ต่อ เช้าวันเสาร์ที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑

เรือนนนทบุรี ประเทศไทย

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
(เข้ามาแก้ไขคำผิดและเพิ่มเติมเนื้อหาท้ายข้อความนี้อีกครั้ง เมื่อเวลา
๑๕:๕๕ นาฬิกา ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
ขอบคุณทุกท่านจากใจอีกครั้ง
 
 

โดย: tiki_ทิกิ unlogged in IP: 125.25.45.144 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:37:46 น.  

 
 
 
ถึงแม้จะมีบทกลอนมากมายซึ่งเขียนไว้ที่ไทยโพม
แต่ขอคัดบทสั้น ๆ นี้มาสักนิด จาก link หน้าเรื่องสั้น เช่นกัน
น่าจะเป็น ถ้อยจากใจ สุดท้าบซึ่งอยากฝากไว้


ที่รัก คุณจะหยุดดีจนฟ้าสะเทือนเสียทีได้ไหม
ทิกิ_tiki

๏ โลกสวยสดใสของฉัน
เธอทุบพังมันหมดหรือไม่ ..?
ดนตรี...สีสัน..ในหัวใจ
หวั่นไหว..ถึงใคร..ถึงเธอ ๚ .

....... ๏*คุณคูขา**
หนูเพียงอยากดูดอกไม้
หนูเพียงอยากดูผีเสื้อบินไป
หนูเพียงอยากได้ยินเสียงดนตรี

...... ๏ หนูเพียงอยากร้องเพลงก้องกังวาน

หนูเพียงอยากชื่นบานในสวนศรี

หนูเพียงแอบเขียน..อ่านบทกวี

ขอเพียงเท่านี้...ชีวิตหนู ๚

ที่มา
2623 07 มิ.ย. 47 - 01:40 ๔๖ ที่รัก คุณจะหยุดดีจนฟ้าสะเทือนเสียที,.-ได้ไหม 2201 552 14
//www.thaipoem.com/forever/ipage/story2623.html


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:41:38 น.  

 
 
 
จัดดอกไม้...ครุจับมือสอน...เรื่องเสริมนิยาย "ที่ดินผืนนั้น "
เขียนเรื่อง ยาว นิยาย "ที่ดินผืนนั้น" จบไปเมื่อวานนี้ เช้าวันนี้
เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าเคยเขียน "เรื่องสั้น" ไว้ที่ ไทยโพมดอทคอม ไปค้นหา
ข้อมูลดุ เพิ่งพบเรื่องเดียวกัน ซึ่งขยายความไว้ละเอียดอย่างยิ่ง ขออนุญาต
นำมาลิ้งค์ที่นี่เพื่อเสริมเรื่อง นิยาย "ที่ดินผืนนั้น" ให้กระจ่างตาขึ้นมาอีกนิดค่ะ

//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6770748/W6770748.html
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:44:45 น.  

 
 
 
หวัดดีจ้าคุณทิกิ สบายดีมั้ยคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:03:23 น.  

 
 
 
มาเยี่ยมค่ะ ไม่ได้แวะมาซะนานเพราะหนีไปเพิ่มน้ำหนักที่แม่สอดมานานเลย อิอิ
ถ้ามีโอกาสไปแม่สอดอย่าลืมถั่วPistachioนะคะ..ของเขาดีจริงๆ ..ฮ่าๆๆ
ตอนนี้ยังไม่ได้อัพอะไรเพิ่มเลยเพราะเคลียร์งานเก่าๆอยู่ แต่ตามอ่านบล็อกเก่าๆอยู่ค่ะ ^^
 
 

โดย: Charlotte Russe วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:56:45 น.  

 
 
 

คุณ : ส้มแช่อิ่ม คะ ขอบคุณที่แวะมา ลงชื่อ อ่านบล็อก
หรือมิฉะนั้น ก็ติดตามถามข่าวคราวเป็นประจำนะคะ


คุณ : Charlotte Russe คะ ไปอยู่แม่สอดมานานแล้วเหรอ
คะ ..ถั่วที่ว่านั้น อร่อย ๆ มาก ค่ะ เด็กเพิ่งซื้อมาฝากสัก
สองเดือนก่อน สองวันก็หม่ำกันหมดถุงจริง ๆ ค่ะ

ขอบคุณที่ตามมาอ่านบล็อกเก่าเรานะคะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ unlogged in IP: 125.25.76.223 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:31:04 น.  

 
 
 

ขอบคุณทุกท่านผู้มาเยี่ยมเยือนบล็อก อีกครั้งนะคะ


ช่วงนี้ ขอเวลา พักสมอง จากการเขียนเรื่องอันเครียด
ๆ ซึ่งเป็นอดีตอันหนักหนาสาหัสสักหน่อย

ชีวิตเราในแต่ละวัน ก็สงบราบเรียบ ร่มรื่น และ
จุกจิก กับ ลูกปลาน้อยบ้าง ต้นไม้ใบพฤกษ์บ้าง สุนัขบ้าง
วิฬาร บ้าง (หมากับแมว)

นอกนั้น ก็คือ การเป็นไปอย่างธรรมดา เป็น
คุณผู้หญิงของบ้านคนหนึ่ง ซึ่ง คนดูแล คือ คุณหุ้นส่วน
หรือ คุณข้างกาย ซึ่งคอย เอาอกเอาใจ ตามประสาคนจิตใจ
โอบอ้อมอารี ชอบเอื้อเฟื้อชาวบ้านของเขา เราก็ได้อานิสงส์
ที่เขา คอยหาข้าวหาปลาให้รับประทานไปวันละหลายมื้อ
นะคะ มีที่กิน มีที่นอน มีที่หายใจ พอประทังชีวิตกันไป


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:06:00 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com