ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
บท ๓๑...

บันทึกท้ายบท ๓๐ ภาคหก

อันที่จริง ไม่คิดว่าจะ ขยายความการทำงานให้มากเกินไป แต่
มี ข้อพิจารณาว่าควรเขียนเพิ่มเรื่องงานการอันเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่ง
ต่อไป ก็ยังคงจะมีอีกงานสองงาน สลับกับเรื่องอื่น ๆ ที่กำลังโหมเข้ามา
ใน บทต่อไป อันเป็นการขึ้น ภาคเจ็ด แล้ว

มองไปยังไม่เห็น " พระเอกตัวจริง " คือ 'ที่ดินผืนนั้น' เลย
เขายังคง เป็น พระเอกแฝงเร้นให้ข้าพเจ้าอยู่ตลอดระยะเวลาของชีวิต
ช่วงผกผันระหกระเหินนั้น
มองดูในระยะไกล จะมองเหมือนชีวิตข้าพเจ้า เริ่มตั้งหลัก
ปักฐานเต็มที่ แต่มองในระยะประชิด จะเห็นว่า การงานอันไม่เสถียร
ของข้าพเจ้า ได้ส่งผลสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเงินและชีวิตความ
เป็นอยู่ในช่วงวัยกลางคนอย่างรุนแรง
จนแม้เมื่อมองกลับไปในวันนั้น ข้าพเจ้าถึงแก่ถามตัวเอง
ราวกับคราง ออกมาว่า
"ผ่านมันมาได้อย่างไร ? "
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
บทที่ผ่านมา

บทที่ ๓๐
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6615598/W6615598.html

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=17-05-2008&group=7&gblog=25จบภาคหก

เพิ่มภาค ๗ บทที่ ๓๑ ที่พันทิป
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html


Create Date : 19 พฤษภาคม 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:06:02 น. 13 comments
Counter : 455 Pageviews.  
 
 
 
 
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาค เจ็ด

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
@@@@@ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ @@@@@@

บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๑ ทอยลูกเต๋า

ย้อนกลับมาที่ช่วงทำไปรษณีย์ ข้าพเจ้าพยายามอย่าง
ที่สุดที่จะดูแลลูกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอถึงวันหยุดนั้น
เหมือนขึ้นสวรรค์ หากพาลูกไปเที่ยวได้ ข้าพเจ้าจะรีบพาไป
ทันที เหมือนอย่างครั้งหนึ่งได้พาสองคนนั่งรถไฟไปบางปะอิน
สามคนแม่ลูก ...ตามเคย พ่อของลูกแทบจะไม่เคยมีเวลาไป
เที่ยวกับเรา เขากำลังยุ่งวุ่นวายกับวิถีการทำงานที่ใหม่ของเขา
เหมือนอยู่กันคนละโลก

เรื่องการเรียนของลูกสาวนั้นไม่น่าเป็นห่วง ยังคง
เรียนดี มีวินัยในการเรียนและ ดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี แทบ
จะไม่น่าเป็นห่วงอะไร

แต่สำหรับลูกชายแล้ว อาการป่วยไข้ที่เรื้อรังมา
ทำให้ช่วงหนึ่งต้องเปลี่ยนโรงเรียนให้ลูกชายอย่างกระทันหัน
เพราะได้รู้ว่า ที่โรงเรียนเก่าของเขานั้น อาจารย์พละ ใช้วิธี
ทำโทษ ให้ลูกชายยืนอยู่ตรงบันได ปากคาบรองเท้าตัวเอง
และ ให้เพื่อนของเขาเดินมาเตะก้นเขาได้

ถึงแม้จะรู้จักกับเจ้าของโรงเรียนเป็นอย่างดี แต่
ข้าพเจ้าไม่สามารถทนให้ลูกถูกทำร้ายขนาดนั้นได้ จึงต้อง
พาลูกย้ายโรงเรียนด่วนโดยขอให้คุณน้าของข้าพเจ้าซึ่งเป็น
กรรมการหมู่บ้าน การเคหะแห่งชาติฝั่งคลองประปา ช่วยฝาก
กับท่านอาจารย์ใหญ่ขอให้ลูกย้ายโรงเรียน ข้าพเจ้ากล่าวกับ
อาจารย์ใหญ่ว่า ลูกจะเรียนไม่เก่งก็ไม่ว่า แต่ขอให้อยากมา
โรงเรียน ขอให้โรงเรียนเข้าใจว่าลูกเรามีโรคเรื้อรังประจำตัว
กินยาแล้วออกอการเพี้ยนได้

ก็เพราะโรคหอบที่เขาเป็นอยู่จากการแพ้ตัวไรในฝุ่น
บ้าน จำเป็นต้องใช้ยาแก้หวัด แก้แพ้ที่ทำให้เขาง่วง
และมีอารมณ์หงุดหงิดในบางครั้ง ขอให้อาจารย์ ช่วยดูแลให้
ด้วย ดังนั้น ลูกจึงย้ายโรงเรียนเป็นครั้งที่สาม และ ข้าพเจ้า
ก็แอบไปดูเขาบ่อย ๆว่าอยู่ที่โรงเรียนมีความสุขดีไหม

ตกเย็น ระหว่างที่ข้าพเจ้ายังติดภาระไปทำงานที่บริษัทฯ
ในกรุงเทพฯ หรือ ช่วงที่ต้องทำไปรษณีย์ก็ตาม กว่าจะไปรับเขา
ได้ก็เกินห้าโมง หกโมงเย็นไปแล้ว จึงให้เขาเดินไปเมื่อเลิกเรียน
แล้วให้ไปคอยที่บ้านคุณน้าซึ่งคุณยายของข้าพเจ้าเป็นคุณทวด
ของลูก ยังอยู่ที่นั่น ผู้เฒ่าของข้าพเจ้า ท่านทำอาหารเย็นไว้รอ
เหลนทุกวัน เพราะกว่าข้าพเจ้าจะเลิกงานก็เย็นกว่าจะไปรับได้
ก็ห้าหกโมงไปแล้ว

เมื่อจัดการเรื่องเรียนของลูกเข้าที่ไปแล้ว เจอพิษงาน
ประจำสองแห่งทั้งบริษัทของนาย ส. และบริษัทที่สาธรข้าพเจ้า
ก็ถอดใจคิดหางานทำเอง

ช่วงนั้น เราเหลือรถบีเอ็มเก่า ๆ อยู่คัน เอาไว้ไปธุระ
ซื้อข้าวของหรือไปรับส่งลูกไปกลับโรงเรียนเป็นบางวัน ซึ่งข้าพเจ้า
ยังมีอีกหน้าที่คือต้องนำรถไปซ่อมที่อู่ซ่อมถนนแจ้งวัฒนะ วัน ๆ
ที่ว่าง ก็ต้องไปนั่งคอยช่างซ่อมรถ หมุนไปหมุนมาหลายชั่วโมง
จนกว่าเขาจะรักษาอาการงอแงนั้นได้ ค่าซ่อมแต่ละครั้ง ก็หลัก
พัน หลายพัน จนสุดท้ายมันเป็นหลักหมื่น



(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:34:30 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๑ ทอยลูกเต๋า (ต่อ ๑ )

แล้วก็มาถึง
เรื่องการศึกษาของข้าพเจ้าเองบ้าง

ถึงแม้ชีวิตจะ ขึ้น แล้วลง ราวกับเล่นเกม งูตกบันไดแข่ง
กับโชคชะตา โยนลูกเต๋าตกช่องดี ได้ขึ้นบันได ตกช่องร้ายเจอ
หัวงู ร่วงหล่นตุ้บไปอยู่ปลายหางเจ้างูตัวร้ายก็ตาม

จากการที่อดทนอยู่ไม่กี่ปี ข้าพเจ้าก็สอบผ่านทุกวิชา
ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หรือ มสธ. แล้ว ได้เข้าไปร่วม
วิชา ฝึกปฏิบัติประสบการณ์วิชาชีพทำรายการโทรทัศน์ สวมวิญญาณ
ผู้กำกับโหด ทำหนังสารคดีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผ่านการสอบการเรียน
ช่วงสุดท้ายเสร็จสิ้น

และก็ถึงเวลาจะได้ไปรับปริญญาในปีถัดไป..เป็นปีที่
ข้าพเจ้ามีความชื่นชมพอ ๆ กับความกังวลกับอะไรหลายอย่างใน
ชีวิตที่ตอบไม่ได้ ว่าการขึ้นบันไดบ้าง ตกหางงูบ้าง นี้มันเกมของ
ใคร มันเกมฝึกอะไร ฝึกความถ่อมตัว ตีกระจุยความเย่อหยิ่งจอง
หองพองขนของข้าพเจ้า หรือ เป็นแค่ เกมเล่นสะใจของพระเจ้า
อะไรกันแน่ ?



นึกย้อนไปถึงตอนนั้น ถามตัวเองว่า เราไม่มีปัญญาจะยื้อ
บ้านหลังเดียว หลังดี หลังที่อยู่กันมีความสุขหลังนั้นได้หรือไร ?
ข้าพเจ้าไม่พบคำตอบเลย ไม่ว่าจะไปถามองค์เทพ องค์พรหม แม้น
กระทั่งถามหลวงพ่อเสือ ญาณพระสงฆ์ซึ่งมาลงทรง ท่านก็ยังตอบ
เป็นเสียงเดียวกันหมด ว่า
"ขายเสียเถิด"


ข้าพเจ้าได้ดิ้นรนเปลี่ยนธนาคารขอกู้เพิ่มไปแล้วครั้งหนึ่ง
เปลี่ยนจากธนาคารซึ่งพี่สะไภ้ฝากฝังให้เป็นธนาคารของรัฐบาลเพื่อ
จะได้ดอกเบี้ยถูกลง แต่กระนั้นก็ดี มันก็ชักหน้าไม่ถึงหลังเหมือนเดิม
แก้ไขปัญหาไม่ได้ เริ่มวงจร หาเงินวิ่งส่งแบงก์ หมุนไปหมุนมาเป็น
การใหญ่อีกแล้ว ตัวแดงติดแบงก์เกินสามเดือน เป็น หกเดือน
เป็นเก้าเดือน และ เป็นหนึ่งปี...ที่เราไม่สามารถทำตัวเลขใช้หนี้
เขาได้ตามระยะเวลา

ทางรอดให้พ้นจากหนี้ธนาคารที่ยื่นโนติ้สจะฟ้องศาลเรียก
เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยสองล้านสี่แสนกว่าบาทของเรานั้นในตอนนั้น
มีทางเดียวคือ ต้องประกาศขายบ้านหลังนั้น เหมือนคำพิพากษาชีวิต
ซึ่งเคยปรึกษาคุณพ่อไว้เมื่อครั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่ว่าจะเลือกบ้านหลังไหน
อยู่ดี และท่านให้เลือกบ้านริมถนนเผื่อว่าข้าพเจ้าหมดเงินหมดทอง
ยังบอกขายออกได้ !

โฉนดที่ดินผืนพระเอกของข้าพเจ้าที่ซอยแผ่นดินทอง
ไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรือ ? ไม่ใช่เลย!! เขาคือพระเอกหลักที่คอยไป
กู้หนี้ยืมสินเพิ่มให้เพื่อให้เรามีกินมีใช้ จุนเจือหายใจต่อไปจนกระทั่ง
วันนั้น ยอดหนี้เงินต้นของเขาอย่างเดียวก็เกือบเจ็ดแสนเข้าไปแล้ว .
..เราอยู่กันมาอย่างไร สามสี่ปีที่นั่น ที่หนี้สินนั้นเหยียบสามล้าน
กว่าเข้าไปอย่างนั้น ?

แค่ภายในปีสองปีต่อมา ชะตาเกมชีวิตทอยลูกเต๋ามันก็
หล่นไปที่หางงูกลิ้งไปที่จุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพราะลูกเต๋าชีวิต
มันตกเศรษฐกิจย่อยยับอีกครั้ง ทว่าสำหรับข้าพเจ้าแล้วมันไม่ใช่
การเริ่มต้น แต่มันเสมือน ติดลบตกไปแขวนแง่หินหน้าผาห้อย
ต่องแต่งอยู่ตรงนั้นเลย

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
(ยังมีต่อ)
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:10:23 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๑ ทอยลูกเต๋า ( ต่อ ๒ )
>>>>>>>>>>> O <<<<<<<<<<

ข้าพเจ้าสะท้อนสะเทือนใจเมื่อเขียนถึงตรงนี้ ตรงที่นึก
ถึงหน้าลูกชาย นายแช้มป์คนเล็ก ๆ คนนั้น ที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่
ที่โต๊ะอาหารบ้านห้าสิบสาม เด็กชายกำลังร้องไห้ น้ำตาไหลเสียใจ
เสียเต็มประดา
"แม่ แม่อย่าย้ายบ้านไปไหนเลย แช้มป์รักบ้านนี้ "
เขาย้ายไปย้ายมากับข้าพเจ้ามารวมสองหนแล้ว หนนั้น
กำลังจะเป็นหนที่สามในชีวิต ที่จะต้องเก็บข้าวของย้ายไปยังบ้าน
คุณยายอีกครั้ง
" ไม่ได้หรอกลูก เราเป็นหนี้ธนาคารมากนัก คงอยู่ที่นี่
ไม่ได้อีก "
ข้าพเจ้านั่งกินข้าวต้มตอนเช้าสองคนกับลูก น้ำตาปริ่ม ๆ
จะไหลตามลูกเสียให้ได้..มันไม่ใช่แค่ปัญหาสารพันเรื่องเงินเรื่องทอง
อย่างเดียวดอก มันมีปัญหาอื่น ๆ มากกว่านั้น ซึ่งข้าพเจ้าเลือกจะไม่
ยอมจดจำ เลือกจะไม่คิด เพราะมันวุ่นวายสับสนน่าเบื่อหน่ายเกินกว่า
จะไปสู้รบปรบมือกับใคร กับอะไร ลำพังแค่ปัญหาเศรษฐกิจนั้นก็
หนักหนาสาหัสเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว


ขณะนั้น เราต้องย้ายครอบครัวออกไปหมกอยู่ตรงส่วน
บ้านของคุณแม่ ซึ่งเคยเป็นห้องเก่าของข้าพเจ้า เพื่อประหยัดรายจ่าย
และจำเป็นจะต้องขายบ้านห้าสิบสามของเรา ไม่มีอะไรจะดีกว่าต้องย้าย
ออกไปเพื่อทำให้บ้านหลังห้าสิบสามนั้นว่างโล่งพอจะให้คนเข้าไป
ดูบ้านเผื่อเขาจะซื้อได้


เรื่องรถที่ต้องซ่อมแล้วซ่อมอีก จนแทบจะไม่เหลือเงิน
กันไว้ใช้รับประทานกันในบ้านอีก ข้าพเจ้าไม่อาจที่จะทนค่าซ่อม
อีกแล้ว จึงนำเอาคุณหญิงบีเอ็มดับบลิวคันนั้นไปจอดไว้หลังบ้าน
คุณแม่ในที่ดินของน้องชาย ตากแดดตากฝนแค่ไม่กี่เดือน มันก็
ผุพัง หมดราศรี ดูไม่ได้เลย จนพี่สะไภ้ที่สองเย้ยเอาให้ว่า

"เก็บเอาไว้ปลูกสะระแหน่หรือไง "

จะไปไหน เราก็ไปกันด้วยรถเมล์บ้าง รถสองแถวบ้าง ทำอย่างไร
ก็ได้ เพื่อให้เงินเดือนเพียงนิดของนิคกี้ มีพอใช้สำหรับค่ากินค่าอยู่ค่าลูกไป
โรงเรียน นิคกี้เอง ก็ปรับตัวขึ้นรถเมล์สาย ๒๔ ไปลงหน้าปากซอยที่ทำงาน
ของเขา แล้วก็ต่อสองแถวเข้าไป ครั้นเมื่อเขาย้ายที่ทำงานใหม่กันในช่วงนั้น
เปลี่ยนจากพนักงานระดับบริหาร ไปเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกับหุ้นส่วนอีกสองคน
เขาก็ยัง นั่งรถเมล์ไปอีกพัก เมื่อไม่ต้องซ่อมรถกันอย่างที่ต้องทำ เราจึง
มีโอกาสไปกินอาหารตามศูนย์การค้า พาลูกไปช้อปปิ้งของกินของใช้ที่จำเป็น
แล้วก็ว่ารถตุ๊ก ๆ กลับบ้าน สักสองสามทุ่มเพื่อดำรงชีวิตให้มันมีสีสันบนความ
ทุกข์ที่กระหน่ำโครม ๆ ลงมา อย่างไม่ยั้งนั้น

มีเพื่อนเก่าที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัย ได้แนะนำให้ข้าพเจ้า ลองหา
สินค้าเข้าไปขายที่ ตึกสหประชาชาติ ซึ่งเขาจะมีที่ให้ขายเดือนละครั้ง
หรือสองครั้ง ข้าพเจ้านึกสนุก ก็ไปกว้านซื้อผ้าฝ้ายผ้าไหม เวลา
ขึ้นเหนือไปกับญาติ ไปหาผ้ามาหลายม้วน แม้กระทั่ง"ฝ้ายป้า
แสงดา" ถึงจอมทองก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นไปซื้อมา

ช่วงที่ย้ายบ้านไปอยู่บ้านคุณแม่ใหม่นั้น
ได้ติดต่อนายทุนขอผ่อนซื้อรถตู้ไว้อีกหนึ่งคัน ไว้ขนสินค้า
ไปขาย ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ยังพอมีกำลังใจสู้ชีวิตไปแกน ๆ
ดีกว่าที่จะนั่งทนทุกข์กับความไม่มีอนาคต




(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:11:32 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๑ ทอยลูกเต๋า (ต่อ ๓ )

ข้าพเจ้าจำได้ว่าเป็นวันสิ้นปี ๓๐ ธันวาคม ปีนั้น
เมื่อไปกินอาหารกันที่เดอะมอลล์ถนนงามวงศ์วาน ข้าพเจ้า
พร้อมครอบครัวก็ไปแวะกินพิซซ่ากันที่ชั้นสอง รู้สึกอารมณ์ดีเบิกบานใจกันอย่าง
มาก เด็ก ๆ ก็ดีใจที่พ่อแม่พามากินอาหารบนห้างกันเหมือนเดิม เมื่อรับประทาน
กันเสร็จ ก็เรียกรถตุ๊ก ๆ กลับบ้านคุณแม่ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดเมื่อถึง
หน้าบ้าน ข้าพเจ้าก็เกิดอาหารปวดเอวจนขาเกร็งไปหมด ยิ่งกว่าเป็นตะคริวเพราะ
มันกระดุกกระดิกขาไม่ได้ ต้องให้คุณสามีลากประคองเข้าบ้านคุณแม่ไป
แล้วก็ต้องไปนอนบนเตียงหน้าหิ้งพระ ลุกไม่ขึ้นเหมือนคนเป็นอัมพาต ดีที่มี
ยาเส้นผง เป็นยาไทยสูตรของอภิธรรมมูลนิธิ ซึ่งสำนัก หลวงพ่อเสือ เขาผสม
ไว้จำหน่ายจ่ายแจกให้ผู้ปฏิบัติธรรมกินแก้อาหารเส้นขัดเส้นเคล็ด อยู่ในบ้าน
ห่อสองห่อ
ข้าพเจ้าขอให้เขาช่วยชงน้ำร้อนกับยาเส้นผงสีเหลืองนั้นกรอกปากให้
แต่ก็ยังต้องนอนแบบอยู่กับเตียง
บ้านพี่ชายติดกันเขาเลี้ยงปีใหม่ ใน วันที่ ๓๑ ธันวาคม ปีนั้นข้าพเจ้า
ก็ยังลุกไม่ได้ จะเข้าห้องน้ำก็ต้องเรียก สามีกับลูกให้มาช่วยยกตัวข้าพเจ้าไป
ที่ห้องน้ำ ครั้นแล้วก็กำหนดจิต พยายามมองไปยังพระพุทธรูปที่หิ้งพระ
บ้านคุณแม่ เมื่อนอนบนเตียงหน้าหิ้งพระนั้นว่า
๐๐๐๐ ข้าพเจ้ายังจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ลูกยังเล็ก ยังไม่มีใครช่วย
ตัวเองได้ ข้าพเจ้าจะเป็นง่อยอย่างนี้ไม่ได้ จะเป็นการทุกข์ยากลำบากแก่ครอบ
ครัว หากลุกไม่ได้ ให้ข้าพเจ้าตายเสียดีกว่า ๐๐๐

วันที่สามที่ข้าพเจ้าพยายามกินยาผง ยาเส้นผง ยาบำบัดโรคอัมพาต
อันเป็นยาไทยทั้งหมดนั้น ข้าพเจ้าก็ฝ่าฟันกับความเจ็บร้าวทั่วสรรพางค์ราวกับจะ
ขาดใจนั้น ลุกขึ้นมาได้ เหมือนปาฏิหาริย์ ข้าพเจ้าลุกได้เองแล้วไม่ต้องนอนเป็น
ง่อยอยู่กับเตียงแล้ว !!

(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:12:15 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๑ ทอยลูกเต๋า (ต่อ ๔ )

นับจากวันที่ทำหนังสือขอจบ ระหว่างที่รอคอยการ
รับปริญญานั้น ข้าพเจ้าก็ได้ไปสมัครสอบเข้าเรียนบัณฑิตศึกษา
ที่ มหาวิทยาลัย ศิลปากร ดูรายการที่จะเรียนในมหาวิทยาลัย
ดังกล่าวไม่มีวิชาไหนที่จะเรียนได้เท่าเทียมกับวิชา จารึกไทย
ภาควิชาจารึกภาษาตะวันออก เพราะอย่างไร ภาษาไทยก็เป็น
ภาษาที่ใช้อยู่ประจำ การเรียนจารึกไทย ข้าพเจ้าต้องเรียนได้แน่นอน

หากเปรียบว่า ข้าพเจ้าทอดลูกเต๋าไปตกช่องโชคดี
ทางการศึกษาในปีนั้นก็ย่อมได้ เพราะข้าพเจ้าสอบติดบัณฑิตวิทยาลัย
อย่างแน่นอน

ผลสอบที่ออกมา ข้าพเจ้าได้รับยกเว้นผ่านวิชาภาษา
อังกฤษ จากคะแนนสูงลิบลิ่ว หากจัดอันดับผู้มีสิทธิ์เข้าเรียนในปีนั้น
ชื่อข้าพเจ้าคงอยู่ระดับ ที่ ๑ หรือ ๒ ของผู้มีสิทธิ์เข้า โดยเฉพาะ
ความฟลุ้คที่ได้อ่านหนังสือเรื่องจารึกพ่อขุนรามคำแหงกับ
การทดสอบทางวิทยาศาสตร์ของภาควิชาโบราณคดี เพื่อดูอายุ
หินทรายกับร่องรอยการสึกกร่อนของจารึกเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นของ
จริงไม่ใช่ของเก๊ดังที่มีนักวิชาเกินหลายท่านออกข่าวกันในช่วงนั้น
ซึ่งเป็นข้อสอบที่ออกในปีนั้นพอดี ข้าพเจ้าจึงสามารถบรรยายอย่าง
ละเอียดละออเสียหลายหน้ากระดาษ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


ค่าใช้จ่ายในการศึกษาระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัย
ศิลปากรในครั้งนั้น นับเป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกที่สุด ลงทุกวิชาในปีแรก
ยังเป็นเงินแค่เทอมละ สี่พันกว่าบาท น้อยกว่าค่าเรียนของลูกสาว
ที่โรงเรียนชั้นประถมปลายของเธอกว่าสามเท่า ข้าพเจ้ายังพอมี
เงินใช้เรียนได้นิดหน่อย และ ใช้วิธีการเดินทางอย่างประหยัดเพื่อ
ให้ได้ร่ำเรียนในความปราถนาอย่างแรงกล้า ที่จะจบปริญญาโท
ให้เหมือนน้องชาย ที่จบจาก นิด้า แล้ว และ พี่ชายคนโตผู้กำลัง
เรียน MBA ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้าพเจ้าไม่อยากถูกพี่น้อง
ชี้หน้าว่า การเรียนไม่เอาไหน จึงพยายามไปเรียนให้ได้


แล้วก็ถึงเวลาที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
เรียกตัวเข้ารับปริญญา...


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
(ยังมีต่อ )
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:13:20 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๑ ทอยลูกเต๋า (ต่อ ๕ )


วันที่ยืนอยู่ในกระบวนบัณฑิตหน้าพระที่นั่งเพื่อรับ
ปริญญาจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎ
ราชกุมาร ที่สวนอัมพรนั้น ข้าพเจ้ารำลึกถึงวันอันเป็นโอกาสดียิ่ง
ซึ่งได้มาเต้นโมเดิร์นด๊านซ์หน้าพระที่นั่ง ณ สถานที่เดียวกัน ต่อ
หน้าพระพักตร์สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีใน
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่รัชกาลที่เจ็ด และ ต่อหน้า
พระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงพระมหากรุณา
เสด็จพระราชดำเนินมาประทับทอดพระเนตร การแสดงรีวิวของ
เหล่านิสิต ในคืนวันเฉลิมฉลองวันงานพระรูป ๒๒ ตุลาคม พุทธ
ศักราช ๒๕๑๓ วันคืนเหล่านั้นได้ผ่านล่วงไป กว่า ๒๐ ปีแล้ว !!

บัดนั้น ข้าพเจ้า..อีกหน่วยหนึ่งของผู้มีโอกาสใน
การศึกษาระบบทางไกล ก็เดินกลับมารับปริญญาจากพระหัตถ์
สมเด็จพระบรมฯ แม้นจะเป็นเพียงแค่แวบเดียวชั่วไม่ถึง
สองนาทีที่ได้ถวายบังคมเข้าเฝ้ารับพระราชทานปริญญาจาก
พระหัตถ์นั้น แต่ก็นับเป็นเกียรติยศของชีวิต ที่มองย้อนกลับไป
ไม่สามารถนำคุณพ่อมายืนใกล้ๆในวันรับปริญญาตรี ทั้งที่ท่าน
เป็นผู้พากเพียรพยายามผลักดันให้ข้าพเจ้าได้ร่ำเรียนระดับปริญญา
ตรีอีกครั้งเพื่อหวังให้สำเร็จให้ได้

ข้าพเจ้าในชุดเสื้อครุยสีขาวขลิบทองสวมทับชุดขาวบน
ร่างท้วม ผมกร้อนจนสั้นเกรียน ราวกับเป็นแม่ชีคนหนึ่ง เดินถือ
ใบปริญญาสีเขียว ฝ่าฝูงชนออกมายืนหน้าพระบรมรูปทรงม้า
สถานที่ข้าพเจ้าเคยวิ่งเสก๊ตสมัยเล็ก ๆ กับพ่อและ พี่ชายน้องชาย
เวลาตีห้ากันบ่อย ๆ

สถานที่ที่เมื่อวาระ ๑๒-๑๔ ตุลาคม ปีพุทธศักราช๒๕๑๖
พวกนักศึกษาร่วมอุดมการณ์ออกมาประท้วงรัฐบาลจอมพลถนอม
จอมพลประภาส ที่พวกเรานักศึกษามาร้องเยิ้ว ๆ กันอยู่แถบนั้น
จนถึงไปนอนที่หน้าพระราชวังสวนจิตรลดา

สถานที่ที่พวกข้าพเจ้าเมื่อครั้งศึกษา ณ มหาวิทยาลัยธรรม
ศาสตร์และการเมือง ได้เดินขบวนออกจากมหาวิทยาลัยมาร่วม
ชุมนุมแสดงพลังกันก่อนวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และ ก็อัปเปหิ
ตัวเองให้ไปทำงาน เดินหันหลังให้สถาบันการศึกษาของรัฐบาล
ไปนานปี

บัดนั้น ข้าพเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕
ผู้ทรงม้าอยู่ตรงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ข้าพเจ้ายืนถ่ายรูปกับ
คุณแม่ กับพี่สะไภ้ หลาน และ ลูกสองคนของข้าพเจ้า ที่คุณลูกสาว
แสนดี แซนดี้กำลังงอแงหงุดหงิดไม่ยอมถ่ายรูปกับข้าพเจ้าจนทำ
ให้น้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจของข้าพเจ้านั้นไหลออกมาไม่รู้ตัว
ว่าอุตส่าห์ทนอุ้มท้อง ทิ้งสถานะภาพทุกอย่างของชีวิต เลี้ยงเธอมา
จนเริ่มโต แล้ว ก็กำลังทำฤทธิ์กับแม่ในวันสำคัญนี้ แต่ก็กล้ำกลืนฝืน
กลืนมันกลับเข้าไปเพื่อให้ภาพวันนั้นออกมาดูดีให้ได้

อย่างน้อยหากมิใช่เพื่อตัวเอง ก็ขอรำลึกถึงพระคุณพ่อ
ของข้าพเจ้าที่พยายามอย่างยิ่งที่จะผลักดันลูกสาวคนเดียวของท่าน
ให้เรียนสำเร็จปริญญาตรีด้วยตัวเองให้ได้ ให้มีวันนี้ในชีวิตเหมือน
ชาวบ้านชาวช่องเขาบ้าง

การได้ทำอะไรด้วยตัวเองให้สำเร็จตามมาตรฐานสังคม
นั้น เป็นการเสริมกำลังความเชื่อมั่นในชีวิตให้แก่ตัวเองอย่างถาวร
(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:13:53 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๑ ทอยลูกเต๋า (ต่อ ๖ )


นักศึกษาโข่งอย่างข้าพเจ้า นั่งรถเมล์สาย ๗๐ ที่วิ่ง
ผ่านหน้าบ้านไปลงสุดทางที่ท้องสนามหลวงหน้ามหาวิทยาลัย
เดินเข้าประตูไปเรียน ร่วมกับนักศึกษาสาวสวย และ สาววัยกลาง
คนอีกสองสามคน และ มีพระภิกษุสงฆ์อีกหลายองค์ที่มานั่งเรียน
ร่วมกับสาวหนุ่มเหล่านี้ด้วย
ในกระบวนเพื่อนร่วมรุ่นนั้น ก็มี ลูกสาวนักภาษาไทย
คนดังแห่งเมืองเพชรบุรี เรียนอยู่ชั้นเดียวกันด้วย

เวลาปีกว่าช่วงนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ขอบรรยายความเป็นไป
อย่างละเอียด ถึงแม้ว่าอยากจะบรรยายอย่างมาก ว่าชีวิตในมหา
วิทยาลัย ที่ข้าพเจ้าอยากเข้าหนักหนามาแต่วัยรุ่น แต่ไม่ได้เข้าสมใจ
มาได้เข้าเอาตอนมีลูกสองคนมาวิ่งเล่นคอยรับแม่หน้าห้องเรียนนี้
มันเป็นอย่างไร ?

แต่เอาเป็นว่า อีกปีต่อมาข้าพเจ้าก็ถามตัวเองว่า หากจะมี
ชีวิตด้วยการจะนำจารึกไปต้มกินมันจะพอกินไหม ? ได้รับคำตอบ
กับตัวเองว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ มาลา คำจันทร์ รุ่นพี่วิชาจารึกไทยผู้ได้
เป็นนักเขียนรางวัลดีเด่น ท่าทางจะลำบากในการหางานทำหากยัง
ก้มหน้าก้มตา แงะตัวหนังสือในจารึกมาถ่ายความเป็นภาษาปัจจุบัน
อยู่ละก็ คงจะแก่หงำเหงอะ จนเกือบเข้าโรงไปแล้วถึงจะ ทำสำเร็จ
พอเลี้ยงลูก เลี้ยงผัว ปล่อยพวกนักภาษาไทยพวกนั้นเขาไปเถอะ

(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:14:52 น.  

 
 
 
บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๒ จับปลาหลายมือ (ต่อ ๗ )



ก็เลยไปสมัครสอบมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งแต่แรก
ข้าพเจ้าพิจารณา วิชา พิพิธภัณฑ์หรือ วิชาภาษาพื้นบ้าน ทำนองนั้น
แต่เห็นต้องไปเรียนถึงศาลายาซึ่งแต่ละวัน คงเดินทางไปลำบากนัก
จึงเลือกคณะและวิชาที่เรียนที่พญาไท ที่ตึกคณะวิทยาศาสตร์ ติดกับ
โรงพยาบาลรามา คือ วิชาการสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักวิทยาศาสตร์
ที่ภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะวิทยาศาสตร์ แทน

ผลการสอบเข้า....ได้เป็นอันดับสอง...แพ้คนอันดับ
หนึ่งที่มาจากที่เดียวกันจากภาควิชาจารึกไทยศิลปากรที่มาสอบ
แข่งกับข้าพเจ้าได้ ตำแหน่งที่หนึ่ง ซึ่งมีความหมายว่าเขาได้ทุน
การศึกษาเทอมละหมื่นกว่าบาทไป แต่ข้าพเจ้าไม่ได้รับทุนเพราะ
แพ้เขาตำแหน่งเดียว แล้วก็น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่นายคนนี้เรียน
อยู่ไม่กี่เวลา ก็หายตัวไปไม่ได้มาเรียนเลย ... ข้าพเจ้าแสนเสียดาย
เงินทุนค่าการศึกษาเทอมละหมื่นกว่าบาทที่จะช่วยให้ข้าพเจ้าได้เรียน
จนจบเทอมนั้นเป็นอย่างยิ่ง ...แต่วาสนาข้าพเจ้าคงเพียงแค่นั้น !!


วังวนตรงหน้ากำลังกลับมา ลูกกำลังเรียนกำลังโต
สามีทำงานและมีอารมณ์ดีครึกครื้นกับใครต่อใครมากหน้าหลายตา
ข้าพเจ้าไม่ได้ทำงานแต่แบมือขอ พอ ๆ กับที่เป็นหนี้เพิ่มขึ้น การ
สอบเข้ามหาวิทยาลัยมหิดลปีนั้น เป็นปีตัดสินว่าข้าพเจ้าจะเรียน
ระดับบัณฑิตศึกษาต่อไปหรือไม่ ก็จากเงินค่าเรียนที่ต้องวิ่งไป
ขอหยิบขอยืมใครต่อใครมาโปะให้ตัวเอง และคนที่บ้านที่หงุด
หงิดที่แม่บ้านมัวแต่นั่งท่องหนังสือทำการบ้าน ไม่ค่อยใส่ใจลูก
เต้าเหมือนเดิม.....

(ยังมีต่อ )
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


บทที่ ๓๑
เกมชีวิต
เกม ๒ จับปลาหลายมือ (ต่อ ๘ )

ปลายปีนั้น นอกจากจะไปเรียนควบสองมหาวิทยาลัย แล้ว
ไม่ได้ดีเพราะเหนื่อยล้าอารมณ์เต็มที เพื่อนเก่าสมัยทำงานซึ่ง
ได้พบข้าพเจ้า ก็ชักชวนให้ไปทำงานด้วยกันที่บริษัทฯ ของเขา
ซึ่งตั้ง ณ ถนนรัชดาภิเษกอีก อัตราเงินเดือนเท่าเก่า ถึงแม้จะไล่
เพื่อนฝูงรุ่นเดียวกันที่ขึ้นไปกันเหยียบแสนแล้วไม่ทัน แต่ก็นับว่า
เป็นอัตราให้นักศึกษาที่วิจัยฝุ่น ไร้เงินเดือน ตาโตพอจะ วิ่งไป
ประจำการ ที่นั้น ข้าพเจ้าคิดว่า วันที่เรียนสองมหาวิทยาลัยก็
สลับกันอยู่แล้ว จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียนก็ขอให้ไปรับงาน
มาทำไปส่ง ก็น่าจะถือว่าพอเพียง เทอมที่เรียนมหิดลหนัก ก็
พักเรียนทาง ศิลปากรเสีย ดร็อปไปหนึ่งเทอม เพื่อจะปั่นงาน
ทำเงินไว้ก่อน

การจับปลาหลายมือของข้าพเจ้าได้ส่งผลให้ทำการพลาด
ในช่วงที่จะต้อง ลงทะเบียนเรียนในปีถัดไป

การที่จะส่งเงินค่าการศึกษาลูกสาวเทอมละ สองหมื่นกว่า
กับการที่จะไปจ่ายเงินค่าศึกษาตัวเองแค่หมื่นกว่าบาทนั้น ข้าพเจ้า
เลือกไปจ่ายเงินให้ลูกก่อน และถ่วงเวลาการจ่ายเงินที่ภาควิชา
จารึกไทยออกไป เพราะคิดว่าคงจะไม่เรียนต่อในเทอมต่อไปทั้ง
ที่คะแนนก็ได้ ๓ กว่าผ่านอยู่แล้ว แต่ เลือกที่จะลงเรียนภาควิชา
ภาษาอังกฤษ ของมหิดลแน่นอน เพียงแต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน

แต่พระเจ้าไม่ได้ยอมให้เราทำอะไรดังใจสักเท่าไหร่ โดย
เฉพาะระบบการศึกษาซึ่งใช้คอมพิวเตอร์ตัดเกรด ข้าพเจ้าถูกคัด
ชื่อออกโดยอัตโนมัติเพราะไม่จ่ายเงินค่าเรียนให้ตรงเวลา เครื่อง
คอมพิวเตอร์คัดชื่อออกไปแล้วเรียบร้อย ข้าพเจ้าได้งานทำจริง
แต่เสียการศึกษาระดับบัณฑิตวิทยาลัยทั้งสองสถาบันอย่างน่า
เสียดาย
(จบบทที่ ๓๑ ภาคเจ็ด )

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:15:36 น.  

 
 
 
ที่มา
ภาค ๗ บทที่ ๓๑ ที่พันทิป
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html
//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6620332/W6620332.html
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:07:56 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ

เข้ามาอ่าน ครับ พออ่าน อารัมบทแล้วทำให้ต้องติดตาม เพราะสถานที่ตั้งแต่ ซอยศรีย่าน1 / กรมฯสามเสน / ปากเกร็ด
เป็นเรืองเหมือนฟังตนคุ้นเคยเล่า นึกภาพออก แต่คนละยุคสมัยเท่านั้นเอง


ชีวิตเหมือนสายน้ำ
 
 

โดย: ลำน้ำ C วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:04:53 น.  

 
 
 
 
 

โดย: นายแจม วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:09:47 น.  

 
 
 
 
 

โดย: นายแจม วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:26:00 น.  

 
 
 
พี่ทิกิ สวัสดีค่ะ

มาแจ้งข่าว เดิมที่ไปเม้นท์หน้าเก่าค่ะ
ตรงหน้าจิปาถะ เรื่องประกาศรางวัลหนังสือทำมือ

สวัสดีค่ะ
 
 

โดย: สีน้ำฟ้า IP: 118.173.54.251 วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:15:44:38 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com