ข่าวด่วน บทกวี เรื่องจากใจ tiki_ทิกิ ที่นี่ค่ะ บันทึก ummm My Novel too.(In Thai).
 
ภาคสี่ บท ๑๗

" " ที่ดินผืนนั้น " " - ภาคสี่ บทที่ ๑๗...สู่ อาณาจักรกรรม เต็มตัว * * *
วันจันทร์ วันหยุดชดเชย วันจักรี
๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๑
เรือนนนทบุรีประเทศไทย


รำพึงหน้าบท
บทต่อไปจากนี้ ยอมรับว่า ม้นมี โซ่ห่วงบางอย่าง
ที่จุกจิกมาก และ ต้องคอย เติมเข้าไปทีละโซ่ เพราะมันหมายถึง
จุดเริ่มของวิบาก คือผลของกรรมที่จะต้องได้รับต่อไป...มันเป็น
โซ่แห่งพันธนาการที่ข้าพเจ้าย้อนกลับไปแกะทีละห่วงโซ๋ ที่ร้อย
รัดไว้ด้วยตัวข้าพเจ้าเอง

ดังถ้อยคำของหลวงพ่อเสือ พระวิรุณหผล วัดไผ่สามกอ
ที่ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า
"เจ้ากรรมนายเวรที่แท้ก็คือ ตัวเราเอง !!"
@@@@@ @@@@@@@

//www.pantip.com/cafe/writer/topic/W6486792/W6486792.html

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=tiki&date=06-04-2008&group=7&gblog=11


Create Date : 07 เมษายน 2551
Last Update : 25 กรกฎาคม 2551 19:11:38 น. 14 comments
Counter : 348 Pageviews.  
 
 
 
 
ที่ดินผืนนั้น ภาคสี่ บทที่ ๑๗
สู่ อาณาจักรกรรม เต็มตัว

วันที่ย้อนไปเฝ้าทรงครั้งแรก ที่ข้าพเจ้าสวมชุดขาวเริ่ด
นั้น ข้าพเจ้าเพิ่งนึกได้เมื่อวานนี้เอง ขณะที่กำลังครุ่นคิด
ถึง เหตุที่ทำให้ชีวิตมันไม่เคยปกติเหมือนชาวบ้านเขา...

ตอนที่ข้าพเจ้ากำลัง นำถังสังฆทานไปวางหน้าพระ
และพูดกับ "นางผู้เป็นเจ้าของวิญญาณของข้าพเจ้า" ด้วย
ความเห็นอกเห็นใจนั้น
ข้าพเจ้า เกิดความสำนึกตัวอย่างแรง และ หลุดปากไป
ว่า
" ข้าแต่ องค์พรหมผู้ยิ่งใหญ่....
นับแต่นี้ต่อไป ข้าฯ จะมี เมตตา กรุณา มุทิตา
อุเบกขา ต่อชายผู้เป็นที่รัก...และ จะเป็นต่อ พ่อแม่ บิดา
มารดาของเขาด้วย"


*** อูยย์ ท่านผู้อ่านที่รัก ***
ขณะที่ข้าพเจ้าบันทึกนี้ เวลาผ่านไปนานมาก
เวลาที่ผ่านไปนับ๒๗ ปี...

ถ้อย คำที่ข้าพเจ้า "ให้ไว้" แล้ว..ลืม..ลืมจริง อนิจจา
ลืม ถ้อยคำสัจจ์ที่ให้ไว้หน้าพระ เพราะไม่นานต่อมา
ตลอดเวลา ข้าพเจ้านั้น ...จองเวรจองกรรมไม่รู้สิ้น
กับคนข้างเคียงข้าพเจ้านี้ อย่างถึงพริกถึงขิง อันขัดต่อ
"ถ้อยคำที่ให้ไว้" อย่างสิ้นเชิง...จะมีก็แต่ สามัญสำนึก
เท่านั้นดอก ที่ออกมายืนหน้า ท้วงติงให้ข้าพเจ้าดีขึ้น
(ถ้าข้าพเจ้าอยากจะดี ) เท่านั้นเอง

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:23:37:42 น.  

 
 
 
ที่ดินผืนนั้น ภาคสี่ บทที่ ๑๗
สู่ อาณาจักรกรรม เต็มตัว
(ต่อ) ๑


นานหลายเดือนหลังจากที่ไปเฝ้าทรงและ แก้บน
กรมหลวงฯ ท่านไปแล้ว วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้านั่งรถไปทำงาน
อย่างทุกวัน วันนั้น ก็มองไปทางสี่แยก ถนนวิทยุ ต่อกับถนน
พระรามสี่ ซึ่งยังเป็นโรงเรียนเตรียมทหารอยู่ในวันนั้น

ก็เห็น ศาลไม่ใหญ่นัก อยู่หัวมุม จริง ๆ
มีป้ายเขียนไว้ว่า " ศาลกรมหลวงชุมพร ฯ " ข้าพเจ้าร้องเอะ
อะ บอกนิคกี้ทันที

"นี่ไง นี่ไง ศาล 'เสด็จเตี่ย ' โอ๊ย ทำไมเราไม่เคย
เห็นมาก่อนเลย สาธุ เสด็จพ่อขอประทานอภัยเจ้าค่ะ "

ข้าพเจ้าไม่เคยสังเกตุ เห็นมาก่อนเลยจริง ๆ


%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

นึกถึงเรื่อง สำคัญ สำหรับข้าพเจ้าขึ้นมาอีกอย่าง
นั่นคือ ความรู้สึก "เสียใจอย่างแรง" หลังจากแต่งงานไม่เท่าไหร่
ก็คือเมื่อไปที่สำนักท่านอาจารย์ ส. มีอยู่วันที่ ท่านลงทรง และ
ข้าพเจ้า จำไม่ได้จริง ๆ ว่าวันไหน

ข้าพเจ้า จำไม่ได้ว่าตนเองทูลถามอะไร ท่านองค์
พรหมธาดา แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสามี และ คุณแม่สามี
ทำนองนั้น จำได้ว่า ท่านตอบว่า

" พ่อแม่เขาไม่พอใจเจ้า เพราะเขาบอกว่าลูกชาย
เขานั้น 'มันทองทั้งแท่ง ไม่น่ากินแตงเถาตาย'

ถ้อยคำวันนั้น มันบาดลึกเข้าในหัวใจ ข้าพเจ้าพึมพำ
ด้วยใจระโหยห่อเหี่ยว ว่า ไม่รู้มาก่อนเลยว่า "เรื่องแค่นั้น" มัน
สำค้ญมากต่อครอบครัวเขา ถึงแก่คิดจะผลักไสข้าพเจ้า
สำหรับข้าพเจ้าแล้วไม่สำเหนียก ไม่รู้สึกหรอกว่า
การที่ตัวเองเป็น "ม่ายลูกติด" ดังที่ท่านว่า "แตงเถาตาย"- บาดเจ็บ
หัวใจเวลานึกถึงทุกที -เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แต่สำหรับ
ครอบครัวข้าราชการที่อยู่ต่างจังหวัด มันเป็น "ค่านิยม"
ที่ทำให้เขาเสียหน้ากันอย่างขนานหนัก สุดที่ คนไทยในสังคม
ชนบทจะรับได้ ม้นยากจะแก้ไข

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ข้าพเจ้ามันไม่ดีตรงไหนกัน ?

ข้าพเจ้ายังครุ่นคิดหาข้อแก้ตัวถึงคุณงามความดีของตัวเองต่อไป

ถึงข้าพเจ้าจะเป็นคนมีหนี้มีสินอะไรกับ
การทำงานและโฉนดที่ดินตัวเองยังอยู่กับเจ้าหนี้
แต่ท่านอยาลืมว่า ข้าพเจ้าเป็นคน ชอบเครื่องประดับ
มาแต่วัยรุ่น ช่วงหนึ่งข้าพเจ้าไปพักบ้านคุณป้าพี่สาว
แท้ ๆของคุณแม่ ท่านมักให้เครื่องประดับงาม ๆ
แก่ข้าพเจ้าอยู่เรื่อยมาหากท่านมีแหวนเพชรแหวน
พลอย งาม ๆ ให้ลูกสาวท่าน ซึ่งนับเป็นพี่สาวคน
เดียวญาติทางแม่ของข้าพเจ้าคนหนึ่ง คุณป้า
ข้าพเจ้าก็มักจะให้คล้ายคลึงกันแก่ข้าพเจ้า ด้วย
รักและสงสาร ข้าพเจ้า และบางครั้งคุณยายของ
ข้าพเจ้า ก็จะหาเครื่องประดับมาให้

"นี่ยายหามาให้เจ้าซื้อมาให้เจ้าใบ แหวน
นี่หร่านี่ใบหนึ่ง "

คุณยายกล่าวด้วยภาษาเก่า ๆ ของท่าน
เรียกแหวนว่า "ใบ" และเรียกพลอยไพลินสีน้ำเงิน
พม่าว่า นี่หร่า หรือ ยี่หร่า

ลูกสาวคุณป้า และ น้าสาวคนเล็กลูก
ของคุณตา ที่อายุไล่เรี่ยกัน ได้ไปอาศัยอยู่ด้วยกัน
ช่วงที่ข้าพเจ้า อยู่เตรียมอุดมฯ ในบางช่วง ข้าพเจ้า
จึงได้เห็นกรรมวิธีการเก็บเครื่องประดับ ถนอมรักษา
อย่างดีที่เธอกระทำ และข้าพเจ้าก็เลียนแบบด้วยการ
ไปซื้อกล่องเก็บเครื่องประดับ มาเก็บงำแหวนเพชร
แหวนพลอยใบน้อยของข้าพเจ้าเหล่านั้นบ้าง


: tiki_ทิกิ - [ 7 เม.ย. 51 12:40:21
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:23:49:08 น.  

 
 
 
ที่ดินผืนนั้น ภาคสี่ บทที่ ๑๗
สู่ อาณาจักรกรรม เต็มตัว
(ต่อ) ๒


เมื่อเวลาผ่านไป บางช่วง ก็บ้าเครื่องเงิน
แต่พออยู่บริษัทฯ โฆษณาที่เพลินจิตนั้น หัวหน้า
กลุ่มงานข้าพเจ้า เธอชอบสะสมเครื่องเพชรทอง
หยอง ก็แนะนำข้าพเจ้าว่า อย่าเสียเงินซื้อ เครื่อง
เงินอยู่เลย ไปเก็บเพชรเก็บทองบ้างเถิด ข้าพเจ้า
ก็ลองทำอยู่ แต่ก็ด้วยเงินไม่มากอย่างเธอข้าพเจ้า
จึง มีเพียงชิ้นเล็ก ชิ้นน้อยเพิ่มขึ้นในช่วงนั้น
ยกเว้น
ชิ้นใหญ่ที่ข้าพเจ้า ตัดใจซื้อ
มาคือแหวนเพชรลูก
สามสี่เม็ดกะรัตกว่าที่ข้าพเจ้านำไปเปลี่ยนเป็นเงิน
ดาวน์ที่ดินดังที่ได้เคยเล่าให้ท่านฟังไว้ในบทต้น ๆ
ของการได้มาซึ่งที่แปลงนั้นของข้าพเจ้านั่นเอง

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


ทั้งนี้ การก้าวเข้าไปเป็นสะไภ้ของบ้าน
นั้น ข้าพเจ้าจึงมี"หีบเครื่องประดับ" ไม่เล็กนัก
เป็น หีบเครื่องสำอางใบขนาดกลางค่อนข้างใหญ่
เปิดฝาขึ้นมีกระจก ไว้แต่งหน้า อย่างพวกคุณนาย
ในกรมฯ เธอชอบใช้เวลาเดินทาง ข้าพเจ้าเสียบ
แหวนวงเล็กวงน้อยไว้หลายสิบวงสร้อยข้อมือบ้าง
และ สร้อยคอก็แค่เส้นสองเส้นเท่านั้น ตอนที่ทำ
มามูลค่าก็ถือว่ามาก ในสมัยนั้น


อย่างเช่นเวลาราคา ทองบาทละสองร้อย
ห้าสิบบาท เมื่อข้าพเจ้ายังเด็ก แหวนวงหนึ่งของ
ข้าพเจ้าก็มีราคา ๑๘๐ บาท แล้ว และ ต่อมาเมื่อ
เป็นวัยรุ่น ราคาทองคำรูปพรรณตกประมาณ บาท
ละสี่ร้อยบาทไทย คุณแม่จะซื้อสร้อยทองให้ข้าพเจ้า
เส้นหนึ่ง หนักห้าสิบสตางค์ ตกประมาณ เกือบสอง
ร้อยห้าสิบบาท แต่ข้าพเจ้ากลับขอเลือก"สร้อยสาม
กษัตริย์" คือสร้อยทำด้วยโลหะสามชนิดคือ ทอง
นาค เงิน ซึ่งมีราคาเท่ากันแทน

คุณแม่ก็ตามใจ
แบบฉุนนิดหน่อยว่า ทำไมไม่เอาสร้อยทองเพราะ
ในอนาคตจะมีมูลค่ามากกว่า ข้าพเจ้ายังเด็กนัก
รู้สึกรังเกียจคนใส่ทองสีทองแพรวพราวทั้งตัวแถม
นิยมพวกเครื่องทองขาว หรือเงิน ซึ่งดูดีกว่าทอง
เหลืองอร่ามอันดูเป็น 'บ้านนอก'นัก ในสายตาของ
ข้าพเจ้าในวันนั้น
จึงยืนยันจะใช้ สร้อยสามกษัตริย์นั้น

มาถึงสมัยทำงาน ซึ่ง ทองคำรูปพรรณราคา
ขึ้นจากพันกว่าบาท สองพันกว่า บาท สี่พันกว่าบาท
ห้าพันกว่าบาท มีสมัยหนึ่งขึ้นไปถึง เจ็ดพันกว่าได้
ข้าพเจ้าย้งเสียดายไม่หาย ที่ไม่ได้สะสมทองคำไว้
แต่เล็ก มัวแต่ไปชอบเครื่องประดับเงินเสียอย่างนั้น

และวันนี้ สมัยที่ข้าพเจ้าบันทึก พุทธศัก
ราช ๒๕๕๑ วันที่ทองคำราคาขึ้นไปบาทละ
๑๕,๐๐๐ บาทนี้ ข้าพเจ้านึกเสียดายแค่ไหน
ที่ไม่ได้คิดสะสมทองคำไว้มากกว่านั้น


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
: tiki_ทิกิ - [ 7 เม.ย. 51 12:43:03 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:23:53:28 น.  

 
 
 
ที่ดินผืนนั้น ภาคสี่ บทที่ ๑๗
สู่ อาณาจักรกรรม เต็มตัว
(ต่อ) ๓


กว่าจะเข้าไปอยู่บ้านคุณแม่สามีท่านได้
เวลาก็ผ่านไปเกือบสองปีแล้ว

ช่วงเวลานั้น ......ต้องลืมความหลังครั้ง
ตกระกำลำบากหนีแม่ออกจากบ้านอะไรทำนองนั้น
ของข้าพเจ้าให้หมด

ให้คิดเห็นข้าพเจ้าที่ 'เริดเสมอ ไม่หยุด
หย่อน' แทนที่ เพราะอะไร ๆ ก็ คิดเอง เขียนเอง
ทำเอง มาได้ทุกอย่าง พอลูกชายเกิดมาใคร ๆ ก็
รู้ว่า ธรรมเนียมไทย ซึ่งมีวัฒนธรรมจีนหลอมหล่อ
นั้น เขานับกันว่า ลูกชายคือผู้สืบตระกูล และ การ
มีลูกชาย แม่จะได้รับเกียรติเป็นศักดิ์เป็นศรีมีตำแหน่ง
น่ายกย่องขึ้นมาทันที มีคนอยากจะช่วยพะนออุ้มชู
เลี้ยงดูเอาใจใส่ เป็นที่น่าตื่นเต้น เป็นเรื่องเอิกเกริก

การก้าวเข้าไปอยู่บ้านคุณแม่สามีในปี
พุทธศักราช ๒๕๒๖ ถือว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็น
"สะไภ้กระจอก" อย่างที่ท่านปรามาสไว้บ่อย ๆ

ไม่ได้เข้าไปแบบกระยาจกสิ้นไร้ไม้ตอก อย่าง
น้อยก็มีการศึกษาที่"ลาออกไปทำงาน" ไว้ และ
มีการงานทำเงินเดือนมากกว่าคุณสามีเท่าต้ว...
ถึงแม้ว่าจะมีหนี้ที่ดินอีกสักสองแสนติดตัวเข้าไป
ทั้งยังมีลูกสาวติดไปอีกคน ..ทั้งยังเป็นสะไภ้ที่
คลอดลูกชาย หลานชายคนแรกของตระกูลให้
ท่าน ได้เชยชมสมใจ !!

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ถึงแม้บ้านจะหลังเล็ก ๆ แต่ก็มองดู
น่าอบอุ่น ข้าพเจ้า ไปแกะ เครื่องปรับอากาศ
ที่ซื้อเองติดไว้ที่ห้องเก่าบ้านคุณแม่ มาติดไว้ที่
ตรงบริเวณที่เป็นห้องนอนของเรา
นิค สามีของ
ข้าพเจ้า แต่งฝาห้องนอนด้วยผ้าฝ้ายบาง ๆ ลาย
แอ๊ปเปิ้ลเล็ก ๆ น่ารักใช้ปืนยิงเฟอร์นิเจอร์ ยิงติด
ผ้าไปทั่วห้อง แทนวอลล์เปเปอร์
มีเตียงสองชั้นทำเองไว้ข้างเตียงนอน
ของเรา ลูกสาวนอนชั้นบนในขณะที่เรานอน
ชั้นล่าง สามคน

ข้าพเจ้าต้องนอนแต่หัวค่ำเพื่อจะเอา
ลูกชายเข้านอน หากแม่ไม่กก ไม่ร้องเพลง
'เขมรไทรโยค'ให้ฟัง พ่อหนูน้อยก็ไม่ยอมนอน
ระหว่างนั้น คุณพ่อของลูกชาย ก็ ขึ้นไปอยู่
เรือนใหญ่เพื่อกินอาหารค่ำ และ นั่งดูทีวี และ
ฯลฯ ดึก ๆ ถึงจะลงมาที่เรือนล่าง

ลูกชายเริ่มมีอาการภูมิแพ้ไม่สบาย
ส่วนลูกสาวที่ดูว่าจะดีก็กลับมีอาการ เครียด
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาในบ้านไหน เธอจะแสดง
ให้เห็นว่า ต้องอยู่ใกล้แม่ที่สุดแล้วถึงจะมี
ความสุข


ข้าพเจ้าก็เริ่มไปนั่งน้ำมนต์น้อยลง
ห่างจากการรักษาตัวด้วยพิธีการอย่างไทย ๆ
ไปทีละเล็กละน้อย แต่ก็ยังไปอยู่บ้าง เพียงแต่
ห่างออกไป ทุกขณะ นานทีก็จะไปเฝ้าทรง

ช่วงนั้น ข้าพเจ้าเริ่มจับเครื่อง
คอมพิวเตอร์แบบแปดบิทเล็ก ๆในมือเครื่องหนึ่ง
ฝึกภาษาเบสิคพื้นฐานอยู่พักหนึ่ง ก็หาญกล้า
ไปซื้อ เครื่องตั้งโต๊ะจอสีเขียว สีแสดอะไรอย่าง
นั้นมาตั้งไว้ที่เรือนเล็กนั้น ดึก ๆ มักจะออกมา
นั่ง ฝึกเล่นเกม จอยสติ๊กและอื่น ๆเพื่อให้คุ้น
กับเครื่อง และเข้านอน
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



ตอนเข้าไปอยู่ช่วงนั้น มีแต่เรื่องร้อน
เผาไหม้หัวใจ มีแต่เรื่องกันเป็นประจำ จนคืนหนึ่ง
ไปสำนัก อาจารย์ ส. ท่านทำพิธีเรียก "เจ้าที่" ที่
บ้าน มาลงในร่างของหญิงคนหนึ่งให้ข้าพเจ้าสอบถาม

ท่านเจ้าที่ท่านบอกว่า

" เจ้าไม่ไหว้เรา"

เอาอีกแล้ว ข้าพเจ้าก็แย้งว่า

" ก็วันที่เข้าไป ข้าพเจ้าก็ จุดธูปไหว้ที่ศาล
พระภูมิแล้วนี่คะ "
" เจ้าไม่ได้ไหว้เรา เจ้าที่ก็เจ้าที่ พระภูมิก็พระภูมิ
เราเป็นฤๅษีมีหน้าที่ดูแลที่ทางเขตบ้านเจ้า
"

ง่า .. เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้า แม้นว่าคิดว่าตัวเอง
รู้ไปหมดแล้ว..เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่ชอบว่า คนแก่คนเฒ่า
ตกยุคตกสมัย เชื่อถืออะไรไม่ได้เรื่องนั้น เจอเข้ากับตัวเอง

พอต่อรองกันได้แล้วว่า เอาละ ข้าพเจ้าขอสมาลาโทษ
เพราะไม่รู้จริง ๆ จะจัดของไหว้ให้ท่าน ในวันรุ่งขึ้น ท่านก็ให้ศีล
ให้พร ข้าพเจ้า และ บอกไว้ด้วยว่า

"เราดูแลรักษาคนดี ใครดีเราก็ดูแลให้ ขอให้เจ้าอยู่ดี
มีสุข "
วันต่อมา ข้าพเจ้าก็ได้เรียนรู้ ให้จัด เครื่องบูชา ดอกไม้
พวงมาลัย ธูป เทียน และของหวาน ผลไม้ น้ำชา ไปตั้งบนเก้าอี้
ตัวหนึ่ง วางกลางแจ้ง และ จุดธูป หนึ่งดอก หรือ ๙ ดอก บอกให้
ท่านปู่ฤาษีผู้ดูแลเจ้าที่นั้นตามที่ได้บอกท่านไว้

ก็ลดความหนักใจไปได้อีกเปลาะหนึ่ง

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
: tiki_ทิกิ - [ 7 เม.ย. 51 12:46:35 ]


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:23:56:54 น.  

 
 
 
ที่ดินผืนนั้น ภาคสี่ บทที่ ๑๗
สู่ อาณาจักรกรรม เต็มตัว
(ต่อ) ๔



มีช่วงหนึ่งที่ป้าแก่ ๆ ที่บ้านผู้เป็นพี่
สาวของคุณพ่อสามีซึ่งอาศัยนอนอยู่หน้าครัว
ได้เสียชีวิตลง คืนนั้น งานศพที่วัดเป็นเวลานาน
มาก ที่เรือนใหญ่ไปวัดกันหมดไม่มีใครอยู่บ้าน
คุณแม่ของข้าพเจ้าก็มานอนค้างเป็นเพื่อน
ข้าพเจ้าที่บ้าน เพราะลูกยังเล็กนัก คุณแม่จะ
มาอบรมอะไรจำเรื่องไม่ได้


จำได้ว่าเข้านอนเร็ว เพื่อกกลูกชาย
ให้หลับเพราะเขาต้องให้ข้าพเจ้าร้องเพลง
กล่อมจนหลับไป พอเคลิ้มหลับข้าพเจ้ามอง
ผ่านทะลุมุ้งลวดออกไป ก็เห็น มีผู้หญิงคน
หนึ่งท่าทางสูงศักดิ์มาก มานั่งอยู่ข้างหน้า
ห้องข้าพเจ้า นั่งบนเก้าอี้ฉลุลายแบบประดับ
มุก อย่างเก้าอี้เจ้านายสมัยก่อน

ข้าพเจ้าเห็นนัยน์ตานั้น สีแดงลุก
โพลงอยู่ในใบหน้า
และทรงผมเกล้าสูงนั้น
ทั้งเห็นมีสวมเครื่องประดับด้วย...แต่สีหน้า
ท่าทางเคร่งเครียดนัก ก็แปลกใจว่า คุณย่า"
คนนั้น ของลูกชายทำไมตายแล้วเป็นวิญญาณ
เร็ว ก็รีบว่าพระคาถาอะไรออกไป ทั้งบอก
ให้ท่านไปที่ชอบ ๆ ท่านก็ไม่ไป ข้าพเจ้า
จึงเอ่ยปากบอกไปอีกว่า

"...(ว่าพระคาถา)....อ้าว ก็ตาย
ไปแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังมาอีกเล่า
? "

แสงจากนัยน์ตานั้นยิ่งลุกแดง
ยิ่งกว่าเดิม
แล้วสักพักร่างบนเก้าอี้นั้นก็
เลือนหายไป ข้าพเจ้าก็คิดว่า ใครมาหลอก
ข้าพเจ้าอีกแล้ว จะเอาอะไรกันนักกันหนา

อีกประการหนึ่ง ป้าของสามี ซึ่ง
เป็นพี่สาวแท้ ๆ ของคุณพ่อเขานั้น ก็มิได้
เป็นคนสูงศักดิ์อันใด แต่สตรีที่มาให้ข้าพเจ้า
เห็นนั้น ลักษณะเป็นผู้มีอำนาจราชศักดิ์
แล้วก็..เก็บความพิศวงไว้ในใจ


อยู่เรือนหลังนั้น ข้าพเจ้าฝันไม่ดีอยู่บ่อยมาก
หลายครั้งที่จะฝันเห็นตัวเอง ในบ้านเล็ก ๆ
สองชั้นหลังหนึ่ง นอนอยู่บนบ้านที่มีนอกชาน และ
มีดอกไม้พวกกุหลาบและโป๊ยเซียน มีสีสันแดง ๆ
ชมพูนั้นด้วย และ เวลาฝันส่วนใหญ่ ก็จะเห็น
"พวกผู้หญิง" ซึ่งคิดจะมาแย่งมาชิงคุณสามีในฝัน
อยู่เป็นประจำ เรียกว่า ฝันซ้ำ ฝันซากอยู่อย่างนั้น
จนเบื่อที่จะฝัน ไม่อยากจะนอนหลับเลย...

ถึงต้องนั่งสวดมนต์ทุกวันทุกคืน เอาเสียงสวด
มนต์และบารมีพระรัตนตรัยเข้าช่วย เอาพระคาถา
ขับไล่ความแค้นเคืองที่แน่นอกอยู่ทุกวัน
ตั้งหน้า
ตั้งตาดับทุกข์อันแผดเผาในหัวใจ พยายาม แผ่
เมตตาเป็นประจำ แต่พอหวนคิดไปก็สัมผัสแต่
หัวใจอันเคืองแค้นแน่นอกของตนเเสียเป็นส่วนใหญ่

จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 7 เม.ย. 51 12:58:41 ]
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:0:00:55 น.  

 
 
 
ที่ดินผืนนั้น ภาคสี่ บทที่ ๑๗
สู่ อาณาจักรกรรม เต็มตัว
(ต่อ) ๕


ในบางคืน ข้าพเจ้าก็ฝันเห็น พระแก่ ๆ ใน
ผ้าจีวรสีกลัก
เดินถือย่าม บาตร และ พัด เป็นชุด
ธุดงค์เดินมา มีเด็กชายรุ่นหนุ่มสวมเสื้อเชิร์ตกางเกง
ขาสั้น แบกข้าวของถังต่าง ๆ ทำหน้าเคร่งเดินตาม
มาด้วย พระสงฆ์รูปนั้น ท่านมาหยุดยืนข้างเตียงที่
ข้าพเจ้านอน แล้ว บอกว่า

"เราอยู่ของเราเดินธุดงค์อย่างนี้ สบายดีแล้ว "

แต่เด็กผู้ชายคนนั้น พยายามจะมาทำอะไร
ข้าพเจ้าสักอย่าง ข้าพเจ้าก็เห็นตัวเอง ว่าพระคาถา
ในฝัน แล้วยกมือขวาถืออะไรแหลม ๆ คล้าย เข็ม
ในมือ พยายามจิ้มเขา แล้วเขาก็ แตกวับ หายไป
ลืมตาตื่นขึ้นมา มือขวาข้าพเจ้าก็ยังยกค้าง
อย่างนั้น

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

แล้วก็ถึงเวลาอีกคืนหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าเข้านอน
แต่หัวค่ำตื่นแต่เช้ามืดอย่างปกติเวลาไปทำงาน
แต่ในวันนั้น ที่เป็นวันหยุด ข้าพเจ้าฝันเห็นชายไม่สวม
เสื้อ ตัวขาวสูง นุ่งผ้าสีเขียวระยับ
ยืนอยู่ปลายเท้า

เขายืนพูดอยู่ว่า

" ไปอยู่เมืองบาดาลกับเราเถิด เราจะยกให้
เจ้าเป็นมเหสีแต่เพียงผู้เดียว จะไม่มีใครอื่นเลย"

ข้าพเจ้าก็ร้องแต่ว่า

" ไม่ ไม่ ไม่ไป เราจะเป็นภรรยามนุษย์ ไม่
เป็นเมียนาค
!"

เขายังคงยืนรออยู่ อย่างอดทน ค้อมกายลง
นิดเสมือนเสียใจ ข้าพเจ้าจำได้ว่า "ว่าพระคาถา" ใน
ฝันอีกแล้ว เป็นพระคาถาที่ใช้ได้อย่างยิ่ง เพราะทันที
นั้นตัวเขาก็ม้วนวาบ จางหายไป

ข้าพเจ้าลืมตาตื่นมา รู้แต่ว่า อยู่ในท่านอน
หงายนิ่ง ตัวเย็นเฉียบ เหมือนเลือดในกายหยุดไหล
มือเย็น เท้าเย็น จนแทบกระดุกกระดิกไม่ได้
กว่าจะ
ค่อยขยับตัว ลุกขึ้นมา ฟ้าแจ้งแสงแดดส่องจ้ามา
แปดโมงกว่าแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยตื่นสายอย่างนั้นมา
ก่อนเลย !

(จบบทที่ ๑๗ )
: tiki_ทิกิ - [ 7 เม.ย. 51 13:02:24 ]

 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:0:04:19 น.  

 
 
 
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:0:06:00 น.  

 
 
 


ม่ามี้ให้ป่ม "น้องชีโน่" มาส่งเข้านอนแต่หัววันเลยฮับ

เพระวันนี้ม่ามี้ง่วงมากกก...และปี้จ๋าวป๋มก้อมานอนขวางคอมด้วยละ
 
 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:19:46:43 น.  

 
 
 
ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ขอบคุณที่แวะมาเจิมให้นะคะ

เจ้าแมวนี้น่ารักมากค่ะ

เมื่อคืน มัวแต่นั่งดู Gone with the Wind อยู่ค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:12:17:32 น.  

 
 
 


...ขาว...อวบบ..หนาดดนี้มาส่งเข้านอนจาหลาบมั้ยค้า...
 
 

โดย: น้องมีโอเองค่ะ (fifty-four ) วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:23:40:40 น.  

 
 
 


ก็มางร้อนน่ะ...ขอหน่อยละกานนนน้า...

ขอเซะซี่โหน่ยยยน้า...
 
 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 11 เมษายน 2551 เวลา:13:22:10 น.  

 
 
 
Glitter Graphics

Flower Glitter Pictures





ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 14 เมษายน 2551 เวลา:20:55:11 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่แวะเยี่ยมบล็อก และ อ่านนิยายนะคะ

Glitter Graphics

Flower Glitters


 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:21:08:47 น.  

 
 
 
กำลังนำบทต่อไปจากพันทิป มาลงที่นี่ต่อแล้วค่ะ
 
 

โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:11:32:23 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

tiki_ทิกิ
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์งานเขียนในบล็อกนี้ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือนำไปเผยแพร่ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
H e L L o
free counters
[Add tiki_ทิกิ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com